สำหรับหนุ่ม ๆ ที่เป็นสาวกรองเท้าจากค่าย Nike โดยเฉพาะโมเดล Air Max 1 คงต้องเตรียมเงินกันให้พร้อม ถ้าได้เห็นภาพต้นแบบ “TINKER” ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากภาพร่างดั้งเดิมของรองเท้า Air Max 1 ที่ Tinker Hatfield เคยวาดไว้ตั้งแต่ปี 1984 ซึ่งมีภาพหลุดออกมาถึง 3 สีด้วยกัน หลายคนอาจยังไม่ทราบว่าชายที่ชื่อ Tinker Hatfield เป็นใครหรือมีความสำคัญกับ Nike มากขนาดไหน แต่สำหรับสาวกของค่าย Swoosh คงทราบกันดีว่าเขาคือชายที่อยู่เบื้องหลังการออกแบบรองเท้ามากมายในค่าย Swoosh ไล่ตั้งแต่ Air Jordan 3-15 รวมถึง Air Jordan XX, XXlll และ XXV รวมไปถึงรองเท้ากีฬาที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามอย่าง Air Max 90 และ Air max 1 แต่ใครจะรู้ว่าภาพร่างของเขาที่วาดเอาไว้เมื่อ 35 ปีที่แล้วจะกลายมาเป็นแรงบันดาลในการออกแบบแคปซูล
Michael Fassbender ถือเป็นนักแสดงชายแถวหน้าของฮอลลีวูด ด้วยผลงานแสดงมากมากมายไม่ว่าจะเป็นบท Bobby Sands จากเรื่อง Hunger ไปจนถึงบทสุดท้าทายเกี่ยวกับชายหนุ่มติดเซ็กซ์ในเรื่อง Shame หรือบทเจ้าของฟาร์มโรคจิต 12 Years A Slave หรือบทที่ทุกคนจำเขาได้แม่นกับ Magneto ในแฟรนไชส์ X-Men และก็เคยมีชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ถึงสองครั้งจากบทบาทการแสดงที่หลากหลายของเขา หลังจากที่เห็นผลงานด้านการแสดงมามากแล้ว ทำให้ UNLOCKMEN ต้องการสำรวจแฟชั่นของหนุ่มมาดเท่คนนี้ว่าแต่ละสถานการณ์ที่แตกต่างกันไป Michael Fassbender จะเป็นชายที่มีสไตล์การแต่งตัวแบบไหน แฟชั่นเสื้อโปโลในวันสบาย ๆ Michael Fassbender คือชายหนุ่มที่อยู่ในวงการบันเทิงมาตั้งแต่วัยรุ่น ทำให้เราเห็นสไตล์การแต่งตัวที่หลากหลายจากเขา อย่างเช่นปี 2011 หรือประมาณ 8 ปีก่อนในงาน International Film Festival ก็จะเห็น Michael หนุ่มวัยรุ่นแต่งตัวเซอร์ ๆ ด้วยเสื้อยืดสีขาวพอดีตัวกับกางเกงยีนสีน้ำเงิน กับแหวนเงินเท่ ๆ และแว่นกันแดด แต่เมื่อเวลาผ่านไปสไตล์การแต่งตัวของเขาก็เปลี่ยนไปตามวัย Michael Fassbender มักแต่งตัวสบาย
SWATCH (สวอท์ช) แบรนด์นาฬิกาชั้นนำระดับโลกจากสวิตเซอร์แลนด์ จัดงานปาร์ตี้สุดเอ็กซ์คลูซีฟเปิดตัวคอลเลคชั่นไฮไลท์แห่งปี ‘BIG BOLD’ จากไอเดียสุดขบถ สู่นาฬิกาดีไซน์สุดคูลที่แฝงกลิ่นอายสายสตรีท เพื่อเหล่าผู้กล้าที่จะแตกต่าง และไม่กลัวที่จะแสดงความเป็นตัวเอง จัดเต็มความสนุกสนานด้วยปาร์ตี้มันสุดเหวี่ยงจากดีเจชื่อดังและสตรีทแดนซ์โชว์ที่มาร่วมสร้างสีสันภายในงาน พร้อมด้วยเหล่าสตรีทไอคอนแถวหน้าของเมืองไทย อย่าง ปิ๊น อนุพงศ์ (ปิ๊น Carnival), บ็อบ วรากฤช (บ็อบ V.A.C. Thailand), จี๊ด เมืองสิริขวัญ, บอล กันตพัฒน์ (บอล SneakaVilla) และเหล่าบรรดาแฟชั่นไอคอนที่มาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง ณ Swatch Flagship Store, Central World ชั้น 1 จักรพันธ์ ญาณประสิทธิ์เวทย์ ผู้จัดการแบรนด์ SWATCH ประเทศไทย กล่าวว่า “แบรนด์นาฬิกา “สวอท์ช”เกิดขึ้นจากการขับเคลื่อนแนวคิดในแบบคนรุ่นใหม่ที่ปฏิวัติรูปแบบนาฬิกาสวิสที่ทั่วโลกรู้จัก ความไม่หยุดนิ่งในการพัฒนา เพื่อให้ก้าวทันโลกด้วยไอเดียที่สร้างสรรค์และสดใหม่รวมถึงยังสนับสนุนทุกแรงบันดาลใจของการใช้ชีวิต ในแง่ของศิลปะและกีฬา การเปิดตัวคอลเลคชั่น BIG BOLD นี้ นับเป็นการตอกย้ำถึงแนวคิดที่สำคัญของแบรนด์อย่างการหยิบวัฒนธรรมย่อยอย่างสตรีทคัลเจอร์มาถ่ายทอดลงบนเรือนเวลาได้อย่างลงตัวเพื่อสนองความต้องการของกลุ่มคนที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น และด้วยที่มาจากไอเดียสุดขบถของนาฬิกา คอลเลคชั่นนี้ ทำให้
ตลาดรองเท้าทั่วโลกกำลังขยายตัวขึ้นเรื่อย ๆ เพราะผู้คนหันมาพิถีพิถันกับเครื่องแต่งกายชิ้นนี้มากขึ้น ทำให้แต่ละปีมีโมเดลรองเท้าทั้งรุ่นเก่า รุ่นใหม่ รวมถึงงานคอลแลปส์จำนวนมากปล่อยออกมาเรียกเงินในกระเป๋าของหนุ่ม ๆ อย่างเราไปไม่น้อย แต่ท่ามกลางรองเท้าจำนวนมากกลับมีเพียงไม่กี่โมเดลเท่านั้นที่เรารู้จัก ยิ่งโมเดลที่สามารถยืนระยะยาวนานในทุกยุคทุกสมัยยิ่งมีน้อยลงไปอีก แต่ถ้าจะให้ยกสักโมเดลในตำนานจาก Nike ชื่อของ Air Force-1 (AF-1) คงเด่นชัดขึ้นมาในใจของใครหลายคน และนี่คือเรื่องราวความเป็นมา รวมถึงเหตุผลที่ทำให้เสน่ห์ของมันไม่เคยเสื่อมคลายไม่ว่ากี่ยุคกี่สมัย จุดกำเนิดของตำนาน Air Force 1 “Air In a Box“ คือสโลแกนที่ Nike ใช้เปิดตัวผลิตภัณฑ์รองเท้ารุ่นใหม่ของพวกเขาเมื่อปี 1982 โดยถือเป็นครั้งแรกที่คนทั้งโลกได้รู้จักโมเดลรองเท้าที่ดีไซน์แบบ High-Top ซึ่งมีเอกลักษณ์จากอัปเปอร์วัสดุหนังสีขาวยาวหุ้มข้อ มีแถบคาดที่ทำจากผ้าโทนสีเดียวกัน ก่อนตกแต่งเอาต์โซลและโลโก้ Swoosh สี Neutral Grey พร้อมส่วนโซลขนาดใหญ่ที่เป็นจุดเด่น ก่อนตั้งชื่อให้มันว่า Air Force 1 ตามชื่อเรียกเครื่องบินส่วนตัวของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดยรองเท้าคู่นี้เป็นฝีมือการออกแบบของสุดยอดดีไซน์เนอร์อย่าง Bruce Kilgore ในเวลานั้น Air Force 1 เปิดตัวออกมาในฐานะรองเท้าบาสเกตบอลคู่แรกของค่าย Swoosh ที่ใช้เทคโนโลยี “AIR” เพื่อเพิ่มความนุ่มสบายและรองรับแรงกระแทกเพื่อให้เหมาะสมกับกีฬายัดห่วง โดยเปิดตัวแคมเปญโฆษณาชิ้นแรกพร้อมสตาร์จาก NBA
ถือเป็นข่าวใหญ่อีกครั้งสำหรับวงการสนีกเกอร์และแฟชั่นเครื่องกีฬา จากเหตุการณ์การฟ้องร้องระหว่างแบรนด์รองเท้าชื่อดังอย่าง Adidas กับ Skechers ที่ทำให้หลายคนจับตามอง ซึ่งหลังจากขึ้นโรงขึ้นศาลกันมาหลายครั้งในที่สุดบทสรุปของคดีความเรื่องการถือครองลิขสิทธิ์บนภาคพื้นยุโรปก็ออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะคนในวงการรองเท้ากีฬา วงการแฟชั่น หรือคนอื่น ๆ ก็คงมีความเข้าใจตรงกันเกี่ยวกับตราสัญลักษณ์ของแบรนด์ Adidas แถบสามขีดหรือที่เรียกกันว่า Three-Bar Logo และเมื่อเห็นแถบสามขีดบนรองเท้าคนส่วนใหญ่ก็จะรู้ทันทีว่ามันคือรองเท้าของ Adidas อย่างไรก็ตามดูเหมือนความเข้าใจของคนทั่วโลกก็อาจจะไม่หนักแน่นพอสำหรับการขึ้นศาลยุโรปของแบรนด์เครื่องกีฬาชื่อดัง การฟ้องร้องเกี่ยวกับลิขสิทธิ์ครั้งนี้เกิดขึ้นในปี 2018 เมื่อแบรนด์สนีกเกอร์ Skechers ถูกฟ้องร้องโดย Adidas ว่ารองเท้ารุ่นหนึ่งของแบรนด์มีแถบด้านข้างที่คล้ายกับแถบสามขีดที่เป็นสัญลักษณ์ของ Adidas มากจนเกินไป กรณีการฟ้องร้องของ Adidas ใช่ว่าจะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ย้อนไปอีกพักใหญ่ แบรนด์ Payless เคยถูกฟ้องข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ปี 2008 โดยใช้แถบสี่ขีดคล้ายกับ Three-Bar Logo ทำให้ Adidas ได้เงินจากการฟ้องครั้งนั้นไปถึง 305 ล้านดอลลาร์ หรือกว่าหนึ่งหมื่นล้านบาทเลยทีเดียว ส่วน Macr Jacobs โดนฟ้องในปี 2015 ต้องยกเลิกการขายผลิตภัณฑ์ที่แบรนด์เครื่องกีฬาบอกว่าคล้ายคลึงกับสัญลักษณ์ของแบรนด์ นอกจากนี้ Thom Browne ก็เคยถูก Adidas ฟ้องมาแล้วเหมือนกันเพราะลายเสื้อมีแถบสามขีดจนทำให้
การแข่งม้าสำหรับอังกฤษอาจไม่ใช่การแข่งม้าธรรมดาเหมือนอย่างบ้านเรา แต่เป็นงานสังคมของชนชั้นสูง ตามที่หลายคนมักชอบพูดกันว่า “ชาวบ้านเป็นคนเลี้ยงม้า แต่ไม่ได้เป็นเจ้าของม้า” เพราะค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงม้าเป็นอะไรที่สูงมาก แถมยังต้องมีเนื้อที่เพียงพอสำหรับทำคอกม้าอีก ดังนั้นกีฬาที่เกี่ยวกับม้าอย่างโปโลหรือการแข่งขันความเร็วของม้าจึงเป็นเสมือนที่รวมตัวและออกงานของผู้มีอันจะกิน ด้วยความหรูหราและค่านิยมที่แตกต่างของการเข้าไปชมกีฬาแข่งม้าของบ้านเรากับอังกฤษ ทำให้ UNLOCKMEN อยากพาทุกคนไปดูสไตล์ธรรมเนียมและเรื่องราวของ Royal Ascot การแข่งขันม้าที่โด่งดังที่สุดของเกาะอังกฤษ ที่จะทำให้เห็นว่าไม่ได้มีแค่ม้าเท่านั้นที่เป็นตัวเอกแต่ยังมีอะไรให้เห็นมากกว่าที่คิด สำหรับการแข่งม้า Royal Ascot จากเดิมที่เป็นแค่การแข่งขันปัจจุบันกลายเป็นเทศกาลหนึ่งของอังกฤษไปแล้ว และถือว่าเป็นการแข่งม้าที่หรูหราและยิ่งใหญ่ที่สุดของเกาะอังกฤษที่มีมาตั้งแต่ ค.ศ. 1711 เพื่อชิงเงินรางวัลกว่า 7 ล้านปอนด์ (ประมาณ 274 ล้านบาท) ด้วยจำนวนเงินรางวัลที่เย้ายวนทำให้ภายในงานที่ดำเนินมา 300 กว่าปี เต็มไปด้วยเหล่าม้าแข่งสายพันธุ์ดีที่มาจากทั่วโลก และจัดการแข่งขันทั้งหมด 5 วันด้วยกัน เนื่องจากงานแข่งม้า Royal Ascot มีผู้เข้าร่วมมากมายทั้งราชินีอังกฤษ เจ้าชาย เหล่าเชื้อพระวงศ์ไปจนถึงคนธรรมดาอย่างเรา ๆ แต่วัฒนธรรมดั้งเดิมที่จัดต่อเนื่องมาหลายร้อยปีรวมถึงการมีผู้ชมชนชั้นสูงเข้าร่วม จึงทำให้ทางผู้จัดจำเป็นที่จะต้องออกข้อบังคับเรื่องการแต่งตัวของผู้ที่จะมาร่วมชมงานแข่งม้าในสนามนี้ โดยจะแบ่งการแต่งตัวออกเป็น 3 กลุ่ม ตามโซนที่นั่งเรียงจากราคาที่แพงที่สุดคือ Royal Enclosure ตามมาด้วย Queen Anne Enclosure
Nike Air Max 95 ถือเป็นสนีกเกอร์ยอดนิยมมากที่สุดรุ่นหนึ่งของ Nike ที่มักโผล่มาพร้อมสีสันจัดจ้านแตกต่างกันให้เห็นอยู่เสมอ โดยล่าสุดแบรนด์เครื่องกีฬาชื่อดังก็ไม่ทำให้ผิดหวังปล่อย Air Max 95 ที่อัดแน่นด้วยสีสันสดใสให้เหล่าผู้ชื่นชอบสนีกเกอร์ตาลุกวาวเป็นที่เรียบร้อย ขอเกริ่นถึงที่มาของสนีกเกอร์กันเสียหน่อยก่อนพูดถึง Air 95 ตัวล่าสุด หนุ่ม ๆ ที่เป็นคอสนีกเกอร์คงพอจะรู้ความแตกต่างของตัวเลขที่อยู่ท้ายรุ่นกันอยู่แล้ว แต่สำหรับบางคนอาจจะยังไม่รู้ แท้จริงแล้วตัวเลข 95 คือตัวเลขที่บ่งบอกถึงปีจำหน่ายรองเท้าโมเดลนี้ รวมถึงความแตกต่างที่เต็มไปด้วยรายละเอียดยิบย่อยทั้งด้านการออกแบบ วัสดุ และเทคโนโลยีที่ใช้ เพื่อเปลี่ยนให้สนีกเกอร์แต่ละรุ่นตอบโจทย์ตามการใช้งานหลากหลายสถานการณ์มากขึ้น แม้ว่าสนีกเกอร์ตระกูลนี้จะมีมากมายหลายแบบจนนับแทบไม่ไหวและมีความโดดเด่นต่างกันไป แต่จุดเด่นร่วมที่เหมือนกันของ Nike Air Max ทุกรุ่นคือเอกลักษณ์ของพื้นรองเท้าที่นำเทคโนโลยี Air Sole Unit มาใช้เพื่อการรับแรงกระแทกที่ยอดเยี่ยมขณะวิ่ง Nike Air Max 95 คู่นี้เป็นรองเท้าที่มีหน้าตาแตกต่างจากรุ่นก่อน ๆ ที่อยู่ในตระกูลเดียวกัน เพราะเขาพัฒนานวัตกรรมและดีไซน์ปรับให้สอดคล้องกับสรีระของมนุษย์ยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้าจึงทำให้ได้รับความนิยมสูง ดังนั้น ถ้าไปไล่ดูตัว Air Max 95 จะพบว่าดีไซน์นับร้อยแบบ และสำหรับสีล่าสุดของรุ่นที่เพิ่งเปิดตัวนี้ทาง Nike ก็ไม่ทำให้ผิดหวังด้วยการส่งสนีกเกอร์ที่รวมสีสันสดใสเข้าด้วยกัน Nike Air
คงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด กับการที่ใครสักคนอยากมีภาพลักษณ์ที่ดูดี แม้กระทั่งหนุ่ม ๆ ทั้งหลาย ก็ไม่วายที่จะอยากดูหล่อดูเท่ แม้หลายคนจะปฏิเสธว่า “ฉันมันหนุ่มเซอร์ ฉันไม่สนใจอะไรหรอก” แต่เอาเข้าจริงแล้วพวกเราก็ไม่อาจละทิ้งสัญชาตญาณสิ่งมีชีวิตเพศชาย ที่อาศัยภาพลักษณ์ที่ดูดีโดดเด่น ในการดึงดูดเพศตรงข้าม และแสดงถึงอำนาจ รวมถึงความมั่นใจในการรวมกลุ่ม สังเกตง่าย ๆ ได้จากแพนหางสุดดึงดูดของนกยูงตัวผู้ หรือแผงคอของสิงโตจ้าวป่า ที่ยิ่งมีความแตกต่าง โดดเด่นจากตัวอื่นในฝูงมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งได้รับความสนใจมากขึ้นเท่านั้น ย้อนกลับมาดูที่มนุษย์เรา แม้จะไม่ได้มีแพนหางสีสันสดใส หรือแผงคออันน่าเกรงขาม แต่การสร้างภาพลักษณ์ที่ดูดีนั้น ได้ถูกถ่ายทอดออกมายังเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ซึ่งต้องบอกว่าการแต่งตัวนั้นคือ “ศาสตร์” ที่สร้างให้เราแตกต่างจากคนอื่น โดยไม่จำเป็นต้องแคร์ลักษณะทางกายภาพ เรื่องรูปร่างหน้าตา แต่การแต่งตัวที่มีเอกลักษณ์นั้นสามารถสร้างสไตล์ที่โดดเด่นให้ผู้ชายอย่างเรา ๆ ดูดีได้ในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะไปเที่ยว ไปเดท หรือประชุมคุยงานกับลูกค้า ลุคเท่ ๆ ที่เรามั่นใจนั้นเป็นอะไรที่สร้างแต้มต่อให้พบกับโอกาสดี ๆ ได้มากมายกว่าที่คิด และอย่างที่บอกไปแล้วว่า ลุคเท่ ๆ ดูดี โดดเด่นนั้น ใจความสำคัญคือความต่าง ถ้าเลือกแต่งตัวเหมือนกันหมด คงเป็นไปได้ยากที่จะสร้างสไตล์ที่ไม่เหมือนใคร แต่ถ้าจะให้แนะนำเคล็ดลับว่าต้องแต่งตัวอย่างไรถึงจะเท่ ดูดี มีสไตล์ เราคงบอกได้แค่ว่า “เคล็ดลับ
สำหรับใครที่ตามอ่านแฟชั่นของ UNLOCKMEN มาตลอด ในช่วงนี้ก็มักจะเห็นไอเทมพิเศษที่นำเรื่องราวของ Gundam มาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงาน ไม่ว่าจะเป็นนาฬิกาแบรนด์ต่าง ๆ รองเท้ากีฬา และเสื้อหลากสไตล์ รวมถึงแบรนด์สนีกเกอร์สัญชาติจีนอย่าง 361° ที่นำโมบิลสูทยอดฮิตมาอยู่บนรองเท้ากีฬาด้วยเช่นกัน 361° (Three-Sixty-One Degree) เป็นแบรนด์รองเท้ากีฬาจากจีนแผ่นดินใหญ่ โดยช่วงตั้งต้นจะมุ่งเน้นไปยังการพัฒนาเทคโนโลยีให้ตอบโจทย์เหล่านักกีฬาโดยเฉพาะกับบาสเกตบอลและการวิ่ง และเริ่มเป็นที่จับตามองของโลกเมื่อซาราห์ เคราซ์ นักวิ่งมาราธอนสามารถวิ่งเข้าเส้นชัยชิคาโกมาราธอน ถือเป็นนักวิ่งหญิงสัญชาติอเมริกันคนแรกที่เข้าเส้นชัยในงานวิ่งนี้ โดยตอนที่เธอแข่งขันได้สวมใส่รองเท้าวิ่ง 361° ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น 361° เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นในแวดวงนักกีฬาต่างชาติที่ไม่ใช่แค่เฉพาะในประเทศจีน ช่วงหลังมานี้เหมือนว่าทางแบรนด์ก็หมั่นออกแบบสนีกเกอร์เท่ ๆ มากขึ้น เพื่อให้รองเท้าสำหรับการออกกำลังกายเป็นรองเท้าที่โดดเด่นทุกโอกาส ซึ่งเห็นได้ชัดจากครั้งนี้ที่หยิบโมบิลสูทจากการ์ตูนญี่ปุ่นยอดฮิตอย่าง Gundam มาสร้างสรรค์รองเท้าคู่พิเศษ โดยได้โมบิลสูทยอดฮิตอย่าง RX-78-2 มาเป็นแบบ สนีกเกอร์ 361 x Gundam คู่นี้จะมีดีไซน์วินเทจ ประกอบด้วยแผ่นหนังสีขาวซ้ำซ้อนทับกันและตาข่ายสีขาว พร้อมกับซ่อนสัญลักษณ์ของ Amuro Ray นักบินคนแรกที่ปรากฏตัวในการ์ตูน Gundam เอาไว้ ส่วนพื้นรองเท้าบริเวณสีแดงและสีน้ำเงินทำจาก TPU (Thermoplastic Polyurethan) ยืดหยุ่นง่ายไม่เสียรูปทรง และไม่ลืมเพิ่มความโดดเด่นให้กับสนีกเกอร์ด้วยสีเหลืองตัดขอบดำที่ได้แบบมาจากดวงตาของ
หลังจากที่นำเสนอแฟชั่นสตรีตจากทางฝั่งทวีปยุโรปกันมาพักใหญ่ UNLOCKMEN ขอกลับมายังฝั่งเอเชียกันบ้าง เพราะเมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาแบรนด์สตรีตญี่ปุ่น GOD SELECTION XXX ได้ประกาศร่วมงานกับ NUMBER (N)INE แบรนด์สตรีตจากบ้านเดียวกันเพื่อออกคอลเลกชันพิเศษครบรอบหกปี และหลังจากที่ทิ้งช่วงไปพักหนึ่งยาสึนาริ มิยาซากิ ก็เริ่มโพสต์ไอเทมต่าง ๆ บนอินสตาแกรมเพื่อเรียกน้ำย่อยเป็นที่เรียบร้อย รูปที่มิยาซากิโพสต์คือหมวก Trucker ที่ประทับสัญลักษณ์ปากสีแดงกำลังแลบลิ้นอันแสนคุ้นตา ซึ่งเป็นโลโก้ที่อยู่คู่กับสุดยอดวงร็อกในตำนานมาอย่างยาวนาน แถมหลังจากนั้นก็ลงรูปไอเทมอื่นในคอลเลกชันอย่างต่อเนื่อง คงต้องขอย้อนกลับไปที่ The Rolling Stones วงร็อกสัญชาติอังกฤษกันสักหน่อย กับวงดนตรีที่เริ่มก่อตั้งเมื่อปี 1962 ช่วงแรกเริ่มของวงจะนำเพลงเก่าสไตล์ Blues กับ R&B มาทำใหม่ในรูปแบบของตัวเอง และโด่งดังมาพร้อมกับอีกหนึ่งวงร็อกจากเมืองผู้ดีอย่าง The Beatles ที่ผู้คนช่วงเวลานั้นมองว่าเป็นทั้งคู่แข่งและขั้วตรงข้ามกัน เพราะ The Beatles จะมาพร้อมกับลุคเนี้ยบด้วยชุดสูท หรือบางครั้งก็มาด้วยแฟชั่นสดใส ตรงกันข้ามกับ The Rolling Stones ที่สมาชิกในวงจะไว้ผมยาวรุงรัง สร้างภาพจำว่าเป็นกลุ่มวงดนตรีเด็กแนวที่ไม่เหมือนใคร บางคนอาจยังไม่รู้ถึงที่มาของรูปปากแดงแลบลิ้นที่เป็นสัญลักษณ์ของวงร็อกในตำนาน การออกแบบรูปดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นโดย John Pasche เมื่อปี 1970 ที่ใช้เวลาคิดกว่า 2 สัปดาห์ ด้วยมูลค่า
ขอแสดงความยินดีกับสโมสร Toronto Raptors ที่สามารถคว้าแชมป์บาสเกตบอล NBA ฤดูกาล 2018-2019 มาครองได้สำเร็จ แน่นอนว่าการชูถ้วยครั้งนี้คงทำให้แฟนของยอดทีมจากแคนาดาดีใจไปตาม ๆ กัน แต่สำหรับเหล่าสนีกเกอร์เฮดแล้ว การคว้าแชมป์ครั้งนี้กำลังทำให้ราคารีเซลของรองเท้า Air Jordan VI “RAPTORS” พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนหน้านี้ค่าย Jump Man เปิดตัว Air Jordan 4 “Raptors” เพื่อเฉลิมฉลองให้กับสโมสร Toronto Raptors ที่สามารถทะลุเข้าถึงรอบชิงแชมป์หรือ NBA Final ฤดูกาล 2018-2019 ได้สำเร็จซึ่งถือเป็นการเข้าชิงแชมป์ครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสรหลังจากก่อตั้งขึ้นในปี 1995 “Raptors” มาพร้อมส่วนอัปเปอร์ทำจากหนังกลับสีดำ ก่อนตกแต่งด้วยสี University Red และ Court Purple ตามส่วนต่าง ๆ มีจุดเด่นในส่วนลิ้นรองเท้าที่มีโลโก้ Jump man และลายเซ็นของ Drake แรปเปอร์ที่เป็นโคตรแฟนของสโมสรพ่วงกับหน้าที่เป็น Global Amnassador โดยมันถูกดรอปออกมาในวันที่ 2
นอกจากการออกแบบเสื้อผ้าเทเลอร์ที่ตัดเย็บแบบเฉพาะบุคคลให้กับเหล่าเอเย่นต์ในชุดดำสำหรับภาพยนตร์ที่กำลังจะออกฉายของโซนี่ พิคเจอร์สเรื่อง “Men in Black: International” แล้ว Paul Smith ยังสร้างสรรค์คอลเลคชันแคปซูลใหม่ที่ประกอบด้วยเสื้อผ้าและแอคเซสซอรี่ที่มาพร้อมเหล่าเอเลี่ยนและคาแรกเตอร์ระดับไอคอนจากภาพยนตร์อีกด้วย คอลเลคชันแคปซูลใหม่นี้มีเสื้อผ้าและแอคเซสซอรี่ให้เลือกทั้งสำหรับคุณสุภาพบุรุษ สุภาพสตรี โดยมีชุดสูท “A Suit To Travel In” ของพอล สมิธเป็นชิ้นหลักซึ่งนำเสนอออกมาในสีดำ ทว่ากลมกลืนไปกับคาแรกเตอร์เอเลี่ยนหลากสีสันจากภาพยนตร์ โดยยังมีรายละเอียดของโลโก้ Men in Black: International ทรงกลม ซึ่งเป็นโลโก้ที่จะปรากฏให้เห็นครั้งแรกในภาพยนตร์ ประดับอยู่บนกระดุมข้อมือของแจ็คเก็ตแต่ละตัวด้วย นอกเหนือจากเสื้อสูท คอลเลคชั่นนี้ยังมาพร้อมแอคเซสซอรี่มากมายหลายชิ้น ซึ่งถูกสร้างสรรค์ขึ้นในสไตล์ของพอล สมิธ โดยผสมผสานไปกับรายละเอียดที่มีเอกลักษณ์จากภาพยนตร์ ไม่ว่าจะเป็น • เนคไทสีดำพิมพ์ลายกราฟิกรูปแว่นกันแดด • พ็อคเก็ตสแควร์และผ้าพันคอน้ำหนักเบาหลากสีสัน มาพร้อมลวดลายของเหล่าเอเลี่ยน • ที่หนีบธนบัตรและกระดุมข้อมือประทับด้วยโลโก้ Men in Black • ถุงเท้า 4 สีสุดโดดเด่นพร้อมลายปักรูปเอเลี่ยนเหนือข้อเท้า • กระเป๋าสตางค์หนังและเคสใส่ไอโฟนพิมพ์ลายเอเลี่ยน คอลเลคชั่นนี้ยังใส่รายละเอียดที่น่าสนใจเพิ่มเติมเข้ามาใน A Suit to