ในบรรดาหนังสายลับที่โด่งดัง ชื่อของ James Bond ต้องโผล่ติดอันดับต้น ๆ อย่างไม่ต้องสงสัย ด้วยภาคต่อที่มีมาอย่างยาวนานตลอด 50 ปี และความสนุกตามแบบฉบับหนัง Action ล้างผลาญผสมผสานกันสาวสวยภาคละคน ทำให้ซีรีส์ James Bond ได้รับความนิยมจวบจนถึงปัจจุบันนี้ แน่นอนว่าเป็นสายลับฝีมือดีก็ต้องมีรถประจำตัวสุดไฮเทคที่จะช่วยให้ทำภารกิจได้สำเร็จง่ายขึ้น ซึ่งสายลับอย่าง James Bond หรือที่เรารู้จักกันในรหัสลับ 007 นั้นใช้รถยนต์ต่างยี่ห้อต่างรุ่นมากมาย แต่รถที่เป็นเอกลักษณ์ประจำตัวแบบขาดไม่ได้เลยนั่นก็คือแบรนด์รถสปอร์ตจากเกาะอังกฤษอย่าง Aston Martin ที่สายลับหนุ่มรายนี้มักเลือกใช้มาตลอดเกือบทุกภาค วันนี้ UNLOCKMEN ได้คัดเลือก 5 สุดยอดรถ Aston Martin ที่เราชื่นชอบมากที่สุดจากทุก 007 มานำเสนอ ไม่เน้นความใหม่ เน้นแต่ความหล่อล้วน ๆ Aston Martin DB5 เริ่มต้นคันแรกอย่าง DB5 ที่เหมือนเป็นรถประจำซีรีส์ชุดนี้เลยทีเดียว เพราะตั้งแต่เจ้า DB5 คันนี้ปรากฏตัวครั้งแรกในภาค Goldfinger ซึ่งรับบทโดย Sean Connery มันก็ได้ปรากฏตัวและถูกใช้อีกหลายครั้งในภาคอื่น
ระยะหลังตลาดรถยนต์ในบ้านเรามีความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีค่อนข้างมาก จากเมื่อก่อนที่เราได้แต่มองรถยนต์รุ่นเทพ ๆ วางขายในต่างแดนตาปริบ ๆ ส่วนโมเดลที่วางขายในประเทศไทยมักจะเป็นรุ่นพื้นฐานที่เน้นยอดขาย เพราะส่วนใหญ่รุ่นเจ็บ ๆ มักจะราคาขายพุ่งแรงจนฐานลูกค้าเหลือไม่มาก แต่ปัจจุบันตลาดรถบ้านเราเปิดตัวแทบจะพร้อมกับตลาดโลก และมีการนำรุ่นท็อป ๆ เข้ามาวางขายเป็นทางเลือกนักเลงรถตัวจริง โดยเฉพาะแบรนด์ BMW ที่มีการวางขายรถตระกูล M มากขึ้นในระยะหลัง เรียกเสียงตื่นเต้นและสร้างยอดขายจากกลุ่ม Beemer ในประเทศไทยได้ไม่น้อย ล่าสุดในงาน Motor Show 2018 ก็เป็นอีกครั้งที่ BMW ประกาศศักดาทั้งความหรูและความแรง เปิดตัวรถยนต์โมเดลน่าสนใจหลายรุ่นพร้อมกัน แต่ที่เราจะนำมาเน้นกันวันนี้ก็คือ BMW X2, BMW M4 CS, BMW M5 และ BMW 530i Touring ล้วนเป็นรุ่นเจ็บ ๆ ที่เราไม่คาดคิดว่า BMW Thailand จะนำเข้ามา เพราะปกติใครอยากได้โมเดลพวกนี้ ต้องไปสั่งจาก Importer เท่านั้น ซึ่งจะเสียเปรียบเรื่องการซ่อมบำรุงไป ดังนั้นปีนี้จึงเป็นโอกาสดีสำหรับสาวก BMW ที่ต้องการครอบครองรถรุ่นเทพ
ในชีวิตลูกผู้ชายอย่างเรา มันต้องมีอย่างน้อยหนึ่งอย่างที่เราคลั่งใคล้เป็นพิเศษ บางอย่างที่เราหลงใหลเป็นชีวิตจิตใจ บางอย่างที่ใครอาจไม่เข้าใจแต่เราก็ไม่หวั่นไหวในคุณค่า มันก็คงเหมือนกับความรักนะ เริ่มต้นจากความสนใจ ศึกษาเรียนรู้จนเกิดความชอบ และหลงรักในที่สุด ครั้งนี้ทีมงาน UNLOCKMEN ได้มีโอกาสมาพูดคุยกับหนึ่งใน collector ตัวจริง ชายคนนี้คือคุณ ‘เต้น – สีหบุตร ชุมสาย ณ อยุธยา’ ผู้กำกับภาพยนตร์โฆษณาชื่อดังแห่ง Triton Film เจ้าของผลงานที่หลายคนรู้จักกันดีจากแคมเปญ ‘คนหายหน้าเหมือน’ ของมูลนิธิกระจกเงา รวมถึงภาพยนตร์โฆษณาดี ๆ อีกหลายตัว นอกจากนี้คุณเต้นยังเป็นบรรณาธิการบริหารของ GTPORSCHE Magazine Thailand Edition นิตยสารสำหรับคนที่หลงใหลยอดยนตรกรรมสปอร์ตสัญชาติเยอรมันอันเป็นเอกลักษณ์อย่าง Porsche คงไม่ต้องเดาไปทางอื่นแน่นอน คุณเต้นคือหนึ่งในคนสำคัญผู้ run วงการรถ Porsche ในบ้านเราด้วย passion ซึ่งเราสัมผัสได้ทุกวินาทีที่ได้มาเยือนอาณาจักรของเขา บ้านที่เต็มไปด้วยบรรยากาศของความแรงสุดคลาสสิคสะท้อนตัวตนคน cool ที่รู้ว่าตัวเองหลงรักอะไร “คุณพ่อของผมท่านเป็นคนชอบรถ และรสนิยมการชอบรถของเขาจะค่อนข้าง eccentric คือไม่ค่อยเหมือนคนอื่น คนอื่นไม่ค่อยใช้ ที่บ้านก็จะมีรถยุโรปที่อาจไม่ได้สปอร์ตมากอย่าง Volkswagen, Saab, Volvo และ Alfa
เบื่อบ้างหรือเปล่าเวลาขับรถตามหลังรถคันใหญ่ ๆ อย่างพวกรถบรรทุก รถพ่วง ขับช้าไม่ว่า แต่โดนตู้คอนเทนเนอร์บังทัศนวิสัยซะมิด จะแซงก็ไม่ได้ แหย่หัวออกไปก็กลัวโดนโฉบไปนอนคุยกับรากมะม่วง ไม่ใช่แค่คนขับรถเท่านั้นที่มองเห็นปัญหานี้ SAMSUNG เองก็ด้วย เลยงัดไม้เด็ดออกมาแก้ปัญหาแบบง่าย ๆ แต่โคตรลงทุน UNLOCKMEN จะพาไปดูว่าเป็นเทคโนโลยีอะไร มาดูไปพร้อมกัน “The Safety Truck” มันคือ “The Safety Truck” ที่ตั้งใจทำออกมาเพื่อลดอัตราอุบัติเหตุจากการแซงบนถนนสองเลน อย่างในอาร์เจนตินาเนี่ย อุบัติเหตุทางรถยนต์สูงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก และการแซงกันบนถนนสองเลนก็เป็นสาเหตุหลักเช่นกัน SAMSUNG เลยอยากจะแก้ปัญหานี้ด้วยเจ้ารถคันนี้ โดยมันจะมีกล้องอยู่ด้านหน้าเชื่อมต่อกับจอทั้งสี่ที่อยู่ด้านหลังรถ หากนึกไม่ออกลองดูในคลิป มันเจ๋งตรงที่หากเราขับรถตามคันนี้ เราจะมองเห็นทั้งสองเลนด้านหน้ารถ ว่ามีรถกำลังมา รถสวน หรือสิ่งกีดขวางอย่างอื่นหรือไม่ เผื่อว่าเราต้องการจะแซง หรือแม้แต่ทัศนวิสัยในเวลากลางคืนก็สามารถมองเห็นได้ง่ายขึ้นบนจอของเจ้าคันนี้ ไม่ต้องเสี่ยงโยกหัวออกไปดูรถอีกเลนให้เสี่ยงตายเล่น ๆ อีกต่อไป เพราะมันสว่างโล่งมาก ๆ จากไฟของรถบรรทุกแล้วเราก็มองเห็นมันได้จากบนจออีกนั่นแหละ โดยจอก็ไม่ได้เป็นจอเล็กจิ๋วจอเดียวที่ต้องเพ่งตามองให้เมื่อย แต่เป็นจอใหญ่สี่จอต่อกันให้เราดูได้แบบเต็มตา หากดูคลิปจาก SAMSUNG แล้วรู้สึกว่ามันยังดูโฆษณาชวนเชื่อเกินไป ลองมาดูคลิปจากคนบนท้องถนนที่ขับตามตูดเจ้าคันนี้แล้วมารีวิวกันบ้าง โดยเจ้ารถคันนี้ยังไม่ได้ทำออกมาแบบสมบูรณ์นัก ยังอยู่ในขั้นตอนของการทดลองและปรับปรุง ถ้าหากสำเร็จจริง
หากคุณเป็นแฟนเพลงร็อคแล้วคงจะต้องรู้จักชื่อของ Aerosmith เป็นอย่างดีจากเพลง I Don’t Want to Miss a Thing โดยเฉพาะเสียงร้องที่เป็นเอกลักษณ์ของ Frontman สุดเท่ Steven Tyler ที่กลายเป็นตำนานยังมีลมหายใจอยู่ทุกวันนี้ แต่ใครจะรู้ว่า Frontman คนนี้ก็เป็นนักเลงรถกับเขาด้วยเหมือนกัน เพราะรถคู่ใจของเขานั้นเป็นถึงไฮเปอร์คาร์ตัวแรงอย่าง Hennessy Venom GT ที่แรงติดอันดับ Top 5 ของโลก แบบเปิดประทุนรับลมปะทะบ้องหูแบบเต็ม ๆ ซึ่งรถคันนี้เคยได้ชื่อว่าเป็นรถเร็วและแรงที่สุดในโลกคันหนึ่งเลยทีเดียว แต่ล่าสุด Steven Tyler ได้นำรถสุดรักคันนี้เข้าประมูลเพื่อการกุศลไปเสียแล้ว วันนี้ UNLOCKMEN จะมาแนะนำให้ได้รู้จักกับไฮเปอร์คาร์พลังแรงสูงคันนี้ให้มากขึ้นอีกนิด Venom GT ผลิตโดย Hennessey Performance Engineering สำนักปรับแต่งรถชื่อดังของอเมริกาซึ่งรองรับการปรับแต่งจูนรถหลากยี่ห้อนอกจากรถอเมริกัน ภายนอกของ Venom GT นั้นดัดแปลงโดยใช้ตัวถังของ Lotus Elise และ Exige แทบจะทั้งหมดมาทำตัวรถแม้กระทั่งภายในด้วย พร้อมทั้งปรับเปลี่ยนและขยายตัวถังอีกหลายส่วนด้วยเช่นกัน ไม่ใช่แค่นั้น เพราะจุดเด่นที่แท้จริงของรถคันนี้อยู่ที่ขุมพลังสุดโหดจนโลกต้องจารึก
ปฏิเสธไม่ได้ว่ามลพิษกับรถยนต์ยังไงก็เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาเรื่อย เรียกได้ว่าถ้ามีรถมันก็ต้องมีควันพิษมาเป็นเงาตามตัว ธุรกิจที่ต้องวนเวียนอยู่กับรถทั้งหลายเลยพากันออกมาคิดค้นนวัตกรรมกันใหญ่ บ้างก็เป็นรถไฟฟ้าไม่น้ำมัน เครื่องยนต์ที่ทำให้ระบบเผาไหม้ทำงานแบบไม่ปล่อยควันพิษ จะได้รักษ์โลกไปกับความเร็วพร้อมกัน แต่ใครมันจะไปนึกว่าบริษัทผลิตล้อที่เราดูแล้วก็ไม่เห็นว่ามันจะเปลี่ยนอะไรไปได้ตรงไหนเกิดอยากจะสนุกกับเขาด้วยคน ส่งล้อเขียว ๆ มาฟอกควันมันดื้อ ๆ เอาสิวะ ! ก็อยากให้รถมันได้วิ่งในถนน งั้นก็จะทำยางที่ใครก็ต้องร้องขอให้เอารถออกมาวิ่ง Good Year เลยพัฒนาทุบมิติเดิมจากความแม็กซ์สวย เนื้อยางดี มาใส่ไอเดียสร้าง prototype ทำล้อรุ่น Oxygen ออกมาให้แม่งฟอกอากาศได้ด้วยเลย ยางลดโลกร้อนที่เห็นไม่ได้เขียวแค่สี ไม่ได้มีเครื่องฟอกอากาศด้านในใช้เครื่องยนต์อะไร แต่ใส่พืชเขียวตระกูลมอสส์มาปลูกกันในล้อ คลอโรฟิลล์เกาะไปกับรถยังไงก็ได้แดดไว้สังเคราะห์แสงชัวร์ หลักการคือระหว่างล้อหมุนจะดูดเอาความชื้นด้านนอกเข้ามาเลี้ยงมอสส์ พร้อม ๆ ไปกับการดึงก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ด้านนอกเข้าไปด้วยแล้วก็คายออกซิเจนออกมาตามระบบเดียวกับที่เราเคยเรียนเรื่องการสังเคราะห์แสงพืช แต่แค่จับต้นไม้ไปไว้ในล้ออย่างเดียวมันยังคูลพอ เขาเลยใส่ระบบเซ็นเซอร์กับ AI สร้างเทคโนโลยี V2X technology เข้าไปออกแบบร่วมเชื่อมโยงกระบวนการสังเคราะห์แสงของพืชดึงกระแสไฟฟ้ามาจ่ายเพิ่มระบบไฟให้ล้อเท่ส่องสว่างได้ด้วยวงไฟ LED รอบล้อยามค่ำคืนขณะเปลี่ยนเลนด้วย รถข้าง ๆ หรือคนตามทางเท้าจะได้มองเห็นเราได้ง่ายขึ้น นวัตกรรมล้อแห่งอนาคตที่หวังจะฟอกอากาศนี้ ทาง good year เขาคำนวณไว้ว่าอยากจะให้มีใช้กันในเมืองใหญ่ทั่วโลก อย่างน้อยที่สุดที่คาดการณ์ไว้คือ ถ้ารถทุกคันในปารีสมียางเหล่านี้ก็จะกำจัดคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึงประมาณ 4,000 ตันในแต่ละปี เหมือนการทำให้รถที่เคยวิ่งหายไป 4,500
สำหรับหนุ่ม ๆ ที่หลงใหลในความเร็วและห้วงอารมณ์การขับขี่รถยนต์ที่ท้าทาย ในชีวิตที่เกิดมาเพียงครั้งเดียวคงไม่มีประสบการณ์ใดล้ำค่าไปกว่าโอกาสในการขับขี่รถยนต์สมรรถนะสูงบนสนามที่ขึ้นชื่อว่าท้าทายที่สุดในโลก หากสนามอย่าง Nurburgring (นูร์เบอร์กริง) ถูกยกให้เป็นหนึ่งในสนามแข่งรถทางเรียบที่ขึ้นชื่อว่าท้าทายมากที่สุด ที่สามารถดึงดูดผู้ชายที่หลงใหลการหลั่งอะดรีนาลีนจากทั่วทุกมุมโลกมารวมตัวกัน ทางฟากฝั่งของสนามขับรถบนผิวหิมะคงไม่มีสนามไหนที่จะท้าทายและน่าสนใจไปกว่าสนาม Arctic Driving Center, Rovaniemi สนามขับรถบนหิมะสุดแรร์ที่ตั้งอยู่ในประเทศฟินแลนด์ ซึ่งเรากำลังจะพาชาว UNLOCKMEN ทุกท่านไปทำความรู้จักสังเวียนดริฟต์อุณหภูมิติดลบแห่งนี้ไปพร้อมกัน สนาม Arctic Driving Center, Rovaniemi เป็นสนามขับรถที่ตั้งอยู่ในเมืองโรวาเนียมิ ประเทศฟินแลนด์ เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นบ้านเกิดของซานตาครอส โดยสนามแห่งนี้มีช่วงเวลาพิเศษสำหรับเปิดใช้งานซึ่งต้องรอให้ถึงช่วงที่มีอุณหภูมิเหมาะสมในฤดูหนาวที่หนึ่งปีเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น โดยสนามหิมะแห่งนี้ซ่อนตัวอยู่ในทิวป่าสนที่สวยงามและตั้งอยู่ห่างจากเส้นสูงสุดไม่เกิน 10 กิโลเมตร ทำให้มีอุณหภูมิในฤดูหนาวอยู่ที่ประมาณ 4 ถึง -8 องศาเซลเซียส แน่นอนว่าสภาพอากาศหนาวเหน็บแบบนี้มันคือสิ่งที่จะมากระตุ้นให้การขับขี่ท้าทายขึ้นกว่าเดิม และในปีนี้ถือเป็นโอกาสพิเศษสำหรับชาวไทยเพราะบีเอ็มดับเบิลยูได้จัดทริป JOY GO ICE DRIVING EXPERIENCE – Rovaniemi ที่จะพาผู้เข้าร่วมเดินทางทุกคนได้สัมผัสห้วงอารมณ์ของการขับขี่รถยนต์บนสนามหิมะ มาชมบรรยากาศที่น่าสนใจในทริปนี้ไปพร้อมกัน สมาชิกทริป JOY GO ICE DRIVING EXPERIENCE – Rovaniemi เป็นคนกลุ่มแรกที่เดินมาประเดิมสนาม
หนึ่งในเอกลักษณ์ของหนังแข่งรถชื่อดังอย่าง Fast & Furious นั้ นอกจากตัวเอกเช่น Dominic Toretto ที่รับบทโดย Vin Diesel แล้ว ยังมีตัวละครนำควบคู่กับ Toretto ด้วยอีกคนนั่นก็คือ Brian O’Connor ที่นำแสดงโดย Paul Walker ผู้ล่วงลับ ถึงแม้ว่าวันนี้เขาจะจากไปแล้วก็ตาม แต่ทว่าเขายังได้ทิ้งผลงานการแสดงใน Fast & Furious ไว้และปฏิเสธไม่ได้ว่าชื่อของเขายังเป็นอีกกำลังสำคัญที่ช่วยทำให้หนังโด่งดังได้จนถึงทุกวันนี้ ซึ่งจุดเด่นของตัวละครอย่าง Brian O’Connor นั้นก็มีความคล้ายคลึงกับ Toretto นั่นคือตัวเขาเองชื่นชอบในพาหนะสี่ล้อเหมือนกัน โดยเฉพาะรถนำเข้าญี่ปุ่นจากค่าย Nissan อย่าง Skyline GT-R ที่เป็นรถดีไซน์โฉบเฉี่ยวและเท่บาดใจอยู่เหนือกาลเวลา แถมสมรรถนะเครื่องยนต์จากโรงงานก็เอาเรื่องพอตัวจนทำให้ชื่อของ Skyline GT-R โด่งดังในวงการยานยนต์และนักแต่งรถ วันนี้ UNLOCKMEN จะพาไปรู้จักกับ Skyline GT-R คู่ใจทั้ง 6 คัน ของ Brian O’Connor ที่ใช้ขับแข่งมาตลอดทั้งแฟรนด์ไชส์หนัง
พูดถึงรถมอเตอร์ไซค์ คนทั่วไปคงจะแบ่งรูปแบบของรถมอเตอร์ไซค์ง่าย ๆ เป็นรถแม่บ้าน รถออโต้ รถบิ๊กไบค์ แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่ายังมีกลุ่มคนจำนวนมากที่หลงรักมอเตอร์ไซค์อีกรูปแบบหนึ่งที่เรียกว่า “มินิไบค์” และหากพูดถึงเรื่องราวของ “มินิไบค์” ชื่อของ Honda Monkey น่าจะเป็นชื่อแรก ๆ ที่คนนึกถึง เจ้ารถคันเล็กหน้าตาน่ารักนี้มันมีอะไรน่าสนใจถึงครองใจเหล่าไบค์เกอร์และนักสะสมรถมาได้ยาวนานกว่า 50 ปี วันนี้ UNLOCKMEN จะพาย้อนกลับไปดูเรื่องราวของ Honda Monkey ว่าอะไรที่ทำให้คนจำนวนมากต้องหลงรักเจ้ารถไซส์มินิคันนี้ เริ่มจากเรื่องเล่น ๆ Honda Monkey นั้นถือกำเนิดมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1961 แรกเริ่มเดิมทีเจ้าลิงน้อยนี้ไม่ได้เกิดมาจากความตั้งใจจะออกแบบมาเพื่อขาย แต่เกิดจากความนึกสนุกของพนักงานในบริษัทฮอนด้าที่อยากจะทดลองทำมอเตอร์ไซค์คันเล็ก ๆ ไว้ขี่เล่นเวลาว่าง! และเรื่องราวหลังจากนี้จึงเป็นตัวอย่างของคำว่า “ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์” ได้ชัดเจนที่สุด เพราะพนักงานคนนั้นได้เอาเวลาว่างไปยกเครื่องยนต์ขนาด 50 ซีซี ที่มีขายอยู่แล้ว มายัดลงตัวถังเล็ก ๆ สีขาว ๆ กับโครงรถสีแดงตัดกันสวยงามพร้อมล้อจิ๋วขนาด 5 นิ้ว แล้วก็…เปล่า! ยังไม่ได้เป็น Honda Monkey หลังจากประกอบเสร็จชื่อแรกของมันไม่ใช่ Monkey
ขับรถเท่บดถนนฉิวคล่อง น้ำมันเต็มถัง ท่อเด็ด เครื่องเสียงดี ไม่ได้แปลว่าครบสูตร! สำหรับชายหลังพวงมาลัยอย่างเราที่นิยมการขับรถสปอร์ต รถบ้าน กระบะ หรือพี่ใหญ่สายรถบรรทุกทั้งหลายที่เป็นเจ้าถนนซึ่งกำลังมองหา gadget เด็ดมาเสริมหล่อให้ลูกรักทั้งชีวิต คงต้องเคยตายน้ำตื้นเรื่องลมยางเวลาเดินทางสักครั้ง ถึงอย่างนั้นเราก็ยังไม่เห็นว่าจะมีใครมาป้อนทางออกดี ๆ ให้สักทีนอกจากต้องทนรับสภาพเดิม ๆ ไป ที่สำคัญ ปั๊มที่มันมีกระจายตัวทั้งประเทศ แต่เวลาตั้งใจหาแหล่งเติมลมเครื่องที่ตั้งไว้ก็ดันเป็นสากกะเบือ ชอบเสีย ลมไม่เข้ามั่ง เผลอ ๆ ดูดลมที่มีน้อยอยู่แล้วในล้อออกไปอีก แต่วันนี้เราไปเจอ MILWAUKEE M12 CORDLESS TIRE INFLATOR ชิ้นนี้มา พูดเลยว่าถึงหน้าตาแวบแรกจะเหมือนเครื่องสูบยางจักรยานไปหน่อย แต่ตอนใช้ไม่ต้องออกกำลังกายจากปลายเท้าขึ้นลงนะเพราะมันใช้แบตเตอรี่ออโต้ เสียบปุ๊ปรอแปป ชนิดจุดบุหรี่สูบยังไม่ทันหมดมวนก็ต้องหมุนปิดจุกยางล้อแม็กซ์ พร้อมโดดขึ้นรถไปต่อได้ทุกที่ ความเด็ดมันของเครื่องอัดลมเจ้านี้มันอยู่ที่ความเร็วลม ที่เขาบอกมาว่าแค่ 1 นาทีก็เต็มเนี่ยมันวัดจากล้อแฟ่บ ๆ มาจับเวลา 0-full ของกระบะไซส์ย่อม ๆ นะ ไม่ใช่รถบ้าน Milwaukee ไม่ใช่แบรนด์ใหม่โนเนมสำหรับผู้ชายอย่างเรา เพราะแบรนด์นี้เป็นค่ายยอดนิยมในอเมริกาที่ผลิตเครื่องมือเครื่องใช้ออกมาในระดับหัวบน ตระกูล portable เขาก็ไม่แพ้ BOSCH, Dewalt หรือ
ใช่ครับ อ่านไม่ผิดแน่นอน สำหรับหลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า Jack Daniel เจ้าพ่อ whiskey maker กลิ่นหอมหวานแห่งเมือง Tennessee นั้น มีหน่วยดังเพลิงอาสาสมัครของตัวเอง พร้อมขบวนรถดับเพลิงที่แยกแยะได้จากระยะไกลในโทนสีดำทอง (Black and Yellow) ยิ่งดูยิ่งป๋าเหมือนโทนสีของบรรดา Rapper โชว์สร้อยทอง ล่าสุด Jack Daniel ได้เปิดตัวมอเตอร์ไซค์ chopper รุ่นใหม่ล่าสุด ที่ได้แรงบันดาลใจจากบรรดานักดับเพลิงของเค้าโดยเฉพาะ ซึ่งรุ่นนี้นับได้เป็นรุ่นที่ 3 แล้วที่ได้ร่วมมือกับ Indian Motorcycle มาตั้งแต่ปี 2016 โดยเริ่มจากรุ่น 2016 Indian Springfield Jack Daniel’s Limited Edition และ 2017 New Bike Indian Chieftain Jack Daniels Limited Edition แน่นอนว่าทั้งสองรุ่นได้รับความนิยมถล่มทลาย ถูกใจชาว American ฝังเส้นเลือดเป็นอย่างดี มาถึงปีนี้ที่ Jack Daniel
มีรถยนต์เพียงไม่กี่แบรนด์ที่คงความคลาสสิคตั้งแต่วันแรกถึงปัจจุบันไว้ได้อย่างแข็งขัน หนึ่งในนั้นก็คือ Morgan Motor Company บริษัทรถยนต์ของอังกฤษ ที่ขึ้นชื่อเรื่องสไตล์ของตัวเอง และความละเอียดประณีตในการผลิตแบบ Handmade ตั้งแต่ปี 1910 กำลังการผลิตอยู่ที่ราว 1,300 คันต่อปี และถ้าใครควักเงินจองลงไป ก็ต้องรออีกราวครึ่งปีจึงจะผลิตเสร็จเรียบร้อย ใครที่ติดตามเรื่องรถยนต์มานาน อาจจะคุ้นตาดีไซน์ของรถยนต์ Morgan เป็นอย่างดี ด้วยรูปทรงที่คลาสสิคเหมือนรถโบราณสุดล้ำค่า แม้จะเป็นรถโมเดลที่ผลิตในปีใหม่ก็ตาม เช่น Morgan 4/4, +8, Roadster และที่สร้างชื่อเสียงได้มากที่สุดก็คือ Morgan Aero 8 รถหน้าตาคลาสสิคที่ว่ากันว่ามีสมรรถนะดีอยู่ในระดับ Supercar ด้วยน้ำหนักตัวที่เบาหวิว และใช้เครื่องยนต์ BMW V8 โดย generation ล่าสุดปี 2015 Aero 8 ทำตัวเลขได้ถึง 367 แรงม้า ล่าสุดในงาน Geneva Motor Show ไม่มีใครคาดคิดว่า Morgan จะเปิดตัวหมัดเด็ด Morgan Aero GT