ในปีค. ศ. 1949 Kihachiro Onitsuka (คิฮาชิโร โอนิซึกะ) ได้ก่อตั้ง บริษัท Onitsuka Co. Ltd. ซึ่งเป็นผู้บุกเบิก ASICS แบรนด์เริ่มต้นจากความมุ่งมั่นในการส่งเสริมสุขภาพของเยาวชน และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา Onitsuka Tiger Stripes ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของหนึ่งในแบรนด์กีฬาที่มีชื่อเสียงระดับโลก ตำนานยังคงสืบเนื่องมาจนปัจจุบันในการผสมผสานของมรดกญี่ปุ่นและสไตล์สมัยใหม่ ด้วยงานดีไซน์ตั้งแต่รูปทรงคลาสสิกที่ได้รับการอัปเดตไปจนถึงสไตล์ใหม่ๆ และความร่วมมือกับศิลปินที่มีความคิดที่ตรงกันและผู้ชื่นชอบวัฒนธรรม จิตวิญญาณของญี่ปุ่นสะท้อนให้เห็นในคอลเล็กชั่นใหม่ของรองเท้า เสื้อผ้าและเครื่องประดับ Onitsuka Tiger เสมอมา ล่าสุด Onitsuka Tiger เปิดตัวรองเท้า MEXICO 66™ GDX™ ซึ่งเป็นรุ่นไฮเอนด์ที่สุดของรองเท้ารุ่นซิกเนเจอร์ของแบรนด์ อย่าง MEXICO 66™ รองเท้าซีรี่ย์ GDX ถือเป็นรุ่นที่เกิดขึ้นใหม่จากไลน์ NIPPON MADE คอลเล็กชั่นรองเท้า ‘Made in Japan’ ของแบรนด์รองเท้าในซีรี่ย์ GDX ผสมผสานงานฝีมือของญี่ปุ่นที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น เข้ากับเทคโนโลยีขั้นสูงและองค์ประกอบร่วมสมัย ที่สร้างขึ้นโดยช่างฝีมือชาวญี่ปุ่น ซึ่งรูปลักษณ์ใหม่นี้โดดเด่นด้วยหนังญี่ปุ่นชั้นดีตลอดส่วนบนของรองเท้าและตกแต่งด้วยลายปัก Onitsuka
เซมาดืออออ ช้อก กาาาาา… สำหรับ FC Masked Rider (มาสค์ไรเดอร์) หรือที่คนไทยเราเรียกกันว่าไอ้มดแดง คงคุ้นหูกับเพลงนี้ดี หลายคนฟังแล้วอาจถึงกับลุกขึ้นยืนแปลงร่าง ด้วยความอินกับเรื่องราวสุดมันส์ของ Masked Rider หนึ่งในตัวละครฮีโร่ในวัยเยาว์ วันนี้ฝันในการแปลงร่างของใครหลาย ๆ คนอาจจะเป็นจริงด้วย Masked Rider Limited Edition นาฬิกา Limited Edition ที่ผลิตขึ้นมาเพื่อฉลอง 55 ปี Seiko 5 Sports ได้นำการ์ตูนระดับตำนานอย่างไอ้มดแดงแปลงร่างมาอยู่บนนาฬิกา Seiko แล้วเรียบร้อย โดยการสร้างสรรค์ผลงานความร่วมมือในครั้งนี้ Seiko 5 Sports ได้อัปเกรดดีไซน์นาฬิการุ่นดั้งเดิมด้วยเทคโนโลยี และวัสดุที่ทันสมัย พร้อมแฝงด้วยสัญลักษณ์การออกแบบที่อ้างอิงถึงความเป็น Masked Rider ออกมาได้เท่สุด ๆ จะออกมาเท่แค่ไหน มีที่มาจากอะไรบ้างไปดูกันเลย หน้าปัดที่เหมือนหัวของ Masked Rider ตัวหน้าปัดมาพร้อมสีสัน และรูปแบบที่ได้แรงบันดาลใจจากหมวกของ Masked Rider 1
หากพูดถึงเรือนเวลาที่บอกเล่าเรื่องราวสำคัญของ OMEGA แล้วล่ะก็ การหยิบ OMEGA Aqua Terra ขึ้นมาสวมใส่บนข้อมือ พร้อมพินิจพิเคราะห์ความงดงามกันอีกครั้ง ดูจะเป็นอะไรที่ถูกต้องที่สุดแล้ว หากใครไม่คุ้นเคยกับ OMEGA รุ่นนี้ เราขอพาไปเริ่มต้นเรื่องราวประวัติศาสตร์ตั้งแต่ปี 2002 กันก่อน ย้อนกลับไปในปี 2002 แบรนด์ OMEGA ได้เปิดตัว OMEGA Aqua Terra ต้องบอกว่าเพียงครั้งแรกที่ผู้คนได้เห็นเรือนเวลารุ่นนี้ก็สร้างความประหลาดใจและประทับใจให้คนทั่วโลกได้ทันที การเลือกดีไซน์เรือนเวลาที่เต็มไปด้วยความเรียบง่ายในทุกอณู เพื่อตอบโจทย์การเป็น ‘Every Day Watch’ นาฬิกาที่ใส่ได้ทุกวันของทุกคน แต่ทว่า อีกโจทย์หนึ่งของ OMEGA คือคอนเซปต์สุดยิ่งใหญ่ของนาฬิการุ่นนี้ เพราะนี่คือเรือนเวลาที่จะเป็นหนึ่งในตัวแทนที่ดีที่สุดของซีรีส์ Seamaster หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ บอกเล่าการเป็นเรือนเวลาระดับตำนานที่สามารถใช้ดำน้ำได้รุ่นแรก ๆ ของโลกตั้งแต่ปี 1948 อันเป็นจิตวิญญาณสำคัญที่ขับเคลื่อนแบรนด์เสมอมา จากจุดเริ่มต้นกว่า 20 ปีที่แล้ว เวลาล่วงเลยผ่านมาพร้อม ๆ กับเข็มของ OMEGA ที่ไม่เคยหยุดพัฒนาความคิดสร้างสรรค์แม้สักวินาทีเดียว
Jim Thompson แบรนด์ไอคอนิกไลฟ์สไตล์ระดับโลกของเมืองไทย เปิดตัวคอลเลกชัน Home Furnishings Spring Collections 2023 จาก 3 แบรนด์ดังในเครือทั้ง Jim Thompson, No.9 Thompson และ Fox Linton พร้อมนำเสนอผลิตภัณฑ์สิ่งทอระดับหรูที่ตอบโจทย์การตกแต่งทุกรูปแบบ โดยเปิดตัวคอลเลกชันอย่างเป็นทางการ ณ โชว์รูมผ้าตกแต่งบ้านจิม ทอมป์สัน สาขาสุรวงศ์ ผ่านการตกแต่งห้องตัวอย่างสุดหรูทั้ง 11 สไตล์ ซึ่งเป็นผลงานการออกแบบของอินทีเรียร์ดีไซเนอร์ชื่อดังชาวไทย ดาว-วิชดา สีตกะลิน โดยไฮไลต์การตกแต่งห้อง 5 สไตล์ที่ห้ามพลาดในโชว์รูมจิม ทอมป์สัน สาขาสุรวงศ์ Wild Ember: สะดุดตาด้วยประกายแวววับของสีทอง บรอนซ์ และเหลืองมัสตาร์ดที่สว่างไสว ตัดกับผนังเหลือบเงาสไตล์ Metal Moiré ที่ถักทอด้วยเส้นไหมเงางามแบบเมทัลลิกสลับด้ายดำ ช่วยสร้างความลึกลับและน่าหลงใหลให้กับห้องนี้ พร้อมการตกแต่งอย่างหรูหราด้วยผ้าม่าน Railay สีทองมันวาวที่งามหรูในทุกรายละเอียด เสริมด้วยลวดลายสัตว์สไตล์ชนเผ่าที่สอดรับกับของประดับอย่างลงตัวทั้งกระจกเงาติดผนังหุ้มหนังลายจุดและโคมไฟตั้งโต๊ะที่สวยแปลกตาจาก Muse Design ช่วยเพิ่มบรรยากาศของการผจญภัยอันน่าตื่นใจให้กับห้องอันสง่างามแห่งนี้ Haute Hues:
เรือนเวลารุ่นล่าสุดจาก RM ที่หยิบเอาความหรูมาอยู่คู่กับความร็อกได้เท่ลงตัวสุด ๆ กับโมเดลใหม่รหัส RM 66 Flying Tourbillon ที่มีจำนวนจำกัดแค่ 50 เรือนทั่วโลก RM 66 Flying Tourbillon ตัวเรือนขนาด 42.70 x 49.94 x 16.15 mm. ผลิตจากวัสดุสุดแกร่ง Carbon TPT และ grade 5 titanium จุดเด่นของเรือนนี้ก็คือ มือกระดูกสีทองทำสัญลักษณ์ Rock n’ Roll คล้ายเขาของปีศาจกลางหน้าปัด ผลิตจาก 5N red-gold และฝีมือช่างระดับสูงในการเก็บรายละเอียดทั้งหมด และโชว์กลไก flying tourbillon ดีไซน์หัวกะโหลกด้านบนบริเวณ 12 นาฬิกา เป็นการแสดงออกถึงความขบฐของชาวร็อก เพราะปกติ flying tourbillon มักจะอยู่ที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกา เพิ่มความดิบอย่างมีสไตล์ด้วยลวดลาย Clou
“เมื่อพูดถึง Honda Monkey สิ่งแรกเราที่นึกถึงคือ ความสนุก ความซน ความน่ารัก แล้วก็นึกถึงดีไซน์ที่มีความ Iconic เป็นมินิไบค์ที่มาพร้อมงานออกแบบสุดคลาสสิก ซึ่งสร้างภาพจำได้อย่างชัดเจนตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน” นี่คือคำตอบแรกจากปากของ ‘ปิ๊น–อนุพงศ์ คุตติกุล’ หรือที่หลายคนรู้จักกันดีในชื่อ ‘ปิ๊น Carnival’ หลังจากที่เรามีโอกาสได้นั่งเสวนาถึงเรื่องราวของ Honda Monkey มินิไบค์ระดับ Iconic ลิงน้อยจิ๋วแต่จี๊ด ที่ครองใจผู้คนมาอย่างยาวนานร่วม 60 ปี ซึ่งหัวเรือใหญ่แบรนด์ Carnival ได้เล่าให้ฟังถึง Monkey รุ่นเด่นในดวงใจว่า จาก Monkey มากมายหลายรุ่นที่เคยสัมผัสและผ่านตามาตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็ก เขาขอยกตำแหน่งหนึ่งเดียวคันนี้ให้กับ Monkey Baja Africa กับงานออกแบบที่แสบซ่าแตกต่าง และมันช่างตราตรึงใจมาจนถึงทุกวันนี้ “จริง ๆ แล้ว Monkey ที่เราชอบนี่มีหลายรุ่นมาก ๆ เพราะแต่ละรุ่น แต่ละปี เค้าจะมีรุ่นใหม่ ๆ ดีไซน์ใหม่ ๆ รวมถึงรุ่นพิเศษ Limited Editon
สร้างสรรค์สไตล์ให้โดดเด่นและเป็นตัวเองด้วยนาฬิกาเรือนโปรดไปกับแบรนด์ “ทิสโซต์” (Tissot) ที่หลังประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากจากการนำคอลเลกชั่น “พีอาร์เอ็กซ์” (PRX) ที่ถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกในปี 1978 กลับมาสร้างสรรค์ใหม่อีกครั้งในขนาด 40 มม. เมื่อปี 2021 โดยล่าสุด “ทิสโซต์” (Tissot) ได้ประกาศเปิดตัวเรือนเวลาคอลเลกชั่นใหม่ที่ชื่อว่า “พีอาร์เอ็กซ์ 35 มม.” (PRX 35MM) กับการปรับขนาดนาฬิกาให้เล็กลงด้วยขนาด 35 มม. เพื่อตอบโจทย์หนุ่มสาวที่ต้องการความคล่องตัว แต่ยังคงไว้ซึ่งความเท่และกลิ่นอายของยุค 70s โดย “ทิสโซต์” (Tissot) ได้บอกเล่าจุดเด่นของคอลเลกชั่นนี้ผ่านการสร้างสรรค์ภาพยนตร์สั้นสะท้อนถึงวัฒนธรรมป๊อปคลาสสิกของกลุ่มวัยรุ่นในช่วงยุค 70s “ทิสโซต์” (Tissot) แบรนด์นาฬิกาสัญชาติสวิส ในเครือเดอะ สวอท์ช กรุ๊ป เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) ที่ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1853 ด้วยความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์นาฬิกาประสิทธิภาพสูงในดีไซน์ที่ความทันสมัยอย่างมีเอกลักษณ์ อีกทั้งยังเป็นแบรนด์ได้การยอมรับในแวดวงกีฬา ในฐานะผู้ผลิตนาฬิกาที่มีเทคโนโลยีระบบจับเวลาด้านความเที่ยงตรงแม่นยำสูงสุด สำหรับภาพยนตร์สั้นจากคอลเลกชั่น “พีอาร์เอ็กซ์ 35 มม.” (PRX 35MM) ถูกถ่ายทอดเรื่องราวผ่านกลุ่มเพื่อนที่ทั้ง 5
ตรงกับช่วงเวลาของการเฉลิมฉลองปีเถาะ หรือ The Year of the Rabbit ที่ใกล้จะมาถึง แฟรงค์ มุลเลอร์ (Franck Muller) และแบรนด์สตรีทแวร์จากโตเกียว #FR2 ได้จับมือกันเผยโฉมนาฬิกา #FR2NCK MULLER Vanguard ซึ่งนับเป็นความร่วมมือกันครั้งแรกระหว่างสองแบรนด์ ทั้งยังเป็นโอกาสที่จะได้เห็น แฟรงค์ มุลเลอร์ นำภาษาการออกแบบอันโดดเด่นของ #FR2 มาใช้บนนาฬิกาเอกลักษณ์อย่าง แวงการ์ด (Vanguard) โดยผลลัพธ์แห่งความร่วมมือนี้คือเรือนเวลาอันล้ำนำแฟชั่นและทันสมัย ด้วยหน้าปัดที่ประดับตกแต่งลวดลายกระต่ายอันเป็นไอคอนิกตลอดกาลของ #FR2 ซึ่งนั่งอยู่ท่ามกลางตัวเลขรูปทรงสัญลักษณ์ และตัวเรือนทรงตอนโนของ แฟรงค์ มุลเลอร์ โดย #FR2NCK MULLER Vanguard นับเป็นสะพานเชื่อมโยงระหว่างประเพณีการประดิษฐ์นาฬิกาหรูของสวิส และสตรีทแฟชั่นของญี่ปุ่น จากการหลอมรวมองค์ประกอบต่างๆ ของแต่ละจักรวาล และเติมเต็มด้วยสัมผัสอันเป็นเอกลักษณ์ของทั้งสองนักสร้างสรรค์ ผลงานนี้จึงมีความโดดเด่นอย่างชัดเจนบนหน้าปัด ที่ซึ่งเผยความสวยงามอันล้ำสมัย แต่ยังคงความเหนือกาลเวลาของ แฟรงค์ มุลเลอร์ ที่สะท้อนผ่านอารมณ์สัมผัสแห่งสตรีทสไตล์ ประกอบด้วยฐานหน้าปัดสีขาวแบบด้านที่นับเป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งต่างๆ ซึ่งก่อร่างขึ้นกลายเป็นความสวยงามอันเป็นหัวใจ และเหนือขึ้นไปนั้นยังบรรจุไว้ด้วยเข็มชี้บอกเวลา มาร์กเกอร์ และเครื่องหมายขีดแบบนำมาติดที่เป็นสีดำ ด้วยลุคสไตล์โมโนโครมที่ตัดกันอย่างชัดเจนยังได้มอบซึ่งความสมบูรณ์ลงตัวจากการเล่น
งดงามสมการรอคอย! เมื่อ “มิโด” (MIDO) แบรนด์นาฬิกาชั้นนำจากสวิตเซอร์แลนด์ ในเครือเดอะ สวอท์ช กรุ๊ป เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) ประกาศเปิดตัวเรือนเวลาหรูรุ่นลิมิเต็ด อิดิชั่น “คอมมานเดอร์” (Commander) นาฬิกาเรือนสุดท้ายที่เหล่านักสะสมต่างรอคอยจากคอลเลกชั่น “ทเวนตี้ เยียร์ส อินสไปร์ บาย อาคิเทคเจอร์” (20Years Inspired By Architecture) ซึ่งเป็นการออกแบบนาฬิการุ่นลิมิเต็ด อิดิชั่น เพื่อเป็นการรำลึกถึงสุดยอดสถาปัตยกรรมชื่อก้องโลกที่ถูกนำมาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบนาฬิกาของแบรนด์ “มิโด”(MIDO) ในตลอด 20 ปีที่ผ่านมา “มิโด” (MIDO) แบรนด์นาฬิกาที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 100 ปี นับตั้งแต่ จอร์จ แชแรน (GEORGES SCHAEREN) เริ่มก่อตั้งบริษัท MIDO G.SCHAEREN & CO. AG ขึ้นที่เมืองโซโลธูร์น ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ตั้งแต่ ค.ศ. 1918 ภายใต้ปรัชญาของการสร้างสรรค์แบรนด์ให้อยู่เหนือกาลเวลาด้วยแนวคิดการออกแบบที่ร่วมสมัย ผ่านการคัดเลือกวัสดุคุณภาพเยี่ยมที่มีความหรูหรา ทนทาน
แฟรงค์ มุลเลอร์ (Franck Muller) ร่วมเฉลิมฉลองในโอกาสครบรอบ 50 ปีของ คอร์ติน่า วอทช์ (Cortina Watch) ที่ได้รับการยกย่องและมีชื่อเสียงสูงสุดแห่งวงการการค้าปลีกนาฬิกาของสิงคโปร์ด้วยซีรีส์ผลงานเรือนเวลาเฉลิมฉลองสุดพิเศษที่รังสรรค์ขึ้นเฉพาะเพียงหนึ่งเดียว โดยผู้ผลิตที่ได้รับการขนามนามว่า มาสเตอร์ ออฟ คอมพลิเคชันส (Master of Complications) รายนี้ ได้เผยโฉมคอลเลกชันอันวิจิตรประณีตของการรังสรรค์เรือนเวลาเฉพาะหนึ่งเดียว (pièce unique) ขึ้นใหม่ทั้งหมดห้าผลงานจากแนวคิดของนาฬิกาสลับซับซ้อนรุ่น เรโวลูชัน 3 สเกเลตัน (Revolution 3 Skeleton) ของ แฟรงค์ มุลเลอร์ ที่นำมาสร้างสรรค์ขึ้นพิเศษ เพื่อร่วมเฉลิมฉลองในโอกาสครบรอบ 50 ปี (Golden Jubilee) ของ คอร์ติน่า วอทช์ ในปีนี้ นาฬิกา เรโวลูชัน 3 สเกเลตัน ทั้งห้ารุ่นผลงานเอกลักษณ์ ที่ล้วนรังสรรค์ขึ้นด้วยมืออย่างพิถีพิถันละเอียดอ่อนโดยเหล่าศิลปินช่างระดับมาสเตอร์ ณ โรงงานการผลิต วอทช์แลนด์ (Watchland) ในเจนีวา ซึ่งแต่ละผลงานนั้นได้ร่วมรำลึกถึงมรดกแห่งสัมพันธภาพอันแน่นแฟ้นระหว่าง
“หลายคนอาจมองว่าเราเป็นคนทำงาน Street Art ที่ประสบความสำเร็จ แต่พูดตรง ๆ คือ เราไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ตรงจุดนั้นหรือเปล่า แค่รู้สึกว่าถ้าเรามีโอกาส ได้รับโอกาสอะไรมา เราก็ต้องทำให้ดีที่สุด งานมันต้องพัฒนาเรื่อย ๆ เราอยากรู้สึกตื่นเต้นกับงานที่ทำ ณ ปัจจุบันให้มากที่สุด อยากรู้สึกเหมือนตอนทำงานกำแพงแรก ที่เราผ่านอะไรมามากมายจนสุดท้ายก็ทำสำเร็จ เราว่ามันเป็นความรู้สึกที่ดีมากเลย” Quote ข้างต้นคือมุมมองการสร้างงานที่เต็มเปี่ยมไปด้วย Passion จากปากของชายที่เรา และใครอีกหลายคนทั้งในไทยรวมถึงต่างประเทศ ต่างให้การยอมรับว่าเขาคือหนึ่งในศิลปินเบอร์ต้น ๆ ที่นำพาผลงาน Street Art ไทย ให้ดังไกลถึงต่างแดน แม้เจ้าตัวจะไม่มั่นใจว่าได้เดินทางไปถึงจุดหมายปลายทางของความสำเร็จแล้วหรือยัง แต่เชื่อว่าผลงานมากมายของ ‘รักกิจ สถาพรวจนา’ หรือ ที่หลายคนรู้จักในชื่อ RUKKIT น่าจะเป็นคำตอบที่ชัดเจนในตัวอยู่แล้ว จากจุดเริ่มต้นของเด็กชายธรรมดาที่มีใจรักในการวาดรูป แต่การคว้ารางวัลประกวดวาดภาพระดับอนุบาลมาครอง กลับกลายเป็นหมุดหมายสำคัญที่ทำให้เด็กชายรักกิจ มุ่งมั่นในเส้นทางศิลปะต่อเนื่องและเริ่มต้นทำงานประจำในสาขากราฟิกดีไซน์เนอร์ จนกระทั่งสิ่งที่เรียกว่า “โอกาส” ที่ถูกหยิบยื่นให้ได้เปิดเส้นทางใหม่ให้ผู้ชายคนนี้ได้รู้จักกับงาน Street Art และใช้ชีวิตกับศิลปะแขนงนี้มาจนถึงปัจจุบัน “หลังจากจบมหาวิทยาลัยก็ไปทำงานกราฟิกดีไซน์ก่อน จากนั้นมีรุ่นพี่ชวนไปทำงาน Street Art เป็นงานพ่นกำแพงที่หอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพฯ (BACC) เริ่มทำครั้งแรกก็รู้สึกชอบเลย
เพียงเพราะการไม่อยากถูกจำกัดความ ทำให้ Dee sweetdrug หรือ ดี – ชาญณรงค์ ขลุกเอียด ศิลปินประยุกต์ (Applied Artist) ได้พัฒนาตนเองจากการทำงานศิลปะมาตั้งแต่สมัยเรียน ปี 1 ที่ศิลปากร ผู้ไม่เคยหยุดนิ่ง และมีโปรเจกต์งานศิลปะไอเดียล้ำมาให้ชมกันตลอดเวลา รวมถึงยังได้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะประยุกต์ร่วมกับแบรนด์ดัง และห้างสรรพสินค้าชั้นนำมาแล้วมากมาย สั่งสมประสบการณ์จากการจัดแสดงผลงาน ทำงานประกวด ทำงานอีเวนต์ และได้เข้าร่วมแสดงในหลายรายการ จนกลายเป็น Applied Artist แถวหน้าของเมืองไทย ผู้ที่เชื่อว่างานศิลปะและงานออกแบบเกิดจากการ Applied เรื่องราวในอดีต และนำกลับมาเล่าใหม่ให้ถูกจังหวะ ถูกที่ ถูกเวลา และ Dee sweetdrung ก็เป็นศิลปินคนหนึ่งที่รู้ว่า ช่วงเวลานี้ จังหวะนี้ เรื่องราวนี้ ควรจะพูดถึงอะไร และนำสิ่งเหล่านั้นมาประยุกต์ใช้กับสี ลายเส้น และรูปลักษณ์ที่เคยมีมาแล้วให้ดีและแตกต่างกว่าเดิม นอกจากนี้เขายังเป็นศิลปินผู้ฉีกกฎการนำเสนองานศิลปะในรูปแบบเดิมๆ ไปสู่แนวความคิดที่สดใหม่ มีการนำมนต์เสน่ห์และวัฒนธรรมไทยมาเล่าสู่บริบทของงานศิลปะร่วมสมัยโดยนำเทคนิคอันหลากหลายตามแนวถนัด ไม่ว่าจะเป็น จิตรกรรม วาดเส้น ประติมากรรม สื่อผสม และศิลปะจัดวาง มาเป็นสื่อในการบอกเล่าเรื่องราวตามจินตนาการอันไร้ขีดจำกัดของเขาได้อย่างน่าทึ่ง