คำสอนเรื่อง ‘ลูกผู้ชาย’ ก็เหมือนดาบ 2 คม ส่งผลดีและร้าย ด้านหนึ่งมันก็ทำให้ผู้ชายรู้จักทำหน้าที่ของตัวเอง แต่ในอีกด้านหนึ่งมันก็ทำให้ผู้ชายไม่เป็นตัวของตัวเอง ใช้ชีวิตได้อย่างไม่มีความสุข ร้ายที่สุดอาจส่งผลให้ผู้ชายใช้ความรุนแรงกับคนอื่นด้วย การสอนเรื่องลูกผู้ชายแบบผิดเป็นใหญ่ จนมีการนิยามคำว่า ความเป็นชายเป็นพิษ (Toxic Masculinity) ขึ้นมาเพื่ออธิบายมันเลยทีเดียว ในบทความนี้ UNLOCKMEN เลยอยากให้ทุกคนเข้าใจถึงผลเสียของ Toxic Masculinity และวิธีการรับมือกับมัน Toxic Masculinity คืออะไร ? ทำไมถึงส่งผลเสียต่อลูกผู้ชาย ? คนส่วนใหญ่มักเชื่อว่า พฤติกรรมของคนเกิดจากการกระทำของตัวพวกเขาเอง เช่น กรณีของคนตกงานที่มักถูก shaming ด้วยคำพูดต่างๆ อาทิ “ถ้าพยายามมากกว่านี้ก็คงได้งานแล้ว” เป็นต้น โดยมองข้ามปัจจัยอื่นๆ เช่น โอกาสในการหางานใหม่ หรือ ภาวะทางเศรษฐกิจ กรณีของผู้ชายเลวก็ไม่ต่างกัน พฤติกรรมเลวๆ ของพวกเขามักถูกตัดสินว่าเกิดจากนิสัยหรือสันดานของตัวพวกเขาเอง ซึ่งนักสังคมวิทยาจะมองเรื่องนี้ต่างออกไป พวกเขาไม่ได้มองว่ามันเกิดจากนิสัยของพวกเขาเพียงอย่างเดียว แต่มันยังมีปัจจัยทางด้านวัฒนธรรมอื่นๆ ที่ส่งผลให้ผู้ชายทำพฤติกรรมไม่ดีได้เช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น การสั่งสอนเรื่องลูกผู้ชายแบบผิดๆ ที่เรียกกันว่า ‘Toxic Masculinity’ Toxic
นับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับนักเลงสายเนื้อ เมื่อมีการประกาศปลดล็อคกัญชา ที่ทุกคนสามารถปลูกพืชนี้ในครัวเรือนได้อย่างเสรี เรียกได้ว่าตอนนี้หลายคนคงตลบอบอวลไปด้วยควันแห่งความสุขกันอย่างแน่นอน แต่ในวงการดนตรีแล้ว กัญชากับดนตรี เป็นของคู่กันมานานแสนนาน มาตั้งแต่ยุคสมัยร็อคแอนด์โรลรุ่งเรือง ยันไปถึงยุคของเพลงฮิปฮอป เรียกได้ว่าสมุนไพรนี้เป็นบัดดี้กับดนตรีก็ว่าได้ UNLOCKMEN จึงขอใช้วาระสำคัญนี้ เสนอ 10 บทเพลงเกี่ยวกับกัญชาที่ดีที่สุดมาเล่าสู่กันฟัง Miley Cyrus, “Dooo It!” (2015) “ฉันคิดว่ากัญชาคือยาที่ดีที่สุดในโลก” คือคำกล่าวที่ Miley Cyrus ได้บอกไว้เมื่อปี 2013 “แม้ว่าฮอลลีวู้ดจะเป็นเมืองแห่งโคเคน แต่กัญชาคือเดอะเบสต์” Miley หันมาใช้กัญชาบำบัดหลังจากที่เธอตัดสินใจเลิกบุหรี่ มันทำให้เธอรู้สึกอยู่ติดบ้านมากยิ่งขึ้น สาวแซ่บที่ถือกำเนิดมาจากซีรีส์สำหรับเด็กอย่าง Hannah Montana จึงได้อวยยศสมุนไพรนี้อย่างเป็นทางการด้วยเพลง “Dooo It!” ที่ได้ยอดฝีมือจาก The Flaming Lips มาช่วยแต่งในโปรเจกต์ Miley Cyrus & Her Dead Petz ของเธอ ที่เจือด้วยกลิ่นของไซคีเดลลิกเต็มขั้น ผสานด้วยเนื้อเพลงที่เทิดทูนบูชากัญชาด้วยถ้อยคำว่า “Sing about love /
นาทีนี้คงไม่มีผู้ชายไทยคนไหนเนื้อหอมไปกว่า เสี่ยหนู-อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยอีกแล้ว เนื่องจากจำนวน ส.ส. ประมาณ 50 ที่นั่ง (อย่างไม่เป็นทางการ) ที่พรรคภูมิใจไทยมีอยู่ในมือถือเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่จะตัดสินอนาคตประเทศไทยว่าจะไปในทิศทางไหน แต่ไม่ว่าเสี่ยหนูจะเลือกฝ่ายไหน ก็ค่อนข้างแน่นอนแล้วว่าเขาและพรรคภูมิใจไทยจะได้จัดตั้งรัฐบาล ดังนั้นนโยบาย ‘กัญชาเสรี ปลูกได้บ้านละ 6 ต้น’ ที่ทุกคนรอคอยก็ใกล้ความจริงเข้าไปอีกขั้นแล้ว ว่าแต่กัญชามันปลูกยังไงล่ะ? เนื่องจากที่ผ่านมาในประเทศไทยกัญชาจัดเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 มาโดยตลอด ความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรชนิดนี้จึงไม่แพร่หลายนัก แต่ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่หนุ่ม ๆ สายเขียวจะกลายเป็นเกษตรกรไปด้วยกัน เลือกเมล็ดพันธุ์ สำหรับนักปลูกหน้าใหม่ชาวไทย การเลือกเมล็ดพันธุ์คือสิ่งสำคัญที่สุด เนื่องจากสภาพอากาศบ้านเราแตกต่างจากประเทศฝั่งตะวันตกที่ปลูกกัญชากันอย่างแพร่หลายอยู่แล้ว ดังนั้นถ้าเราเลือกเมล็ดพันธุ์ที่ไม่เข้ากับสภาพอากาศมา ความพยายามในขั้นตอนต่อไปก็อาจจะสูญเปล่า สิ่งต่อมาที่ต้องพิจารณาคือความเหมาะสมของเมล็ดพันธุ์กับสถานที่ปลูก เพราะบางสายพันธุ์เติบโตได้ดีในที่ปิด บางสายพันธุ์เติบโตได้ดีในที่โล่ง นอกจากนั้นก็แล้วแต่รสนิยมของคุณแล้วว่าชอบการออกฤทธิ์ของสายพันธุ์ไหนและสายพันธุ์ไหนเข้ากับคุณที่สุด สภาพแวดล้อมพื้นฐาน น้ำ: เช่นเดียวกับพืชชนิดอื่น กัญชาต้องการน้ำเพื่อการเจริญเติบโต ในกรณีที่ปลูกกลางแจ้ง ถ้าพื้นที่ที่คุณปลูกมีปริมาณน้ำฝนเพียงพอ ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องน้ำ แต่ถ้าปลูกในปริมาณมาก คุณก็จำเป็นต้องหาน้ำจากแหล่งอื่นมาเสริม น้ำคือสื่อที่นำพาสารอาหารล่อเลี้ยงต้นกัญชา นอกจากนั้นยังถูกใช้เพื่อล้างระบบไฮโดรโพนิก ค่า pH ของน้ำมีความสำคัญมาก เครื่องวัดค่า pH จึงเป็นอุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้สำหรับผู้ปลูกกัญชา อุณหภูมิ: กัญชาเป็นพืชที่แข็งแรงมาก
หากเอ่ยชื่อสตูดิโอหนังอินดี้อย่าง A24 คนดูหนังรุ่นใหม่ ไม่มีใครไม่รู้จักค่ายหนังที่อุดมไปด้วยผลงานสร้างสรรค์อันแสนท้าทาย เป็นหมุดหมายสำคัญของวงการอุตสาหกรรมหนังนอกกระแสที่น่าจับตาแห่งทศวรรษนี้ UNLOCKMEN จึงขอชวนคุณมาทำความรู้จักค่ายหนังคุณภาพค่ายนี้ ว่าเพราะอะไร เมื่อหนังถูกปะยี่ห้อด้วยโลโก้ A24 ถึงกลายเป็นหนังที่ทุกคนเชื่อมั่นว่าต้องเจ๋งอย่างแน่นอน บนทางมอเตอร์เวย์สาย A24 สู่เส้นทางสายหนังอินดี้ที่น่าจับตา A24 เกิดขึ้นในปี 2012 เมื่อเพื่อนซี้ทั้ง 3 Daniel Katz, David Fenkel และ John Hodges ที่รักในการดูหนังระดับฝังเข้าเส้น ตัดสินใจลาออกจากงานประจำเพื่อตั้งสตูดิโออิสระโดยมีเป้าหมายที่จะกำหนดงานสร้างและทำการตลาดในรูปแบบที่แปลกและแตกต่าง Daniel Katz บอกเล่าถึงจุดเริ่มต้นของชื่อ A24 อย่างเรียบง่ายนี้ว่า “พวกผมใฝ่ฝันมาตลอดที่จะทำสตูดิโอสร้างหนังอินดี้เล็กๆ พูดตามตรงตอนที่พวกเราตัดสินใจออกจากงานประจำที่ทำอยู่ก็กลัวไม่ใช่น้อยเช่นกัน จนกระทั่งพวกเราได้ขับรถไปยังกรุงโรม ขณะที่พวกเราอยู่บนถนนมอเตอร์เวย์ เราเหลือบไปเห็นป้าย A24 เราก็บอกพรรคพวกว่า “เฮ้…ถึงเวลาที่เราต้องทำแล้วว่ะ” ว่าแล้วตัดสินใจลาออก และใช้ชื่อนี้ตั้งบริษัทกันเลย” หาความแตกต่างและสร้างสรรค์ให้สุดขั้ว ผู้บริหารสตูดิโอทั้ง 3 มีความรักและชอบในหนังอินดี้ยุค 90s เข้าเส้นเลือด เขาค้นพบว่าเมื่อโลกหมุนเข้าสู่ศักราชที่ 2000s ดูเหมือนพลังสร้างสรรค์และความกล้าหาญของหนังอเมริกันอินดี้ถูกลดทอนลงอย่างน่าใจหาย “มันเริ่มไม่มีหนังที่เราอยากจะดูมันแล้ว
“แต่งตัวแบบนี้คนอื่นหัวเราะเยาะแน่เลย” “เราต้องทำอะไรผิดพลาดไปแน่ๆ ทำไมคนอื่นดูไม่ค่อยพอใจเราเลย” รู้ไหมว่าบางครั้ง คุณอาจคิดไปเองว่าคนอื่นจะสนใจเรามากเกินความเป็นจริง เพราะมนุษย์มีธรรมชาติที่มักเอาตัวเองเป็นที่ตั้งเสมอ และมักมองเรื่องต่าง ๆ ผ่านความรู้สึกและประสบการณ์ของตัวเอง คิดว่าคนอื่นจะต้องทำหรือรู้สึกเหมือนที่ตัวเองรู้สึก ทางหลักจิตวิทยาเรียกปรากฎการณ์นี้เรียกว่า ‘Spotlight Effect’ วันนี้ UNLOCKMEN จะมาอธิบายให้ฟังว่า Spotlight Effect คืออะไร ทำงานยังไง และเราจะก้าวข้ามมันไปได้อย่างไรบ้าง เพื่อให้ทุกคนเข้าใจคำว่า Spotlight Effect ตรงกัน ก่อนอื่นเราอยากให้ทุกคนลองจินตนาการว่า พวกเรากำลังอยู่ในโรงละครที่การแสดงละครเวทีกำลังดำเนินอยู่ บนเวที พระเอกและนางเองกำลังแลกเปลี่ยนบทสนากัน ภายใต้แสง spotlight ที่ส่องมายังทั้งคู่ เพื่อเป็นการบ่งบอกผู้ชมว่านี่คือตัวละครสำคัญในฉาก พร้อมดึงดูดความสนใจของสายตาทุกคู่ที่อยู่ในโรงละครให้จับจ้องไปที่นักแสดงใต้แสง spotlight นั้น Spotlight Effect จึงเป็นคำเรียก ปรากฎการณ์ที่คนคิดไปเองว่าตัวเองได้รับความสนใจจากคนอื่นตลอดเวลา เหมือนกับมีแสง spotlight ส่องมายังพวกเขาตลอดเวลา (ซึ่งในความเป็นจริงไม่ใช่โรงละคร ไม่มีแสง spotlight และคนเราไม่ได้สนใจคนอื่นมากขนาดนั้น) ทำให้พวกเขารู้สึกต้องระแวดระวังตัวเองอยู่เสมอ เพราะกลัวคนอื่นจะสังเกตเห็นความผิดพลาดของตัวเองได้ ยกตัวอย่าง เวลาเล่นกีฬา คนจะรู้สึกว่าเพื่อนร่วมทีมสังเกตข้อบกพร่องของตัวเองมากกว่าความเป็นจริง งานวิจัยหลายชิ้นได้พยายามอธิบายการมีอยู่ของ
ถือเป็นธรรมเนียมประจำของคนรักเสียงดนตรีก็ว่าได้ สำหรับช่วงเวลากลางเดือนเมษา (บางปีก็ตรงกับเทศกาลสงกรานต์ของบ้านเรา) ที่เราจะจับจ้องรอดูเทศกาลดนตรีที่ยิ่งใหญ่ที่จัดมาอย่างยาวนานกว่า 2 ทศวรรษ นั่นก็คือ Coachella หรือชื่อเต็ม ๆ ว่า Coachella Valley Music and Arts Festival เทศกาลที่ถือได้ว่าเป็นตัวกำหนดเทรนด์ดนตรีในยุคปัจจุบันว่าจะขับเคลื่อนไปในทิศทางไหน และด้วยโปรดัคชั่นที่ยิ่งใหญ่ตระการตา ทำให้หลายต่อหลายคนต่างตั้งเป้าหมายของชีวิตว่าจะต้องไปสักการะสักครั้งก่อนตาย แม้วิกฤตโรคระบาดจะทำให้เทศกาลนี้ต้องหยุดชะงักไปถึง 2 ปี แต่การกลับมาครั้งนี้ ก็ถือว่ามีโมเมนท์ที่น่าจดจำมากมาย UNLOCKMEN ขอมาย่อยโมเมนท์อันน่าประทับใจในครั้งนี้ว่ามีเหตุการณ์อะไรเจ๋ง ๆ กันบ้าง MILLI กับการประกาศศักดาในฐานะศิลปินไทย และข้าวเหนียวมะม่วงสะท้านโลก เริ่มต้นด้วยความภาคภูมิใจของชาวไทย ที่สาวน้อยแร๊ปเปอร์ MILLI ได้เดินทางไปปักธงแห่งความภูมิใจด้วยการร่วมเดินทางไปกับ 88Rising ค่ายเพลงสุดทะเยอทะยานที่ต้องการประกาศศักดาแห่งดนตรีพ็อพเอเชียให้เจิดจรัสบนเวทีโลก และ MILLI ก็ทำสำเร็จดังฝันด้วยการไปขึ้นเวทีอันยิ่งใหญ่นี้ เคียงบ่าเคียงไหล่ศิลปินร่วมทวีปอย่าง Jackson Wang และ BIBI ได้อย่างไม่น้อยหน้าใคร ในโชว์ที่ชื่อว่า “88rising’s HEAD IN THE CLOUDS FOREVER” และไฮไลท์สำคัญของเธอนอกจากการสร้างทรรศนะคติให้กับชาวต่างชาติว่า
ตอนนี้แฟน ๆ UNLOCKMEN คงทราบข่าวช็อควงการของนักแสดงฉายา “คนอึด” Bruce Willis ที่ขณะนี้กำลังเผชิญหน้ากับอาการ Aphasia หรือ “สภาวะบกพร่องทางด้านการสื่อความ” จนไม่สามารถแสดงหนังได้อีกต่อไป และครอบครัวได้ประกาศการอำลาวงการไปแล้ว แน่นอนว่าได้สร้างความรู้สึกทั้งช็อค ทั้งเสียดาย และเสียใจ ในฐานะพระเอกที่สร้างผลงานมากมายมาตลอดกว่า 30 ปี บนจอ และเพื่อสดุดีผลงานยิ่งใหญ่ที่ Bruce Willis ได้ฝากผลงานที่ตราตรึงเอาไว้ UNLOCKMEN จึงขอรวบรวม 10 ผลงานยอดเยี่ยม ที่แฟน ๆ ต้องหาชม กับผลงานการแสดงที่ดีที่สุดของเขาเป็นการทิ้งทวนไปด้วยกัน Die Hard (1988) นี่คือหลักไมล์สำคัญ ที่เปลี่ยนสถานะของนักแสดงที่เริ่มต้นจากตัวประกอบ สู่นักแสดงตลกบนจอทีวี กระทั่งปี 1988 Bruce Willis ก็ได้รับโอกาสในหนังแอ๊คชั่นเรื่องยิ่งใหญ่ Die Hard หลังจากที่พระเอกนักบู๊มากมายต่างปฏิเสธที่จะรับบทนี้ จนผู้กำกับ John McTiernan เลือก Bruce ที่ไม่มีคราบของพระเอกหนังแอ๊คชั่นสักนิดเดียว แต่กลับกลายเป็นการเลือกที่ชาญฉลาดเป็นอย่างมาก เพราะบทบาท John
ผมยาวแล้วรู้สึกอยากตัดผมแต่ไม่รู้จะไปร้านไหนมาดู 10 ร้าน Hair salon ที่กำลังมาแรง
จากหนังระทึกขวัญที่ผู้คนต่างมองข้าม กลับกลายเป็นหนังสุดฮิต แถมยังแจ้งเกิดนักแสดงให้กลายเป็น Sex Symbol แห่งยุค 90s และเพียงซีน ๆเดียว ทำให้ผู้ชายทั่วทั้งโลกต้องซื้อวีดีโอหนังเรื่องนี้เพื่อกด Pause ดูซีนนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในวาระที่หนังพิศวาสเขย่าจิตเรื่องนี้มีอายุครบ 3 ทศวรรษในปี 2022 นี้ เรามาทำความรู้จักกับคาแรคเตอร์สุดรัญจวนใจ ที่ทำให้นักแสดงสาวโนเนมอย่าง Sharon Stone กลายเป็นซูเปอร์สตาร์เพียงชั่วข้ามคืน ในหนัง Basic Instinct ที่ชื่อภาษาไทยสุดเร่าร้อนว่า “เจ็บธรรมดา…ที่ไม่ธรรมดา” มาทำความรู้จักกับเธอ แล้วคุณจะรู้ว่าไม่เพียงแค่คนตายในจอ แต่นอกจอ ชายหนุ่มทั่วทั้งโลกต่างก็สู่ขิตตายคารีโมทกันมาแล้วทั้งนั้น พิศวาสฆาตกรรมปลุกสัญชาติญาณดิบของมนุษย์ Basic Instinct เล่าเรื่องราวของนักสืบ Nick Curran (Michael Douglas) ที่สืบคดีการตายอย่างเป็นปริศนาของชายหนุ่มถูกฆาตกรรมด้วยที่เจาะน้ำแข็งขณะมีเซ็กซ์ และผู้ต้องหาในเวลานั้นคือ Catherine Tramell (Sharon Stone) นักเขียนนิยายสาวสุดเซ็กซี่ ก่อนที่นักสืบจะตกอยู่ในห้วงเสน่หาจนมิอาจถอนตัวขึ้น แม้หนังจะแปะป้ายว่าเป็นแนว Thriller ระทึกขวัญ แต่ความรัญจวนวาบหวามวาบหวิวในหนัง รวมไปถึงฉากเซ็กซ์อันเร่าร้อนรุนแรงในหนัง ทำให้หนังเรื่องนี้กลายเป็นที่สุดแห่งความอื้อฉาวที่สามารถทำเงินทั่วโลกได้ถึง 352 ล้านเหรียญทั่วโลก
เทรนด์การไปคาเฟ่ในเวลานี้ไม่เพียงเป็นการเสาะหาสถานที่ใหม่ ๆ เพื่อพบปะ สนทนา หรือทำคอนเทนต์ลงโซเชียลเท่านั้น แต่สำหรับผู้ชายหลายคน คือการได้ลิ้มรสกาแฟแบบใหม่ ๆ ในบรรยากาศที่ชอบ หาแรงบันดาลใจใหม่ ๆ และหนึ่งในใจคงหนีไม่พ้นคาเฟ่สไตล์คอนกรีตที่มีเอกลักษณ์คือความดิบ เท่ ราวกับกำลังเปิดเปลือยทุกเรื่องราว นอกจากจะถูกใจผู้ชายแล้ว สาว ๆ ที่ไปด้วยกันก็อาจจะได้รูปสุดคูลไปลงโซเชียลอีกเพียบ วันนี้เราจึงอยากแนะนำคาเฟ่สไตล์คอนกรีต ดิบ เปลือยทั่วไทย ลองมาดูว่ามีที่ไหนน่าไปกันบ้าง Labyrinth Cafe คาเฟ่สไตล์อินดัสเทรียลลอฟท์สุดเท่ที่ตั้งอยู่ชั้น 1 ของ Shophouse1527 อาคารเก่าแก่อายุมากกว่า 80 ปีที่รักษาไว้ทุกความคลาสสิกและเต็มไปด้วย passion จากคนรักกาแฟ เสน่ห์สุดดึงดูดคือบาร์กาแฟยาวที่ร้านคัดสรรเมล็ดกาแฟและสับเปลี่ยนหมุนเวียนกาแฟ Special Blend จากประเทศต่างๆ มาให้หนุ่มๆ ผู้หลงใหลกลิ่นหอมและรสชาติของกาแฟได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ เป็นวัฒนธรรมการสนทนาของคนรักกาแฟที่กลมกล่อมจนอยากจะมาซ้ำๆ นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นพื้นที่ของศิลปะและดนตรี จึงมีอีเวนต์สุดเท่ที่รอให้ทุกคนมาแจมอยู่เรื่อยๆ ที่อยู่: 1527 ถนนพระรามที่ 4 แขวง วังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330 โทรศัพท์: 061 529