จบกันไปแล้วสำหรับงาน E3 2018 หรือชื่อเต็ม ๆ Electronic Entertainment Expo 2018 งานเกมประจำปีที่คนทั้งโลกรอคอย ซึ่งปีนี้ก็จัดที่ Los Angeles Convention Center เช่นเคย และเป็นธรรมดาของงาน E3 ที่เหล่าบรรดาค่ายเกมยักษ์ใหญ่จะขนเกมของตัวเองมาเปิดตัวเป็นครั้งแรกต่อหน้าชาวโลก จะมีไฮไลต์อะไรเด็ด ๆ น่าสนใจกันบ้าง UNLOCKMEN รวบรวมมาไว้ในบทความนี้ให้แล้ว Sony Interactive Entertainment ในงาน E3 ครั้งนี้ถือว่าค่าย Sony คือดาวเด่นเลยก็ว่าได้ เพราะพวกเขาขนเอาเกมเกรด Triple A มาเพียบ เล่นเอาเหล่าแฟนบอยนั่งไม่ติดกันเลยทีเดียว The Last of Us Part II – เกมแนวเอาชีวิตรอดในโลกที่เต็มไปด้วยฝูงซอมบี้ เนื้อเรื่องดราม่าเข้มข้น ซึ่งในภาค 1 นั้นทำมาตรฐานเอาไว้สูงจนขึ้นหิ้งเป็นเกมระดับตำนานไปเรียบร้อยแล้ว The Last of Us Part II จึงถูกคาดหวังไว้สูงทีเดียวว่าจะทำออกมาได้ดีเหมือนภาคแรกหรือเปล่า อันนี้เราก็ต้องติดตามกันต่อไป
“สุขุมวิท” ย่านใจกลางเมืองที่แน่นขนัดไปด้วยร้านรวงและผู้คน ทุกตารางนิ้วในย่านธุรกิจแห่งนี้มีราคาที่ประเมินค่าออกมาเป็นตัวเลขหลายหลัก ทว่ามุมหนึ่งของมหานครกลับมีร้านอาหาร Hidden Gems ให้หยุดเวลาภายใต้ร่มไม้เขียวซึมซับบรรยากาศสงบและการตกแต่งแบบ cozy เพื่อนั่งถ่ายทอดบทสนทนาระหว่างรับประทานอาหารรสเลิศอย่างรื่นรมย์ ไม่ต้องสนใจสายตาใคร โดยมีกฎน่าสนใจตรงที่ร้านนี้รับลูกค้าเพียง 2 รอบคือช่วงเวลามื้อเช้ากับมื้อเย็น และแต่ละรอบที่รับจอง เขารับจำกัดจำนวนคนไม่เกิน 12 คน เท่านั้น! UNLOCKMEN ขอเชิญชวนคุณมาเปิดสุนทรียศาสตร์แห่งการกินที่ครบรสทั้งแรงบันดาลใจ แนวคิด แล้วปิดท้ายกันด้วยมื้ออร่อยให้อิ่มเอมชวนน้ำลายสอที่ร้าน “MIGHTY PRIVATE DINING” กับ คุณปัง – คงศักดิ์ ลิขิตจรรยากุล หนึ่งในหุ้นส่วนของร้าน Having a crush! ท่ามกลางกระแสของการกินหลากเมนูอย่าง Buffet ที่เพิ่มจำนวนขึ้น “Mighty Private Dining” กลับเลือกนำเสนอในสิ่งที่แตกต่างด้วยการต้อนรับลูกค้าให้เข้ามา “นั่งแช่” เพื่อลิ้มรสความอร่อยแทนที่วัฒนธรรมการกินแบบ “เก้าอี้ดนตรี” สุดเร่งรีบ แนวคิดต่างแบบนี้เกิดขึ้นจริงได้จากวันนั้น วันที่พี่ปังตัดสินใจทิ้งชีวิตแบบ nine-to-five มาหาความชื่นชอบของตัวเองระหว่างการขับรถกลับบ้านเท่านั้น “สมัยก่อนพี่ก็เป็นพนักงานออฟฟิศธรรมดาทำงานอยู่ในอุตสาหกรรมธุรกิจเครื่องแก้ว วันหนึ่งพี่เดินทางกลับบ้านขับรถขึ้นสะพานแล้วมองไปทางซ้ายเห็น Le Cordon Bleu (เลอ กอร์ดอง
การมี Sex แบบ Threesome อาจจะเป็นสิ่งที่หนุ่ม ๆ หลายคนปรารถนา หรือถึงขั้นเป็น Bucket List ที่ต้องทำสำเร็จให้ได้ในชีวิตนี้ แต่คุณมั่นใจแล้วหรือว่าเมื่อถึงเวลาจริง ๆ คุณจะทำมันออกมาได้ดี? เชื่อเถอะว่าถ้าคุณไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจไว้ก่อนรับรองได้เลยว่าเมื่อคุณอยู่ในสถานการณ์จริงคุณอาจจะประหม่าจนทำอะไรไม่ถูกเลยก็ได้ เพราะแค่จำนวนเต้าและอวัยวะเบื้องล่างของฝ่ายหญิงก็มากกว่าปกติตั้งเท่าตัวแล้ว เราจะเริ่มเล้าโลมยังไงดี? ทีละคนหรือว่าพร้อมกันเลย? ถ้าเรามัวแต่สนใจคนนี้อีกคนจะน้อยใจหรือเปล่า? คำถามเหล่านี้จะผุดขึ้นมาเต็มหัว ซึ่งถ้าคุณไม่ได้เตรียมตัวไปก่อน จาก Sex ในฝันอาจกลายเป็น Sex สุดกร่อยไปเลยก็ได้ ไม่อยากให้เป็นแบบนั้นใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นก็อ่านเคล็ดลับทั้ง 5 ข้อที่ UNLOCKMEN นำมาบอก เผื่อว่าวันหนึ่งคุณจะต้องลงสนาม จะได้เมามันอย่างเต็มที่ ไม่ประหม่า ทั้ง 5 ข้อจะมีอะไรกันบ้างไปดูกันเลย! อย่าคาดหวังว่ามันจะเหมือนในหนังที่คุณเคยดู หลายสิ่งที่ภาพยนตร์ถ่ายทอดออกมามักจะดีกว่าในความเป็นจริงเสมอ แม้แต่เรื่อง Sex ดังนั้นคุณห้ามคาดหวังว่ามันจะเหมือนกันเด็ดขาดไม่อย่างนั้นคุณจะกดดันและสูญเสียความเป็นตัวเอง ปล่อยทุกอย่างให้ลื่นไหลตามธรรมชาติ เริ่มต้นศึกด้วยลีลาที่เป็นตัวของคุณเอง คิดว่ามันก็เหมือน Sex ทุก ๆ ครั้งที่ผ่านมา แค่ครั้งนี้คุณต้องทำแบบนั้นเพิ่มขึ้นตามจำนวนคนก็เท่านั้นเอง ไม่ต้องกังวลว่าจะออกลีลาท่าทางนี้ดีมั้ย งัดมันออกมาให้หมดไม่ว่าจะเป็น Doggy, Missionary, Woman
ผู้ชายแมน ๆ อย่างเราที่ไม่เคยกลัวอะไรในชีวิตจริง อาจจะต้องมาหวั่นไหว ไม่กล้าปิดไฟนอน พ่ายแพ้ให้กับความสยองขวัญสั่นประสาท ของหนังหรือซีรี่ส์ก็ได้ อยากทดสอบตัวเองกันหน่อยมั้ย ? UNLOCKMEN ขอแนะนำ 5 ซีรี่ส์เขย่าขวัญสั่นประสาท ที่จะให้เรามาดูกันว่าผู้ชายอย่างเราจิตแข็งกันแค่ไหน ซึ่งมีทั้งความสยองแบบทางกายภาพ และทางจิตใจ หลากหลายแนวที่เราคัดมาให้ในลิสต์นี้ American Horror Story เนื้อเรื่องคือความสยองขวัญของอเมริกัน ที่ถ่ายทอดออกมาแบบอเมริกันจ๋ามาก แต่ละซีซั่นจะไม่เหมือนกัน คือแต่ละซีซั่นจะมีเนื้อเรื่องของมันเองไปเอง เหมือนไปเปิดจักรวาลใหม่ของตัวเอง โดยใช้นักแสดงชุดเดิม อาจมีผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปบ้าง นั่นทำให้ใครที่ติดตามมาตั้งแต่ซีซั่นแรก ๆ จะรู้สึกผูกพันกับตัวละครและอินกับเนื้อเรื่องไปได้ง่าย ๆ ตอนนี้มีหลายซีซั่นจนตามไม่ทันแล้ว ขอเรียงลำดับคร่าว ๆ ให้ดูว่าแต่ละซีซั่นมีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับอะไรบ้างตามลำดับ House With A Murderous Past ครอบครัวที่ซื้อบ้านที่มีเรื่องลี้ลับแฝงมาเป็นของแถมด้วย และมันกำลังกลืนกินครอบครัวนี้ไปเรื่อย ๆ Insane Asylum นักข่าวสาวที่เข้าไปทำข่าวในโรงพยาบาลบ้าแห่งหนึ่ง แล้วความอยากรู้อยากเห็นของเธอดันทำให้เธอติดกับดักบางอย่าง จนไม่อาจจะถอนตัวได้แล้ว Coven Of Witches เรื่องไสยศาสตร์ แม่มด มนต์ดำ ที่เนื้อเรื่องจะค่อนข้างหนักไปทาง Culture
สกิลลื่นไหลตอนเจอปัญหาเฉพาะหน้า เป็นอะไรที่เฉพาะตัวอยู่เหมือนกัน เพราะแต่ละคนก็มีวิธีที่ต่างกันไป บางคนมุดซ้ายมุดขวา หลบปัญหาไปได้แบบดิจิทัล แต่บางคนก็ได้แต่ยืนขาแข็ง อุทานในใจซ้ำ ๆ หลายสิบรอบว่า “ซวยแล้วกู!” ไม่ว่าคุณจะเป็นแบบไหน UNLOCKMEN ชวนเพิ่มเติมสกิลลื่นไหล เมื่อเจอปัญหาตึงเครียด ไม่ว่าจะเป็นกับครอบครัว คนรัก หรือแม้แต่ในที่ทำงาน โชว์แมนแบบเหนือชั้น ด้วยการลอยตัวเหนือปัญหา ให้เห็นไปเลยว่าใครคุมเกมอยู่ คุมภาษากายให้ดี สเต็ปแรกของการเอาอีกฝ่ายให้อยู่หมัด แม้อีกฝ่ายกำลังเดือดเป็นภูเขาไฟพร้อมปะทุอยู่ตลอดเวลาก็ตาม นั่นคือ “อย่าแสดงท่าทีหยาบคาย” ซึ่งเป็นคนละอย่างกับการพูดจาหยาบคาย (ซึ่งก็ไม่ควรเช่นกัน) ในเวลาที่เรารู้สึกไม่พอใจ แม้จะไม่ได้แสดงออกเป็นคำพูดที่รุนแรง แต่มันอาจจะเผลอสื่อออกมาทางภาษากายโดยที่เราไม่รู้ตัวก็ได้ อย่างอาการเบสิก ๆ เช่น ตาขวาง เบะปาก มองบน กอดอก เชิดหน้า มันทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าคุณกำลังแข็งกระด้างใส่เขา และกำลังเอาอีโก้ขึ้นมานำหน้า ซึ่งมันไม่ใช่ทางออกที่ดีแน่นอน แม้ว่าอีกฝ่ายจะหัวเสียแค่ไหน หรือเขาจะแสดงออกแบบก้าวร้าวแค่ไหน เราไม่จำเป็นต้องไหลไปตามเขา เราต้องโชว์การคุมเกมด้วยการคุมตัวเองก่อน ทั้งแววตา และท่าทาง ต้องแสดงออกแบบเป็นมิตร ให้อีกฝ่ายรู้ว่าเรากำลังเปิดรับความคิดเห็นของเขา หลีกเลี่ยงการแสดงออกที่แข็งกระด้าง แสดงออกว่าคุณพร้อมรับฟัง และแก้ปัญหานี้ด้วยความจริงใจ ไม่ปิดกั้น ไม่ใช่ว่าทำเป็นเหมือนฟัง แต่ตั้งกำแพงเอาไว้แล้ว
กระแสเรื่องโทษประหารถูกเอากลับมาพูดถึงอีกครั้งอย่างเข้มข้น หลังจากที่ประเทศไทยมีการประหารชีวิตอีกครั้งหลังจากเว้นห่างมา 9 ปี โดยฟากที่บอกว่าไม่สนับสนุนโทษประหารก็ยกเหตุผลเป็นงานวิจัยจำนวนมากที่ชี้ว่าโทษประหารไม่ได้ช่วยให้อาชญากรรมในสังคมลดลง รวมถึงเรื่องกระบวนการยุติธรรมที่มีช่องโหว่ โครงสร้างสังคมที่บีบให้คนกลายเป็นอาชญากร และหลักการด้านสิทธิมนุษยชน ด้านที่สนับสนุนว่าโทษประหารต้องมีต่อไปก็ยกเหตุผลว่าคนทำผิดก็ต้องได้รับโทษ สังคมไทยจะเอาไปเทียบกับหลายประเทศที่พัฒนาแล้วไม่ได้ เพราะโครงสร้างสังคมเรายังไม่พร้อมในหลาย ๆ ด้าน ที่สำคัญประเทศที่พัฒนาแล้วหลายประเทศก็ยังมีโทษประหารชีวิตอยู่อย่างสหรัฐอเมริกาหรือญี่ปุ่น การถกเถียงกันเป็นไปอย่างดุเดือด ถ้าอ่านแล้วกรองเอาเหตุผลของแต่ละฝ่ายก็จะเห็นว่ามีฐานคิดที่ต่างกัน แต่ถ้าอ่านไปเจอซีนอารมณ์ที่ต้องบอกให้คนในครอบครัวโดนฆ่าเสียก่อนถึงจะเข้าใจ หรือต้องให้คนในครอบครัวเป็นแพะแล้วโดนประหารก่อนถึงจะรู้ ก็ปวดหัวไม่น้อยเลยทีเดียว UNLOCKMEN ไม่มีคำตอบให้ว่าคิดแบบไหนถูก คิดแบบไหนผิด แต่อยากชวนมาดูหนัง 5 เรื่องเกี่ยวกับการประหาร โทษประหาร นักโทษประหาร เพื่อสำรวจและตั้งคำถามกับวิธีคิดของตัวเราเองไปพร้อม ๆ กัน The Green Mile เวลารวมลิสต์หนังดีตลอดกาลทีไร ชื่อ The Green Mile ก็มักติดโผมาตลอด ใครที่ยังไม่มีโอกาสได้ดูหนัง (ที่ใคร ๆ ก็ว่า) โคตรดีเรื่องนี้ ถือเป็นโอกาสเหมาะ ๆ ที่จะหาหนังเรื่องนี้มาดูในวันที่กระแสโทษประหารกลับมาอีกครั้ง โดย The Green Mile เป็นหนังที่สร้างมาจากนวนิยายชื่อเดียวกันของ Stephen King ว่าด้วยเรื่องราวของนักโทษประหารซึ่งเป็นชายผิวสีร่างยักษ์ที่ถูกกล่าวหาว่าฆาตกรรมเด็กหญิง
หมดไฟ แก้ยังไงดี ติ๊ดๆๆๆ ติ๊ดๆๆๆ เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นจากสมาร์ทโฟนที่ตั้งอยู่ข้างเตียง คุณลืมตาขึ้นมา ลุกขึ้นนั่ง และคิดกับตัวเองว่า ไม่ไปทำงานได้ไหม เหนื่อยจัง เมื่อไหร่จะเสาร์-อาทิตย์ซักที ก่อนจะลุกจากเตียงอย่างช้าๆมุ่งหน้าไปยังห้องน้ำเพื่อทำภารกิจส่วนตัวตอนเช้าให้เสร็จสิ้น และเดินทางไปทำงานต่อไป คุณมาถึงที่ทำงานด้วยสภาพซอมบี้ เดินเอื่อยเฉื่อย ทำทุกอย่าง ๆ ช้า ๆ หรือทำทุกอย่าง ๆ รวดเร็วโดยความไม่เต็มใจ อันเนื่องมาจากสภาพความกดดันที่ได้รับมาจากสิ่งที่เรียกว่ากำหนดส่งงานที่บีบเข้ามาทุกที ทำไมงานของฉันมันถึงน่าเบื่อขนาดนี้ ทำไมฉันถึงไม่มีแรงบันดาลใจในการทำงานเหมือนเก่า ทั้งๆที่นี่ก็เคยเป็นงานที่ฉันรู้สึกว่า มันสนุก มันเติมเต็ม มันทำให้ฉันเติบโตในช่วงแรกๆนี่หน่า ถ้าคุณมีคำถามเหล่านี้เกิดขึ้นอยู่ในความคิดบ่อยๆ มันอาจไม่ใช่สัญญาณที่ดีซักเท่าไหร่ เพราะนั่นบ่งบอกว่าคุณกำลังอยู่ในสภาวะของการหมดไฟในการทำงาน (Burnout) นั่นเอง หมดไฟ ได้ไงกัน! ส่วนผสมสำคัญของการดับไฟเกิดขึ้นมาจาก 3 ส่วนสำคัญคือ ความเหนื่อยล้าทางร่างกาย การสูญสิ้นซึ่งความกระตือรือร้นในสิ่งที่ทำ (พูดง่าย ๆ คือไม่รู้ว่ากำลังทำมันไปทำไม) และสุดท้ายการไม่พึงพอใจในประสิทธิภาพการทำงานของตัวเอง (เช่น ทำมากแต่ได้น้อย ทำงานซ้ำซ้อน เสียเวลา ทำไปไม่ได้ใช้ ทำทำไมวะ! เป็นต้น) ซึ่งทั้ง 3 ส่วนผสมที่ว่านี้ไม่จำเป็นจะต้องเกิดขึ้นพร้อมกันก็ได้
การเสียชีวิตก่อนวัยอันควรกับวงการ Hip-Hop ดูเหมือนจะเป็นของคู่กันไปแล้ว ตั้งแต่อดีตไม่ว่าจะเป็น Tupac, Biggie, Eazy-E จนมาถึงเร็ว ๆ นี้ Lil Peep ก็เป็นอีกคนที่ด่วนจากไป และล่าสุดเป็นคราวของ XXXTentacion แรปเปอร์หนุ่มชาวอเมริกันวัยแค่ 20 ปีที่ถูกมัจจุราชผู้หิวกระหายพรากชีวิตไป เหตุการณ์เศร้าสลดนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมาเวลา 12.57 น. ( ตี 2.57 น.ในประเทศไทย) ณ ถนนใกล้กับหาด Greenfield เมือง Jacksonville รัฐ Florida พบศพชายวัยรุ่นเสียชีวิตอยู่ภายในรถ BMW i8 โดยสาเหตุมาจากการถูกยิงด้วยอาวุธปืน ภายหลังทราบว่าผู้เสียชีวิตคนดังกล่าวคือ XXXTentacion แรปเปอร์สาย New School ชื่อดังชาวอเมริกา คาดว่าคนร้ายผู้ก่อเหตุต้องการชิงทรัพย์เนื่องจากกระเป๋า Louis Vuitton ของ X ได้หายไป หลายคนคงรู้จัก XXXTentacion ดีอยู่แล้ว แต่บางคนก็อาจจะยังไม่รู้ว่าเขาคือใคร ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม UNLOCKMEN จะพาไปทำความรู้จักกับชีวิตของเขาตั้งแต่ยังเป็นเด็กเกเรจนกลายมาเป็นแรปสตาร์ อย่างน้อยก็เพื่อเป็นการรำลึกการจากไปของเขา Jahseh Dwayne Onfroy จอมเกเร
ผู้ชายอย่างเราแม้จะถูกสร้างมาให้แข็งแกร่งแบบเต็มร้อย แต่คนมันไม่ใช่ก้อนหิน ก็ต้องมีมุมอ่อนแอกันบ้าง จะว่าไป สิ่งที่จะทำให้เราอ่อนแอมันมีสักกี่อย่างกัน บางคนอาจน้อยจนนิ้วบนมือเดียวนับแล้วยังเหลือ บางคนอ่อนไหวมากหน่อยก็ต้องยืมมือเพื่อนมานับนิ้ว UNLOCKMEN ขอเพิ่มหนังอีก 5 เรื่องนี้เข้าไปให้หนุ่ม ๆ ได้นับด้วย กับหนังสุดจี๊ดขยี้อารมณ์ ที่เราคัดมาให้แบบหลากหลายแนว มาดูกันว่าผู้ชายอย่างเรา จะเสียอาการให้กับหนังเรื่องไหนกันบ้าง The Green Mile (1999) Director : Frank Darabont เกาะกระแสเรื่องโทษประหารกันหน่อย กับภาพยนตร์เรื่องนี้ที่เป็นเรื่องราวของ Paul Edgecomb (Tom Hanks) พัศดีที่ประจำการอยู่ที่ชนบทที่ห่างไกลสักที่ ในช่วงที่ทุกคนยังเหยียดสีผิว ยังมีชนชั้นแรงงานแบบทาสอยู่ เขาทำงานได้แบบสบาย ๆ มาตลอด แต่แล้วต่อมสำนึกผิดชอบชั่วดีของเขาถูกกระตุ้นขึ้นมาด้วยนักโทษประหารผิวสีคนหนึ่ง ที่รูปร่างใหญ่โตกว่าคนอื่น ซึ่งคดีติดตัวของเขาคือคดีฆาตกรรม เราคงพอนึกออกแล้วว่าเขาดูน่ากลัวขนาดไหน แต่เรื่องที่ทำให้ Paul รู้สึกขัดกับจิตสำนึกคือ ความอ่อนโยนของเขา เขาเป็นมิตรกับทุกสิ่งรอบข้าง แม้แต่แมลงตัวเล็กตัวน้อย ยิ่ง Paul อยู่กับเขานานเท่าไหร่ ยิ่งสัมผัสถึงปาฏิหาริย์จากเขาได้เรื่อย ๆ จนเกิดขึ้นถามในใจว่าเขาเป็นแพะหรือไม่ ? เรื่องนี้อาจจะดูเอื่อย ๆ หรือน่าเบื่อในช่วงแรก ๆ
สำหรับผู้ชายขี้อายหลายคน อาจจะรู้ตัวกันอยู่แล้วว่าเรามันขี้อายแค่ไหน แต่เราไม่เคยรู้เลยว่าอะไรที่มันยังฉุดรั้งเราไว้ ทำให้เราก้าวข้ามความขี้อายไปไม่ได้ซะที ให้มองจากมุมของตัวเองมันก็ยาก เหมือนอะไรที่มันอยู่ใกล้มาก ๆ เรามักจะมองไม่เห็น ลองมาสำรวจตัวเองกับ UNLOCKMEN ที่จะพามาดูจุดอ่อนของหนุ่มขี้อาย ที่เป็นเหมือนกับดักที่ทำให้เราก้าวข้ามไปไม่ได้สักที มาดูกันว่าเรามีข้อไหนบ้าง แล้วกำจัดมันไปให้พ้นทาง อาจถึงเวลาที่เราจะได้เฉิดฉายสลัดภาพหนุ่มขี้อายออกไปได้แล้ว เอาแต่เก็บไอเดียดี ๆ ไว้กับตัวเอง ไม่ต้องตกใจไป มันเป็นปกติของหนุ่มขี้อายเอามาก ๆ หลายคนก็เป็นแบบนี้นี่แหละ เราอาจพลาดการแชร์สกิล โชว์ความเจ๋งของตัวเองหรือความรู้ดี ๆ ไป เพราะความไม่มั่นใจในตัวเอง ที่ทำให้เราคิดว่าคนอื่นเขาก็รู้เหมือนเรานั่นแหละ หรือคนอื่นเขาไม่ได้อยากจะรู้เรื่องของเราสักหน่อย เราไม่จำเป็นต้องพูดออกไปหรอก ถ้าทำแบบนี้อยู่ รีบเลิกแบบด่วน ๆ เพราะการคิดแทนคนอื่น มันไม่เวิร์คเอาซะเลย โดยเฉพาะการทำงานแบบ teamwork การหยิบไอเดียของตัวเองออกมาให้คนอื่นได้เห็นของดีที่ซ่อนอยู่ในตัวเรา อย่ามัวคิดว่าคนอื่นเขารู้อยู่แล้วว่าเราคิดอะไรอยู่ ไม่มีใครรู้หรอกจนกว่าเราจะพูดออกมา คิดเยอะอย่างเดียว แต่ไม่บอกความต้องการของตัวเอง มันง่ายแหละที่จะปล่อยให้ตัวเองจมดิ่งลงไปในปัญหา โดยไม่คิดแก้อะไร แค่ปล่อยให้ตัวเองไหลไปตามอารมณ์แบบนั้น ไม่ทำแม้กระทั่งถามตัวเองว่าจริง ๆ ต้องการอะไร หากมีปัญหาแค่กับเรื่องส่วนตัว ตีกันในหัวตัวเอง มันไม่เป็นปัญหาอะไรหรอก หากมีปัญหาที่ต้องดีลกับคนอื่นด้วย แต่ไม่กล้าที่จะบอกไปตรง ๆ ว่าตัวเองต้องการอะไร ปล่อยให้คนอื่นเดาเอาเอง หรือเออออไปตามสถานการณ์ มันก็ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่