ถ้าพูดถึงรองเท้าที่เป็น Iconic รุ่นนึงของ Nike ที่ Sneakerheads ให้ความสำคัญมาก ต้องเป็น Air Force 1 รองเท้าเรือธงของ Nike ซึ่งอีกไม่นาน มันก็กำลังจะเข้าสู่ช่วงอายุ 35 ปี นับว่าอายุเยอะกว่าคนที่กำลังอ่านอยู่หลาย ๆ คนแน่นอน ในโอกาสพิเศษแบบนี้ Nike จึงจับมือกับ 5 สุดยอดนักออกแบบจากทั่วโลก Don C, Kareem “Biggs” Burke, Errolson Hugh, Travis Scott และ Virgil Abloh ในโปรเจ็คต์ฉลองครบรอบปีที่ 35 ของสุดยอดรองเท้าระดับตำนานอย่าง “Air Force 1” โดยเลือกใช้สีขาวในการออกแบบรองเท้ารุ่นพิเศษในครั้งนี้ อัล บาอิค (Al Baik) ครีเอทีฟไดเร็กเตอร์อาวุโสของ Nike Sportswear และหัวหน้าดีไซเนอร์ กล่าวเปิดตัวโปรเจ็คนี้ว่า “ไม่มีรองเท้ารุ่นไหนที่เชื่อมโยงโลกแห่งกีฬา ดนตรี
ชั่วโมงนี้ต่อให้ใครไม่เป็นคนที่ชื่นชอบหรือหลงใหลในสตรีทแฟชั่น อย่างไรก็ต้องรู้จักแบรนด์ Supreme เป็นแน่แท้ เพราะในปัจจุบัน Supreme ได้กลายเป็นมากกว่าแค่เสื้อผ้าแฟชั่น แต่มันเปรียบดังลัทธิหรือศาสนาที่คนยอมใช้จ่ายเงินจำนวนมากเพื่อให้ได้มันมาไว้ครอบครอง Supreme เองก็ไม่ได้อยู่เฉย พยายามหาพาร์ทเนอร์มาร่วมงาน รวมถึงสร้างสรรค์ผลงานปล่อยคอลเลคชั่นตัวเองออกมาเรียกกระแสความฮือฮาอย่างสม่ำเสมอ อย่างล่าสุด Supreme ได้ทำการ collaboration กับมังงะจากประเทศญี่ปุ่นเรื่อง Akira (คนไม่ใช่คน) นับได้ว่าเป็นการร่วมงานครั้งแรกระหว่าง Supreme กับการ์ตูน เป็นอีกหนึ่งโปรเจคใหม่ที่ทำเอาเหล่าสาวกการ์ตูนญี่ปุ่นรุ่นเก๋า รวมถึงแฟน Supreme ตื้นตันไปตาม ๆ กัน สำหรับเด็ก ๆ ยุคใหม่คงจะเกิดไม่ทันมังงะเรื่อง Akira เลยไม่ทราบถึงความเจ๋ง หรือยิ่งใหญ่ของการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่องนี้ แต่รู้หรือไม่ว่ามันคือผลงานชิ้นโบว์แดงของอาจารย์ Katsuhiro Otomo เมื่อปี 1982 อีกทั้งยังเป็นแรงบันดาลใจสำหรับวงการภาพยนตร์ อาทิ Blade Runner , The Matrix Trilogy เป็นต้น สินค้าคอลเลคชั่นนี้จะประกอบไปด้วย เสื้อ Parka , เสื้อ Work Jacket
ไม่รู้เหมือนกันว่าวัฒนธรรมการเฉลิมฉลองเทศกาลวันปล่อยผีอย่าง “ฮาโลวีน” เริ่มได้รับความนิยมมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ก็ต้องยอมรับในข้อหนึ่งว่าคนไทยรับเอาค่านิยมต่างชาติเข้ามาค่อนข้างเยอะ ซึ่งดูเหมือนในช่วงปีหลัง ๆ มานี้เด็กยุคใหม่จะรู้สึกอินกับเทศกาลนี้พอสมควร เพราะหากดูตามร้านอาหาร หรือสถานบันเทิงชื่อดังมากมายล้วนจัดงานเฉลิมฉลองราวกับว่ามันเป็นวันหยุดสำคัญวันหนึ่งเลยทีเดียว นอกจากความสนุก รื่นเริงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นภายในวันฮาโลวีน ไฮไลท์ที่เป็นจุดเด่นทำให้วันปล่อยผีเป็นที่ชื่นชอบในหมู่วัยรุ่นน่าจะมาจากการที่เราและผองเพื่อนสามารถแต่งตัวคอสเพลย์ประหลาด ๆ ได้อย่างที่ชีวิตปกติไม่มีโอกาส จึงทำให้เป็นอีกหนึ่งวันที่แก๊งค์เพื่อนชอบนัดรวมตัวกันเพื่อออกมาสังสรรค์ ปาร์ตี้ สมชื่อวันปล่อยผี จริง ๆ สำหรับหนุ่ม ๆ UNLOCKMEN ที่ปกติแล้วก็ไม่ได้ชื่นชอบการแต่งตัวคอสเพลย์สักเท่าไหร่ แต่ปีนี้ดันโดนกลุ่มเพื่อน ๆ นัดรวมปาร์ตี้ หรือมีเหตุอันจำเป็นจนต้องไปร่วมกิจกรรมความบันเทิงนี้อย่างไม่สมยอม ซึ่งไอ้ครั้นจะไปแบบธรรมดาแต่งตัวแบบปกติก็ดูไม่ค่อยให้ความร่วมมือ กลายเป็นแกะดำ หรือจะแต่งหน้าผีก็ไม่ใช่ทางอีก วันนี้เราจึงนำไอเดียการแต่งคอสเพลย์ในวันฮาโลวีนสำหรับผู้ชายสายขี้เกียจ แต่ outfit ออกมาโดดเด่นในงานอย่างแน่นอน Patrick Bateman Patrick Bateman คือตัวละครโรคจิตจากภาพยนตร์เรื่อง American Psycho ซึ่งหลายคนอาจจะสงสัยว่ามันเป็นผีอย่างไร โดยอันที่จริงแล้วในต่างประเทศวันฮาโลวีนไม่ได้จำกัดเฉพาะการแต่งตัวผีเพียงอย่างเดียว ดังนั้นหากเราจะแต่งคอสเพลย์สไตล์โรคจิตก็ได้เช่นกัน สิ่งที่ต้องเตรียม : เสื้อสูทแบบ Double Breasted สไตล์ 80s สี Navy
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่เราจะได้มีโอกาสพูดคุยกับ เจสัน เพทรี่ (Jason Petrie) นักออกแบบ ที่ทำงานสร้างสรรค์รองเท้าบาสเกตบอลร่วมกับซูเปอร์สตาร์อย่างเลอบรอน เจมส์ (LeBron James) มานานกว่าหนึ่งทศวรรษ ถึงจุดเด่นของรองเท้าบาสเกตบอลตระกูลเลอบรอนรุ่นล่าสุด ซึ่งรวมถึงการเลือกใช้นวัตกรรมเส้นใยไนกี้แบทเทิลนิต (Nike BattleKnit) ที่ช่วยเสริมให้รองเท้าบาสเกตบอลเลอบรอน 15 โดดเด่นไปอีกขั้นหนึ่ง โดยเพทรี่กับเจมส์ได้ร่วมพัฒนารองเท้าบาสเกตบอลตระกูลเลอบรอนหลายรุ่นตั้งแต่รุ่นเลอบรอน 7 (LEBRON 7) รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ตระกูลเลอบรอนโซลเยอร์ (LEBRON Soldier series) และยังคงพัฒนาสุดยอดรองเท้าบาสเกตบอลตระกูลเลอบรอนมาถึงรุ่นที่ 15 (LEBRON 15) ที่พวกเขาก้าวข้ามขีดจำกัดไปอีกขั้น รองเท้าบาสเกตบอลตระกูลเลอบรอนออกวางจำหน่ายมาจนถึงรุ่นที่ 15 แล้ว มีกฎในการสร้างสรรค์ใดบ้างที่คุณต้องปฏิบัติตามอย่าเคร่งครัด และมีกฎข้อใดหรือไม่ที่คุณเลิกให้ความสำคัญไปแล้ว? เรามีกฎสำคัญในการสร้างสรรค์ 3 ข้อ ได้แก่ 1. “ทำให้เท้ามั่นคงเพื่อเอื้อต่อการกระโดด – Lock me down so I can fly” ซึ่งเป็นคำขอของเลอบรอนโดยตรง 2. “ลดการบาดเจ็บได้ – Protect me
สำหรับคอ High-Fashion แบรนด์ Givenchy (จีวองชี่) ถือเป็นแบรนด์ที่มีเอกลักษณ์คอนเซ็ปต์อย่างชัดเจน อีกทั้งดีไซน์ต่าง ๆ ล้วนถูกออกแบบมาอย่างโดนใจหนุ่ม ๆ ไม่ว่าจะเป็น Animal Spirit , Rottweiler , Star Print เป็นต้น ซึ่งวันนี้ทีมงาน UNLOCKMEN ก็ขอเอาข่าวคอลเลคชั่นใหม่ของ Givenchy มานำเสนอ สำหรับคอลเลคชั่นใหม่ของ Givenchy คือ Spring 2018 Pre-Collection ที่ถูกออกแบบโดยทีมสตูดิโอของแบรนด์ ซึ่งคอลเลคชั่นนี้ยึดเอาคอนเซ็ปต์ “ความบริสุทธิ์ ความสง่างาม ความสดใส” จาก 3 โทนสีหลัก ได้แก่ สีขาว สีดำ (Black) , สีน้ำเงิน (Electric Blue) และสีชมพูฟูเซีย (Fuchsia) เติมแต่งด้วยลายปรินท์ทหาร ผสานการออกแบบตัดเย็บที่ประณีต เผยให้เห็นเค้าโครงของเสื้อผ้าอย่างชัดเจน ผ่านวัสดุเนื้อผ้าที่มีความหรูหราตามแบบฉบับของ Givenchy (จีวองชี่) ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก
เมื่อเราพูดถึงรองเท้าบู้ทแน่นอนว่าชื่อแรก ๆ ที่แว้บเข้ามาในหัวก็คือ Timberland รองเท้าบู้ทสุดทนทานที่มีดีไซน์กระชากใจ สามารถใส่ใช้งาน หรือเป็นรองเท้าแฟชั่นได้อย่างไม่เคอะเขิน โดยเฉพาะรองเท้ารุ่น Yellow Boots ที่โดดเด่นจนเป็นไอคอนที่ใคร ๆ หลายคนต้องมีไว้ครอบครองในตู้รองเท้า เนื่องจากทีมงาน UNLOCKMEN เกิดความสนใจในตัวแบรนด์ จึงได้ไปทำการค้นคว้าข้อมูลประวัติของแบรนด์ Timberland มาเล่าสู่กันฟังให้ทุกท่านได้อ่านกันแบบเพลิน ๆ ย้อนกลับไปในปี 1952 นาย Nathan Swartz ได้ทำการซื้อหุ้นของบริษัทรองเท้า Abington เพื่อเริ่มต้นธุรกิจผลิตรองเท้าบู้ทซึ่งตัวเขามองเห็นศักยภาพที่ก้าวมาทำเงินได้ โดยเริ่มแรกเขาตัดสินใจซื้อหุ้นเพียงครึ่งเดียวก่อน เพื่อดูว่าธุรกิจจะสามารถเดินไปข้างหน้าได้ขนาดไหน ซึ่งธุรกิจของพวกเขาก็ดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ จนกระทั่ง 10 ปีต่อมาพวกเขาได้นำเทคโนโลยี injection-molding มาใช้กับรองเท้าบู้ทของพวกเขา เนื่องจากสภาพอากาศในเมืองที่มีหิมะตกอยู่เป็นประจำ และรองเท้าบู้ทส่วนใหญ่ก็จะไม่ค่อยกันน้ำ จึงเป็นไอเดียให้พวกเขาออกแบบรองเท้าบู้ทที่มีคุณสมบัติพิเศษสามารถกันน้ำได้ในขณะเดียวกันก็ยังป้องกันความเย็นได้อย่างดีเยี่ยมอีกด้วย ทำให้รองเท้าจาก Abington เป็นที่นิยมในท้องถิ่น แต่เพื่อเป็นการเปิดตลาดให้กว้างไกลยิ่งขึ้น พวกเขาจึงตัดสินใจย้ายบริษัทไปยัง New Hampshire ในปี 1969 เพื่อเพิ่มขนาดสเกลการผลิตให้ยิ่งใหญ่ขึ้นกว่าเดิม และมีการเปลี่ยนแปลงชื่อบริษัทเป็น Timberland ในเวลาถัดมา Timberland ต้องการจะเป็นบริษัทผลิตรองเท้าที่สามารถทำรองเท้าบู้ทออกมาในลักษณะหลากหลาย
ใครบอกความเท่ของแฟชั่นจะถูกจำกัดเอาไว้แค่ในเมืองหลวง ด้วยเทรนด์ที่คนส่วนใหญ่หันไปลุยภูเขาแบบ Hiking กันมากขึ้น adidas อาจคิดว่า ทำไมเราไม่เอาแฟชั่นไปใส่ไว้ในนั้นซะเลยล่ะ? ว่าแล้วก็จับเอา Superstar ’80s อดีต low-top basketball shoes อันโด่งดังมาตั้งแต่ปี 1983 ผ่านยุคสมัยของ RUN D.M.C. มาแปลงโฉมใหม่ โดยใส่แรงบันดาลใจจากไลฟ์สไตล์การลุยป่าเข้าไป กลายเป็นดีไซน์รองเท้าที่เท่ ดูทนทานทั้งด้านฟังก์ชั่น และโทนสี เรียกว่าวัยรุ่นนิยมอะไร adidas Superstar จะตามไปคอยสนับสนุน มองแว้บแรก เราน่าจะเห็นรองเท้า sneaker คู่นี้เป็นรองเท้าสำหรับลุยป่า ไม่ว่าจะเป็น upper โทนสีเขียวเข้ม olive-green ที่ยั่วยวนชวนให้ออกไปย่ำยี ตัดกับ toe cap และ midsold สี off-white เสริมความเข้มแข็งด้วย heel tab สีแดง ดูร้อนแรงน่าผจญภัย แต่ถ้าดูให้ดี ๆ จะเห็นว่ามันถูกออกแบบจากพื้นฐานของ Superstar ’80s TR
ย้อนไปเมื่อช่วงกลางปี 2019 ถือเป็นครั้งแรกที่โลกแห่งเครื่องบอกเวลาได้รู้จักกับ SWATCH BIG BOLD ซีรีส์นาฬิกาคอลเลคชันใหม่ล่าสุด ที่รับเอามรดกทางจิตวิญญาณในการพัฒนาเอาตัวรอดรวมถึงการปรับตัวให้เท่าทันยุคสมัย จากตำนานที่มีลมหายใจอย่าง SWATCH รุ่น OG มาต่อยอดในแนวทางของตัวเอง กับไอเดียความขบถที่ขับเน้นตัวตนออกมาอย่างเด่นชัดในวิถี Street Culture จากเรือนเวลาที่สะท้อนสไตล์ของผู้สวมใส่ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร ในปีนี้ SWATCH ได้ต่อยอดความสำเร็จด้วยการนำพานาฬิกาตระกูล BIG BOLD ออกจากรูปแบบเดิม ๆ อีกครั้ง สู่การเดินทางครั้งใหม่ที่ผสานความจัดจ้านของ Street Fashion เข้ากับความเท่ ดุดัน จากกลิ่นอาย Racing Sport ด้วยฟังก์ชัน Chronograph หรือระบบจับเวลาที่เป็นตัวช่วยสำคัญของเหล่านักแข่งแห่งสนามประลองความเร็ว ซึ่งมีอยู่ใน SWATCH BIG BOLD CHRONO รุ่นใหม่ล่าสุด SWATCH BIG BOLD CHRONO ยังคงเอกลักษณ์จากรุ่นแรกเอาไว้กับหน้าปัดขนาดใหญ่ 47 มิลลิเมตร แต่ที่เพิ่มเติมเข้ามาคือระบบจับเวลา Chronograph ที่มาพร้อม 3 หน้าปัดย่อย แบ่งเป็นตัวนับนาที,
สำหรับอาทิตย์นี้ทีมงาน UNLOCKMEN ขอนำรองเท้าสนีกเกอร์เข้าใหม่ที่น่าจับตามอง และกำลังเป็นที่ต้องการในตลาดซึ่งถ้าใครยังมีโอกาสหามาไว้ในครอบครองได้ เราแนะนำว่าต้องรีบเก็บไว้ เพราะนอกจากจะใส่แล้วหล่อ ยังสามารถทำกำไรขายต่อได้อีกด้วย Tyler, The Creator x Converse Golf le FLEUR* ไม่น่าเชื่อว่า Tyler , The Creator ผู้เป็นเจ้าของแบรนด์ Golf wang จะสละ Vans ที่เคยสร้างชื่อให้กับเขา มาร่วมงานกับทาง Converse ออกคอลเลคชั่นสุดพิเศษอย่าง Tyler, The Creator x Converse Golf le FLEUR* ซึ่งวางขายพรีเซลไปแล้วในวันที่ 18 ตุลาคมที่ผ่านมา ณ ร้าน Kasina ประเทศเกาหลีใต้ ก่อนจะวางขายอย่างเป็นทางการในวันที่ 2 พฤศจิกายน สำหรับความพิเศษของรองเท้าคู่นี้คือการนำเอาโลโก้ One Star มาต่อยอดเป็นดีไซน์ตามคาแรกเตอร์ของตัว Tyler ซึ่งเขาได้ทำให้มันดูน่ารักสดใส จนเกิดเป็นลายดอกไม้ประดับเต็มไปทั่วรองเท้าไม่ว่าจะเป็นตรง ลิ้น ส้น
เมื่อไม่นานมานี้ทีมงาน UNLOCKMEN มีโอกาสได้เดินทางไปประเทศ ญี่ปุ่น และเกาหลี ซึ่งทั้งสองประเทศนี้เรียกได้ว่ามีความเจริญก้าวหน้าทางวัฒนธรรมแฟชั่นมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยที่เราก็พยายามสังเกตสไตล์การแต่งตัวของหนุ่ม ๆ ที่โน่นว่าเป็นเช่นไร เผื่อจะเอามาอัพเดทให้กับชาว UNLOCKMEN ได้จับกระแสเทรนด์โลกไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งจากการสังเกตการณ์ของเราก็พบว่ามีอยู่ไอเทมหนึ่งกลายมาเป็นที่นิยมสำหรับผู้ชายวัยรุ่นของประเทศพวกเขาอย่างมาก เพราะไม่ว่าจะเดินไปทางก็มักจะเจอทั้งหญิง ชายสวมใส่กันอย่างแพร่หลาย นั่นคือหมวกที่เรียกว่า Beret สำหรับคนที่อาจจะ งง ๆ ว่ามันคือหมวกอะไร ถ้าเกิดเราบอกว่ามันคือหมวกทหารเบเร่ต์ แบบนี้น่าจะพอร้องอ่อ กันมากขึ้น แต่สำหรับคนที่ยังไม่คุ้นอีก เพื่อเป็นการต่อยอดวันนี้ทีมงาน UNLOCKMEN จะขอนำเรื่องหมวก Beret มาเล่าให้ฟังพร้อมแนะนำสไตล์การแต่งตัวสำหรับคนที่อยากลองอะไรใหม่ ๆ และตามเทรนด์โลกให้ทัน หากเราพูดถึงประวัติของเจ้าหมวก Beret คนส่วนใหญ่มักจะคิดว่าถูกผลิตขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 19 ในประเทศฝรั่งเศส และสเปน โดยถูกผลิตขึ้นออกมาใช้สำหรับงานราชการแจกจ่ายให้กับทหาร และตำรวจสวมใส่ แต่อันที่จริงแล้วหมวก Beret มีต้นกำเนิดที่ยาวนานกว่านั้นมาก เพราะมันเริ่มต้นตั้งแต่ยุค Bronze Age ซึ่งอยู่ในช่วงราว ๆ 1206 -1150 ก่อนคริสตกาล ชนคนที่อาศัยอยู่ทางตอนเหนือของยุโรปมักสวมใส่หมวกลักษณะกลมเป็นเครื่องป้องกันศีรษะ ก่อนที่อิทธิพลจะแพร่ขยายไปยังชนเผ่า
วันนี้เราขอพาผู้อ่าน UNLOCKMEN มาอัพเดตอีกหนึ่งสไตล์ที่มาแรงทั้งในยุโรป อเมริกา หรือแม้แต่ในเอเชียเองก็ตามนั่นคือ Oversize สไตล์ ซึ่งโดยจริง ๆ แล้วเทรนด์นี้ผู้ให้กำเนิดคนแรก ๆ คือ Yohji Yamamoto ที่นำเสนอไอเดียการใส่เสื้อแบบ loose มาออกแบบตั้งแต่ยุค 90s ก่อนที่จะค่อยปรับเปลี่ยนลดขนาดเรื่อยมาจนเป็น slim fit แบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน แต่เมื่อไม่นานมานี้เราก็รู้สึกว่าเทรนด์การแต่งตัวแบบ Oversize ดูเหมือนจะเริ่มกลับมาเป็นที่นิยมในวงกว้าง อาจด้วยความสบายไม่อึดอัด ทำให้เสื้อสไตล์ Oversize เข้าไปครองใจหนุ่ม ๆ อย่างรวดเร็ว สำหรับการใส่เสื้อ Oversize คนที่ไม่คุ้นชินอาจจะรู้สึกไม่ชอบคิดว่ามันเหมือนเดรสของผู้หญิง แต่เราอยากจะให้เปิดใจลองดูสักครั้ง เพราะข้อดีของมันคือจะช่วยอำพรางหุ่นปกปิดหุ่นที่แท้จริง เพราะประโยชน์ของการใส่เสื้อตัวยาว ถ้าคุณเป็นคนตัวผอมเสื้อ Oversize จะก็ทำให้เราดูตัวหนาขึ้น ไม่แห้งจนเกินไป หรือถ้าคุณเป็นคนตัวใหญ่ อาจจะไม่ต้องโคร่งมาก ๆ แต่เสื้อที่ช่วงตัวยาวจะทำให้ มันปิดก้น และช่วงขาใหญ่ ๆ ของเราได้ ซึ่งเราไม่จำเป็นต้องเป็น Hipster หรือ Street Icon ถึงขั้นใส่เสื้อตัวใหญ่มาก แค่เลือกใหญ่กว่าปกติ
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุยเดชถือเป็นต้นแบบของประชาชนชาวไทยในทุก ๆ ด้าน ไม่เว้นแต่เรื่องการทรงฉลองพระองค์ได้อย่างเรียบง่าย แต่ใส่พระทัยในเรื่องรายละเอียด อาจเพราะพระองค์ท่านทรงได้รับการดูแลฉลองพระองค์จากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถอย่างใกล้ชิด ดังนั้นทีมงาน UNLOCKMEN ขอนำภาพพระบรมฉายาลักษณ์ อย่างที่พวกเราพสกนิกรชาวไทยทราบกันเป็นอย่างดีว่าในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเป็นผู้สมถะถือหลักมัธยัสถ์เป็นคุณูปการสำคัญ ดังนั้นพระองค์จึงไม่สวมใส่เครื่องประดับเพราะเห็นว่าเป็นของฟุ่มเฟือย โดยพระองค์ท่านจะทรงสวมแต่เพียงนาฬิกาบนข้อพระกรรุ่น Seiki SKJ045P นาฬิกาดำน้ำระบบ Kinetic ตัวเรือนเป็นไทเทเนียม ซึ่งถือว่าเป็นนาฬิกาธรรมดา ราคาเพียงแค่ไม่กี่พันบาท นั่นแสดงถึงความเรียบง่ายและสมถะของพระองค์ท่าน และทรงเป็นแบบอย่างแห่งความพอเพียงที่เล็งเห็นถึงประโยชน์ใช้สอยมากกว่าราคา หากใครเคยเห็นพระบรมฉายาลักษณ์เก่า ๆ จะเห็นได้ว่าฉลองพระองค์ในชุดทรงสบายของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีความเท่ไม่ต่างจากดาราฮอลลีวู้ดอย่าง Steve McQueen เลยทีเดียว เพราะพระองค์ท่านทรงฉลองพระองค์ด้วยเสื้อโปโลโทนสว่าง ฉลองพระบาทด้วยรองเท้าเทนนิสคลาสสิค และฉลองพระเนตรสีดำ ซึ่งทรงพระสิริโฉมแบบไม่ต้องประดิดประดอยแต่อย่างใด และเมื่อพระองค์ท่านทรงเรือใบ ก็จะฉลองพระองค์ด้วยเสื้อลายพริ้นฮาวายต์สีสันสดใสตามคำแนะนำของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถอยู่บ่อยครั้งจนเห็นเป็นภาพชินตา แต่หลายคนอาจจะสงสัยว่าฉลองพระองค์ต่าง ๆ ใครเป็นผู้ตัดถวาย โดยฉลองพระองค์ทั้งหมดมาจากร้านตัดเสื้อ ยูไลย เทเลอร์ ซึ่งแต่เดิมพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จะมีช่างตัดเย็บฉลองพระองค์ชื่อ มิสเตอร์ วัตสัน จากประเทศอังกฤษ แต่ภายหลังพระองค์ท่านทรงทราบมาว่ามีช่างชาวไทยที่มีความสามารถในการตัดฉลองพระองค์ได้อย่างประณีตไม่แพ้กับมิสเตอร์ วัตสัน พระองค์จึงรับสั่งให้นายช่างยูไลย เข้าเฝ้า และตัดเย็บฉลองพระองค์เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน และพระองค์ท่านเองก็จะทรงใช้งานฉลองพระองค์เป็นเวลาหลายปี จนเก่ามีรอยขีดข่วน และฉีกขาด แต่พระองค์ท่านไม่ทรงทิ้ง