ช่วงสิ้นปีแบบนี้ คงไม่มีเทศกาลไหนที่คนทั่วโลกรอคอยมากไปกว่าวันคริสต์มาส รวมถึงวันขึ้นปีใหม่แล้วล่ะ ตามหลักคำสอนของศาสนาคริสต์ วันคริสต์มาสซึ่งตรงกับวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปีนั้น ถือเป็นวันคล้ายวันประสูติของพระเยซูและเป็นวันที่พระเจ้าได้แสดงความรักต่อมนุษย์โลกนั่นเอง ในประเทศฝั่งตะวันตก วันคริสต์มาสเป็นวันครอบครัวที่สำคัญอีกวันหนึ่ง ผู้คนจะเดินทางกลับบ้านไปหาครอบครัว ร่วมรับประทานอาหาร แลกของขวัญ จุดเตาผิง สั่นกระดิ่ง แขวนถุงเท้า รวมไปถึงไฟสีสันสวยงามที่ประดับประดาอยู่ทุกหนแห่ง สำหรับเมืองไทยก็มีการฉลองเทศกาลนี้เช่นกัน ยิ่งช่วงนี้อากาศเริ่มเย็น ๆ ด้วยแล้ว มันใช่เลย เพื่อให้บรรยากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของคริสต์มาสและวันปีใหม่มากขึ้นไปอีก เพื่อเพิ่มบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง ทีมงาน UNLOCKMEN ขอเสนอซีรีส์และภาพยนตร์เหล่านี้ที่ให้ไปลองดูกันต้อนรับเทศกาลปีใหม่นี้ อะ เวรี่ เมอร์เรย์ คริสมาสต์ (A very Murray Christmas) บิล เมอร์เรย์ นักแสดงตลกที่โด่งดังมานานหลายทศวรรษเอาใจคนรักเทศกาลคริสต์มาสด้วยรายการตอนพิเศษ อะ เวรี่ เมอร์เรย์ คริสต์มาส (A Very Murray Christmas) ที่อัดแน่นไปด้วยสเก็ตช์ตลก และและการแสดงในรูปแบบมิวสิคัลมากมาย นอกจากนี้ บิล เมอร์เรย์ยังขนทัพนักแสดงรับเชิญมาสร้างเสียงหัวเราะและมอบความสุขมากขึ้น อาทิ จอร์จ คลูนีย์และไมลีย์ ไซรัส
หลังจากรอคอยกันมาถึง 2 ปี ก็ได้ฤกษ์ที่ภาพยนตร์สุดยิ่งใหญ่อย่าง Star Wars ตอนที่ 8 ในชื่อ The Last Jedi ออกฉายสู่จอเงินอีกครั้ง ซึ่งเรื่องราวของ Star Wars คงไม่ต้องท้าวความใด ๆ อีกต่อไปแล้ว เพราะทั้งหมดได้กลายเป็นหน้าประวัติศาสตร์ของโลกภาพยนตร์บทหนึ่ง ซึ่งเราสามารถสืบหาข้อมูลได้อย่างง่ายดาย Star Wars ถือเป็นมหากาพย์ภาพยนตร์ที่มีความแตกต่างจากภาพยนตร์เรื่องอื่น ๆ อย่างมาก เพราะมันเกิดขึ้นจากโปรเจ็คต์เล็ก ๆ ก่อนจะขยับขยายสร้างรายได้ให้กับตัวผู้กำกับ George Lucas อย่างมหาศาล ซึ่งถ้าใครเป็นสาวก Star Wars ก็จะพอทราบว่า แต่เดิมแล้ว Star Wars IV : A New Hope เป็นเพียงหนังอินดี้ทดลองงานไซไฟที่ไม่มีใครการันตีได้เลยว่าจะประสบความสำเร็จ และมีภาคต่อมาได้ยาวนานขนาดนี้ แต่ความมุ่งมั่นตั้งใจของ George Lucas ทำให้ปัจจุบันจักรวาลของ Star Wars โลดแล่นไปสู่จักรวาลอันสุดไกลโพ้น กลายเป็น sub-culture ที่ยิ่งใหญ่ของโลกไม่ต่างจาก
พ.ศ. นี้ถือเป็นยุคทองของดนตรีอิเล็กทรอนิกส์อย่างแท้จริง เพราะไม่ว่าจะหันไปทางไหนเราก็เจอแต่ดนตรีแนวเสียงสังเคราะห์เต็มไปหมด อีกทั้งเทศกาลดนตรี EDM หรือที่บ้านเราเรียกกันว่าเพลงตี้ดแทบจะมีออกมาเดือนชนเดือนให้บรรดาเหล่า raver ได้ออกไปโยกย้ายส่ายสะโพกตาม ๆ กัน ซึ่งแต่ละงานก็มีผู้เข้าร่วมจำนวนไม่น้อยกว่าหลักพันคนเลยทีเดียว สำหรับคนที่ไม่ได้สนใจในเรื่องของดนตรีฝั่งอิเล็กทรอนิกส์ คงมีข้อสงสัยว่าทำไมในปัจจุบันดนตรีที่เรียกว่า EDM รวมถึงเทศกาลดนตรีที่มีดีเจขึ้นไปยืนสแคชแผ่นบนเครื่อง CDJ ถึงได้กลายมาเป็น Mass Music ได้รับความนิยมมากกว่าดนตรีสดเสียที เพราะไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าขนาดงานมหกรรมดนตรีอย่าง Coachella และอีกมากมายยังต้องใช้ชื่อดีเจชั้นนำเหล่านั้นเป็นตัวดึงคนมาร่วมงาน โดยที่ทีมงานเองก็เกิดเป็นข้อสงสัยอีกเช่นกันว่าทำไมดนตรี EDM ถึงได้รับความนิยมถึงเพียงนี้ ย้อนกลับไปราว ๆ 1-2 ปีมานี้คนไทยคุ้นเคยกับแนวดนตรีสังเคราะห์มากยิ่งขึ้น เนื่องจากในต่างประเทศเองก็พยายามผลักดันแนวดนตรีเต้นรำให้กลายเป็นเพลงกระแสหลักของโลก โดยการนำเสนอวิธีใหม่ ๆ หยิบเพลงออกมาสู่งานเอ้าดอร์ด สร้าง vibe บรรยากาศใหม่ ๆ อย่างเช่น Ultra Music Festival , Tomorrowland , EDC ขึ้นเพื่อรองรับกับแนวดนตรีนี้โดยเฉพาะ ทำให้เพลงอิเล็กทรอนิกส์ไม่จำเป็นจะต้องอยู่ในคลับเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แล้วทำไมถึงต้องเป็น EDM ? ความจริงเรื่องนี้มันมีศาสตร์หลาย ๆ อย่างเข้ามาเกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นเรื่องของจิตวิทยาพฤติกรรมของมนุษย์ และหลักการณ์ทางวิทยาศาสตร์มาประกอบ ซึ่งทีมงานจะขอยกเอามาวิเคราะห์ชี้แจงเป็นข้อ
หลังจากหายไปนาน THE REAL SLIM SHADY ก็กลับมาฝากผลงานชิ้นใหม่อีกครั้ง ในยุคที่ RAPPER 2017 ต่างเปลี่ยนคำจำกัดความของการ RAP ไปอย่างสิ้นเชิง จากการพูดถึงสภาพสังคมแบบที่ OLD SCHOOL RAPPER ทำกันตั้งแต่สมัย 60s ปัจจุบันกลายเป็นเพลงอวดรวยของ CELEBRITY วัยรุ่น ที่แม้แต่ฝรั่งยังฟังไม่รู้เรื่อง การกลับมาครั้งนี้ของ EMINEM จึงเป็นสิ่งที่หลายคนเฝ้ารอ และ ‘UNTOUCHABLE’ single ใหม่ ที่จะอยู่ในอัลบั้ม Revival เตรียมปล่อยออกมาในอีกไม่นาน ก็ได้ระบายสภาพสังคมในปัจจุบันได้อย่างสะใจ ‘UNTOUCHABLE’ พูดถึงเรื่องความไม่เท่าเทียมกันของสัมคมอเมริกัน มีการพูดถึงเรื่อง White Privilege ที่แม้แต่ในยุค 2017 คำว่า RACISM ก็ยังคงอยู่ในกลุ่มคนผิวสี แม้สื่อหรือปากนักการเมืองจะพ่นแต่เรื่องความเสมอภาค แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงกระทำรุนแรง ใช้อาวุธ ยิงกันถึงขั้นเสียชีวิตทั้งเด็ก ผู้หญิง คนแก่ ซึ่งเป็นการกระทำที่ EM มองว่าเกินกว่าเหตุ และคนผิวขาว ก็ดูจะมีสิทธิพิเศษมากมาย เป็นที่มาของชื่อเพลง UNTOUCHABLE
สำหรับวันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปี เชื่อว่าชาวไทยทุกคนคงจะรู้ดีอยู่แล้วว่าคือวันอะไร ถึงแม้ว่า 2 ปีที่ผ่านมาจะมีบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไป แต่ความรักของประชาชนชาวไทยที่มีต่อพ่อนั้น คงจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล นอกจากนั้นแล้ว วันที่ 5 ธันวาคม ยังเป็นอีกหนึ่งวันที่ลูก ๆ ทุกคนมักจะทำอไรต่าง ๆ นา ๆ เพื่อแสดงความรัก และแสดงความกตัญญูตอบแทนบุญคุณอันยิ่งใหญ่ที่ให้เราได้เกิดมา จะว่าไป พ่อ ไม่ได้มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับลูก ๆ เพียงแค่เรื่องของสายเลือดเท่านั้น โดยเฉพาะในผู้ชายอย่างเราด้วยแล้ว พ่อนั้นถือว่าเป็นผู้ที่มีอิทธิพล และเป็นเหมือนแม่พิมพ์ที่หลอมรวมตัวตนของเราขึ้นมาเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นท่าทาง กิริยา หรือแม้กระทั่งนิสัย เพราะโดยส่วนใหญ่แล้ว ลูกชายจะเรียนรู้ และจดจำการกระทำของผู้ชายที่อยู่ใกล้ชิดที่สุด และยกย่องนับถือที่สุดตั้งแต่จำความได้นั่นเอง ดังนั้น เรามักได้ยินวลีอย่าง ‘Like Father Like Son’ หรือที่คนไทยมักจะพูดว่า ‘ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น’ อยู่บ่อย ๆ ถึงอย่างไรก็ตาม ลูกผู้ชายอย่างเรา กับพ่อที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน บางครั้งมันก็ยากที่จะแสดง หรือพูดความในใจออกไป จะให้ไปทำตัวตุ้มติ๋ม บอกรักพ่อฟรุ้งฟริ้งแบบที่ลูกผู้หญิงเขาทำกันก็รู้สึกทั้งอายแล้วก็ไม่กล้า จึงทำให้ลูกชายมักพลาดโอกาสที่จะแสดงความรักต่อพ่อไป
โดยปกติของการทำแคมเปญการตลาดของแบรนด์ หรือการทำเพลงของศิลปินทุกคน คิดอะไรได้ต้องรีบปล่อยให้เร็ว ต้องเข้าถึงผู้คนให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ บางแคมเปญถึงขั้นทำเรื่องฉาวให้ VIRAL เพื่อสร้างยอดขาย ให้คุ้มค่าเงินลงทุน แต่แคมเปญ CSR ของ LOUIS XIII CONGAC ชั้นนี้ ทำได้อย่างกล้าหาญจนเราอยากชวนให้ทุกคนลุกขึ้นปรบมือ เพราะมีทั้งความเท่ และยังสะกิดต่อมให้คนทั้งโลก โดยเฉพาะแฟนเพลงของ PHARRELL WILLIAMS ลุกขึ้นมาช่วยกันรักษ์โลกต่อไปอีกอย่างน้อย 100 ปี ถ้าอยากจะฟัง ‘100 YEARS’ SINGLE สุด EXCLUSIVE ที่จะปล่อยให้ฟังในปี 2117 หรืออีก 100 ปีข้างหน้า ถ้าโลกนี้ยังไม่จมน้ำไปก่อน LOUIS XIII CONGAC ได้ร่วมมือกับ PHARRELL WILLIAMS ในการแต่งเพลงสุดพิเศษชึ้นมา โดยใช้ความคิดสร้างสรรค์บนเรื่องของระยะเวลา และการดูแลสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ทุกคนตระหนักถึงผลกระทบที่เรากระทำต่อโลก พร้อมเสนอรางวัลล่อใจ ถ้าทุกคนช่วยกันประคองโลกให้มีอายุอยู่รอดไปอีก 100 ปี ด้วยการให้ PARRELL WILLIMAS อัดเพลงใหม่ล่าสุดที่ไม่มีใครที่ไหนเคยฟังมาก่อน RECORD
หากพูดถึงพ่อ คนส่วนใหญ่ก็จะนึกถึงหัวหน้าครอบครัวที่ไม่ค่อยจะพูดหรือแสดงออกทางอารมณ์มากนัก แต่ในฐานะของความเป็นพ่อ เชื่อได้ว่าพ่อทุกคนมีสัญชาตญาณแห่งความเป็นพ่อตั้งแต่ได้รู้ว่ามีสิ่งชีวิตน้อยๆ ที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตนได้ถือกำเนิดขึ้น และพร้อมที่จะทำหน้าที่ในการปกป้องดูแลอย่างเต็มที่ เนื่องในวันพ่อปีนี้ เราจะขอยก 7 ตัวละครคุณพ่อที่ควรค่าแก่การพูดถึง ยกย่อง และชื่นชมในฐานะผู้นำครอบครัว ฮีโร่ของลูกและตัวอย่างที่ดีให้กับผู้อื่น พาโบล เอสโกบาร์ จาก Narcos พาโบล เอสโกบาร์ เจ้าพ่อโคเคนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศโคลอมเบียและของโลก ที่มีลุคเหี้ยมโหด ดุดันจากสายตาของคนภายนอก แต่สำหรับลูกของเขา พาโบลคือคุณพ่อที่รักและเป็นฮีโร่ตัวจริง พาโบลคอยบอกและแสดงออกให้ลูกชายเขาเห็นถึงความสำคัญของการเป็นหัวหน้าครอบครัว พร้อมทั้งย้ำเสมอว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ครอบครัวต้องมาก่อน นอกจากนี้พาโบลยอมเสียสละทุกอย่างและทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องเพื่อลูกและภรรยาของเขา อาทิ เขาเผาเงินกว่า 2 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อให้ลูกสาวผิงไฟเมื่อเธอหนาว เป็นต้น วอลเตอร์ ฮาร์ทเวล ไวท์ ซีเนียร์ จาก Breaking Bad วอลเตอร์ ไวท์ อดีตอาจารย์สอนวิชาเคมีในไฮสคูลที่ต้องผันตัวมาเป็นผู้ผลิตยาเสพย์ติดเพื่อหาเงินมาเลี้ยงครอบครัวในอนาคตและรักษาตัวจากโรคมะเร็งระยะที่3 วอลเตอร์และภรรยามีลูกชาย 1 คนที่เป็นโรคสมองพิการ และลูกสาวที่ภรรยาของเขากำลังตั้งครรภ์ (คลอดในตอนท้ายของซีซันที่ 2) แม้ว่าสภาพแวดล้อมและปัญหาชีวิตกดดันให้วอลเตอร์ต้องทำเรื่องผิดกฎหมาย แต่ในฐานะพ่อและสามีเขายอมทำทุกอย่างเพื่อชีวิตที่ดีที่สุดของลูกและภรรยา โดยเฉพาะกับลูกชาย วอลเตอร์อยู่เคียงข้างให้กำลังใจและผลักดันให้เขาสู้และมองข้ามความผิดปกติ รวมทั้งปลูกฝังให้เขาเป็นผู้นำครอบครัว
1-800-273-8255 นี่ไม่ใช่เบอร์มงคล หรือดูดวงเสี่ยงโชคแต่อย่างใด เพราะมันคือชื่อเพลงสุดแปลกที่กำลังเป็นกระแสสังคมในประเทศสหรัฐอเมริกาอยู่ขณะนี้ โดยเจ้าของบทเพลงดังกล่าวคือแร็ปเปอร์ผิวขาววัย 27 ปี นามว่า Logic ซึ่งน่าแปลกว่าผลงานก่อนหน้านี้ของเขาแทบจะไม่เป็นที่คุ้นหูนักฟังเพลงเสียเท่าไหร่ แต่กลับสร้างผลงานสตูดิโอชุดที่สามได้อย่างกระแทกใจคนฟัง โดยเปลี่ยนมุมมองจากการพูดถึงตัวเอง มาเล่าเรื่องปัญหาของคนอื่น จนเป็นที่มาของชื่ออัลบั้ม “Everybody” โดยมีเพลง 1-800-273-8255 อยู่ในนั้น สาเหตุที่เพลงตัวเลขนี้ถูกพูดถึงและส่งต่ออย่างมากบนโลกออกโลน์น่าจะมาจากเนื้อหาภายในเพลงที่พูดถึง การฆ่าตัวตาย ซึ่งถือเป็นประเด็นใหญ่ในสังคมอเมริกาที่ปัจจุบันมีการพูดและถกเถียงกันอย่างมาก เพราะปัญหาการฆ่าตัวตายในวัยรุ่นมีเปอร์เซ็นต์มากขึ้น อีกทั้งจะเห็นได้ว่าในปีที่ผ่านมานักร้องชื่อดังอย่าง Chester Bennington และ Chris Cornell ตัดสินใจทำอัตวินิบาตกรรม ทำให้เริ่มมีการกลับมาทบทวนในเรื่องนี้กันอย่างจริงจัง โดย 1-800-273-8255 คือเบอร์สายด่วนของศูนย์ป้องกันการฆ่าตัวตายแห่งชาติ และ Logic ต้องการมุ่งหวังให้เพลงนี้สามารถไปช่วยเหลือคนที่คิดจะฆ่าตัวตายให้เปลี่ยนใจ และเขาอยากจะสะท้อนถึงแก่นของปัญหาว่าประเด็นการฆ่าตัวตายของวัยรุ่นที่คนรอบตัวอาจจะไม่ทันได้นึกคิดว่าเราอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เขาตัดสินใจลาจากโลกนี้ไป เหมือนกับเช่นใน Music Video ที่ได้ถ่ายทอดเรื่องราวของเด็กวัยรุ่นผิวสีที่กำลังต่อสู้กับโรคซึมเศร้าเนื่องจากตัวเองเป็นเกย์ จนคิดจะฆ่าตัวตาย เพราะโดนกดดันจากสังคม หลายคนอาจจะตั้งข้อสงสัยว่าแล้วแค่เพลงเดียว จะมีผลช่วยให้ปัญหาการฆ่าตัวตายลดลงได้อย่างไร ? แต่เชื่อหรือไม่ว่าหลังจากที่ Logic ได้ขึ้นแสดงเพลงนี้ในงาน MTV VMAs 2017 ปรากฎว่ามีสายโทรศัพท์โทรมาขอรับคำปรึกษาจาก ศูนย์ป้องกันการฆ่าตัวตายแห่งชาติ (ตามชื่อเพลง) เพิ่มขึ้นถึง 50
สำหรับนักฟังเพลงแล้ว วงอย่าง Stone Temple Pilots ถือว่าเป็นอีกวงดนตรีหนึ่งที่เป็นขวัญใจของใคร หลาย ๆ คน โดยเฉพาะตัวนักร้องนำอย่าง Scott Weiland ที่แม้จะเสียชีวิตไปแล้ว แต่สิ่งที่เขาฝากเอาไว้ไม่ว่าจะเป็นผลงานการเขียนเนื้อร้อง เสียงร้อง มุมมอง และยังมีบทสัมภาษณ์อีกหลายอันที่น่าสนใจเกี่ยวกับชีวิตของผู้ชายคนนี้ วันนี้ UNLOCKMEN จึงได้นำเอาบทสัมภาษณ์ของนักร้องที่มีเอกลักษณ์ในตัวตนชัดเจนจากการถือโทรโข่งร้องลั่นอยู่บนเวทีอย่าง Scott Weiland ที่เคยได้ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Rock n roll ชื่อดังอย่าง Rolling Stone มาให้ได้อ่านกัน หากใครเป็นแฟนของ Stone Temple Pilots และ Scott Weiland ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง ในครั้งที่ Scott Weiland ได้นั่งลงให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Rolling Stone ช่วงเดือนมิถุนายนปี 2007 เขามีอายุได้ 39 ปี และนั่นเป็นครั้งแรกของการพูดคุยกันระหว่างเขากับนิตยสาร Rolling Stone แต่หลังจากนั้นเขาก็มีโอกาสได้ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Rolling Stone
หลายครั้งที่เราได้นำเสนอ Playlist ของเพลงที่เหมาะแก่การฟังในช่วงเวลาต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Playlist สำหรับการออกกำลังกาย, Playlist สำหรับเพิ่มพลังในการทำงาน รวมไปถึงเหตุผลมากมายที่อธิบายให้ทุกคนเข้าใจว่า ทำไมการฟังเพลงถึงช่วยทำให้ช่วงเวลาเหล่านั้นของคุณเป็นช่วงเวลาที่ดีขึ้นได้ ซึ่งคงมีหลาย ๆ น่าจะได้นำไปทดลองฟังด้วยตัวเอง รวมถึงบางคนที่อาจจะฟัง Playlist ที่เราเคยแนะนำไปให้ก่อนหน้านี้แล้วรู้สึกว่ามันสามารถช่วยได้จริง ๆ ก็เลยฟังมันซ้ำไปซ้ำมาทุกวันจนตอนนี้รู้สึกว่า ต้องการ Playlist ใหม่ ๆ บ้างแล้ว วันนี้เราเลยจัด Playlist ใหม่ ที่สามารถช่วยทำให้คุณมีพลังได้ทันทีตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้นมา และยังสามารถฟังยาว ๆ ไปได้ตลอดทั้งวัน จนถึงกระทั่งเวลาก่อนนอนมาให้กับชาว UNLOCKMEN โดยเฉพาะเลยทีเดียว Playlist ที่ว่านี้ เป็นการรวมเพลงที่ถูกคัดกรองมาแล้วว่า ทุกเพลงนอกจากจะช่วยลดความเครียดในระหว่างวันได้แล้ว เพลงใน Playlist นี้ยังช่วยให้คุณมีช่วงเวลาที่ดียิ่งขึ้นได้ ไม่ว่าคุณจะทำกิจกรรมอะไรอยู่ก็ตาม ถ้าหากใครกำลังมองหา Playlist จาก Spotify ที่สมบูรณ์แบบสำหรับเพิ่มสุขในการดำรงชีพที่มีความหลากหลาย และต่อเนื่องยาวนาน แต่ไม่อยากจะเสียเวลาตามหามันด้วยตัวเองแล้วล่ะก็ วันนี้ถือเป็นโชคดีนาทีทองของคุณแล้ว เพราะเราได้จัด 9 Playlist ระดับคุณภาพที่คุณจะต้องประทับใจมาให้ที่นี่ โดยที่คุณมีหน้าที่แค่กดฟังเท่านั้นก็สามารถแฮปปี้กับชีวิตได้ทันที
ว่ากันว่า ผู้ชายอย่างเราต่อให้โตแค่ไหนก็ยังคงมีความเป็นเด็กผู้ชายในอดีตติดตัวอยู่เสมอ อย่างตอนเป็นเด็ก ของเล่นที่เด็กผู้ชายโปรดปรานก็มีอยู่ไม่กี่อย่าง อาจจะเป็นรถของเล่น หรือปืนของเด็กเล่น ที่ดูเหมือนว่าจะฝังอยู่ในจิตใจ ส่งผลให้ผู้ชายอย่างเราสนใจในของสองสิ่งนี้อยู่ตลอดเวลา ถึงแม้ว่าในชีวิตประจำวันจะไม่จำเป็นต้องมีมันไว้ในครอบครองก็ตาม วันนี้เราจะพาผู้ชายทุกคนย้อนวัยไปในเรื่องของอาวุธอย่าง ปืนพก แถมยังไม่ใช่ปืนพกธรรมดา ๆ ทั่วไป แต่มันเป็นปืนพกที่มาจากภาพยนตร์ชื่อดังที่ถ้าหากใครเคยดูก็คงจะมีความรู้สึกคล้าย ๆ กันว่า “เชร้ดด..ปืนอะไรทำไมโคตรเท่!?” นั่นก็คือ Romeo+Juliet นั่นเอง เนื้อหาของภาพยนตร์เรื่องนี้นั้น เป็นเรื่องของความรักที่เกิดขึ้นระหว่างสงคราม และความบาดหมางของ 2 ตระกูลดังอย่าง Capulet และ Montague โดยหลังจากที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ออกฉาย ก็มีคนมากมายที่มีอาวุธปืนเป็นของตัวเองอยู่แล้ว ได้นำเอาอาวุธคู่ใจตรงดิ่งไปที่ร้านแต่งปืนเพื่อทำการ Custom ให้ปืนของพวกเขามีสภาพเหมือนในหนังกันมากมาย นั่นก็เพราะความสวยของปืนแต่ละกระบอกนั้น มันยากจะบรรยายจริง ๆ วันนี้เราจึงได้นำเอาปืนพกเจ๋ง ๆ ที่ปรากฎอยู่ในหนังมาให้ได้ดู และรู้จักกันว่า จริง ๆ มันมีชื่อมีหน้าตา รวมไปถึงมีความเป็นมาอย่างไร ก่อนที่มันจะถูกโมดิฟายจนสวยเฉียบขาดบาดตาอยู่ในหนัง ก่อนอื่นต้องขอบอกให้รู้เอาไว้ก่อนว่า Romeo+Juliet ในเวอร์ชั่นนี้นั้น ถูกดัดแปลงมาจากบทประพันธ์อมตะของ William Shakespeare และเข้าโรงภาพยนตร์มาตั้งแต่ปี 1996 ดังนั้น มันจึงถูกประยุกต์ให้ทันสมัยใกล้เคียงโลกความจริงในปัจจุบัน
แม้ว่าการรับชมภาพยนตร์จะเป็นกิจกรรมเพื่อการพักผ่อนอย่างหนึ่งที่มุ่งเน้นให้ความบันเทิงเริงรมย์เป็นหลัก แต่ภายในภาพยนตร์ส่วนใหญ่มักสอดแทรกเรื่องราวแง่คิดต่าง ๆ ไว้ หากเราใช้วิจารณญาณในการรับชมก็จะได้รับบทเรียน ประสบการณ์ที่สามารถนำไปปรับใช้กับชีวิตประจำวันของตัวเองได้ต่อไป ดังเช่นบทเรียนล่าสุดที่ทีมงาน UNLOCKMEN ได้จากการรับชมซีรีส์เรื่อง Walking Dead เกี่ยวกับภาวะการเลือกเป็นผู้นำ ซึ่งเราสามารถเรียนรู้ผ่านตัวละคร Protogonist และ Antagonist ในเรื่องความชัดเจนของการดูแลบริวารของตัวเอง ผ่านวิธีการที่แตกต่างกันออกไป ต้องยอมรับว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Walking Dead พยายามให้แง่คิดกับคนดู เพราะหากใครเป็นแฟนพันธ์ุแท้ของเรื่องนี้ก็คงพอจะทราบว่าตลอดเวลา Walking Dead ได้พยายามสอดแทรกเรื่องของคุณธรรม จริยธรรมการเป็นมนุษย์ จนมันเป็นภาพยนตร์ที่ให้อะไรมากกว่าแค่หนังซอมบี้ไล่ฆ่าคนทั่วไป *เนื้อหาต่อไปนี้อาจจะมีการสปอยล์บางส่วนของซีรีส์ดังนั้นหากใครไม่อยากสูญเสียอรรถรสควรจะข้ามคอนเทนต์นี้ไป ใน Walking Dead เราจะสามารถแยกตัวละครสองตัวที่มี conflict กันอย่างชัดเจนนั่นคือนายอำเภอ Rick Grime และ Negan ไบเกอร์ขาโหด ซึ่งเราได้วิเคราะห์พฤติกรรมของทั้งสองอ้างอิงจากงานวิจัยของ Daniel Goleman และทีมของเขาในชื่อ “Leadership that gets results, a landmark 2000 Harvard business review