“RIR” (Royal Ivy Regatta) แบรนด์เครื่องแต่งกายพรีเมียมสไตล์อเมริกัน ภายใต้ เครือยัสปาล เปิดตัวคอลเลคชั่นล่าสุด Winter Collection 2017 ต้อนรับลมหนาวที่กำลังมาเยือนเมืองไทย ให้คุณได้ครีเอทลุคเท่ ๆ สวมใส่ง่ายสไตล์อเมริกัน โดยคอลเลคชั่นนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากสีสันของแสงไฟในช่วงเทศกาลแห่งการ เฉลิมฉลอง ถ่ายทอดออกมาเป็นเครื่องแต่งกายดีไซน์ร่วมสมัย คัตติ้งเนี้ยบ ช่วยเสริมสร้างบุคลิกภาพโดดเด่นแก่ผู้สวมใส่อย่างมีรสนิยม สำหรับ RIR Men’s Winter Collection 2017 เน้นลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ของฤดูหนาวอย่างลาย Nordic และ Argyle นำมาทอเป็นลายผ้า โดยใช้โทนสีที่เน้นให้ความรู้สึกอบอุ่น สลับกับสีโทนเย็น อย่างโทนสีน้ำตาลคาราเมล (Caramel) สีเขียวมอสส์ (Moss Green) สีน้ำเงิน-กรมท่าที่ตัดกับสีครีม (Navy and Cream) รวมถึงสีโทนแดงก่ำอย่าง แดงแครนเบอร์รี่ (Cranberry) กับแดงเบอร์กันดี (Burgundy) ไอเท็มสุดคูลที่แนะนำสำหรับหนุ่ม ๆ ในคอลเลคชั่นนี้ เน้นเสื้อโปโล และสเวตเตอร์ (Sweater) ทอด้วยลวดลาย Nordic
เดือนธันวาคมถือเป็นเดือนแห่งการพักผ่อนที่เต็มไปด้วยงานเทศกาลดนตรีต่าง ๆ มากมาย รวมถึงวันหยุดพักผ่อนให้เราได้สามารถชาร์จพลังเพื่อเริ่มต้นปีใหม่ด้วยชีวิตใหม่ที่เต็มไปด้วยความสุข สำหรับคนที่ยังไม่มีแพลนว่าจะเดินทางไปไหน เราขอบอกเลยเดือนว่าธันวาคมนี้ มีโปรแกรมเทศกาลงานดนตรีสุดเจ๋งที่น่าสนใจไม่ว่าจะเป็น Big Mountain , Wonderfruit และอื่น ๆ อีกมากทั้งโบฮีเมี่ยนจ๋า ร็อค ยัน EDM ที่ชาว UNLOCKMEN สามารถเข้าไปเลือกได้ตามไลฟ์สไตล์ส่วนตัวว่าชอบแบบไหน ซึ่งความสนุกของการไปเฟสติวัลต่าง ๆ ที่นอกจากการไปดูคอนเสิร์ต มันเป็นโอกาสทองที่จะทำให้เราได้หลุดไปกับการแต่งตัวแบบจัดเต็มข้อ ล่อเต็มแข้ง ชนิดไม่ต้องกลัวใครหน้าไหนมาว่า เพราะทุกคนก็แต่งกันแบบจัดเต็มเช่นกัน โดยเฉพาะคนโสดที่อาจจะใช้โอกาสนี้ แต่งตัวให้ดูคูล เท่ เพื่อเป็นการโปรโมตตัวเองให้สามารถดึงดูดเพื่อน ๆ รวมถึงเพศตรงข้ามเข้ามาหาได้ เพราะหากเลือกจะแต่ง same same เหมือนกันไปหมด คุณก็คงไม่มีจุดเด่นอะไรให้คนเข้ามาสนใจ วันนี้ UNLOCKMEN Style Guide จึงอยากจะช่วยปลดล็อคสไตล์การแต่งตัวของคุณด้วย โดยการนำ outfit สุดเท่ ที่เป็นส่วนผสมต่าง ๆ นำมามิกซ์แอนด์แมชท์ จนเหมาะสมเพื่อใช้ในงานเฟสติวัลชนิดเมื่อคนเห็นต้องเหลียวมองอย่างแน่นอน To Good at GoodBye Hawaii
ไม่รู้ว่าชาว UNLOCKMEN ที่อายุเกิน 25 ขึ้นไป ยังพอจำการ์ตูนบาสเก็ตบอลเรื่อง Slam Dunk ได้บ้างหรือเปล่า เพราะเมื่อไม่นานมานี้ทีมงานได้นำมันกลับมาปัดฝุ่นอ่านอีกหนึ่งรอบเพื่อระลึกความหลังในวัยเยาว์ แต่เชื่อหรือไม่ว่าแม้การ์ตูนเรื่องนี้จะผ่านเวลามานานกว่า 20 ปีแล้ว แต่เนื้อหาภายในเรื่องก็ยังเต็มไปด้วยมนต์ขลังที่สามารถนำมาเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้อ่าน แถมสนุกเพลิดเพลินชนิดที่ไม่ตกยุคเลย นอกเหนือจากเนื้อหาที่สนุกเร้าใจ สมจริง ยังมีอีกประเด็นหนึ่งที่ถูกพูดถึงอย่างมากภายในเรื่อง นั่นคือ sneakers ที่อาจารย์ ทาเคฮิโกะ อิโนอุเอะ เลือกใช้ก็ครองใจวัยรุ่นไปตาม ๆ กัน และเราเองก็เชื่อว่า sneakerhead รุ่นเก่าส่วนใหญ่ล้วนมีจุดเริ่มต้นมาการ์ตูนเรื่องนี้เช่นกัน ดังนั้นเพื่อเป็นการย้อนวันเวลา เราจะขอนำเสนอรองเท้า sneakers คู่เด็ดย้อนวัยไปในมังงะ Slam Dunk ว่ามีอะไรโดนใจเราบ้าง Converse ERX 360 สำหรับรองเท้าคู่นี้เป็นรองเท้าที่ตัวละคร อาคางิ ทาเคโนริ ผู้เล่นตำแหน่งเซ็นเตอร์กัปตันทีมโชฮาคุ สวมใส่ ซึ่งมันเป็นรองเท้าบาสรุ่นคลาสสิคของ Converse ที่ในปัจจุบันหาได้ยากแล้ว Converse ERX 360 เป็นรองเท้าสาย power ที่จะเน้นหนักในเรื่องการกันกระแทก โดยการใส่
ปัจจุบันอาชีพขายรองเท้ารีเซลนับว่าได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม เนื่องจากเม็ดเงินที่สามารถทำกำไรให้กับผู้ขายรวมแล้วมีรายได้ดีกว่าการเล่นหุ้นหรือซื้อทองเสียอีก จึงทำให้มีพ่อค้าแม่ค้ามากมายต่างกระโดดลงมาร่วมวงในตลาดนี้อย่างคึกคัก โดยเรื่องนี้ถือเป็นแง่ร้ายสำหรับ Sneakershead มือใหม่ที่อาจจะไม่ได้มีเงินทองมากมาย เพราะต้องมาต่อสู้แย่งชิงกับพลังเงินของพ่อค้าแม่ค้ามืออาชีพที่พร้อมทำทุกวิถีทาง เพื่อที่จะได้รองเท้ารุ่นลิมิเตดมาไว้เก็งกำไรขายต่อ แต่ในอีกแง่มุมหนึ่งสำหรับ Sneakerhead ที่มีกำลังทรัพย์ ซึ่งอาจจะไม่ได้มีเวลามานั่งเข้าแคมป์ ต่อแถวจับฉลากเหมือนกับคนอื่น ก็จะมีช่องทางสามารถหาซื้อรองเท้าได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยแลกกับการจ่ายเงินที่แพงกว่าราคากลางเสียเล็กน้อย อันนี้ก็เป็นดุลยพินิจของแต่ละคนไป เนื่องจาก Demand กับ Supply มันไม่เท่ากัน ดังนั้นในวันนี้ทีมงาน UNLOCKMEN จะขอมาแนะนำร้านรองเท้า Resell ต่าง ๆ ที่หลบซ่อนตัวอยู่ในกรุงเทพฯ เพื่อที่จะให้ทุกคนได้ไปจับจ่ายใช้สอยรองเท้ารุ่นลิมิเตดกันอย่างจุใจ NICEFEET รองเท้าสตรีทแวร์น้องใหม่อีกหนึ่งร้านที่ตั้งอยู่ในสยามสแควร์ ซึ่งร้านนี้ค่อนข้างโด่งดังในหมู่นักสะสมรองเท้า เพราะว่าพวกเขาเคยรับหิ้วรองเท้ารุ่นหายากทางช่องทางออนไลน์ มาก่อนหน้าที่จะมาเปิดร้าน เป็นของตัวเอง ดังนั้นหากคุณไป ร้าน NICEFEET แน่ใจได้เลยว่ารองเท้าทุกคู่ที่มาวางขายในร้านจะต้องเป็นรุ่นที่หายากสุด ๆ อย่างแน่นอน Facebook : Nicefeetth Yo! Khris ร้านสนีกเกอร์สุดแนวที่ตั้งอยู่ใจกลางสยามสแควร์ ซึ่งเป็นแหล่งรวมรองเท้ารีเซลที่ทีมงาน UNLOCKMEN คิดว่าน่าจะมีจำนวนมากที่สุดแล้วในปัจจุบัน เพราะในร้านมีรองเท้าโมเดลต่าง ๆ ไม่ต่ำกว่า 1,000 คู่
หากพูดถึงประเทศที่กระแสแฟชั่นมาแรง แถมเต็มไปด้วยเอกลักษณ์สุดชัดเจน คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเกาหลีใต้จัดเป็นหนึ่งในนั้นที่สามารถสร้างกระแสความฮือฮาให้กับทั่วโลกได้เป็นอย่างดี เพราะในช่วงขวบปีที่ผ่านมา นอกจากกระแส บอยแบนด์ เกิร์ลกรุ๊ปแล้ว แบรนด์เสื้อผ้าสัญชาติเกาหลีก็ออกไปสร้างชื่อเขย่ารันเวย์โลกได้อย่างไม่น้อยหน้าใครเช่นกัน หนึ่งในแฟชั่นเขย่ารันเวย์นั้นคือแบรนด์ 99%IS ที่มีหัวเรือใหญ่อย่าง Bajowoo ผู้ถ่ายทอดอารมณ์เสื้อผ้าออกมาจากจิตวิญญานของตัวเขาเอง จนสามารถเข้าไปครองใจคนทั่วโลกไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทย สำหรับเสื้อผ้าของ 99%IS มีจุดเด่นอยู่ที่ลวดลาย หมุด หนาม ที่แสดงความแข็งกระด้างให้เข้ากับแฟชั่นในรูปแบบของ Street – Culture จนผลงานของ Bajowoo ได้รับการยอมรับในวงกว้างถึงขนาดที่ศิลปินระดับโลกมากมาย อาทิ Lady Gaga , Justin Bieber , Chris Brown , Bigbang , Pharrell Williams ต่างเลือกใช้ 99%IS เป็นเครื่องแต่งกายส่วนตัวทั้งในยามออกงาน และชีวิตประจำวัน นับว่าเป็นความโชคดีสำหรับขาแฟชั่นชาวไทยอย่างมาก เมื่อทางร้าน Upperground ได้นำเสื้อผ้า 99%IS เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จนทำให้ UNLOCKMEN มีโอกาสสุด Exclusive เดินทางไปกระทบไหล่สัมภาษณ์
หากพูดถึงแบรนด์แฟชั่นระดับกูตูร์ที่ร้อนแรงที่สุดในขณะนี้ คงไม่มีใครกล้าปฎิเสธว่า Balenciaga สามารถก้าวขึ้นมาเป็น Top of the town สร้างปรากฎการณ์ความฮือฮาให้กับวงการแฟชั่นหลังจากได้ Creative Director คนใหม่อย่าง Demna Gvasalia ผู้เข้ามาปลุกกระแส Anti-Fashion ผ่านผลงานเจ๋ง ๆ สะท้อนการเสียดสีแฟชั่นชั้นสูง นำดีไซน์เสื้อผ้าที่ดูแสนจะธรรมดามาเพิ่มความโดดเด่นอย่างงดงาม จนล่าสุดเขาเพิ่งได้รางวัลบุคคลแห่งปีจาก Business of Fashion Demna Gvasalia ชื่อนี้ไม่ใช่โนเนมที่ฟลุคดังขึ้นมาชั่วข้ามคืน เพราะเขามีดีกรีเป็นนักเรียนของ Royal Academy of Fine Arts เมือง Antwerp ประเทศ Belgium ที่ซึ่งผลิตดีไซน์เนอร์ชื่อดังมากมาย และตัวของเขาเองเคยทำงานร่วมกับ Maison Martin Margiela , Louis Vuitton และปลุกปั้นแบรนด์ของตัวเองอย่าง Vetements ให้กลายเป็นไฮสตรีทชื่อดังมาแล้ว ก่อนจะมีโอกาสได้มารับไม้ต่อจาก Alexander Wang ที่ Balenciaga โดย Demna
ทีมงาน UNLOCKMEN สังเกตเห็นได้ว่าช่วงนี้หนุ่ม ๆ หลายคนได้ใช้วันลาหยุดที่อุตส่าห์เตรียมตัวมาเนิ่นนานเพื่อที่จะเดินทางไปพักผ่อนต่างประเทศ ชาร์จพลังจากการทำงานหนักมาตลอดทั้งปี ซึ่งมีอยู่เรื่องหนึ่งที่ผู้ชายอย่างเรามักจะละเลย และไม่ค่อยสนใจนั่นก็คือการแต่งตัวไปสนามบิน เพราะคิดว่าเป็นสิ่งไม่จำเป็น จนเกิดเป็นปัญหาโดนด่านตรวจคนเข้าเมืองกักตัวไว้ก็มี หรือไม่ก็ขาดการเตรียมความพร้อมโดยที่ใส่เสื้อผ้าอึดอัดเกินไปจึงทำให้เคลื่อนไหวร่างกายได้ลำบากเวลานั่งอยู่บนเครื่องบิน โดยอันที่จริงนั้นในสนามบินเองก็เป็นสถานที่ ๆ เราสามารถแต่งตัวชิค ๆ ให้ออกมาเท่ได้ เพียงแค่รู้จักเลือกใช้ไอเทมให้เหมาะสมถูกต้อง ดังนั้น Style Guide ในวันนี้จึงอยากจะมาแนะนำการแต่งตัวที่เราสามารถสวมใส่ได้อย่างสบาย แต่ยังคงความคูลยึดหลักไอเทมคือกางเกง Sweatpants เป็น Key Pieces สำคัญด้วยกันถึง 3 ลุค LOOK#1 Minimal Sweatsuit เหตุผลที่เราเลือกกางเกง Sweatpants เนื่องจากช่วงเวลาที่เราเดินทางไปสนามบิน แม้จะเป็นช่วงเวลาไม่นาน แต่เราก็ต้องรักษาลุคให้ดูดี เพราะถ้าหากปล่อยเซอร์แต่งตัวชิวจนเกินไปก็อาจจะไม่ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองได้ ซึ่งการจะแต่งเต็มยศก็ดูจะอึดอัดจนเกินไป ดังนั้นกางเกง Sweatpants ที่มีคุณสมบัติรักษาความอุ่นได้ดี สวมใส่สบาย อีกทั้งยังคงความเท่ไว้ในตัว จึงไม่ใช่เรื่องผิด ถ้าเกิดคุณจะเลือกใส่เป็น Sweatsuit โดยการเลือกเสื้อและกางเกงในเฉดสีเดียวกัน ซึ่งไม่จำเป็นว่าต้องเลือกเสื้อที่มีลวดลายมากจนเกินไปให้ดูรกตา LOOK#2 Work Trip สำหรับคนที่อาจจะไม่ได้ไปเที่ยว แต่มีภารกิจต้องเดินทางไปทำงานต่างประเทศก็ยังสามารถใส่กางเกง Sweatpants
เราเชื่อว่าในสมัยก่อนที่อินเตอร์เน็ตยังไม่เจริญเหมือนทุกวันนี้ การหาข้อมูลข่าวสารถือเป็นเรื่องยาก ทำให้เกิดเหตุการณ์ที่คนเล่นรองเท้าเจ็บกันมาเยอะ เนื่องจากโดนหลอกขายรองเท้ารุ่นที่มีหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกัน แต่ไม่ใช่แบบที่ต้องการ ซึ่งทีมงาน UNLOCKMEN เองก็ไม่ค่อยเข้าใจกลยุทธ์ในสมัยก่อนของแบรนด์รองเท้าว่าจะทำรองเท้าที่หน้าตาเหมือนกันออกมาขายทำไม เพื่อเป็นการขยายความในจุดนี้ Sneakers of the weeks สัปดาห์นี้ได้หยิบยกเอารองเท้าที่หน้าตาเหมือนกันอย่างกับถ่ายสำเนาก๊อปปี้ออกมา ให้ทุกท่านลองพิจารณาตัดสินใจกันดูว่าเหมือนหรือเปล่า adidas Gazelle = adidas Campus สืบเนื่องจากความโด่งดังเป็นพลุแตกของ adidas Gazelle ในยุคคาบเกี่ยว 80-90 เมื่อวัฒนธรรม Brit pop กลายเป็น mass culture และหนึ่งในไอเทมที่จะขาดไม่ได้เลยคือ adidas Gazelle ที่ฮิตจนถึงขั้นของขาดตลาด แต่แทนที่ adidas จะผลิตโปรดักส์ซ้ำออกมาให้เพียงพอต่อความต้องการ พวกเขากลับหยุดผลิต Gazelle ซะอย่างนั้น จากนั้นก็ใช้เทคนิคทางการตลาดส่งรองเท้ารุ่นอื่นที่มีหน้าตาคล้ายกันเกิดเป็นการรวมร่างระหว่าง Gazelle และ Stan Smith จนกลายเป็น adidas Campus เพื่อเพิ่มยอดขายให้กับแบรนด์ นี่จึงเป็นเหตุให้ไลน์รองเท้าของ adidas Original มีรองเท้าสองรุ่นที่หน้าตาเหมือนกันอย่างกับฝาแฝดให้คนได้งงเล่น Air
ในยุคปัจจุบันเราอาจจะมองรองเท้าเป็นเพียงเครื่องแต่งกายที่บ่งบอกความสวยงามและสไตล์การแต่งตัว แต่ในอดีตรองเท้านั้นมีเรื่องราวความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์สำคัญ หรือแม้แต่วัฒนธรรมต่าง ๆ จนเป็นที่มาของคำว่า “รองเท้าทุกคู่ล้วนมีเรื่องราวในตัวของมันเอง” ตัวอย่างเช่นรองเท้า Puma Suede ซึ่งถือเป็นแรงผลักดันสำคัญต่อวงการฮิปฮอปและคนผิวสีของอเมริกัน จนเราอยากจะนำมาเล่าให้ฟังในวันนี้ เป็นเวลากว่า 50 ปีที่รองเท้ารุ่น Puma Suede ยืนเคียงข้างวงการ sneakers รวมถึงฮิปฮอปตลอดมา เพราะหากย้อนกลับไปในปี 1968 ที่ซึ่งเราได้รู้จักกับรองเท้าคู่นี้เป็นครั้งแรกผ่านคนผิวสีในอเมริกา โดยพวกเขาถือเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญต่อวงการกีฬา และการต่อต้านทางสังคมที่กดขี่ และแบ่งแยกทางเชื้อชาติ จึงไม่แปลกหากในต่างประเทศ Puma Suede จะเป็นยิ่งกว่าแค่รองเท้าคู่หนึ่ง เริ่มต้นจากมหกรรมกีฬา Olympic Summer Games ที่ประเทศ Mexico เกิดเหตุการณ์สำคัญต่อหน้าประวัติศาสตร์ เมื่อนักกีฬาที่ชื่อ Tommie Smith สามารถทำลายสถิติวิ่ง 200 เมตรชายได้ ขณะที่เขากำลังเดินขึ้นไปรับเหรียญรางวัลในชุดสีดำ เขาได้ก้มหัวชูกำปั้นขึ้นเหนือศีรษะ ซึ่งเป็นการแสดงสัญลักษณ์ต่อต้านการเหยียดสีผิว และถือเป็นเรื่องเซ้นซิทีฟอย่างมากในเวลานั้น ในขณะที่มืออีกข้างของเขาก็ถือรองเท้า Puma Suede ขึ้นฟ้า เหตุการณ์นี้จึงทำให้ Tommie Smith ถูกส่งตัวกลับบ้านในทันที แต่ทางกลับกันเขาก็ได้ใจคนผิวสีในอเมริกาทั้งประเทศ
หากคุณกำลังมองหาเพื่อนร่วมทางดีๆที่พร้อมตะลุยโร้ดทริปสุดมันส์ตามแบบฉบับอเมริกัน Hamilton Pan Europ คือคำตอบนั้น นาฬิกาที่ตอบโจทย์เรื่องความเที่ยงตรงและน่าเชื่อถือ ดุดันด้วยสไตล์ที่เจนจัด เรือนเวลาที่จะท่องโลกกว้างไปกับคุณทุกเส้นทาง Hamilton Pan Europ เปี่ยมด้วยรายละเอียดงานดีไซน์ชั้นเยี่ยม สะท้อนแรงบันดาลใจจากชิ้นส่วนรถคลาสสิคแห่งยุค 1970’s อาทิ กันชนสีโครเมียม เบาะหนัง และซีทเบลท์หนัง ตัวเรือนโฉบเฉี่ยว งานขัดสเตนเลสสตีลสุดแวววาว มาพร้อมชุดเปลี่ยนสลับสายให้ผู้สวมใส่ได้เลือกตามอารมณ์และลุค ชุดเปลี่ยนสลับสายที่มาพร้อมนาฬิกาจะทำให้คุณสามารถเปลี่ยนสายเองได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นสายหนังฟอกนุ่มงานตัดเย็บประณีต หรือจะสาย NATO ผ้าไนลอนถักทนทาน แม้วัสดุสายนาฬิกาทั้งสองที่มีความแตกต่างกัน แต่ให้สัมผัสที่สวมสบาย และมีความทนทานไม่แพ้กัน เข้าคู่กับตัวเรือนขนาด 42 มม. อย่างสมบูรณ์แบบ ขับเคลื่อนด้วยคาลิเบอร์ H-30 พร้อมความสามารถในการสำรองกำลังลานสูงสุดถึง 80 ชั่วโมง และหน้าต่างแสดงวันและวันที่ ที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกา สาย NATO มีแถบสีเขียวตรงกลาง กลมกลืน ล้อรับกับหน้าปัดสีเขียวเข้ม และขอบวงรอบอลูมิเนียมสีดำได้อย่างลงตัว สะท้อนลุคสปอร์ตแห่งยุค 1970’s ได้อย่างโดดเด่น ดีไซน์ดังกล่าวนับว่าเป็นการหยิบยกรูปลักษณ์จาก Pan
หลังจากหายหน้าหายตากันไปนานสำหรับรองเท้าสุดฮอตเขย่าวงการ Sneakers อย่าง adidas Yeezy boost ให้แฟน ๆ นับวันรอว่าเมื่อไหร่จะวางขายเสียที ซึ่งการกลับมาในคราวนี้สร้างอิมแพคระดับ 10 ริกเตอร์ เพราะประกาศพร้อมวางจำหน่ายทีเดียว 3 รุ่นด้วยกัน เริ่มจากรุ่น Yeezy Boost 350 V2 “Semi-frozen Yellow” รองเท้ารุ่น low-top ยอดฮิตจาก Kanye West ซึ่งอันที่จริงมีภาพรองเท้ารุ่นนี้หลุดออกมาตั้งแต่ต้นปีแล้ว แต่เพิ่งจะมาวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 18 พฤศจิกายนนี้ และเป็นข่าวดี เพราะ adidas Thailand ได้นำเข้ามาวางจำหน่ายในรูปแบบของการจับฉลาก และออนไลน์ โดยสามารถเข้าไปอ่านกฎกติกาใน link ,link2 สำหรับสเปคของรองเท้าคู่นี้ก็เหมือนกับ Yeezy Boost รุ่นอื่น ๆ ก่อนนี้ไม่ว่าจะเป็นหน้าเท้า primeknit ชิ้นเดียวที่มาสีเหลือง พร้อมชุดพื้นกลางเทคโนโลยี boost ที่สัมผัสนิ่มเด้งใส่สบาย บวกกับพื้นรองเท้าแบบยาง Gum ที่จะทำให้รองเท้าทนมากยิ่งขึ้น ดังนั้นใครที่สนใจอยากเป็นเจ้าของรองเท้าคู่นี้ รีบเตรียมตัวให้พร้อม
เมื่อประมาณช่วงทศวรรษ 70s ในช่วงที่กระแสฮิปปี้กำลังบูมและเป็นที่นิยม หนึ่งไฮไลท์สำคัญที่เป็นแฟชั่นไอเทมตัวชูโรงของยุค และหลงเหลือมาเป็นร่องรอยอารยธรรมจนถึงปัจจุบัน ก็คงจะเห็นเป็นเสื้อมัดย้อม สีสันจี๊ดจ๊าด ดูแล้วแสบตา ซึ่งไอเทมเสื้อมัดย้อมนั้นเกิดจากความชาญฉลาดของบริษัท Rit ที่นำวิธีการย้อมผ้านี้จากอินเดีย ก่อนผลิตต่อให้กับศิลปินดัง ๆ ใส่เล่นโชว์ในงานเทศกาลดนตรี Woodstock จนขายดีเป็นเทน้ำเทท่า กระทั่งทุกวันนี้ เสื้อมัดย้อมก็ยังคงเป็นที่ต้องการไม่ว่าจะเทศกาลไหน ๆ ทีมงาน UNLOCKMEN ก็เล็งเห็นว่าในช่วงสิ้นปีอย่างนี้ การแต่งตัวด้วยสีสันก็จะช่วยเพิ่มความสนุกให้กับช่วงเวลาแห่งความสุขเช่นกัน ดังนั้นเราจึงอยากจะมาแนะนำ Style Guide การใส่เสื้อ Tie Dye หรือมัดย้อม เพื่อจะใช้ใส่ในวันหยุดสุดสัปดาห์ หรือจะเป็นงานเทศกาลดนตรีก็ดูทำให้สนุกเร้าใจมากยิ่งขึ้น Keep it minimal เนื่องจากเสื้อผ้ามัดย้อมนั้นมีสีสันที่โดดเด่นอยู่แล้ว การที่เราจัดไอเทมอื่น ๆ เพื่อมาแย่งซีนก็ดูจะเป็นอะไรที่ไม่ลงตัวสำหรับการแต่งตัวออกมาหนึ่งลุค ดังนั้นวิธีการง่าย ๆ แค่ keep it simple ทำให้มันเรียบง่ายที่สุด โดยการเลือกไอเทมอย่างพอเหมาะ ไม่ว่าจะเป็นการใส่เสื้อมัดย้อมร่วมกับกางเกงเดนิมสีดำ หรือผ้าฟอกสวมใส่ด้วยรองเท้าผ้าสีพื้น ก็ได้ลุคหล่อ ๆ สำหรับลุคงาน coachella Wearing with