แม้กระแสหนังเรื่องฉลาดเกมส์โกง หนังเรื่องล่าสุดจากค่าย GDH จะเริ่มซาลงไปบ้างแล้ว ในวันที่เราเดินฝ่าฝนยามบ่ายมุ่งหน้าไปยังบาร์เบียร์ย่านพัฒน์พงษ์ เพื่อคุยกับผู้กำกับที่กำลังฮอตที่สุดในขณะนี้ แต่บทสนทนาที่เราได้แลกเปลี่ยนกันยิ่งตอกย้ำให้เรามั่นใจว่า เขาจะต้องสร้างกระแสใหม่ ๆ ให้กับวงการภาพยนตร์ไทยได้อีกหลายระลอกแน่นอน เมื่อ‘บาส-นัฐวุฒิ พูนพิริยะ’ผู้กำกับหนุ่มมาถึง UNLOCKMEN จึงไม่รอช้า สั่งเบียร์แก้วใหญ่มาตั้ง เพื่อที่เราจะรับรองได้ว่านี่คือบทสนทนานอกรอบ สบาย ๆ ที่จะแสดงตัวตนที่ไม่ติดอยู่ในกรอบของผู้กำกับคนนี้ และวิธีคิดที่สร้างเขาขึ้นมาเป็นผู้กำกับมากความสามารถอย่างที่เราเห็นในปัจจุบัน อย่าช้าอยู่เลย มา มาฟังบทสนทนานอกรอบจากผู้กำกับนอกกรอบเคล้ารสเบียร์ขม ๆ ไปด้วยกัน UNLOCKMEN: อยากให้แนะนำตัวเองหน่อย เผื่อมีคนไม่รู้ว่าคุณคือใครหรือทำอะไรอยู่ ชื่อ บาส นัฐวุฒิ พูนพิริยะ เป็นพี่ชายน้องจูนจูนครับ (ยิ้ม) แล้วก็เป็นผู้กำกับภาพยนตร์ครับตอนนี้ UNLOCKMEN: ที่ต้องแนะนำว่าเป็นพี่ชายจูนจูนนี่เพราะเชื่อว่าทุกคนจะรู้จักจูนจูนมากกว่าเราใช่ไหม? ใช่ครับ ก่อนหน้านี้ทุกคนจะแบบว่า เออ นี่พี่ของจูนจูนใช่มั้ย ไม่ค่อยรู้จักชื่อเรา UNLOCKMEN: วินาทีแรกในชีวิตที่เราอยากเป็นผู้กำกับ เราจำมันได้มั้ยว่ามันคือตอนไหน แล้วเรารู้สึกอะไรบ้าง? จำได้ ตอนนั้นพี่น่าจะอยู่ประมาณ ม.1 ได้ดูหนังเรื่อง Goodfellas ซึ่งจริง ๆ ก่อนหน้านี้เราเป็นคนชอบดูหนังอยู่แล้ว พอดีที่บ้านญาติทำร้านเช่าวีดีโอแล้วตอนเด็ก
เรื่องของการถ่ายภาพให้ได้ดีและสวยสักภาพ มันอาจไม่ได้ขึ้นอยู่กับความเทพของกล้องเสมอไป บางครั้งกล้องธรรมดาก็สามารถถ่ายภาพออกมาได้สวยไม่แพ้กัน ถ้าผู้ใช้งานรู้จักดึงประสิทธิภาพของมันออกมาอย่างเต็มที่ และนอกเหนือจากประสิทธิของตัวกล้องแล้วเรื่องของฝีมือในการถ่ายถือเป็นเรื่องที่จำเป็นมากที่สุด ไม่ใช่จับพลัดจับผลู แล้วมันจะเป็นกันได้ขึ้นมาทันที ทุกอย่างมันล้วนแต่ต้องใช้เวลาและการฝึกฝน ไม่ว่าจะการเข้าถึงหลักการถ่ายที่ถูกต้องแล้ว ก็ต้องหัดลั่นชัตเตอร์บ่อย ๆ รู้จักการตั้งค่าให้ถูกต้องตามสถานการณ์ เพื่อที่จะได้ภาพที่ดีที่สุดอยู่เสมอ พูดแบบนี้มือใหม่อย่าเพิ่งน้อยใจ ท้อใจกันไป UNLOCKMEN มีข่าวอัพเดทล่าสุดของเทคโนโลยีตัวเจ๋ง ที่จะช่วยให้มือใหม่หัดถ่ายได้เฮกันทั่วหน้าแล้ว เนื่องจากมีการคิดค้นตัวช่วยอัจฉริยะ ที่ถูกออกแบบมาสำหรับคนที่ไม่ถนัดการตั้งค่าและแต่งภาพไม่ได้เก่ง ให้มีภาพสวยแจ่มได้ไม่แพ้มืออาชีพในชื่อว่า “Arsenal” Arsenal เหมาะสำหรับมือใหม่ที่ยังไม่เก่ง ไม่เข้าใจว่าแสงแบบนี้ต้องตั้งค่าแบบไหนถึงได้ภาพที่ดีที่สุดได้ ซึ่ง Ryan Stout ผู้คิดค้น ต้องการสร้าง Arsenal ให้เป็นตัวช่วยที่จะทำให้ภาพสวยขึ้น เจ๋งขึ้น สำหรับมือใหม่ เพราะมันเป็นอุปกรณ์ที่เรียนรู้จากภาพสวย ๆ ตาม Reference ในตำแหน่งเดียวกัน ที่เดียวกัน แล้วนำภาพสวยนั้นมาตั้งค่าเชื่อมบนกล้อง DSLR, Mirrorless ให้เราเองอัตโนมัติ โดยหลักการทำงานทั้งหมดของ Arsenal สามารถควบคุมผ่านการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน รองรับหลากหลายฟังก์ชั่น ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพที่สามารถวิเคราะห์ปัจจัยสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ได้มากถึง 18 อย่าง แล้วนำมาตั้งค่ากับตัวกล้อง แล้วเรายังสามารถเลือกจุดโฟกัสได้เองอีกด้วย
เห็ดเมา / เห็ดขี้ควาย หรือ magic mushroom ที่ฝรั่งเรียกกันถือเป็นหนึ่งในยาเสพติดประเภท 5 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 ที่ระบาดอย่างมากตามหมู่เกาะต่าง ๆ ซึ่งเป็นแหล่งรวมตัวนักท่องเที่ยวทั้งหลาย โดยเห็ดเมา (เห็ดขี้ควาย) จะระบาดอย่างมากในหน้าฝนบ้านเรา เนื่องจากเป็นช่วงที่เจริญเติบโตได้เป็นอย่างดี สำหรับเห็ดชนิดนี้จัดอยู่ในวงศ์ Strophariaceae เป็นเห็ดที่มีฤทธิ์กับระบบประสาท มีขึ้นอยู่ตามกองมูลควายแห้ง สีของเห็ดจะมีสีเหลืองซีดคล้ายสีฟางแห้ง บนหัวของร่มจะมีสีน้ำตาลเข็มจนถึงสีดำ บริเวณก้าน ที่ใกล้จะถึงตัวร่ม จะมีแผ่นเนื้อเยื่อบาง ๆ สีขาวแผ่ขยายออกรอบก้าน แผ่นนี้มีลักษณะคล้ายวงแหวน เห็ดขี้ควายมีขึ้นอยู่ทั่วไปแทบทุกภาคของประเทศไทย ซึ่งผู้รับประทานส่วนใหญ่มักจะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ คิดว่ามันไม่ใช่ยาเสพติดทำให้กินเข้าไปราวกับขนมทานเล่น อาการของผู้ที่รับประทานเห็ดเมา จะมีอาการมึนเมา ประสาทหลอน ไม่สามารถลำดับทิศทาง เห็นภาพ แสง สีต่างๆ ลวงตา มีความคิดและอารมณ์เปลี่ยนแปลงคล้ายกับยา MDMA หรือ LSD ทำให้เป็นนิยมอย่างมากในหมู่นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบปาร์ตี้นำมากินแบบสด ๆ หรือมาปั่นรวมกับเครื่องดื่มมึนเมา หรือมิลค์เชค เพื่อให้เกิดความเพลิดเพลิน แต่ขึ้นชื่อว่าจัดอยู่ในประเภทยาเสพติดยังไงซะก็ไม่มีผลดีอย่างแน่นอน เพราะจากการวิจัยล่าสุดขององค์การอาหารและยาแห่งสหประชาชาติได้ทำการศึกษาพบว่า คนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วเห็ดเมาคือยาเสพติดประเภทหนึ่งซึ่งเกิดเป็นความเข้าใจผิดคิดว่ามันไม่มีโทษ
หลายคนอาจจะร้องยี้ หากพูดถึงการอาบน้ำเย็น ๆ ในฤดูฝนเช่นนี้ แต่ประเทศไทยเป็นเมืองร้อนการอาบน้ำอย่างน้อยวันละ 1-2 ครั้งถือเป็นเรื่องจำเป็นอย่างมาก แต่ก็น่าแปลกที่อากาศร้อนขนาดนี้พวกเราก็ยังชื่นชอบน้ำอุ่นมากกว่าน้ำเย็นคงเป็นเพราะน้ำอุ่นให้ความรู้สึกผ่อนคลายต่อกล้ามเนื้อ และบรรเทาอาการเครียดได้ดีเยี่ยม จึงไม่น่าแปลกใจหากคนส่วนใหญ่จะเป็นแฟนพันธ์ุแท้การอาบน้ำอุ่น แม้ในสภาพอากาศร้อนอบอ้าว แต่วันนี้ UNLOCKMEN ไปค้นเจอเหตุผลดี ๆ ที่ทุกคนควรจะอาบน้ำเย็นจัดอย่างน้อยวันละหนึ่งครั้งต่อสัปดาห์ ปลุกร่างกายของคุณให้สดชื่นในตอนเช้า แม้ว่าการอาบน้ำเย็นในตอนเช้าจะทำให้คุณรู้สึกทรมาน แต่การอาบน้ำเย็นได้รับการยืนยันแล้วว่าจะปลุกประสาทสัมผัสในร่างกายของคุณให้ตื่น ยิ่งกว่านั้นจะช่วยเพิ่มสมาธิให้คุณอีกด้วย สังเกตไหมว่าหากในตอนเช้าคุณเลือกที่จะอาบน้ำอุ่น ร่างกายของคุณจะยังคงรู้สึกตกอยู่ในภวังค์ยังคงมีอาการมึนงง ง่วงอยากกลับไปนอนที่เตียงต่อ หรือคุณต้องใช้เวลาแช่อยู่หน้าฝักบัวนานกว่าที่ควรจะเป็น ดังนั้นการอาบน้ำเย็นจัดเพื่อปลุกตัวคุณในตอนเช้าอาจจะดีกว่าการดื่มกาแฟเสียด้วยซ้ำ ช่วยเผาผลาญดีเยี่ยม หลังจากการออกกำลังกายอันเหน็ดเหนื่อยแม้ว่าการจุ่มแช่น้ำอุ่น ๆ จะเป็นการทำให้กล้ามเนื้อของคุณรู้สึกผ่อนคลาย แต่เชื่อไหมว่าการอาบน้ำเย็นจัด จะช่วยเผาผลาญร่างกายของคุณแถมเพิ่มความสดชื่นกลับคืนมาให้ดียิ่งขึ้น เพราะความหนาวเย็นจะกระตุ้นร่างกายให้ผลิตไขมันสีน้ำตาลที่เป็นไขมันชั้นดีใช้ในการเผาผลาญพลังงาน ให้ดูตัวอย่างจากนักกีฬามากมายที่เลือกจะลงไปแช่ในถังน้ำแข็งหลังจากการออกกำลังกายที่หนักหน่วงนั่นเอง ผิวเรียบเนียน ไร้สารพิษตกค้าง อย่างที่เรารู้ว่าน้ำร้อนช่วยเปิดรูขมขนทำให้ผิวสะอาด แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นสาเหตุให้ผิวแห้งแตกเป็นขุย ๆ เช่นกัน ต่างจากการน้ำเย็นก็ช่วยทำให้ผิวเรียบเนียนปรับสภาพผิวของคุณทำให้รูขุมขนและผิวหนังกระชับมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยในการล้างพิษที่ผิวของคุณให้หมดจดไป ดังนั้นการอาบน้ำ หรือล้างหน้าด้วยน้ำเย็นจึงเหมาะสำหรับผู้ชายที่ไม่ค่อยพิถีพิถันในเรื่องการบำรุงผิวมากนัก ภูมิต้านทาน ไม่ป่วยง่าย การอาบน้ำเย็นป็นวิธีที่ดีในการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของคุณ เพราะการอาบน้ำเย็นจะช่วยให้ร่างกายของคุณผลิตเซลล์เม็ดเลือดขาวมากขึ้น ซึ่งเซลล์เม็ดเลือดขาวเป็นเซลล์ที่มีหน้าที่ปกป้องร่างกายของคุณจากเชื้อโรค นอกจากนี้เซลล์เม็ดเลือดขาวยังทำหน้าที่ในการขจัดสารพิษ เชื้อไวรัส แบคทีเรีย แล้วยังทำหน้าที่ในการกลืนและทำลายเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกายอีกด้วย แต่ก็ไม่ควรสระผมด้วยน้ำเย็นจัด เพราะจะทำให้ป่วยง่าย อาบน้ำเย็นแล้วปึ๋งปั๋ง น้ำเย็นนั้นมีประโยชน์ทวีคูณอย่างยิ่งสำหรับผู้ชายอย่างเรา
ห่างหายไปจากตลาดนานพอสมควร สำหรับแบรนด์คุ้นหูอย่าง Vaio ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นแบรนด์ระดับ Hi-End ตัวบน ๆ ของตลาด Laptop ที่มักจะขายประสิทธิภาพที่มาคู่กับดีไซน์สวยล้ำกว่าเจ้าอื่นอยู่เสมอ น่าเสียดายมากที่ ณ วันนี้ แบรนด์ไม่ได้มี Product อะไรออกมาใหม่ เพื่อดึงลูกค้าในบ้านเราเหมือนแต่ก่อน ซึ่งเหตุผลก็น่าจะเป็นเพราะ Sony ได้ขายแบรนด์ Vaio ออกไปแล้วเรียบร้อย และถึงแม้บ้านเราจะเงียบเหงา ไม่ได้มีรุ่นใหม่ออกมาให้ติดตามกัน แต่ที่ญี่ปุ่นกลับไม่เป็นแบบนั้น เพราะล่าสุด Vaio ได้เปิดตัวรุ่น Z ที่หันหน้ามา Collab กับแบรนด์รถยนต์ชื่อดังอย่าง Mercedes-Benz ที่เรียกว่าเป็นสุดยอด Special Edition บันเทิงใจ ของคนรักรถกันเลย ซึ่งการเปิดตัวครั้งนี้เรียกว่าสร้างความแตกต่างอย่างลงตัว ได้แบบชัดเจน นอกจากตัว Laptop Mercedes-Benz x VAIO Z เป็นการดึงเอกลักษณ์ของความเป็น Luxury ที่โดดเด่นไม่เหมือนใครแล้ว ยังเอาใจคนรักการขับรถแบบสุด ๆ ด้วยการติดตั้งเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ของรถยนต์ “Vroom Vroom” (การเบิ้ลเครื่อง)
สำหรับแบรนด์ BMW นั้น คงไม่ต้องอธิบายอะไรให้มากความว่า เป็นแบรนด์ที่ผลิต หรือจำหน่ายอะไร ด้วยชื่อชั้นประวัติศาสตร์ และสมรรถนะในการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม ทำให้ BMW เป็นหนึ่งในรถที่ผู้ชายหลายต่อหลายคนหมายปอง ถึงขั้นยกให้เป็นรถในฝันกันเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น BMW 1 Series , BMW 2 Series, BMW 3 Series, BMW 5 Series, BMW 6 Series รวมถึงรุ่นใหญ่ซึ่งเป็นรุ่นยอดฮิตของเหล่าผู้บริหารทั้งหลายอย่าง BMW 7 Series ซึ่งทุก Series ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ เราคงจะคุ้นหน้าคุ้นตากันดีอยู่แล้ว แต่ในความเป็นจริง ทาง BMW ยังมี 8 Series อยู่ด้วย แต่มันมีการผลิตออกมาเพียงช่วงสั้นๆ (2000-2003) ก่อนที่จะหยุดสายพานการผลิตไปกว่า 20 ปี ทำให้หลายคนอาจไม่รู้มาก่อนว่า มี BMW Series นี้อยู่ด้วย โดยเฉพาะในประเทศไทยของเรานั้น
การทำอะไรสักอย่างที่มากเกินไป มักส่งผลไม่ค่อยดีให้กับผู้กระทำมากสักเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การใช้ชีวิต หรือความสัมพันธ์ เพราะอย่างนั้นเรามักจะได้ยินวลีคุ้นหูอยู่บ่อย ๆ ว่า Work-Life Balance ที่แนะนำการใช้ชีวิตให้มีความสมดุลกัน ทั้งการทำงานและการใช้ชีวิตด้านอื่น ๆ เพื่อคอยเตือนใจให้เรารู้จักปรับตัวเองอยู่เสมอ นอกจากการทำงานและการใช้ชีวิตแล้ว ยังมีอีกเรื่องที่น่าเป็นห่วงในสังคมปัจจุบัน นั่นก็คือเรื่องของการเสพติดโซเชียลของคนยุคนี้ อาจเพราะข้อมูลในปัจจุบันมีความเร็วและการเข้าถึงที่ง่ายขึ้นกว่าในอดีต จึงทำให้คนในปัจจุบันเสพติดข่าวและความรวดเร็วของข้อมูล ตลอดเวลามีงานวิจัยจำนวนไม่น้อยที่ระบุว่าการเล่นโซเซียลที่มากเกินไปสร้างผลกระทบให้แก่ชีวิต และนี่ก็เป็นอีกงานวิจัยที่ UNLOCKMEN นำมายืนยันให้อีกเสียง เพื่อให้ทุกคนได้เริ่มต้นสำรวจและถามตัวเองดูว่าทุกวันนี้เราเล่นมากเกินไปจนความสุขน้อยลงไปหรือเปล่า? งานวิจัยที่ว่านี้ มาจากมหาวิทยาลัย Yale และมหาวิทยาลัย California ที่เกิดขึ้นจากการสำรวจพฤติกรรมของผู้ใช้งาน Facebook กว่า 5,208 คน ตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยขอความร่วมมือกับผู้ที่เข้าร่วม ให้แชร์ข้อมูลกิจกรรมบน Facebook ตั้งแต่ข้อมูลการกดไลค์ กดแชร์ สเตตัสของตน และความรู้สึกด้านสภาพจิตใจ แก่เหล่านักวิจัยเป็นระยะ ๆ ผลจากการศึกษาพบว่าการใช้ Facebook เกินกว่ามาตรฐานเฉลี่ย 5-8% จะทำให้ความสุขและความพึงพอใจในตัวเองของกลุ่มทดลองลดลงไปอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งแปลได้ว่า “คนที่เล่น Facebook มากเกินไปจะมีความสุขน้อยกว่าคนที่ไม่ค่อยเล่น”
ไม่ว่าจะในฐานะคนทำงาน เจ้าของธุรกิจ หรือระดับหัวหน้างานที่ต้องดูแลการทำงานของคนอีกจำนวนมาก เราต่างแสวงหากลยุทธ์ของการจัดการเวลาทำงานที่จะทำให้คนทำงาน ทำงานได้ทรงประสิทธิภาพสูงสุด คงจะดีไม่น้อยถ้าเราสามารถจัดการเวลาทำงานได้เต็มที่ หนักหน่วง และเห็นผลได้เหมือนนักกีฬาโอลิมปิคฝึกซ้อมก่อนลงสนามจริง อย่ามัวคิดว่าเป็นเรื่องล้อเล่นหรือเป็นไปไม่ได้ ถ้ายังไม่ได้เปิดใจทำความรู้จัก “Interval Training” เทคนิคการบริหารจัดการเวลาฝึกซ้อมสไตล์นักกีฬาโอลิมปิคที่จะทำให้คุณต้องทึ่งกับผลลัพธ์การทำงานของตัวเองอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ย้อนกลับไปช่วงทศวรรษที่ 1930 Woldemar Gerschler โค้ชชาวเยอรมันมีความคิดว่าเขาอยากให้นักกีฬาวิ่งของเขาจัดการเวลาการฝึกซ้อมให้ดีขึ้นกว่าที่เป็น หลังจากการทดลอง เขาพบว่านักวิ่งจะสามารถบรรลุเป้าหมายการฝึกซ้อมได้ดีขึ้น ถ้าแบ่งการฝึกออกเป็นเซ็ต ๆ หากมีเวลา 60 นาที Woldemar Gerschler จะแบ่งการฝึกออกเป็น 6 เซ็ต โดยฝึกซ้อมเต็มที่ 7 นาที แล้วพัก 3 นาที ซึ่งการฝึกเต็มที่แล้วแบ่งเวลาให้พัก นักวิ่งจะสามารถวิ่งได้เร็วกว่า วิ่งได้ระยะไกลกว่า และฟอร์มการวิ่งโดยรวมทำได้ดีกว่าการซ้อมวิ่งติดกันรวดเดียว 60 นาที วิธีของ Gerschler ถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลายกับนักวิ่ง จนกระทั่งถูกนำไปใช้ในกีฬาประเภทอื่น ๆ และกลายเป็นระบบการฝึกซ้อมสุดทรงพลังที่ถูกเรียกว่า “Interval Training” ที่ได้รับการยอมรับมาถึงปัจจุบัน การฝึกไป พักไป ได้รับการยืนยันจาก K.
นอกจากสูตรสำเร็จที่ใครต่อใครพูดกันว่าขยันสิ พยายามสิ อดทนสิ แล้วจะประสบความสำเร็จทางการเงิน ได้เป็นมหาเศรษฐีภายในหนึ่งชีวิตนี้ ใครจะรู้ว่าหนึ่งกลยุทธที่มหาเศรษฐีที่สร้างฐานะให้ร่ำรวยด้วยตัวเองหลายคนทำเหมือน ๆ กันไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่เราคิดเลย Tom Corley ผู้เขียนหนังสือ Rich Habits – The Daily Success Habits of Wealthy Individuals ที่กว่าจะออกมาเป็นเล่มขนาดนี้ เขาต้องใช้เวลาหลายปีในการศึกษานิสัย วิธีคิดและพฤติกรรมของเหล่ามหาเศรษฐีทั้งหลาย และสิ่งหนึ่งที่เขาค้นพบว่าคนที่ร่ำรวยขึ้นมาด้วยตัวเองมีตรงกันก็คือ “การมีรายได้มากกว่า 1 ช่องทาง” โดย Tom Corley พบว่า 65% ของคนที่ร่ำรวยขึ้นมาด้วยตัวเองมีรายได้จาก 3 ทาง การมีรายได้มาจากช่องทางที่หลากหลายก็เป็นการกระจายความเสี่ยงให้ชีวิตของเราเองนี่แหละ ในวันที่รายได้จากช่องทางหนึ่งฝืด ๆ เคือง ๆ เราก็ยังมีรายได้จากทางอื่นมาคอยค้ำจุนให้อยู่ได้ แต่ถ้าวันใดที่ไม่มีรายได้จากช่องทางใดฝืดเคืองเลย เราก็เตรียมรับรายได้มหาศาล สำหรับคนที่ยังนึกไม่ออกว่าแล้วเราจะเริ่มต้นการมีรายได้เข้ามาในชีวิตมากกว่า 1 ทางได้อย่างไร วันนี้ UNLOCKMEN เอาเคล็ดลับดี ๆ มาบอก 1.ลองเริ่มทำธุรกิจดูสิ มหาเศรษฐีทั่วโลกจำนวนกว่าครึ่งหนึ่งมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่มีธุรกิจอยู่แล้วก็ยินดีด้วย
หลายคนอาจถวิลหารองเท้าอย่าง Yeezy หรือ NMD จากแบรนด์ adidas เพราะชั่วโมงนี้ ถือว่านี่คือรองเท้าสองรุ่นที่มีคนต้องการมากที่สุด แต่พอเห็นราคากับความพยายามอัพราคาของพ่อค้าแม่ค้าก็ทำให้คนธรรมดาอย่างเราต้องถอดใจ ไหนจะต้องจ้างคนไปจับฉลาก หรือต้องไปตั้งแคมป์นอนรอล่วงหน้าถึง 3 วันเพื่อซื้อ แบบนี้ก็ยกให้พวกเขาไปเหอะ ท่ามกลางความนิยมของ Yeezy และ NMD หลายคนอาจลืมไปว่า adidas ไม่ได้มีแค่รองเท้า 2 รุ่นนี้ที่สวยเตะตาน่าครอบครอง วันนี้ UNLOCKMEN ขอแนะนำรองเท้าตระกูล adidas ที่สวยคลาสสิค แถมไม่ต้องไปเข้าคิวแย่งกันซื้อให้เหนื่อยอีกด้วย adidas Gazelle นี่เป็นรองเท้าอีกคู่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานตั้งแต่ปี 1966 เป็นผลงานชิ้นเอกของนาย Adi Dassler ที่ต้องการมุ่งคิดค้นรองเท้าที่มีศักยภาพสูงเพื่อนักกีฬาเยอรมันเพื่อใช้แข่งขันกีฬา แม้ภายหลัง adidas Gazelle จะถูกถอดออกจากคอลเลคชั่นหลายต่อหลายครั้ง แต่ด้วยความคลาสสิคของมัน ทำให้ adidas ทนเสียงเรียกร้องของแฟน ๆ ไม่ไหว ต้องนำกลับมาขาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันที่กระแส skateboard fashion กำลังระบาดยิ่งทำให้ adidas Gazelle เป็นรองเท้าที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง