ลงทุนอะไรไม่ดอย วันนี้ต้องยกให้ Classic Car ที่สุดของทรัพย์สินที่มูลค่ามีแต่ทวีคูณ หากคุณรู้ว่ารุ่นไหนน่าเล่นน่าลงทุน วันนี้เราขอแนะนำ Top Classic Car ที่มีราคาแพงที่สุดในโลกจากการประมูลอย่างเป็นทางการ จากเดิมที่อันดับ 1 เคยตกเป็นของ Ferrari 250 GTO มาอย่างยาวนาน ปีนี้ก็ถูกยึดตำแห่งโดย Mercedes-Benz 300 SLR กับราคาที่แพงกว่าถึง 3 เท่าตัว 1. 1955 Mercedes-Benz 300 SLR “Uhlenhaut Coupe”: 5,000 ล้านบาท รถที่เปรียบเสมือนสมบัติแห่งชาติของ Mercedes-Benz วงการ Racing car ช่วงปี 1950s มีเพียง 2 คันในโลก ผลงานของ Rudolf Uhlenhaut หัวหน้าแผนก Test department ได้นำเอา 300 SLR W196
น่าจะเป็น Jaguar E-Types ที่สมบูรณ์แบบมากที่สุดในปัจจุบันแล้ว เพราะนี่คือ 1965 Series 1 Roadster ที่ถูกนำมาชุบชีวิตขึ้นใหม่อีกครั้งนึงชนิดใหม่ยันหัวน็อตโดย Jaguar Classic นำออกมาขับโชว์ในขบวนฉลอง Queen of England’s Platinum Jubilee ที่ผ่านมา เป็น 1 ใน 26 คันของ Jaguar Land Rover ที่เตะตาเรามากที่สุด Jaguar Classic ใช้เวลาถึง 12 เดือนเต็มในการสร้าง Series 1 E-Type คันนี้ขึ้นมาใหม่แบบ one-off สำหรับลูกค้าคนพิเศษที่สั่งระบุว่าต้องการรถที่สร้างขึ้นตรงกับปีเกิดของเจ้าตัวด้วย ซึ่งเป็นการแสดงฝีมือการ restore รถเพื่อให้โลกได้เห็นในวันงานที่สำคัญที่สุดของคนอังกฤษ ภายนอกโดดเด่นแปลกตาด้วยตัวถังสี deep metallic blue และภายในสีแดง ได้แรงบันดาลใจมาจากสีบนธงชาติอังกฤษ ซึ่งกระบวนการหุ้มหนังทุกขั้นตอนใช้วิธีแบบดั้งเดิม เย็บและประกอบด้วยมือทั้งหมด มีการเพิ่มเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกใหม่ ๆ เข้าไปภายใต้รูปแบบดีไซน์ที่ยังคงความคลาสสิค ไม่ว่าจะเป็นจอ Infotainment
ไอเดียที่เกิดจากความเมาของผู้บริหารเมื่อเกือบหกปีที่แล้ว กลายเป็นโจทย์สุดท้าทายที่สร้างออกมาได้จริงในที่สุด นี่คือ 2023 Mercedes-AMG One รถ street-legal Hypercar สำหรับใช้งานบนท้องถนน ที่ถ่ายทอดเทคโนโลยีทุกอย่างมาจากรถแข่ง Fomula 1 ไม่ใช่แค่การดัดแปลง แต่เป็นการยกทั้งชุดขุมพลัง hybrid 1.6-liter turbocharged V6 พ่วงระบบไฟฟ้า ที่ใช้ในรถแข่ง Mercedes-AMG Petronas Formula 1 E มาใส่ไว้ในเพื่อใช้สร้าง hypercar ที่ใช้งานในชีวิตประจำวันได้จริง และต้องผ่านข้อกำหนดต่าง ๆ เพื่อให้เป็นรถที่สามารถขับบนถนนได้อย่างถูกกฎหมาย หัวใจหลักของ Mercedes-AMG One คือระบบขับเคลื่อนแบบ hybrid ที่มีขุมพลังรวมมากถึง 1,049 แรงม้า เครื่องยนต์ internal combustion ความจุ 1.6-liter V6 double overhead camshafts, air sprint valves, direct injection ที่มีรอบจัดถึง
รถยนต์เปิดประทุน 4 ที่นั่ง จากมินิถือเป็นรถเปิดประทุนระดับพรีเมียมที่มีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใครในเซกเมนต์รถยนต์ขนาดเล็ก มินิ คูเปอร์ เอส คอนเวิร์ตทิเบิล Resolute Edition สะดุดตาด้วยรูปลักษณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ โดดเด่นเหนือใครทั้งตัวถังภายนอก ล้ออัลลอยน้ำหนักเบา การออกแบบภายในและชิ้นส่วนอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ถ่ายทอดคาแร็คเตอร์ความเป็นมินิแบบดั้งเดิมไว้ได้อย่างเต็มเปี่ยม พร้อมให้อารมณ์ขับสนุกในสไตล์เปิดประทุนที่เป็นเสน่ห์เฉพาะตัวของมินิ สมรรถนะทรงพลังที่พร้อมเผชิญทุกเส้นทางท่ามกลางสายลมและแสงแดด ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร ให้พละกำลังที่ 141 กิโลวัตต์ / 192 แรงม้า เสริมด้วยเทคโนโลยี MINI TwinPower Turbo ที่ทำให้สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 7.1 วินาที ให้อารมณ์ขับสนุกเหมือนโลดแล่นอยู่ในสนามแข่ง ภายนอกของมินิ คูเปอร์ เอส คอนเวิร์ตทิเบิล Resolute Edition ตกแต่งด้วยลวดลายบนฝากระโปรงหน้าและที่กาบบันได ซึ่งมาในเส้นสายที่มีการไล่เฉดสีทองอ่อนไปจนถึงทองเข้มได้อย่างสวยงาม พร้อมสลักชื่อรุ่น “RESOLUTE” ไว้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เข้ากันได้ดีกับตัวถังภายนอกสีเขียว Rebel Green
มินิ คูเปอร์ เอส คลับแมน Untold Edition เป็นรถยนต์พรีเมียมคอมแพ็คที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วยแนวหลังคาที่ทอดยาวสะท้อนถึงความสะดวกสบายในห้องโดยสาร ภายนอกโดดเด่นและสะกดทุกสายตาบนท้องถนนกับชุดแต่งแอโรไดนามิกส์ในสไตล์จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ สะท้อนภาพลักษณ์สุดโฉบเฉี่ยวและปราดเปรียว ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร มอบพละกำลังที่ 141 กิโลวัตต์ / 192 แรงม้า ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ได้ใน 7.2 วินาที และทำความเร็วได้สูงสุดถึง 228 กม./ชม. ภายนอกมาในสีเขียว Sage Green metallic พร้อมดีไซน์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ ตกแต่งด้วยลวดลาย Untold Edition ตั้งแต่ฝากระโปรงหน้ารถจรดหลังคา ซุ้มล้อและสเกิร์ตด้านล่างรอบคันมาในสีเขียวเข้มเสริมความโดดเด่น ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้วลาย Untold Spoke ในสีดำ Jet Black ตัดกับสี Refined Brass โดยสี Refined Brass
One of only two examples modified by the factory to LM specifications Equipped with unrestricted GTR racing engine and Extra-High Downforce Kit One of 64 road cars built; total of only 106 examples Ultra-rare McLaren F1 LM Specification สุดยอดความแรร์ 2 คันในโลก ที่มีมูลค่าประมูลในปี 2019 ราคา $19.8 ล้านเหรียญ หรือราว 682 ล้านบาท หากซื้อขายกันในปุจจุบันผ่านไป 3 ปี น่าจะยิ่งแพงกว่านี้อีก 30% หรือเกินกว่า
ในที่สุด BMW M4 CSL ก็มาถึงแล้ว ความแรงที่สัมผัสได้ตั้งแต่ดีไซน์ด้านนอก เป็นรถที่ทำเวลา Nurburgring’s Nordschleife circuit ได้เร็วที่สุดในตระกูล BMW เท่าที่เคยมีมา ด้วยสถิติใหม่ 7 นาที 15.677 วินาที BMW M4 CSL ใช้เครื่องยนต์ B58 twin-turbocharged 3.0-liter 543 hp, 649 Nm or torque ตั้งแต่ 2,750 rpm อัด boost pressure เพิ่มเป็น 30.5 psi ในตัวถังที่ลดน้ำหนักให้เบาลงกว่า M4 Competition ได้ถึง 109 กิโลกรัม ด้วยการรื้อเบาะหลังออกเปลี่ยนเป็นที่เก็บ helmet ใช้วัสดุ carbon-fiber-reinforced plastics (CFRP) ในหลายจุดของรถ ส่งกำลังลงสู่ล้อหลังด้วยเกียร์ M
แม้เศรษฐกิจใจโลกจะแย่แค่ไหน แต่สำหรับกลุ่มนักสะสมรถยนต์ระดับ Ultra-rich ก็ไม่มีคำว่าระคายผิว มูลค่ารถหายากที่ถูกนำมาประมูลยิ่งทำราคาได้สูงลิ่วขึ้นทุกปี และสำหรับรถที่เรียกว่าแพงยับระดับ Ultra-exclusive ที่พึ่งจะเคาะค้อนกันไปล่าสุด ต้องยกให้ที่สุดแห่งความหายาก Mercedes-Benz 300 SLR Uhlenhaut Coupe’ racing car ที่มีเพียง 2 คันในโลก โดยมีข่าวว่า 1 ในนั้นถูกประมูลไปด้วยราคาถึง $142 million USD หรือราว 5 พันล้านบาท จากแหล่งข่าวของวงการนักประมูลรถยนต์บอกว่า Mercedes-Benz ได้เชิญนักสะสมระดับ VVIP ให้เข้าไปเยี่ยมชมรถคันนี้ถึงที่ Mercedes-Benz Museum ใน Stuttgart ก่อนจะปิดการขายอภิมหาดีลครั้งนี้แบบสุด exclusive ซึ่งหากข่าวลือเกี่ยวกับ 1956 Mercedes-Benz 300 SLR Uhlenhaut Coupe “Silver Arrow” racing car เป็นจริง จะขึ้นแท่นรถที่แพงที่สุดในโลก แซงหน้า Ferrari 250
หากพูดถึงประเทศที่โดดเด่นด้านดีไซน์ การออกแบบ และงานศิลป์ คุณนึกถึงประเทศอะไร? แน่นอนว่าประเทศฝรั่งเศสต้องขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่ง ด้วยจุดเริ่มต้นของงานอาร์ตจากภาพแกะสลักอันโด่งดังในถ้ำที่ Lascaux, France ซึ่งถือเป็นงานศิลป์ชิ้นแรก ๆ ในประวัติศาสตร์ที่มีมาตั้งแต่ 17,300 ปีที่แล้ว หรือสถาบัน Fine art แห่งแรกในโลกชื่อ Academie Royale de Peinture et de Sculpture ก็ก่อตั้งในฝรั่งเศสครั้งแรกในปี 1648 ไม่ว่าประวัติศาสตร์ของฝรั่งเศสจะผ่านอะไรมาบ้างตลอดระยะเวลาถึงปัจจุบัน ศิลปะและดีไซน์จะเป็นหนึ่งในวัฒนธรรมชิ้นสำคัญที่สอดแทรกอยู่ด้วยเสมอ และมันถูกถ่ายทอดอยู่ใน DNA ของวิถีชีวิต ในสถาปัตยกรรม ข้าวของเครื่องใช้ แฟชั่น ไลฟ์สไตล์ของผู้คน รวมไปถึงรถยนต์ รถยนต์ที่ผลิตในแต่ละประเทศจะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป จุดเด่นของรถยนต์ PEUGEOT จากฝรั่งเศส นอกจากจะเป็นแบรนด์รถยนต์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกใบนี้ด้วยตำนานอันยิ่งใหญ่ยาวนานกว่า 212 ปี มีเทคโนโลยีและการผลิตรถยนต์ที่ล้ำหน้า ยังมีความโดดเด่นกว่าใครในด้านการออกแบบดีไซน์ที่สวยงาม มีเอกลักษณ์แตกต่างจากรถยนต์จากประเทศอื่น เป็นการดีไซน์ที่มีทั้ง Form จัดจ้าน แฝงไว้ด้วยอารมณ์ที่สะท้อนแนวคิด คอนเซ็ปต์ คาแรคเตอร์ของรถรุ่นนั้น ๆ จึงมักจะฉีกกรอบเดิม ๆ
Brabus ฉลองครบรอบ 45 ปี ด้วยการสร้างผลงานสุดบ้าระห่ำที่แตกต่างจากที่ผ่านมา นี่คือ Brabus 900 Crawler Supercar ในร่าง Four-seater Dune Racer ที่สร้างทุกรายละเอียดขึ้นมาใหม่เกือบทั้งหมดในจำนวนจำกัดเพียง 15 คันเท่านั้น นอกจากด้านหน้าจะดูคล้าย Mercedes-AMG G63 ส่วนที่เหลือของรถลุยทะเลทรายคันนี้แทบไม่มีอะไรเหมือน G63 เลย โครงสร้างเปลือยเสาแบบ exposed tubular chassis สไตล์ Dune Racer ผลิตจากเหล็กกล้ากำลังสูง (high-intensity steel) พ่นสีโทนแดงที่เป็นสัญลักษณ์ของ Brabus ช่วงล่างยกตัวรถให้มี ground clearance สูงจากพื้นถึง 53 เซนติเมตร ทำให้มันสามารถลุยผ่านได้ทุกอุปสรรค และโช้คอัพยังมาพร้อม Height-adjustable damping แบบเลือกปรับความหนืดสปริงได้สูงสุดถึง 160 มิลลิเมตร เพื่อลดน้ำหนักให้รถเบาที่สุด Brabus เลือกใช้ล้อ Monoblock HD forged ขนาด 40
ใครเคยอยากถอย Toyota Supra แต่ติดที่ไม่มีเกียร์ manual ให้เป็นทางเลือก ข่าวดี เตรียมถอนเงินกันได้เลย เพราะตอนนี้ฝันของคุณเป็นจริงแล้ว แต่ต้องเร่งมือหน่อย เพราะมีจำนวนจำกัดเพียง 500 คันเท่านั้น Toyota ไม่ใช่แค่ใส่เกียร์ Manual ให้เป็นทางเลือกเฉพาะใน 2023 Supra 3.0-liter แต่ยังมีการใส่ตัวช่วยในการทรงตัวใหม่ ๆ และปรับจูนระบบการควบคุมให้เฉียบคมมากยิ่งขึ้นด้วยระบบ Hairpin+ ที่ช่วยกระจายแรงบิดให้ล้อออกจากโค้งหักศอก (hairpin turn) ได้สะใจวัยรุ่นมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ใน Supra 3.0 Manual gearbox ยังได้อัพเกรดเครื่องเสียงเป็น JBL sound system ลำโพง 12 จุดอีกด้วย แล้วเกียร์ Manual ของ 2023 Supra มันมาจากไหน ของ Gazoo เอามาใส่ในระบบ BMW ได้หรือ? เป็นคำถามที่ดี และต้องบอกว่า มันยังคงเป็นเกียร์ Manual
The Koenigsegg Jesko Absolut hardcore hypercar รถที่เร็วที่สุดจากค่าย Koenigsegg ด้วยสมรรถนะระดับ 1,600 horsepower แรงบิด 1,100 lb-ft สะท้อนที่มาของชื่อ Absolut ได้ดีที่สุด Mr. Christian von Koenigsegg ผู้ก่อตั้งเปิดเผยว่านอกจากตัวเลขแรงม้าและแรงบิดของ Jesko Absolut จะน่าตื่นตาตื่นใจ แต่ทีเด็ดของมันอยู่ที่ Top Speed ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีการระบุตัวเลขออกมาอย่างเป็นทางการ เพราะรถยังอยู่ในขั้นตอนทดสอบสุดท้าย (Factory Testing) ก่อนเข้าสู่ขั้นตอนการผลิตจริง วันนี้มีเพียง Markus Lundh นักขับทดสอบเพียงคนเดียวที่ได้เทส Jesko Absolut prototype ในสี Graphite Grey ที่เราเห็นในรูป และรับรู้ว่า hypercar คันนี้บ้าคลั่งขนาดไหน แต่คาดว่าจะมี Top speed มากกว่า 330 mph หรือเกิน 500