Casio สร้างปรากฎการณ์ของแวดวงนาฬิกาในประเทศไทยอีกครั้ง ด้วยการเปิดตัวนาฬิกาข้อมือรุ่นใหม่ล่าสุดจากตระกูล Edifice สองคอลเลกชันด้วยกันทั้ง Edifice Scuderia Toro Rosso รุ่นลิมิเต็ดอิดิชัน 2019 และ Edifice Countdown Bezel Series พร้อมกับแบรนด์แอมบาสเดอร์คนใหม่ Alexander Albon นักแข่งรถ Formula 1 สัญชาติไทยจากทีม Scuderia Toro Rosso Edifice ตระกูลนาฬิกาสปอร์ตโครโนกราฟสำหรับผู้ชายรุ่นใหม่ ในคอลเลกชันล่าสุดอย่าง Edifice Scuderia Toro Rosso Limited Edition 2019 และ Edifice Countdown Bezel Series ออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ดีไซน์ที่เน้นความโฉบเฉี่ยว ความเร็วของรถแข่ง และความชาญฉลาดที่เที่ยงตรงแม่นยำ ร่วมกับการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่องเพื่อให้นาฬิกาในตระกูล Edifine แข็งแกร่งตอบโจทย์ทุกความต้องการ ด้วยดีไซน์ทันสมัยและบอกเวลาได้อย่างแม่นยำที่สุด นอกจากความพิเศษเหนือระดับกับนาฬิกา Edifine ทาง Casio ได้เพิ่มความพิเศษยิ่งกว่าด้วยการดึงนักแข่งรถสายเลือดไทยของสนามแข่ง Formula 1
ถ้าพูดถึงไอดอล girl group ที่มาแรงจนฉุดไม่อยู่ตอนนี้ คงหนีไม่พ้น 4 สาว จากวง Blackpink ที่สร้างปรากฏการณ์ใหม่ ๆ ให้กับวงการเพลงเกาหลีอยู่เสมอ ครั้งนี้ไอดอลสาวไม่ได้อยู่แค่ในวงการเพลงอย่างเดียวอีกต่อไป เพราะพวกเธอกำลังก้าวเข้าสู่วงการแฟชั่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากซิงเกิ้ลล่าสุด Kill This Love ถูกปล่อยออกมา แถมทำลายสถิติโลกเป็นว่าเล่น ไม่ว่าจะเป็นการทำลายสถิติยอดผู้เข้าชม 100 ล้านวิวได้ พร้อมกับทุบสถิติจำนวนยอดวิวสูงสุด 24 ชั่วโมงแรกไปอย่างสูสี ซึ่งแชมป์เก่าคือเพลง Thank U, Next ของ Ariana Grande ด้วยจำนวนยอดวิว 56.7 ล้าน เมื่อได้รับการตอบรับร้อนแรงมากขนาดนี้ ทำให้ค่ายต้นสังกัดอย่าง YG Entertrinment ไม่รอช้า ปล่อยไอเทมแฟชั่นของ Blackpink ออกมาทันที ไอเทมดังกล่าวคือเสื้อฮู้ดแขนยาวสีดำและสีเทา โดยเสื้อสีดำจะประทับตราสัญลักษณ์ของวงไว้ตรงกลางพร้อมกับชื่อเพลงล่าสุดอย่าง Kill This Love ไว้ด้านล่าง ส่วนเสื้อฮู้ดสีเทาจะประฟอนต์แบบกราฟิตี้ที่ได้ต้นแบบสีมาจากกาแลคซี่ไล่สีจากน้ำเงินไปยังม่วงและชมพู แขนเสื้อทั้งสองข้างจะมีชื่อเพลงด้วยเช่นกัน เสื้อยืดแขนยาวสีชมพูสไตล์ชิโรบิ (Shibori) หรือที่คนไทยเรียกกันว่าผ้ามัดย้อมบนเสื้อฮู้ดที่ชาวฮิปฮอปนิยมใส่กัน
ในโลกที่เต็มไปด้วยเรื่องเล่าและการสื่อสาร ความคิดแหกคอกและความขบถของเด็กหนุ่มมักถูกหยิบขึ้นมาเล่าเป็นสีสันอยู่บ่อยครั้ง ครั้งนี้แบรนด์รองเท้าชื่อดังอย่าง Vans ก็เลือกหยิบเรื่องราวน่าสนใจจากหลายยุคสมัยมาสร้างความเท่ที่เต็มไปด้วยความขี้เล่นในคอลเลกชัน Galactic Goddess รองเท้าผ้าใบหุ้มข้อ Sk8-Hi และ Authentic ในคอลเลกชันนี้เต็มไปด้วยลายเส้นขยุกขยิกบนรองเท้า แต่ละลวดลายต่างมีเรื่องราวของตัวเองไม่ว่าจะเป็นสัญลักษณ์สันติภาพที่ถูกออกแบบขึ้นเพื่อเคลื่อนไหวเรียกร้องให้อังกฤษปลดอาวุธปรมาณู ต่อมาได้กลายเป็นสัญลักษณ์ที่กลุ่มฮิปปี้นำไปติดรถตู้หรือนำไปวาดตามสถานที่เพื่อแสดงความต่อต้านสงครามและต้องการสันติภาพ นอกจากนี้ยังมีประโยค “One with the universe” เราคือหนึ่งเดียวกับจักรวาล และ “Made of Stardust” หรือเราทุกคนล้วนถูกสร้างมาจากละอองของดวงดาว ก็ถือว่าเป็นประโยคที่ซ่อนความคลาสสิกและโรแมนติกเอาไว้ รูปหัวกะโหลกพร้อมกับกระดูกขาวสองชิ้นไขว้กันอยู่ด้านล่าง สัญลักษณ์ที่สื่อถึงความตายที่ใช้กันมาตั้งแต่ยุคกลาง ประกอบกับดวงอาทิตย์ตรงด้านหลังของรองเท้า และดวงดาวน้อยใหญ่ ทั้งหมดถูกแสดงออกผ่านลายเส้นสไตล์กราฟิตี้ซึ่งเป็นวัฒนธรรมนอกกระแส เปรียบดั่งความขบถของเหล่าวัยรุ่น ที่ให้ความรู้สึกแสบ ๆ กวน ๆ เวลาได้ขีดเขียนตามกำแพงตามใจ คล้ายกับว่ากำลังท้าทายอำนาจของรัฐหรือผู้ใหญ่ที่ไม่เข้าใจ สลับกับลายตารางของหมากรุกที่เป็นสัญลักษณ์ของความคลาสสิกตลอดกาลด้วยสีม่วง น้ำเงิน และสีดำ บริเวณด้านหน้าของ outer sole จะมีเส้นสีนำ้เงินและสีดำกลับกันเป็นลายทาง ส่วนด้านข้างและด้านหลังจะแต้มด้วยจุดสีเหลืองแบบไม่ได้ตั้งใจ คล้ายกับว่านำพู่กันไปจุ่มสีและมาจุดบนรองเท้า และตรง counter ก็ไม่ลืมที่จะประทับสัญลักษณ์ของแบรนด์ด้วยสีแดงโดดเด่น ลวดลายทั้งหมดและสไตล์การแต่งแต้มสีสันสามารถบอกเล่าช่วงเวลาแห่งวัยรุ่น การคิดนอกกรอบและความแสบซ่าไม่ฟังใครผ่านสัญลักษณ์ต่าง ๆ และสีสันที่สดใส ทำให้รองเท้าผ้าใบ Galactic
ดีเซลเผยคอลเลคชันแคปซูลใหม่ล่าสุดที่ประกอบไปด้วยไอเทมลิมิเตดทั้งหมด 12 รุ่นตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคมที่ผ่านมา โดยเป็นการทำงานร่วมกันครั้งพิเศษกับ Fedez แร็พเปอร์ชาวอิตาลี โดยคอลเลคชันนี้มีทั้งแจ็คเก็ตเดนิม สเวตเชิ้ต เสื้อยืด ถุงเท้า หมวก และแน่นอนว่าที่ขาดไม่ได้ย่อมต้องเป็นงานเดนิมสุดพิถีพิถันชิ้นเอกลักษณ์ของดีเซล คอลเลคชัน Diesel x Fedez จะมีวางจำหน่ายทั่วโลกผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซของดีเซล และที่บูติคสำคัญของดีเซลในเมืองต่าง ๆ ทั่วโลก คอลเลคชันแคปซูล Diesel x Fedez ได้แรงบันดาลใจมาจากหลากหลายแหล่ง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าที่มีจำหน่ายหลังเวทีคอนเสิร์ตวงร็อคในอดีต เรื่อยไปจนถึงการแต่งกายของนักร้องแร็พและฮิปฮอปในยุคปัจจุบันโดยเฉพาะจากสหรัฐอเมริกา รวมไปถึงงานศิลปะสุดโดดเด่นที่ก่อรูปขึ้นด้วยแสงของหลอดฟลูออเรสเซนต์ของ Dan Flavin สเวตเตอร์และเสื้อทีเชิ้ตที่มีรายละเอียดของการฟอกและย้อมสี ดูสะดุดตาและให้ความรู้สึกที่เบาสบายน่าสวมใส่ ด้วยเอกลักษณ์แบบวินเทจของการที่สีดำค่อย ๆ ซีดจางลงจนกลายเป็นสีเทา โดยมีการใช้โลโก้ในรูปแบบของการวางโลโก้ของสปอนเซอร์ในอีเวนต์ต่าง ๆ บนเสื้อผ้า แจ็คเก็ตเดนิมมีรายละเอียดของงานกราฟิติมือด้วยสีนีออน ส่วนกางเกงยีนส์มีการใช้เทคนิคการฟอกและการทำให้รุ่ยตลอดช่วงขา เผยให้เห็นรายละเอียดของการใช้สีนีออนและงานผ้าปะติดไปด้วยในเวลาเดียวกัน ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ เสื้อผ้าที่เหมาะกับนักร้องนักดนตรีรุ่นใหม่ในปี 2019 ที่ออกทัวร์ไปพร้อมกับคิดคำนึงถึงเหล่าศิลปินในอดีตที่ส่งอิทธิพลต่อตัวตนของพวกเขาภายใต้บริบทร่วมสมัยของยุคปัจจุบัน ด้วยแรงบันดาลใจจากสไตล์การแต่งตัวและเพลงของ Fedez เสื้อผ้าในคอลเลคชันนี้เหมาะอย่างยิ่งที่จะสวมใส่ไปสนุกกับคอนเสิร์ตดี ๆ ไม่ว่าจะเป็นการไปชมคอนเสิร์ตกลางสเตเดียมสุดยิ่งใหญ่ในช่วงค่ำ หรือจะย่ำเท้าไปในเทศกาลดนตรีกลางแจ้งตลอดช่วงกลางวัน เพราะรายละเอียดของการย้อมสีผ้าของเสื้อผ้าในคอลเลคชันนี้สามารถทำให้คุณดูโดดเด่นได้เสมอเมื่ออยู่ในอีเวนต์เหล่านี้ มีวางจำหน่ายแล้ววันนี้ที่
‘ศิลปะ’ คือหนึ่งในคำที่มีความหมายกว้างที่สุดในโลก ไม่มีคำนิยามตายตัว มีมากมายหลายแขนง บ้างก็มีไว้เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ บ้างก็มีไว้เพื่อสื่อความหมายอะไรบางอย่าง บ้างก็มีไว้เพื่อตีความ แต่ศิลปะแขนงที่เราจะพูดถึงวันนี้ไม่ได้ซับซ้อนขนาดนั้น เพียงแต่ต้องใช้ความสามารถขั้นสูงของศิลปินผู้สร้างสรรค์ ‘Hyper Realistic’ คือศิลปะที่มุ่งเน้นความสมจริง เน้นรายละเอียดทุกรูขุมขน จนยากที่จะแยกออกว่ามันคือภาพวาดหรือภาพถ่าย ศิลปะแขนงนี้มีจุดเริ่มต้นมาจากยุค 70 ในประเทศสหรัฐอเมริกาและภาคพื้นยุโรปโดยศิลปินผู้บุกเบิกคือ Carole Feuerman, Duane Hanson, และ John De Andrea บนหลักการแห่งสุนทรียศาสตร์ของแสงเสมือนจริงเพื่อแสดงออกถึงความเคลื่อนไหวของศิลปินหัวขบถสมัยใหม่ วันนี้ UNLOCKMEN มีภาพตัวอย่างบางส่วนมาให้ดู รับรองว่าเห็นแล้วตกตะลึงแน่นอน Pencil Drawings by Diego Fazio Acrylic Paintings by Jason de Graaf Oil Paintings by Pedro Campos Oil Paintings by Robin Eley Sculptures by Ron Mueck Oil Paintings by
ถือว่าเป็นปีทองของการ์ตูนขวัญใจเด็กผู้ชายอย่าง Gundam จริง ๆ เพราะปีนี้ถือเป็นการครบรอบ 40 ปีนับตั้งแต่การ์ตูนกันดั้มออกฉายครั้งแรก นาฬิกาสารพัดแบรนด์ต่างก็ออกคอลเลกชันพิเศษเพื่อร่วมเฉลิมฉลองวันครับรอบนี้ ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์นาฬิกาสัญชาติญี่ปุ่น Casio แบรนด์จากสวิสเซอร์แลนด์อย่าง Tissot และล่าสุดคอลเลกชันพิเศษสุดหรูจาก Seiko ที่ออกนาฬิกาสวย ๆ ทั้งหมด 3 แบบด้วยกัน Gundam Limited Edition สำหรับนาฬิกาข้อมือเรือนแรกที่อยู่ในคอลเลกชัน Gundam จะใช้นาฬิกา LX Line คอลเลกชันล่าสุดมาปรับแต่งใหม่ โดยแต่งเติมเรื่องราวของ Mobile Suit รุ่น RX-78-2 สุดคลาสสิกเข้าไป ทำให้ตัวเรือนมีธีมสีแสนคุ้นตาทั้งสีขาว สีน้ำเงิน สีเหลือง และสีแดง ขอบหน้าปัดครึ่งบนแต้มด้วยสีนำ้เงิน ส่วนครึ่งล่างใช้สีขาว ขีดของหมายเลข 12 จะดัดแปลงจากเส้นหนึ่งเส้นเปลี่ยนเป็นสัญลักษณ์เสาอากาศส่วนหมวกของรุ่น RX-78-2 ทั้งยังแถมสายนาฬิกาหนังจระเข้สีขาวมาให้อีกหนึ่งเส้น ราคาของ Gundam Limited Edition จะอยู่ที่ 630,000 เยน คิดเป็นเงินไทยราว 180,000 บาท
Drake แรปเปอร์หนุ่มจากแคนาดาที่สร้างชื่อจากเพลงฮิตติดชาร์ตมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Hotline Bling หรือ In my Feelings รวมถึงคอลเลกชันรถยนต์สุดหรูของเขาที่ UNLOCKMEN เคยนำเสนอไปแล้ว (ย้อนอ่านได้ที่ Drake’s Collection: ส่องรถหรูรุ่นหายากของแรปเปอร์หนุ่มที่กำลังมาแรงตอนนี้) นอกจากนั้นเขายังสร้างความฮือฮาให้วงการแฟชั่นด้วยเครื่องแต่งกายราคามหาโหดผ่าน Youtuber ช่อง The Unknown Vlogs UNLOCKMEN จะพาไปดูแฟชั่นของหนุ่ม Drake ที่ถูกพูดถึงว่าช่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวนั้นจะมีไอเทมอะไรบ้างที่น่าสนใจเพื่อเป็นไกด์การแต่งตัวให้กับหนุ่ม ๆ ที่ต้องออกงานสังคม คลิปที่ทุกคนเห็นอยู่นี้คือหลังเวทีของคอนเสิร์ต Assansination Tour ณ กรุงลอนดอน จะเห็นว่าไม่ได้มีเพียงแค่ Drake คนเดียวเท่านั้น แต่มีทั้งนักออกแบบท่าเต้น สไตล์สิสต์ แดนเซอร์ ที่ปรากฎตัวพร้อมไอเทมแฟชั่นเท่ ๆ อย่างไรก็ตามสิ่งที่บรรดาคอแฟชั่นสนใจมากที่สุดคือไอเทมแฟชั่นของหนุ่ม Drake ที่เรียบหรูแต่ก็ยังคงความเท่แบบดิบ ๆ ไว้ด้วย ไอเทมชิ้นแรกที่ Drake ภูมิใจนำเสนอคือเสื้อสูทสั่งตัดพิเศษจากแบรนด์สัญชาติอิตาลี Brioni ที่ก่อตั้งในปี 1945 ซึ่งเป็นช่วงที่สงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลงพอดิบพอดี สูทสั่งตัดของแรปเปอร์หนุ่มจะเป็นสูทยาวสีน้ำตาลอมเทา
เขื่อว่าหนุ่ม ๆ แฟนซีรีส์ของมหาศึกชิงบัลลังก์ Games Of Thrones คงเริ่มนับถอยหลังรอคอยกันแล้ว หลังจากเหลือเวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์ที่ซีรีส์เรื่องนี้จะออกฉายสู่สายตาผู้ชม โดยช่องเจ้าของลิขสิทธิ์สาขาโลกตะวันออกอย่าง HBO Asia ก็ได้ปล่อยโมเดลคัสตอมรองเท้ารุ่นยอดนิยมจากค่ายสามขีด ออกมาเรียกกระแสจากแฟน ๆ เป็นการเรียกน้ำย่อยแล้ว ใครที่เป็นแฟนของทั้ง Games Of Thornes และ Adidas มีโอกาสได้รองเท้าและของสะสมเพิ่มอีกครั้งหลังจาก HBO Asia เตรียมฉลองการเปิดตัวซีซันสุดท้ายของซีรีส์สุดฮิตที่หลายคนตั้งตารอมาเป็นเวลานาน ด้วยการจับโมเดลรองเท้าจากค่ายสามขีดมา Custom 4 รุ่น 4 คู่ด้วยกัน เริ่มจากโมเดล Continental 80’s ในโทนสี Black, Gold , Red ที่ใช้แรงบันดาลใจจาก House Lannister ต่อด้วยโมเดล Stan Smith มาในลวดลาย Dessert-Camo เป็นตัวแทนของ House Targaryen ตามด้วยโมเดล Micro R1 ในโทนสี
การสร้างสรรค์ผลงานชิ้นเอกของจิตรกรแต่ละคนผ่านผ้าใบ พู่กัน สี และความคิดสร้างสรรค์จนเกิดเป็นผลงานระดับพรีเมียมทำให้ศิลปินหลายคนกลายเป็นศิลปินที่ทรงอิทธิพลต่อศิลปะตะวันตก วิธีเดียวที่จะได้เสพผลงานของศิลปินตะวันตกที่ชื่นชอบคือต้องบินไปยังทวีปยุโรป แต่ด้วยเทคโนโลยีปัจจุบันการเสพงานศิลปินที่เราหลงรักอาจไม่ยากเหมือนก่อนแล้ว เพราะผลงานมาสเตอร์พีซของศิลปินในลัทธิต่าง ๆ ถูกยกมาที่กรุงเทพฯ ในนิทรรศการที่มีชื่อว่า From Monet to Kandinsky นิทรรศการ From Monet to Kandinsky ก่อนหน้านี้จัดขึ้นที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนีและประสบความสำเร็จล้นหลาม โชคดีที่คิวต่อจากกรุงเบอร์ลินคือกรุงเทพฯ โดยถือเป็นที่แรกของเอเชียที่ได้จัดแสดงนิทรรศการของโครงการนี้ พร้อมกับผลงานจิตรกรรมกว่า 1,500 ชิ้น ผ่านโปรเจกต์เตอร์ที่เคลื่อนไหวได้ รอให้ผู้ชื่นชอบและหลงใหลในศิลปะมารับชมงานศิลป์แบบ 360 องศา ผลงานที่ถูกนำมาจัดแสดงล้วนมาจากฝีมือยอดจิตรกรทั้ง 16 คน ที่เมื่อเห็นชื่อของจิตรกรและผลงานของเขาหลายคนจะต้องร้องอ๋ออย่างแน่นอน เริ่มตั้งแต่ศิลปินผู้มีอิทธิพลต่อวงการศิลปะตะวันตกอย่าง Claude Monet กับผลงาน Impression Sunrise หรือความประทับใจของพระอาทิตย์ขึ้นที่ชื่อของภาพนี้กลายมาเป็นชื่อลัทธิ Impressionism นอกจากนี้ยังมีผลงานของ Edger Degas ที่โดดเด่นเรื่องการวาดภาพประวัติศาสตร์ และ Pierre August Renoir กับศิลปะอ่อนช้อยสะท้อนอารมณ์ความรู้สึกลึกซึ้ง ซึ่งศิลปินทั้งสองคนก็อยู่ในลัทธิ Impressionism ด้วยเช่นกัน ถัดจากลัทธิ
BEAMS แบรนด์แฟชั่นไลฟ์สไตล์รีเทลเลอร์ มุ่งเน้นการสร้างสรรค์เครื่องแต่งกายสวมใส่สบายสำหรับทุกวันคุณภาพระดับโลกจากญี่ปุ่นที่ออกแบบภายใต้แนวคิด “Basic & Exciting” โดยนำเทรนด์ที่หลากหลายจากทั่วโลกมาใช้ในการออกแบบเสื้อผ้าแน่นอนว่าคอลเลคชั่นใหม่จาก BEAMS ใน SPRING SUMMER 2019 ไม่ทำให้สาวกที่รอคอยต้องผิดหวัง กับการออกแบบในแนวคิดหลักของคอลเลคชั่นสปริงซัมเมอร์ 2019 นี้ ในแต่ละไลน์สินค้าเสื้อผ้าคุณภาพจากแบรนด์ระดับแนวหน้าอย่าง BEAMS ในแต่ละแบรนด์มีแนวคิดอย่างไรบ้างสำหรับคอลเลคชั่นนี้ BEAMS “California Dreamin’” BEAMS เป็นแบรนด์เครื่องแต่งกายสไตล์ลำลองสำหรับผู้ชาย โดยมีแนวคิดหลักคือ ‘เรียบง่ายและน่าตื่นเต้น’ คอลเลคชั่นสปริงซัมเมอร์ 2019 นำเสนอในธีม California Dreamin’ ซึ่งเป็นการตีความชุดลำลองสไตล์อเมริกันในอดีต ที่ถือกำเนิดจากแคลิฟอร์เนียในแบบฉบับของ BEAMS ไอเท็มเด่นในคอลเลคชั่นนี้บ่งบอกถึงสไตล์แคลิฟอร์เนียที่ทุกคนรู้จัก อาทิ กางเกงยีนส์สีน้ำเงิน เสื้อเชิ้ตอเมริกันฟุตบอล กางเกงขาสั้นแบบชายทะเลและรองเท้ากีฬา VANS ซึ่งได้รับการปรับให้ดูลำลองแบบอเมริกันสมัยใหม่ด้วยทรงที่หลวมขึ้น และการใช้เนื้อผ้าที่มุ่งเน้นประโยชน์ใช้สอยในขณะที่ยังคงความเป็นต้นฉบับไว้ คอลเลคชั่นนี้เลือกใช้โทนสีที่แสดงถึงจิตวิญญาณอันสดใสของรัฐแคลิฟอร์เนีย อาทิ สีฟ้าของท้องฟ้าโปร่ง สีส้มที่มีชีวิตชีวาเหมือนแสงอาทิตย์สาดส่อง สีฟ้าอ่อนเหมือนน้ำในสระที่ทอประกาย และสีเขียวหญ้าของต้นปาล์ม BEAM PLUS “ALL YOU NEED IS IVY”
GEOX (เจอ็อกซ์) หนึ่งในแบรนด์ผู้นำระดับโลกในตลาดรองเท้าแบบไลฟ์สไตล์ลำลอง เทคโนโลยี ที่มุ่งเน้นผลิตภัณฑ์และการประยุกต์นวัตกรรม การแก้ปัญหาต่างๆเกี่ยวกับรองเท้าด้วยเทคโนโลยีที่นำมาซึ่งเอกลักษณ์ในเรื่องของการระบายอากาศและกันป้องกันน้ำ สำหรับเจอ็อกซ์คอลเล็กชั่น Spring/Summer 2019 ได้นำนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่ยอดเยี่ยมมาใช้ ซึ่งนำไปสู่การปฏิวัติการผลิตรองเท้าผู้ชายที่ช่วยในการถ่ายเทอากาศ ทำให้การใช้ชีวิตและการเดินง่ายขึ้นในทุกสภาพแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาไหนของวัน AERANTIS™ รองเท้าที่สามารถปรับให้เข้ากับการใช้ในทุกๆวันคือรุ่น AERANTIS™ ซึ่งเป็นดีไซน์ใหม่ที่เรียบง่าย แต่เรียบหรูที่มีลายเส้นโค้งและสีที่เข้ากันอย่างดี ด้านในของรองเท้านั้นมีระบบไหลเวียนของอากาศ ที่สร้างมาจากการผสมผสานของเทคโนโลยีที่ทันสมัย ด้วยพื้นรองเท้าที่ทำจากยางรูปวงกลมหลากหลายขนาดประกอบเข้าด้วยกัน เลยทำให้พื้นรองเท้าของรุ่น AERANTIS™ มีการซัพพอร์ทที่ยอดเยี่ยมและช่วยเพิ่มการถ่ายเทอากาศของเทคโนโลยี Net Breathing System™ และพื้นรองเท้ายังมีระบบระบายอากาศที่ถูกคิดค้นขึ้นมาใหม่ หรือที่เรียกว่า EVA midsole ช่วยในการหมุนเวียนอากาศ ในขณะเดียวกันระบบถ่ายเทอากาศภายในช่วงบนของรองเท้าก็ช่วยให้มั่นใจได้ถึงการระบายอากาศได้ทุกๆด้าน เพราะมีแผ่นซับในที่มีช่องระบายอากาศและมีการคลุมทับอีกชั้นด้วยผ้าเนื้อนุ่มที่ช่วยในการกระจายความร้อน Nexside คุณสมบัติโดดเด่นของรุ่น Nexside รุ่นใหม่คือที่ระบายอากาศบริเวณด้านข้างของรองเท้า ที่เป็นเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาให้การระบายอากาศผ่านรูระบายอากาศที่ด้านข้างของพื้นรองเท้าทำงานได้ดีขึ้น ระหว่างพื้นรองเท้าส่วนกลางและพื้นยาง ยังมีร่องที่เพิ่มการดูดซับแรงกระแทกและสร้างห้องอากาศที่เชื่อมต่อกับภายนอกผ่านรูที่ขอบของพื้นยาง มากไปกว่านั้น Nexside ไม่ได้มีแค่ระบบถ่ายเทอากาศด้านในแต่ยังมีแผ่นตาข่ายระบายอากาศติดอยู่ในรองเท้าบริเวณส่วนที่โค้งที่สุดของเท้าอีกด้วย Nebula™ และ Nebula™X รองเท้ารุ่น Nebula™ และ Nebula™X เป็นรองเท้ารุ่นที่มีน้ำหนักเบาและยืดยุ่นสูง ซึ่งในคอลเล็กชั่นนี้ได้ถูกปรับโฉมใหม่
Pro-Keds แบรนด์รองเท้าผ้าใบเจ้าแรก ๆ ที่เลือกหยิบยาง rubber มาทำเป็นพื้นรองเท้า แถมเป็นรองเท้าคู่ใจของ Geoge Lehman นักบาสเก็ตบอลในตำนานของยุค 70 ที่สวมใส่ Pro-Kids ชู้ตลูกลงห่วงกว่าสองร้อยลูกโดยไม่พลาดสักครั้ง ครั้งนี้แบรนด์รองเท้าที่มีเรื่องราวยาวนานก็กลับมาอีกครั้งพร้อมสีสันใหม่ ๆ ของฤดูใบไม้ผลิ สำหรับคอลเลกชัน Spring 2019 ของ Pro-Keds ไม่ได้มีแค่รองเท้าทรงคลาสสิกเท่านั้น แบรนด์ยังนำรองเท้ารุ่นไฮไลต์อย่าง Royal ที่สร้างสรรค์ออกมาเพื่อนักกีฬาบาสเก็ตบอลโดยเฉพาะ พร้อมรูปทรงดั้งเดิมของแบรนด์มาปรับแต่งใหม่เพื่อผสมผสานความวินเทจและแฟชั่นแบบปัจจุบันเข้าด้วยกัน Pro-Keds เลือกใช้เฉดสีมาแรงของฤดูใบไม้ผลิ 2019 อย่างสีชมพูกุหลาบที่เต็มไปด้วยความโรแมนติก สีเขียวมะนาวให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวาและเย็นสบาย สีดำที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ไม่เคยตกยุค รวมถึงลายพรางของทหารที่ขนกันมาต้อนรับอากาศร้อนที่ใกล้เข้ามาทุกที ส่วนรองเท้าผ้าใบรุ่น Royal Plus ที่ต่อยอดจากรุ่น Royal โดยพัฒนาเรื่องวัสดุและความนิ่มมากขึ้นเพื่อรองรับเท้าของนักกีฬาเมื่อสวมใส่รองเท้าลงสนามได้มากขึ้น พร้อมกับสีเท่ ๆ อย่างสีน้ำเงินโคบอลต์ คาดด้วยแถบสีเหลืองทองคล้ายกับมะม่วงสุก สัมผัสได้ถึงความรู้สึกกระปรี้กระเปร่า และสีชมพูกุหลาบคาดแถบสีขาวให้ความรู้สึกสบายตาตามสไตล์สีพาสเทล รองเท้าผ้าใบสุดคลาสสิกที่ผ่านกาลเวลามาอย่างยาวนานของ Pro-Keds วางจำหน่ายในประเทศไทยแล้ว โดย Royal Plus Suede สี Cobalt