นั่งไทม์แมชชีนย้อนสู่ยุค 90 ยุคที่เรายังฟังเพลงจาก Walkman ไม่ใช่ Spotify ยุคที่เรายังดูภาพยนตร์จากวิดิโอหรือซีดีไม่ใช่ Netflix ยุคที่เรายังสื่อสารกันผ่านเพจเจอร์ ไม่ใช่ Facebook แต่แน่นอนว่าพวกเราทุกคนไร้ซึ่งพลังพิเศษ ไม่อาจหวนสู่คืนวันเหล่านั้นได้อีก เช่นเดียวกับ Thomas Ollivier ดีไซน์เนอร์ไอเดียเจ๋งที่ได้รับแรงบันดาลใจจากแนวคิดเหล่านี้ จนนำไปสู่ผลงานการออกแบบที่เห็นแล้วต้องหลงรัก โดยเฉพาะกลุ่ม Gen-X ตอนปลาย Gen-Y ตอนต้นที่ชีวิตช่วงวัยรุ่นอยู่ในยุค 90 ปัจจุบันบริการ Online Streaming ต่าง ๆ คือช่องทางหลักที่เราใช้เสพสิ่งบันเทิงต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นหนัง, ซีรีส์ หรือเพลง เมื่อเป็นเช่นนี้ Thomas Ollivier จึงจับ Spotify หนึ่งใน Music Online Streaming ยอดฮิตมาอยู่ในเครื่องเล่นเทปซึ่งเป็นตัวแทนแห่งการฟังเพลงเมื่อยุคสมัยนั้น เช่นเดียวกับ Netflix หนึ่งใน Online Streaming ที่รวบรวมความบันเทิงไว้มากที่สุดในปัจจุบัน ถูกจับแปรสภาพกลายเป็นเครื่องเล่น VCD ก่อนจะเกิดเหตุการณ์ Y2K โทรศัพท์มือถือยังราคาแพงหูฉี่ ดังนั้นทางเลือกที่ได้รับความนิยมในการติดต่อสื่อสารกับคนอื่นคงหนีไม่พ้นเพจเจอร์ ตรงกันข้ามกับปัจจุบันที่การสื่อสารทำได้ง่ายเพียงแค่ปลายนิ้วจิ้ม นอกจากนั้นยังรวบรวมข่าวสารจากทั่วทั้งโลกมาไว้ภายใต้ตัว F และพื้นหลังสีฟ้า เช่นเดียวกันกับการถ่ายรูปที่ในปัจจุบันทุกอย่างรวดเร็ว เพียงไม่ถึง 1
เหลือเวลาแค่ 2 เดือนเท่านั้นก่อนจะจบปี 2018 สำหรับปีนี้หนุ่ม ๆ หลายคนคงจะเต็มอิ่มกับรองเท้านับร้อยคู่ที่ถูกปล่อยหมุนเวียนกันออกมาเรียกเงินในกระเป๋าเราตลอดทั้ง 10 เดือน แต่สำหรับคนที่พลาดก็ไม่ต้องกังวลไปเพราะเดือนพฤศจิกายนเองก็ถือเป็นโอกาสดีที่จะตั้งเป้าหมายการซื้อเอาไว้ เพราะรองเท้าแต่ละคู่ที่จะปล่อยออกมาวางขายในเดือนนี้สวยจนอยากเป็นหนี้แน่นอน Adidas Yeezy BOOST 350 V2 “Zebra” RE-STOCK กลับมาอีกครั้งสำหรับ Adidas Yeezy BOOST 350 “Zebra” สีที่เคยมีราคาแตะหลักครึ่งแสนมาแล้วในไทยเมื่อตอนเปิดตัวครั้งแรกซึ่งต้องมาดูกันว่ารอบนี้จะปล่อยออกมาเพียงพอกับความต้องการของเหล่า YEEZY MANIA เมืองไทยหรือเปล่า โดยจะวางขายพร้อมกันทั่วโลกวันศุกร์ที่ 9 พฤศจิกายนนี้ สำหรับหนุ่มไทยสามารถหาซื้อได้ตามช็อป Adidas Brand Center , Adidas Original Store Siam Center หรือผ่านช่องทางออนไลน์ในเว็บไซต์ adidas.co.th ส่วนเงื่อนไขการซื้อคงต้องรอฟังต่อไป หรือถ้าใครอยากลุ้นมันส์ ๆ ทาง Carnival Store ก็มีการขายแบบจับฉลากด้วยเหมือนกัน ราคาป้ายของเจ้าม้าลายอยู่ที่ประมาณ 8,800 บาท ทั้งนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามจำนวนที่ถูกปล่อยเข้ามาในประเทศ เพราะเริ่มมีพ่อค้าคนกลางบางร้านเปิด Pre-order กันแล้วในราคาประมาณ 11,xxx -12xxx
สิ้นสุดการรอคอย เตรียมพบกับการกลับมาครั้งใหญ่ของ ADIDAS และ KANYE WEST เหล่าสาวกทั้งหลายเตรียมตัวให้พร้อม กับ 4 ไอเท็มเด็ดตลอดเดือนพฤศจิกายนนี้ วางขายพร้อมกันทั่วโลก เริ่มแรกในวันที่ 9 พฤศจิกายนนี้ เตรียมพบกับ YEEZY BOOST 350 V2 White/Core Black/Red โดยรองเท้ารุ่นนี้บริเวณส่วนบนของรองเท้าเป็น Primeknit และเพิ่มความโดดเด่นด้วยแถบด้านหลัง (Heel Tap) ส่วนของ midsole เป็นพื้น BOOST™ เทคโนโลยีอันเลื่องชื่อจากอาดิดาส ในราคา 8,690 บาท YEEZY BOOST 350 V2 White/Core Black/Red ถัดมาในวันที่ 17 พฤศจิกายน พบกับ CALABASAS TRACK PANT ที่เปิดตัวด้วย 2 สี อย่าง Core/Mink และ Umber/Core ตัดเย็บด้วยวัสดุจากโพลีเอสเตอร์
ก่อนหน้านี้ Hublot (อูโบลท์) เคยสร้างมาตรฐานนาฬิกาที่ทั้งโดดเด่นสวยงามและป้องกันรอยขีดข่วนได้ยอดเยี่ยมระดับโลก กับ Hublot Magic Gold ที่ใช้ทอง 24K ในการผลิตตัวเรือนมาแล้ว วันนี้ Hublot เปิดตัวนาฬิกาที่น่าประทับใจและน่าเก็บสะสมใน Collection อีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้มีทั้งความหรูหรา และความโดดเด่นที่ชาว Streetwears สามารถสวมใส่เข้าได้กับหลายสไตล์แน่นอน โดยเฉพาะคนที่ชอบแต่งตัวโทนแดงของ Supreme เพราะ Hublot Big Bang Unico “Red Magic” สีแดงเรือนนี้เป็น Limited Edition ที่เท่สุด ๆ ไปเลย Hublot Big Bang Unico 45mm. เรือนนี้ผลิตด้วยวัตถุดิบ Ceramic ที่ไม่ธรรมดา เพราะเป็น Vivid-Red Ceramic Structure หรือเซรามิกสีแดงสดตัดโทนดำบริเวณหน้าปัด ปุ่มกด และเม็ดมะยม ซึ่งเป็นขั้นตอนการผลิตครั้งแรกของโลก ไม่ว่าใครเห็นนาฬิกาเรือนนี้จากมุมไหน คงต้องหันมามองให้ความสนใจระดับ Big Bang สมชื่อ ตัวเรือนน้ำหนักเบาจากเซรามิกที่สามารถป้องกันรอยขีดข่วนกว่าวัตถุดิบชนิดอื่น
ใกล้จะได้ชมตัวเต็มเข้าไปทุกทีสำหรับ Palace Ralph Lauren คอลเลกชันจากการร่วมมือกันระหว่างแบรนด์ Laxury Fashion เก่าแก่จากอเมริกาอย่าง Polo Ralph Lauren และแบรนด์สเก็ตบอร์ดของเกาะอังกฤษที่รู้จักกันดีในชื่อ Palace เพราะล่าสุดมีการปล่อย Lookbook ออกมาเรียกน้ำย่อยหนุ่ม ๆ ที่กำลังรอคอยให้เห็นผลงานตัวอย่างก่อนจะวางขายในช่วงเดือนหน้า วิดีโอตัวอย่างและ LookBook ของ Palace Ralph Lauren ถูกเล่าผ่านแนวคิด Wild West แต่ผสมผสานความเป็นสตรีตด้วยการใช้นายแบบจาก PALACE SKATEBOARDS TEAM ไม่ว่าจะเป็น Chewy Cannon, Juan Saavedra, และ Rory Milanes แต่เปลี่ยนจากการเตะ Kick Filp แผ่นสเก็ตบอร์ดมาเป็นการขี่ม้า และรถสุดคลาสสิกอย่าง Volkswagen Golf Mk2 และ BMW 3 series E30 ซึ่งทั้งสองคันมากับลวดลายดีไซน์เป็นชื่อแบรนด์ข้างตัวรถ แต่แน่นอนว่าไฮไลต์จะต้องเป็นรูปแบบของเสื้อผ้าที่ถูกเปิดเผยออกมานำโดย Upper–Bottomwear ตัดเย็บเป็นลายสก็อตทั้งชิ้นและ
เทรนด์ดีไซน์ก็ไม่ต่างอะไรกับเพลงและแฟชั่นที่ทุกอย่างมันจะวนกลับมาฮิตใหม่อยู่เสมอ ของสุดเชยในวันนั้นคือของโคตรเจ๋งในวันนี้ ผู้ชายอย่างเราเลยไม่อาจตัดสไตล์ไหนทิ้งได้เลยและยังจำเป็นต้องอัปเดตเทรนด์อยู่เสมอ เพื่อให้งานของเราออกมาเกาะกระแสและขายได้นั่นเอง UNLOCKMEN จะพามาเกาะกระแสเทรนด์ดีไซน์ปี 2018 ที่ฮิตกันตั้งแต่ต้นปีและยังคงแข็งแกร่งลากยาวมาถึงปลายปีนี้ได้ แถมยังจะอยู่ต่อไปได้อีกนาน การจัดวาง TEXT ที่ไร้ขอบเขต เป็นอีกสิ่งที่ปีนี้เราจะสังเกตเห็นได้จากหลายแบรนด์หรืออาร์ตเวิร์ก หันมาวาง Text ที่ฉีกจากรูปแบบเดิม ๆ ไปโดยสิ้นเชิง พอแล้วกับข้อความที่ต้องเรียงเป็นประโยคสวยงาม เทรนด์ในปีนี้ เราสามารถฉีกคำออกจากกันได้โดยใช้ “-” เข้ามามีส่วนร่วม เติมเต็มช่องว่างที่หายไปของคำนั้นและเพื่อให้รู้ว่าคำนี้จะเชื่อมกับคำต่อไป อีกแบบคือ การเว้นช่องไฟของคำให้ห่างเต็มพื้นที่ จนตัวอักษรกลายเป็น Elements หนึ่งของการออกแบบไปแล้ว Illustrations เข้ามาเพิ่มมิติได้ตามใจนึก รูปภาพเป็นอีกองค์ประกอบที่เว็บไซต์จะต้องมี และหลายเว็บฯ มีรูปภาพเป็นองค์ประกอบสำคัญเลยด้วย เรามักจะคุ้นเคยแต่ภาพถ่ายถูกนำมาเป็นส่วนสำคัญของหน้า Home เป็น Header หรือส่วนอื่น ๆ เพราะเรามักจะใช้ภาพถ่ายสื่อสารข้อความบางอย่างออกมา และมันก็ทำหน้าที่นี้ได้ดีมาเสมอ แต่ 2018 นี้ ลองขยับมาเป็นงาน Illustrations กันดู อาจจะไม่ใช่ทั้งหมดของภาพ แต่การมี Illustrations ให้ภาพมีกลิ่นอายของลายเส้น ลวดลายจากการวาด ไม่ว่าจะเป็นงานแนวไหนก็ตาม มาเป็นส่วนหนึ่งจะช่วยให้ภาพนั้นดูเป็นงานทำมือมากขึ้น
“ศิลปะ” ที่เราไม่อาจมีบรรทัดฐานใดไปเทียบเคียงเอาถูกผิด หรือตัดสินอะไรกับมันได้ หากเพราะมันเป็นสิ่งที่เราใช้สุนทรียศาสตร์ในการดื่มด่ำ เสพสิ่งที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมา มันจึงเป็นสิ่งที่สวยงามไม่ว่าจะอยู่ในส่วนใดของชีวิตก็ตาม ถึงอย่างนั้นมันอาจไม่ได้เป็นประเด็นที่ตีตลาดทุกคนในสังคมได้ทั้งหมด มันยังถือเป็นความชอบเฉพาะกลุ่ม (ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องผิดแปลกอะไร) หลายคนเลยมักจะติดภาพเดิม ๆ ที่ว่าศิลปะไม่ใช่เรื่องสำหรับทุกคน เข้าถึงยาก ต้องเป็นคนอาร์ต แต่ UNLOCKMEN อยากจะพาทุกคนไปรู้จักกับพื้นที่ ที่จะทำให้ศิลปะกลายเป็นเรื่องของทุกคน เป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถเรียนรู้ได้ ที่ “GOOSE LIFE SPACE” พื้นที่ของศิลปะในทุกวันนี้ อาจไม่ได้จำกัดอยู่แค่รูปแบบเดิม ๆ ที่จะต้องเป็นพื้นที่สำหรับ Gallery หรือ Scrupture ที่ทำได้แค่เดินดูเท่านั้น อย่างที่ “Goose Life Space” เป็นพื้นที่สำหรับ Art ในหลายรูปแบบ ด้วยความตั้งใจของคุณมะม่วง วรุตม์ ศรีชัยพฤกษ์ และคุณฟลุ๊ค สมัชชา พ่อค้าเรือ ที่เลือกพื้นที่ตรงนี้ให้เป็นพื้นที่สำหรับ Installation และมีพื้นที่อีกชั้นสำหรับ Live Performance ที่พร้อมรองรับ Performance ทุกรูปแบบ ส่วนความสะดวกสบายในการเดินทางของที่นี่ถือว่าอยู่ในทำเลที่ดีมาก เพราะอยู่ติด BTS สถานีสนามเป้า
จากข้อเท็จจริงที่ว่าผู้คนส่วนใหญ่ใช้เวลา 1/3 ของชีวิตไปกับการนอน จึงแทบปฏิเสธไม่ได้ว่าห้องนอนนั้นถือเป็นอีกพื้นที่สำคัญของชีวิต ซึ่งนอกจากจะทำหน้าที่เป็นห้องสำหรับพักผ่อน ห้องนอนยังเป็นพื้นที่ที่สามารถสะท้อนตัวตนของเราออกมาได้เป็นอย่างดีผ่านเฟอร์นิเจอร์ รวมถึงข้าวของต่าง ๆ ที่เราเลือกใช้ภายในห้อง ด้วยเหตุผลนี้ทำให้ผู้คนทั้งหลาย รวมถึงผู้ชายอย่างเรา ๆ ต่างก็อยากมีห้องนอนในฝันที่ตกแต่งออกมาในรูปแบบที่ตัวเองปรารถนา ในสไตล์ที่เป็นตัวเองอย่างที่สุด แต่ถึงแม้ใจจะอยากแต่งห้องแบบเต็มที่ ก็ใช่ว่าจะจับต้นชนปลายความต้องการในหัวให้ออกมาเป็นรูปเป็นร่างของห้องนอนในฝันได้ชัดเจนขนาดนั้น วันนี้ UNLOCKMEN จึงขอแนะนำ 5 สไตล์การตกแต่งห้องนอนแมน ๆ ให้ออกมาเท่สมใจ เพื่อเป็นจุดตั้งต้นของไอเดียการออกแบบพื้นที่ส่วนตัวอย่างห้องนอนที่ถ่ายทอดความเป็นตัวเองออกมาได้ชัดเจนที่สุด และที่สำคัญคือต้องไม่หลุดคอนเซ็ปต์ความเท่ในแบบที่ผู้ชายอย่างเราต้องการ ไอเดียแรกสำหรับผู้ชายสายคลาสสิก เน้นคุมโทนสีน้ำตาลของพื้นห้อง และเฟอร์นิเจอร์ไม้ ขาดไม่ได้กับโซฟาหนังดี ๆ เอาไว้นั่งอ่านหนังสือสักตัว พร้อมเพิ่มความโดดเด่นสร้างลูกเล่นให้กับห้องไม่ให้ถูกกลืนไปด้วยสีน้ำตาลเพียงอย่างเดียวด้วยการเลือกเตียงนอน หรือ ตกแต่งผนังหัวเตียงในโทนสีเทา ซึ่งให้ความแตกต่างแต่ก็ยังกลมกลืนกับอารมณ์โดยรวมของห้องนอนสไตล์นี้ ถ้าความเรียบง่ายคือรูปแบบการใช้ชีวิตที่โปรดปราน การแต่งห้องนอนแนวมินิมัลคือทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะในความน้อยก็ยังมีความเท่แฝงอยู่ภายใต้ผนังห้องสีเทาเข้มตัดกับสีน้ำตาลอ่อนของเนื้อไม้ที่นำมาตกแต่งกรุเป็นผนังหัวเตียง และสำหรับเฟอร์นิเจอร์ที่เข้ากับห้องนอนแนวนี้เราแนะนำว่าควรหาเฟอร์นิเจอร์เรียบ ๆ ที่ไม่เน้นดีเทลของพื้นผิวและรูปทรงอะไรมากมายมาใช้ พร้อมเพิ่มมิติให้กับห้องด้วยการใช้สีดำเข้ามาแซมในส่วนของกรอบบานประตู, หน้าต่าง หรือไม่ก็โชว์ความติสท์ด้วยกรอบรูปสีดำเรียบ ๆ ก็ดูเท่ไม่ใช่เล่น อีกหนึ่งทางเลือกของหนุ่มสายมินิมัล แต่เพิ่มความอบอุ่นในแบบฉบับนิปปอนขึ้นมาอีกนิด เฟอร์นิเจอร์ รวมถึงผนังหัวเตียงไม้สีอ่อนยังเป็นหัวใจสำคัญหลักในการสร้างอารมณ์ความอบอุ่นเรียบง่ายให้กับห้องนี้ ที่แตกต่างออกไปก็จะเป็นในเรื่องของการเพิ่มสีสันรวมถึงลูกเล่นงานดีไซน์ข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ให้ห้องนอนห้องนี้ดูมีรายละเอียดและความขี้เล่นที่เพิ่มมากขึ้น
ดูเหมือน James Jebbia ผู้ก่อตั้ง Supreme จะมีความชื่นชอบในเสน่ห์ของภาพยนตร์อยู่ไม่น้อย หลังจากพวกเขาได้เปิดตัวโฆษณาที่มีภาพของยอดผู้กำกับชาวเอเชียอย่าง John Woo กำลังสวมใส่เสื้อ Supreme box logo และนั่งบรรยายถึงขั้นตอนการถ่ายทำภาพยนตร์ในตำนาน The Killer (1989) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการเปิดตัวคอลเลกชันใหม่ในชื่อ Supreme x John Woo “The Killer” The Killer (1989) เป็นภาพยนตร์แนวแอคชั่นที่ถูกเขียนบทและกำกับโดย John Woo เรื่องราวในหนังพูดถึง Ah Jong นักฆ่าที่กำลังรับภารกิจสุดท้ายเพื่อนำเงินไปรักษานางเอกซึ่งตาบอดจากอุบัติเหตุที่ตัวเขามีส่วน แต่สุดท้ายกลับโดนหักหลังและถูกไล่ล่าโดยหัวหน้าของตัวเอง ในขณะเดียวกันตำรวจชื่อ Li Ying ก็กำลังตามสืบคดีและตามจับตัว Ah Jong ด้วย แต่สุดท้ายสถานการณ์ก็บีบบังคับให้ทั้งสองคนต้องร่วมมือกันต่อสู้กับความไม่แฟร์ของชีวิต นำมาสู่การคิดบัญชีแค้นครั้งใหญ่ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของวลี “ลูกผู้ชาย ฆ่าได้หยามไม่ได้” ให้เราได้ยินมาจนถึงทุกวันนี้ แม้ The Killer จะทำได้รายได้ไปเพียง 18.5 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง ในบ้านเกิดของตัวเอง แต่จุดเริ่มต้นความเป็นตำนานกลับเริ่มขึ้นในตอนที่มันถูกส่งเข้าไปตีตลาดภาพยนตร์ตะวันตกรวมถึง Hollywood และด้วยซีนบู๊ที่ใช้องค์ประกอบแบบหนังกำลังภายในมาผสมกับเรื่องราวสมัยใหม่ จนเกิดเป็นเอกลักษณ์หนังแอคชั่นเฉพาะตัวของ
ดูเหมือน London และ New York จะแคบเกินไปแล้วสำหรับ Palace Skateboards สตรีตแวร์ชื่อดังจากประเทศอังกฤษ เพราะตั้งแต่พวกเขามีหน้าร้านเป็นของตัวเองครั้งแรกในปี 2015 มาวันนี้พวกเขาเตรียมขยับขยายกิจการข้ามทวีปมาเปิดสาขา 3 เอาใจสายสตรีตไกลถึงโตเกียว แต่เวลาเดียวกันก็เป็นเรื่องดีสำหรับหนุ่มไทย เพราะร้านมันย้ายมาอยู่ใกล้กว่าเดิมเยอะมาก จะได้มีเหตุผลในการไปเที่ยวญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งข้อ ใครจะคิดว่าแบรนด์สเก็ตบอร์ดที่สร้างขึ้นมาจากความหลงใหลอย่าง PalaceSkateboards หรือ Palace จะกลายมาเป็นแบรนด์สตรีตแวร์ซึ่งปัจจุบันคงพูดได้ว่าอยู่ในระดับใกล้เคียงกันกับแบรนด์ Supreme และ Stussy แบบไม่อายปาก พวกเขาเริ่มจากการไม่มีหน้าร้านเป็นของตัวเองโดยขายผ่าน Online Store เพียงช่องทางเดียวจากนั้นจึงเริ่มวางขายในร้านสเก็ตบอร์ดในตำนานของอังกฤษที่รู้จักกันอย่าง SLAM CITY SKATES ต่อมาไม่นานงานออกแบบที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นแบบแฟชั่นสเก็ตบอร์ดของอังกฤษยุค 90’s บวกกับการตลาดที่ไม่เหมือนใครก็ดึงดูดให้แบรนด์น้อยใหญ่สนใจพากันมาร่วม Collab ด้วยมากมายไม่ว่าจะเป็น Umbro, Reebox หรือว่า Adidas ทำให้พวกเขาถูกรู้จักเป็นวงกว้างมากขึ้น ขณะเดียวกันเสื้อผ้าของ Palace ก็เป็นที่ต้องการของแฟชั่นนิสต้าทั่วโลก ในปี 2015 ชายผู้ก่อตั้งแบรนด์ Lev Tanju ก็ตัดสินใจเปิดร้านเป็นของตัวเองโดยใช้ชื่อว่า The Palace ‘Pop-Off’ Shops ก่อนจะเปิดร้านสาขา 2 ขึ้นใน New
หนังสือไม่เพียงบอกเล่าเรื่องราวภายใน แต่ยังสะท้อนเรื่องราวของคนอ่านด้วยว่ามีความสนใจเรื่องไหน ความสัมพันธ์ระหว่างคนกับหนังสือจึงเป็นเรื่องที่ไม่สามารถแยกขาดจากกันได้ นี่จึงเป็นโอกาสดีที่เราแอบทำโปรเจกต์ลับ ๆ นี้ขึ้นโดย Snapshot หนังสือที่เราพบในสถานที่ต่าง ๆ ที่ไปเยือนและนำมาเล่าสู่กันฟังเพื่อแนะนำต่อให้ชาว UNLOCKMEN ได้อ่านกัน เผื่อใครที่ชื่นชอบไลฟ์สไตล์ของเจ้าของหนังสือจะเห็นมุมมองอีกด้านที่กว้างขึ้น ที่สำคัญมันยังถือเป็นการปลุกกระแสการอ่านหนังสือล็อตเก่าที่ยังคงเจ๋งเสมอไว้ให้เรามีโอกาสไปพลิกอ่านกัน สำหรับครั้งนี้สถานที่ที่เราตามไป Snap คือ Apos the HQ สถานที่ทำงานของ Apostrophys Group แต่บอกก่อนว่าทั้ง 5 เล่มนี้ไม่ได้เป็นการ Recommend จากชาว Apos แต่อย่างใด หากเป็นความคิดเห็นและการคัดเลือกของเราที่คิดว่าน่าสนใจและต้องการนำมาบอกต่อ Very Thai : everyday popular culture เริ่มต้นเล่มแรกด้วยหนังสือปกแข็งสีชมพูแสบสันจำนวน 320 หน้าที่เขียนด้วยภาษาอังกฤษทั้งฉบับ แต่ไม่ได้ยากเกินความเข้าใจ ข้างในเล่มว่าด้วยเรื่องวัฒนธรรมของไทยที่เราเห็นจนชินตา แต่ชาวต่างชาติที่มาไทยแทบทุกคนล้วนต้องอุทานว่า “อย่างนี้ก็มีด้วยเหรอ” ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทิชชู่สีชมพูในร้านอาหาร รถแท็กซี่ที่ตกแต่งด้วยการแปะโน่นนี่เต็มรถ ไปจนถึงการจัดชุดอาหารเล็ก ๆ แล้วปักธูปเพื่อบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ความโดดเด่นของเล่มนี้อยู่ที่มุมมองการนำเสนอจากผู้เขียนหนังสือที่เล่าเรื่องพาซื่อจากความเป็นชาวต่างชาติ แต่มีผลกับการปรับมุมมองที่เคยจำเจของเราไปอย่างสิ้นเชิง แถมยังต่อยอดความคิดให้เราตั้งคำถามกับทุกสิ่งรอบตัวได้มากขึ้นด้วย ดังนั้น Very Thai หรือ
ขึ้นชื่อว่าผู้ชาย ยังไงก็หนีไม่พ้นกิจกรรมลุย ๆ ไม่ว่าจะออกท่องเที่ยวแอดเวนเจอร์ บุกป่า ฝ่าดง ลงทะเล หรือสร้างความฟิตด้วยการเล่นกีฬา เข้าฟิตเนส คาดิโอ วิ่ง เตะบอล เล่นบาส ตีเทนนิส ไม่ว่าจะกิจกรรมอะไรขอให้บอก ผู้ชายอย่างเรา ๆ พร้อมออกไปลุยเรียกเหงื่อกันเป็นประจำอยู่แล้ว แม้กระทั่งการใช้ชีวิตในวันธรรมดาทั่วไป เมื่อเจอกับทั้งแสงแดดและอากาศร้อนระอุในบ้านเรา ก็หนีไม่พ้นที่จะต้องมีเหงื่อไหลไคลย้อยท่วมใบหน้า แถมยังดำคล้ำขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ใช่แค่นั้น เพราะสิ่งที่ตามมาคือความมันบนใบหน้า ซึ่งถือเป็นอีกปัญหาหลักของผิวหน้าผู้ชายไทยส่วนใหญ่ ที่ทำลายความมั่นใจกันเป็นประจำ แต่ปัญหาหน้าคล้ำและมันที่กำลังรุมเร้านั้น ใช่ว่าเราจะต้องยอมจำนนโดยไร้หนทางแก้ไข เพราะจริง ๆ แล้ว วิธีดูแลตัวเองเบื้องต้นอย่างถูกวิธีที่ช่วยลดปัญหาผิวหน้าคล้ำและมันเยิ้ม สามารถเริ่มได้จากเรื่องง่าย ๆ ใกล้ตัว นอกจากการดูแลตัวเองจากภายใน การใส่ใจดูแลผิวหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด รวมถึงผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ช่วยให้เราสามารถรับมือกับปัจจัยภายนอกที่คอยกระตุ้นให้หน้ามันก็เป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะปัญหาผิวมันนั้นไม่ใช่เรื่องเล็ก นอกจากจะทำให้ผิวหน้าที่เคยสะอาดใสดูมันเยิ้มจนเสียบุคลิก ความมันบนใบหน้ายังโจมตีให้ผิวหน้าดูหมองคล้ำเร็วกว่าปกติ ถ้าปล่อยไว้ไม่ดูแล หรือดูแลผิดวิธี เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสมกับปัญหาผิวหน้า จากที่เจอแค่ปัญหาหน้ามันธรรมดา กลายเป็นว่าพฤติกรรมผิด ๆ จะยิ่งทำให้ผิวหน้ามัน หมองคล้ำขึ้นเรื่อย ๆ และอาจกระตุ้นการก่อให้เกิดสิวซ้ำเติมจนสูญเสียความมั่นใจหนักขึ้นไปอีก แต่ก่อนที่ปัญหาผิวหน้ามันเยิ้มหมองคล้ำจะลุกลามจนเกินเยียวยา เรามีวิธีดูแลผิวหน้าซึ่งพร้อมช่วยแก้ปัญหาผิวที่กำลังรุมเร้ามานำเสนอ หลังจากในบทความ The Men