คงจะไม่เกินจริงนักหากจะกล่าวว่า The Beatles เป็นวงดนตรีที่ยอดเยี่ยมตลอดกาล แม้กาลเวลาก็ไม่อาจโค่นล้ม พวกเขาทั้งสี่คน John Lennon, Paul McCartney, George Harrison และ Ringo Starr ได้สร้างสรรค์สุดยอดผลงาน และรากฐานบางอย่างให้แก่วงการดนตรี อีกทั้งยังเป็นแรงบันดาลใจให้ศิลปินรุ่นหลังมากมาย เดฟ โกรห์ล ชายผู้เป็นแม่ทัพหลักของวงร็อกอเมริกันระดับแถวหน้า Foo Fighter และอดีตมือกลองวงกรันจ์ระดับตำนานอย่าง Nirvana ก็เป็นอีกหนึ่งคนที่มีความผูกพันธ์ลึกซึ้งกับ The Beatles เช่นกัน ล่าสุดนั้นเขาได้ไปเป็นแขกรับเชิญในรายการวิทยุช่อง BBC Radio 2 เพื่อพูดในหัวข้อ “My Beatles” เนื่องในโอกาสวันครบรอบ 50 ปี อัลบั้ม Abbey Road ของสี่เต่าทอง มาดูกันดีกว่าว่าป๋าเดฟแกจะพูดถึงวงดนตรีที่แกรักว่าอย่างไรบ้าง เดฟได้เล่าว่าเมื่อครั้งยังเด็ก เพลง ‘Hey Jude’ เป็นหนึ่งในความทรงจำที่แสนสำคัญของเขา ตอนที่เขาอายุเพียง 4-5 ขวบ เขามักจะขอแม่ไปนอนค้างบ้านเพื่อน และเปิดเพลงนี้ฟังกัน ด้วยความเยาว์วัย เขาไม่ได้นึกไปถึงว่าบทเพลงที่เขาฟังอยู่เป็นร็อกแอนด์โรลหรืออะไร
หากคุณเป็นคอเพลงสาย Industrial rock เชื่อว่าไม่มีใครไม่รู้จัก Nine Inch Nails หรือที่หลายคนเรียกสั้น ๆ ว่า NIN วงดนตรีแถวหน้าจากอเมริกัน ที่มาพร้อมเพลงซาวด์หนัก ๆ ระดับดุเดือดเลือดพล่าน โดยมี ‘เทรนท์ เรซเนอร์’ (Trent Reznor) เป็นมันสมองและสมาชิกหลักคนเดียวของวง เขาคือชายผู้เคยถูกนิตยสาร Time ยกย่องให้เป็นหนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลของโลกจากความอัจฉริยะรอบด้าน ในระดับหาตัวจับยาก ดนตรี Industrial rock แท้จริงถือกำเนิดตั้งแต่ช่วงกลางยุค 70 แต่เป็นเพียงแนวดนตรีที่มีผู้ฟังเฉพาะกลุ่ม ต่อมา หลังจาก The Downward Spiral ผลงานอัลบั้มที่สอง ของ NIN ประสบความสำเร็จในปี 1994 ดนตรีแนวนี้จึงเริ่มเฟื่องฟูขึ้นมา และส่งผลให้ Industrial rock ผงาดขึ้นมาเป็นกระแสหลักในอเมริกาในที่สุด ตีตื้นมากับดนตรีแนว Grunge Rock ที่กำลังจะแผ่วหลังความตายของ Kurt Cobain พอดิบพอดี ต่อมาในปี 2005
หากใครที่เป็นสาวกท่านศาสดา Thom Yorke หรือวง Radiohead น่าจะทราบกันดีว่า เมื่อช่วงเดือนตุลาคมปีก่อน พี่แกได้ปล่อยเพลงชื่อ Hands off the Antarctic ซึ่งเป็นเพลงสำหรับแคมเปญรณรงค์การปกป้องมหาสมุทรแอนตาร์กติกออกมาให้แฟน ๆ ได้ฟัง โดยเรียกได้ว่าเป็นบทเพลงที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะ (คุณสามารถอ่านบทความเต็มเรื่องเพลง Hands off the Antarctic ได้ที่นี่ คลิก) นอกจากนั้น Thom Yorke ก็ยังเดินหน้ารณรงค์อย่างเอาจริงเอาจังเรื่อง Climate Change หรือวิกฤตการณ์ภูมิอากาศมาโดยตลอด แต่ไม่รู้เหตุผลกลใดทำให้ใจท่านเปลี่ยนแปลง เพราะล่าสุดพี่แกดันออกมาพูดผ่านสื่อว่าตัวเองเป็นพวกดีแต่ปากเรื่องรักษ์โลก! โดยงานนี้ Thom Yorke ได้เผยความในใจ (ที่น่าตกใจ) นี้ ผ่านรายการพอดแคสต์ Desert Island Discs ของช่อง BBC Radio 4 ในฐานะแขกรับเชิญเอาไว้ว่า “สิ่งหนึ่งที่ค่อนข้างติดอยู่ในใจผมก็คือ ผมกำลังรณรงค์เรื่องวิกฤติการณ์ภูมิอากาศอยู่นะ แต่ผมก็คือคนที่ยังนั่งเครื่องบินโดยสารไปทำงานเป็นประจำ อืม… ผมมันดีแต่ปากนั่นแหละ” หากใครติดตามข่าวสารช่วงนี้ เชื่อว่าคงจะเห็นข่าวของสาวน้อยนักรณรงค์วัย 16
การ์ตูนญี่ปุ่นหรือมังงะ ถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่อยู่คู่กับผู้ชายไทยมาตั้งแต่เด็กจนโต บางคนเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ก็อาจเลิกอ่านมังงะหันไปชื่นชอบสิ่งอื่นแต่สำหรับใครหลายคนมังงะเหมือนกับเพื่อนคู่ใจที่โตมาด้วยกัน เพราะไม่ว่าวันไหนที่เหนื่อยจากการเรียนหนัก หรือท้อจากชีวิตการทำงาน เพียงแค่กลับมาที่ห้องและพักผ่อนไปกับการ์ตูนเรื่องโปรดก็สามารถทำให้เรามีแรงไปสู้ต่อในวันรุ่งขึ้นได้แล้ว UNLOCKMEN ก็เป็นอีกหนึ่งกลุ่มคนที่เติบโตมากับมังงะด้วยเช่นกัน จึงทำให้เราอยากพาหนุ่ม ๆ ทุกท่านมาพบกับ 5 อันดับมังงะจาก Shonen Jump นิตยสารการ์ตูนรายสัปดาห์ของสำนักพิมพ์ Shueisha ที่ตีพิมพ์มานานกว่า 51 ปี ว่ามังงะเรื่องไหนจะโดดเด่นทั้งเรื่องราวและตัวละครจนได้รับความนิยมจากผู้ชมมาโดยตลอด อันดับ 5 SLAM DUNK ถ้าพูดถึงมังงะเกี่ยวกับกีฬาบาสเกตบอลใคร ๆ ก็จะต้องพูดถึงเรื่อง Slam Dunk อย่างแน่นอน ผลงานจากอาจารย์ Inoue Takehiko ทั้งหมด 31 เล่ม สามารถจำหน่ายได้มากกว่า 100 ล้านเล่มทั่วโลก Slam Dunk เป็นมังงะที่สามารถถ่ายทอดความสุขและความเศร้าของเหล่านักกีฬาจำเป็นได้อย่างครบถ้วน เพราะตัวเอกของเรื่องเป็นเด็กอันธพาลเกลียดการเล่นบาสฯ แต่สุดท้ายก็ต้องจำใจเดินเข้าสนามแข่งเพื่อแย่งลูกกลม ๆ ยัดลงห่วง เพียงเพราะสาวที่เขาแอบปลื้มชื่นชอบนักกีฬาบาสเกตบอล จึงทำให้เรื่องวุ่น ๆ เกิดขึ้นไม่เว้นแต่ละวัน เมื่อเด็กหนุ่มไม่สนใจกีฬาบาสได้มาอยู่ในวงการ สัมผัสกับความฝันของคนในทีม
เคยไหมครับ รู้ทั้งรู้ว่าถูกนอกใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้…จะด่าจะว่าออกไปตรง ๆ ก็กลัวจะดูไม่งาม ทำได้แค่แชร์อะไรช้ำ ๆ ลงโซเชียล เพื่อให้เพื่อนฝูง และเธอคนนั้นได้รับรู้ว่า “กูเสียใจ” เมื่อความเจ็บช้ำ และอารมณ์โกรธ ไม่สามารถบอกออกไปได้ตรง ๆ เรามาใช้เนื้อเพลงเจ็บ ๆ ดนตรีช้ำ ๆ สื่อความหมายกันดีกว่า และนี่คือ 10 เพลงที่ UNLOCKMEN อยากจะแนะนำให้คนถูกนอกใจได้ฟัง พร้อมทำความเข้าใจความหมาย ให้หนุ่ม ๆ ได้ร้องเพลงพร้อมร้องไห้ให้ตายกันไปข้าง! Lie To Me – Depeche Mode Lie To Me จาก Depeche Mode เพลงเจ็บ ๆ จากวงซินธ์ป๊อปแถวหน้าแห่งยุค 80 ที่ว่ากันด้วยชายหนุ่มผู้เจ็บหนักจนไม่รู้จะพูดอะไรอีกต่อไป นอกเสียจากบอกเธอคนนั้นว่า เอาเลย…เชิญโกหกกันให้เต็มที่ “Come on and lie to me Tell
กว่าภาพยนตร์แต่ละเรื่องจะผ่านกระบวนการผลิตจนนำมาฉายให้เราได้ชมกันล้วนต้องผ่านขั้นตอนมากมายที่มีความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเขียนหรือพัฒนาบท การแคสติ้งนักแสดง ไปจนถึงการเตรียมงานโปรดักชัน สร้างเอฟเฟกต์พิเศษทำให้หนังบางเรื่องต้องให้เวลาผลิตหลายปี แม้จะเป็นเพียงขั้นตอนการเตรียมตัวถ่ายทำเท่านั้น นอกจากบทภาพยนตร์ที่เตรียมไว้ซึ่งจะช่วยให้การถ่ายทำในแต่ละฉากสามารถเล่าภาพในหัวที่ผู้สร้างต้องการออกมา อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ทีมงานสามารถลำดับภาพของหนังให้ชัดเจนมากขึ้นก็คือสตอรี่บอร์ด (Storyboard) ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ ไม่เฉพาะในอุตสาหกรรมภาพยนตร์เท่านั้น แต่รวมถึงการทำโฆษณา ไปจนถึงงานประเภท Motion Picture และ Animation ด้วย ทั้งหมดเป็นเหตุผลที่ภาพยนตร์แต่ละเรื่องเลือกใช้ศิลปินฝีมือดีมาช่วยสร้างสตอรี่บอร์ดสำหรับการถ่ายทำ วันนี้ UNLOCKMEN อยากพาชมความสวยงามของ 23 สตอรี่บอร์ดของ 23 ภาพยนตร์ดังที่รวมไว้ทั้งยุคสมัยเก่าและใหม่ สตอรี่บอร์ดของหนังแต่ละเรื่องจะถูกสร้างออกมาสวยงามและมีเอกลักษณ์แค่ไหน มาชมไปพร้อมกันเลย Alien (1979): Storyboards by Ridley Scott Jurassic Park (1993) Storyboards by David Lowery Transformers (2007) Storyboards by Ed Natividad There Will
ถ้าเป็นก่อนหน้านี้หากพูดถึงชื่อของ Joaquin Phoenix บางคนอาจจะไม่รู้จัก แต่คอหนังรางวัลจะต้องรู้จักชื่อของเขาเป็นอย่างดี เพราะเขาเป็นนักแสดงสายรางวัลที่ไม่ค่อยปรากฏตัวในหนังบล็อกบัสเตอร์เท่าไหร่นัก แต่ในเวลานี้หากเอ่ยชื่อของเขาอีกครั้ง คนส่วนใหญ่จะต้องยอมรับในความสามารถการแสดงจากบทบาทวายร้ายโรคจิตของเมือง Gotham อย่าง Joker ที่ใคร ๆ ก็ต้องขนลุกเมื่อได้ดูเขาสวมบทเป็นตัวตลกคลั่ง เมื่อ Joaquin Phoenix กลายเป็นชายที่ผู้ชมทั่วโลกจับตามอง เราจึงอยากพาทุกคนไปพบกับการตีบทแตกของนักแสดงชายคนนี้ ว่าที่ผ่านมาเขาเคยต้องรับบทเป็นใครมาแล้วบ้าง ซึ่งบอกเลยว่าดีทุกบท ไม่ใช่แค่ Joker WALK THE LINE (2005) “การตายของพี่ชายเกิดขึ้นเพราะพระเจ้าเอาไปผิดคน” ประโยคข้างต้นคือคำพูดที่พ่อพูดกับ Johnny Cash นักร้อง-นักแต่งเพลงชื่อดัง ผู้อยู่คู่เคียงกับ Elvis Presley ศิลปินแห่งยุค โดย Walk The Line (2005) คือภาพยนตร์ชีวประวัติของศิลปินคนหนึ่งกำลังจะตกลงมาจากจุดสูงสุดของอาชีพ พร้อมกับปมวัยเด็กและปัญหาครอบครัว เพราะภรรยาของเขาไม่เคยเห็นคุณค่าในอาชีพของเขา แถมตัวเขาเองดันหลงรัก June Carter ทั้งที่ตัวเองแต่งงานแล้ว เมื่อใจของ Johnny Cash ไปอยู่กับ June Carter
เพลง Yesterday จากสี่เต่าทอง The Beatles เรียกได้ว่าเป็นบทเพลงขึ้นหิ้งในชีวิตของใครหลายคน แม้เพลงนี้จะปล่อยออกมาตั้งแต่ปี 1965 และมีอายุมากถึง 54 ปีแล้ว แต่ก็ยังถูกนำมาแนะนำ เล่นซ้ำ และเป็นเพลงที่ถูกนำไปคัฟเวอร์มากที่สุดในประวัติศาสตร์โลก (ราว 2,200 เวอร์ชัน) เพลงของ The Beatles เปรียบเสมือนมรดกล้ำค่าที่คนรักเสียงดนตรีทุกคนยินดีจะส่งมอบจากรุ่นสู่รุ่น และหมั่นรักษาให้ความดีงามเหล่านี้ไม่เลือนหายไปตามกาลเวลา แฟนเพลง The Beatles อาจจะทราบอยู่แล้วว่า เพลง Yesterday นี้ ถูกแต่งขึ้นมาจากความฝันของพอล แม็กคาร์ตนีย์ คืนหนึ่งในห้องพักของเขาที่ Wimpole Street พอลได้ยินเมโลดี้อันแสนไพเราะเหล่านี้ล่องลอยอยู่ในความฝัน เขาสะดุ้งตื่นขึ้นมา ก่อนจะรีบลุกไปบรรเลงเพลงจากห้วงนิทราลงบนเปียโน เพื่อป้องกันไม่ให้โน้ตเหล่านี้เลือนหายไปจากความทรงจำ และเนื่องจากในวัยเด็ก พ่อของพอลมักเปิดเพลง Jazz ให้เขาฟังมากมายนับไม่ถ้วน เขาถึงกับใช้เวลาร่วมเดือนในการสอบถามเพื่อน ๆ ในแวดวงดนตรีว่าเคยได้ยินเมโลดี้เหล่านี้มาก่อนหรือไม่? เพื่อให้แน่ใจว่าตัวเองไม่ได้เผลอไปจดจำเมโลดี้ของใครแล้วเอามาแต่งเป็นเพลงตัวเอง จนสุดท้ายเขาก็ได้รู้ว่า เมโลดี้แห่งความฝันนี้คือเพลงของเขาอย่างแท้จริง แต่ก่อนหน้าที่เมโลดี้แห่งความฝันจะกลายมาเป็นเพลงชื่อ Yesterday จริง ๆ นั้น พอลเคยตั้งชื่อมันว่า Scrambled eggs
Green Day กับการเมืองเรียกได้ว่าเป็นของคู่กัน! หากคุณเป็นสาวกตัวจริงของวงนี้ คงจะพอจำกันได้ว่า ในงาน American Music Awards ปี 2016 ซึ่งเป็นปีที่ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ ชนะการเลือกตั้งพอดิบพอดี เสด็จพ่อ บิลลี โจ อาร์มสตรอง ฟรอนต์แมนของวง เคยกระทำการอุกอาจบนเวทีระดับชาติ ด้วยการตะโกนว่า “No Trump! No KKK! No fascist” ระหว่างเล่นเพลง Bang Bang อยู่บนเวที เล่นเอาเรียกทั้งเสียงฮือฮา และได้ใจผู้ไม่ฝักใฝ่ทรัมป์ไปทั้งประเทศ เพิ่มเติม: KKK คือ ‘เดอะ แคลน’ องค์กรเหยียดสีผิวหัวรุนแรง และ Fascist หมายถึงลัทธิฟาสซิสต์ กลุ่มเผด็จการชาตินิยม แน่นอนว่าการที่พวกเขาลุกขึ้นต่อต้านผ่านการแสดงนี้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นสนุก ๆ แต่อย่างใด ก่อนหน้านี้ไม่นาน บิลลี โจ เพิ่งจะให้สัมภาษณ์จิกกัดทรัมป์อย่างเปิดเผยผ่านนิตยสาร Kerrang! ไปหยก ๆ ว่า “ผมไม่ได้แรงบันดาลใจใด
เบื่อจะนั่งฟังเสียงฝนกระทบหน้าต่างที่ห้องเหงา ๆ คนเดียวหรือยัง? เบื่อการติดแหง็กไปไหนไม่ได้เพราะฝนตกมาเป็นอาทิตย์ ๆ แล้วหรือเปล่า? ถ้าใช่ เปลี่ยนวันฝนโปรยเหน็บหนาวให้เป็นวันที่อุณหภูมิพุ่งสูงกันหน่อยไหม? ลองชวนใครคนนั้นที่อยากอยู่ใกล้ ๆ มาดูหนัง 5 เรื่องนี้ไปด้วยกัน แม้ไม่มีฉากฝนตกเป็นประเด็นหลักของเรื่องให้เราอิน แต่ก็อาจทำให้เปียกแฉะหรืออุ่นจนร้อนกันไปข้าง THE DREAMERS เรื่องราวความสัมพันธ์ของฝาแฝดหนึ่งชายหนึ่งหญิงชาวฝรั่งเศสกับหนึ่งหนุ่มอเมริกันที่มาพบเจอกันในเมืองที่โรแมนติกและเต็มไปด้วยศิลปะอย่างปารีส คุณจะได้อุ่นจนร้อนคลั่งไปกับบทสนทนาเผ็ดเดือดว่าด้วยสังคม การเมือง ปรัชญา ศิลปะ แต่ในขณะเดียวกันหัวใจก็อาจเต้นไม่เป็นจังหวะด้วยฉากร้อนเร่าเกินบรรยายของตัวละครทั้งสามที่ผูกพันกันไว้ด้วยทัศนคติ วิธีคิดและเรือนร่างที่จะชวนให้วันฝนตกอุณหภูมิพุ่งทะลัก LOLITA เมื่อพ่อเลี้ยงหนุ่มใหญ่ ย้ายเข้าบ้านผู้หญิงที่คบหากัน แต่เธอคนนั้นก็มีลูกสาววัยกระเตาะพักอยู่ด้วย หนังจะพาเราไต่เขตแดนศีลธรรมของหนุ่มรุ่นพ่อกับสาวรุ่นลูกในพื้นที่อย่างบ้านหลังเล็ก ๆ ที่ดูจะมีเหตุให้ต้องใกล้ชิดเบียดแน่นกันอยู่ตลอดเวลา จะดูเพื่อร้อนวูบวาบทางใจกายก็ไม่เลว แต่หากอยากเดือดพล่านไปด้วยความหมิ่นเหม่ทางศีลธรรมที่สังคมอาจต้องช่วยกันหาคำตอบ เรื่องนี้ก็ไม่ทำให้ผิดหวังแน่ ๆ STEALING BEAUTY เมื่อสาวสะพรั่งวัย 19 ปีเดินทางไปยังเมืองหนึ่งในอิตาลี เธอหอบสัมภาระ หัวใจ และตัวเธอที่ยังไม่เคยมีความสัมพันธ์ทางกายกับใครไปเยี่ยมเพื่อนของแม่ แต่อีกเป้าหมายที่เธอตั้งไว้คือเธอจะต้องได้ร่วมรักกับใครสักคนที่นี่ เมืองที่แม่ของเธอก็มามอบเซ็กซ์ครั้งแรกให้ใครบางคนไว้เหมือนกัน บอกเลยว่าแค่ตัวเรื่องเล่าก็ชวนอุ่นผะผ่าวที่แก้มแล้ว แต่ด้วยบรรยากาศของเมืองในยุโรปที่ชวนฝัน แดดอบอุ่นและความงามของหญิงสาวและเรื่องราวของหนุ่ม ๆ ที่ผ่านเข้ามา
สำหรับผู้ชายทุกคน เรามักเอาชนะหรือพิชิตแต่ละเป้าหมายในชีวิตได้ด้วยความพยายามเสมอ เช่น หากผลงานที่ทำออกมายังไม่ดีพอก็ต้องพัฒนาความสามารถของตัวเองให้เพิ่มขึ้นไป หรือถ้ารู้ว่าตัวเองยังขาดความรู้ที่จำเป็นในเรื่องอะไร ก็ต้องใช้เวลาทำความเข้าใจจนเชี่ยวชาญ จนท้ายที่สุดสิ่งที่เราลงมือลงแรงไปก็สำเร็จออกมาเป็นผลด้านบวกตามความพยายามเสมอ แต่หนึ่งเรื่องที่หนุ่ม ๆ อย่างเราไม่เคยควบคุมได้เลย คือเรื่องของการเริ่มต้นและสานความสัมพันธ์กับผู้หญิงที่ชอบ โดยเฉพาะถ้าสาวคนนั้นอยู่ในฐานะเพื่อนหรือเพื่อนสนิทที่รู้จักกันดี พอมีโอกาสรุกคืบเริ่มจีบทีไร ก็รู้สึกกลัวการสูญเสียความสัมพันธ์ที่เคยมีไปจนทำให้เกิดคำถามว่า ผู้ชายจะเข้าหาเพื่อนเพื่อพิชิตใจอย่างไร ? วิธีที่ทาง UNLOCKMEN อยากเสนอเป็นตัวเลือกวันนี้คือ การเข้าหาพวกเธอผ่านทาง “เสียงดนตรี” เพราะสิ่งนี้คือตัวบ่งบอกถึงรสนิยมและตัวตนของพวกเธอได้เป็นอย่างดี รวมถึงเป็นพื้นฐานความชอบที่สามารถปรับตัวเข้ากันได้ง่ายซึ่งวิธีและขั้นตอนควรมีเทคนิคอย่างไร มาเรียนรู้ไปพร้อมกัน ทำความรู้จักแนวเพลงและศิลปินที่เธอชอบ เราจะไม่มีวันเข้าใกล้เธอผ่านทางเสียงดนตรีได้สำเร็จ ถ้าไม่เคยล่วงรู้เลยว่าเพื่อนสาวที่แอบชอบอยู่ มีรสนิยมการฟังเพลงแบบไหนหรือศิลปินที่ชื่นชอบของเธอคือใคร เพราะแนวดนตรีที่เธอหลงใหลจะเป็นตัวบอกให้เรารู้จักรสนิยมส่วนตัว รวมถึงเรื่องความหมายของเนื้อเพลงที่เธอเลือกฟังบ่อย ๆ สามารถนำมาตีความออกมาได้ว่าลึก ๆ แล้วเธอกำลังมองหาความสัมพันธ์แบบไหนให้ชีวิตอยู่กันแน่ แน่นอนว่าการจะเดินดุ่ม ๆ เข้าไปถามว่า เธอชอบฟังเพลงแบบไหนอยู่ ขอฟังด้วยคนสิ คงเป็นวิธีการที่ไม่โรแมนติกเอาเสียเลย แถมอาจทำให้เธอรู้ตัวจนไม่กล้าแสดงตัวตนจริง ๆ ออกมา ลองหันมาใช้วิธีการสังเกตและใส่ใจเพื่อดูว่าลิสต์เพลงโปรดของเธอจะมีเพลงแบบไหนรวบรวมเอาไว้อยู่บ้าง อาจขอเป็นคำแนะนำว่ามีเพลงแนวไหนที่น่าสนใจเป็นพิเศษ หรือไม่ก็ลองยืมเพลย์ลิสต์ใน Spotify ของเธอมาฟังแบบที่ไม่แสดงออกเจตนาว่าเรากำลังอยากทำความรู้จักเธอให้มากขึ้นเพื่อเริ่มต้นความสัมพันธ์ลับ ๆ ข้างเดียวอย่างราบรื่น แบ่งปันบทเพลงของคุณให้เธอได้รู้จัก หลังทำความรู้จักแนวเพลงที่เธอชอบไปแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะแบ่งปันความเป็นตัวเองให้เธอได้ทำความรู้จักตัวตนของคุณบ้าง ด้วยการแอบเนียนแบ่งปันเพลงและศิลปินที่คุณหลงใหลกลับไป แต่การจะหยิบความชอบส่วนตัวไปยัดใส่ใครตรง
‘โจ้ อภิสิทธิ์ โอภาสเอี่ยมลิขิต’ หลายคนอาจจะไม่คุ้นเคยกับชื่อนามสกุลนี้ เพราะฟังแล้วคลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นชื่อของดาราหรือนักการเมืองคนไหน แต่ถ้าหากเอ่ยชื่อ ‘Joey Boy’ (โจอี้ บอย) ขึ้นมาเมื่อไหร่ ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร อายุเท่าไหร่ อยู่ส่วนไหนในประเทศ เราเชื่อว่าคุณจะต้องร้องอ๋ออย่างแน่นอน บทเพลงของเขาคือยาปลุกความสนุกที่อยู่คู่คนไทยมาอย่างช้านาน ตลอด 25 ปี ที่เหยียบย่างเข้ามาในวงการ โจอี้ บอยเป็นทั้งนักร้อง นักแสดง โค้ช กรรมการรายการประกวดร้องเพลง นักกีฬายิงธนู หรือแม้กระทั่งนักกีฬาทีมชาติพารามอเตอร์ก็เป็นมาแล้ว เขาคือชายที่ผ่านมาหมดทุกเวที ไม่แปลกที่หลายคนจะยกย่องให้เขาเป็นมากกว่าแค่ศิลปิน แต่เป็นถึง ‘เอนเตอร์เทนเนอร์’ ระดับพระกาฬ ที่ยากจะมีใครเทียบเท่า และวันนี้ UNLOCKMEN จะมานั่งคุยสบายกับเซียนเวทีผู้นี้ ที่บอกกับทางทีมเราว่า “วันนี้ไม่ได้มาในร่างโจอี้ บอยนะ แต่มาในร่างพี่โจ้” จำเวทีแรกของตัวเองได้ไหม จริง แล้ว ออดิชันแรกของผมคือการเปิดหมวกครับ ตอนนั้นผมยังไม่ได้เป็นโจอี้ บอยเลย แค่เข้าไปคุยกับพี่ ๆ ที่เบเกอรี่มิวสิคว่าผมอยากเป็นนักร้อง อยากทำอัลบั้ม เขาก็ให้ทำแบบนี้ คือเอาเครื่องเสียงไปตั้งอยู่หน้าร้าน ‘เปี๊ยก ดีเจสยาม’ ร้องเพลงอย่างไรก็ได้ให้คนเข้ามาดู