ถ้าพูดถึงค่ายรถผู้เชี่ยวชาญด้านงานคาร์บอนไฟเบอร์อย่าง Pagani (ปากานี) หลายคนคงรู้จักพวกเขาผ่านสุดยอดยนตรกรรมอย่าง Pagani Zonda (ปากานี ซอนด้า) ไฮเปอร์สายตัวเบาซึ่งเป็นเหมือนจุดขาย แต่ดูเหมือนว่า Pagani จะยังต้องการรถที่มีน้ำหนักเบามากขึ้น ขณะเดียวกันก็ต้องแข็งแกร่งพอที่จะวางเครื่องยนต์กำลังโหด ๆ เอาไว้ได้จนท้ายที่สุดก็ออกมาเป็น Pagani Huayra Roadster BC คันนี้ ทุกวันนี้ซูเปอร์คาร์และไฮเปอร์คาร์ของค่ายรถยนต์ระดับโลกมากมาย ต่างหันมาใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์เป็นโครงสร้างหลักของตัวรถกันหมดแล้ว ด้วยคุณสมบัติที่ทั้งน้ำหนักเบาและแข็งแรง แต่มันก็อาจไม่ใช่วัสดุที่ดีที่สุด Pagani Huayra Roadster BC นอกจากจะดีไซน์ใหม่ทั้งคันแล้ว ยังเปลี่ยนมาใช้วัสดุที่เบาและแข็งแรงกว่าที่เรียกว่า Carbotanium (คาร์บอนไฟเบอร์ + ไทเทเนียม) ที่ใช้ในเครื่องบินแอร์บัส A380 รวมถึงพาหนะพิเศษต่าง ๆ ที่ทำให้มันแข็งแรงพร้อมต้านแรงลมด้วยน้ำหนักเพียง 1,250 กิโลกรัมเท่านั้น Carbotanium พัฒนาโดย Pagani เมื่อเทียบกับวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์แบบเดิมจะแข็งแรงมากกว่าถึง 12 เปอร์เซ็นต์ แต่ยืดหยุ่นมากกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ คุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมของมันก็ทำให้ราคาค่าวัสดุของ Pagani Huayra คันเพิ่มสูงขึ้นขึ้นถึง 450 เปอร์เซ็นต์เลยเช่นกัน
หลังจากเปิดตัว 7 Series คันใหม่ไปได้ไม่นาน ดูเหมือน BMW จะต้องการเพิ่มทางเลือกให้กับแฟน ๆ ของ THE 7 มากขึ้นด้วยการเปิดตัวสายพันธุ์แรงที่มีพื้นฐานมาจาก 7 Series อย่าง BMW Alpina B7 ตามออกมาติด ๆ ว่ากันว่ามันคือซีดานที่แรงที่สุดของค่ายจากแคว้นบาวาเรียแห่งนี้ หนุ่ม ๆ ที่ชื่นชอบในรถยนต์ของ BMW คงจะรู้จักและคุ้นเคยกับรถยนต์ของ BMW ที่มีตราสัญลักษณ์ Alpina ซึ่งเป็นค่ายปรับแต่งรถยนต์สมรรถนะสูงที่ทำงานรวมกับค่ายใบพัดสีฟ้ามานานกว่า 50 ปี ในปีนี้พวกเขาเตรียมต่อยอด สายการผลิตรถยนต์ซีดานตัวแรงอย่าง Alpina B7 รหัสตัวถัง G12 ที่คราวนี้มาพร้อมเครื่องยนต์ตัวพัฒนาใหม่ล่าสุดของค่าย BMW Alpina B7 ปี 2020 ถูกพัฒนามาจากยนตรกรรมสายพันธุ์ซีดานอย่าง BMW 7 Series โดยดีไซน์ภายนอกของรถคันนี้ยังมีกระจังหน้าทรงไตคู่ขนาดใหญ่ รวมถึงช่องอากาศที่อยู่ต่ำลงมา ก่อนจะแปะคำว่า Alpina ไว้ที่ด้านล่างสุด ซึ่งเข้ากันได้ดีกับดีไซน์ของไฟหน้าที่มีขนาดบางลง ส่วนท้ายมาพร้อมกับ
จะพูดว่าเป็นเรื่องไกลตัวก็คงไม่ใช่ จะบอกว่าใกล้ก็คงไม่เชิง กับปรากฏการณ์น้ำแข็งขั้วโลกที่หลอมเหลวเร็วกว่าปกติ เนื่องด้วยภาวะโลกร้อนทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนนักวิทยาศาสตร์เองยังคาดไม่ถึง ในปัจจุบันน้ำแข็งขั้วโลกละลายเร็วกว่าเมื่อ 39 ปีก่อนถึง 6 เท่า ซึ่งในช่วงปี 2009 ถึง 2017 น้ำแข็งบริเวณทวีปแอนตาร์กติกาหลอมเหลวกลายเป็นน้ำมากถึง 252,000 ล้านตัน แน่นอนว่ามันส่งผลให้ระดับน้ำทะเลทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้นตามมา เป็นสัญญาณที่บอกว่าโลกของเราได้เปลี่ยนไปแล้วและความแข็งแกร่งของน้ำแข็งก็เริ่มสั่นคลอน ด้วยเหตุนี้ทีมนักออกแบบนำโดย Faris Rajak Kotahatuhaha, Denny Lesmana Budi และ Fiera Alifa จึงร่วมคิดค้นโปรเจกต์ ‘RE-FREEZE THE ARCTIC’ สร้างเรือดำน้ำผลิตน้ำแข็งเพื่อแก้วิกฤตน้ำแข็งขั้วโลกหลอมละลายในครั้งนี้ นอกจากผลงานชิ้นนี้จะได้รับรางวัลในการแข่งขันระดับนานาชาติที่จัดขึ้นโดย Association of Siamese Architects เรือดำน้ำของพวกเขายังมีเป้าหมายเพื่อฟื้นฟูความสมดุลของระบบนิเวศขั้วโลก ที่มีผลกระทบโดยตรงต่อภูมิอากาศของทุกประเทศ กึ่งกลางของตัวเรือถูกดีไซน์ให้เป็นช่องว่างหกเหลี่ยมขนาดใหญ่และมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 25 เมตร เมื่อเรือลำนี้ดำดิ่งลงไปใต้ทะเลจะหอบเอาประมาณน้ำ 2,027 ลูกบาศก์เมตรขึ้นมาด้วย และเปลี่ยนสถานะของสสารจากน้ำที่เป็นของเหลวให้กลายเป็นน้ำแข็ง ใช้ระบบ Reverse Osmosis กรองเกลือบางส่วนจากน้ำทะเลทิ้งไปเพื่อเร่งกระบวนการเยือกแข็ง จากนั้นเรือจะพุ่งทะยานขึ้นสู่ผิวน้ำพร้อมกับใช้อุปกรณ์ปกคลุมก้อนน้ำแข็งเพื่อรักษาอุณหภูมิและป้องกันแสงแดด เมื่อน้ำทะเลถูกแช่แข็งและปล่อยก้อนน้ำแข็งทรงหกเหลี่ยมลงสู่ทะเลเรียบร้อยแล้ว
ผู้ขับขี่รถยนต์โดยทั่วไป ส่วนใหญ่มักจะเทความสนใจให้กับรูปโฉมที่เตะตา แรงม้าที่สะใจ กับฟังก์ชันอำนวยความสะดวกทั้งหลาย แค่ชอบก็ยอมจ่ายแบบไม่ต้องคิดหน้าคิดหลังใด ๆ ทั้งที่หลายต่อหลายกรณีในวินาทีแห่งความเป็นความตาย ระยะเบรกที่มั่นใจ รวมถึงประสิทธิภาพการเกาะถนนของยางเส้นน้อย ๆ ทั้ง 4 เส้นนี่แหละคือสิ่งที่ช่วยกู้วิกฤติจากหนักเป็นเบา เปลี่ยนความสูญเสียให้กลายเป็นความปลอดภัยมาแล้วมากมายนับไม่ถ้วน ยืนยันได้จากสถิติอุบัติเหตุบนท้องถนนของกระทวงคมนาคมประเทศสหรัฐอเมริกาที่ระบุว่าต้นตอการเกิดอุบัติเหตุที่เกิดจากความบกพร่องของยานพาหนะ (ไม่นับเรื่องการขับขี่โดยประมาท, เมาแล้วขับ หรือสาเหตุอื่น ๆ) นั้นมีสาเหตุหลักมาจากปัญหาของล้อ และยาง ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุจากยางระเบิด หรือรถเสียหลักลื่นไถลบนถนนเปียกเนื่องจากดอกยางสึก แซงหน้าปัญหาระบบเบรค ระบบเครื่องยนต์ พวงมาลัย ไฟสัญญาณ ไปแบบไม่เห็นฝุ่น (SOURCE: 1/2) รู้แบบนี้แล้วชาว UNLOCKMEN ทั้งหลายก็ควรหันมาใส่ใจยางรถยนต์กันสักหน่อย ยิ่งอากาศในบ้านเราร้อนอยู่ดี ๆ ก็มีฝนกระหน่ำเข้ามาซะอย่างนั้น เป็นแบบนี้สลับไปมาตลอดทั้งปี ทำให้ยิ่งต้องเตรียมพร้อมหมั่นตรวจดูสภาพยางอย่างสม่ำเสมอ ก่อนออกเดินทางแนะนำให้ดูสักหน่อยว่า แก้มยางไม่บวม ไม่มีรอยแตก เช็คลมยางให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน หากใครที่ยางหมดดอกไปแล้วขอบอกว่าได้เวลาเปลี่ยนยางกันเสียที งานนี้ไม่ควรฝืนสวมบทนายประหยัดใช้ต่อ เพราะค่ายางที่ประหยัดไปยังไงมันก็ไม่คุ้มกับชีวิตเราแน่ ๆ ส่วนใครที่ได้ฤกษ์เปลี่ยนยางใหม่ แต่ยังหายางรถยนต์รุ่นเหมาะ ๆ ไม่ได้ วันนี้เรามียางคุณภาพดี ราคาคุ้มค่าโดนใจมาแนะนำกันอีกครา หลังจากที่เคยแนะนำ MICHELIN Primacy 4 ยางหนึบคุ้มนุ่มเงียบสำหรับรถกลุ่ม C-Segment
ดูเหมือนว่าศึกกล้องคอมแพกต์ระหว่าง SONY และ CANON จะไม่จบลงง่าย ๆ เมื่อ CANON ปล่อย POWERSHOT G7 X MARK III ลงสนามคอมแพกต์ ฝั่ง SONY ก็ขอท้าชนด้วย ‘SONY RX100 VII’ ที่สเปกใกล้เคียงกัน แต่มาพร้อมเลนส์กว้างและ auto focus ระดับเทพ แถมถอดแบบความเจ๋งมาจากกล้อง A9 ในตำนานจากค่าย SONY อีกด้วย SONY RX100 VII ใช้เลนส์ซูม ZEISS Vario-Sonnar T* กำลังขยาย 24-200 มิลลิเมตร และรูรับแสง F/2.8-4.5 บวกกับ Auto Focus ที่ตรวจจับระนาบโฟกัสได้มากถึง 357 จุด และตรวจจับคอนทราสต์สูงสุด 425 จุด ครอบคลุมพื้นที่ 68% ของเฟรม
Porsche 991 เจเนอเรชัน 992 และ Carrera ที่มาในโมเดล สองประตู (Coupe) และ เปิดประทุน (Cabriolet) เผยโฉมและปล่อยสเปคคร่าว ๆ ออกมาให้หนุ่มทั่วโลกได้ทำความรู้จักกันแล้ว โดยเตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการภายในต้นปี 2020 พร้อมราคาที่ลดลงเล็กน้อยจากจากรุ่นก่อนหน้า หลังจากทิ้งช่วงจากการเปิดตัว Carrera S ไปเกือบ 8 เดือน ในที่สุดค่ายรถยนต์จากเมืองสตุ๊ตการ์ตอย่าง Porsche ก็ตัดสินใจเผยโฉมรถรุ่นมาตรฐานของเจ้าชาย เจเนอเรชันล่าสุด (992) กับ Porsche 911 Carrera ในสองโมเดลที่ทุกคนคุ้นเคยกันดีอย่าง Coupe และ Cabriolet ที่มีราคาถูกกว่า Carrera S รุ่นก่อนหน้า ถึงจะเว้นช่วงไปนาน แต่ความแตกต่างด้านดีไซน์ทั้งภายในและภายในของ Carrera และ Carrera S แทบจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป ยกเว้นท่อไอเสียที่ Carrera เปลี่ยนมาใช้ดีไซน์ท่อแบบเดี่ยว และขนาดของยางที่ด้านหน้าใช้ขนาด 19 นิ้วและยางหลังขนาด 20 นิ้ว
OPPO Reno Series พาสัมผัสประสบการณ์อย่างใกล้ชิดด้วย OPPO Reno 10x Zoom สมาร์ทโฟนระดับพรีเมี่ยม ให้ค่ำคืนแห่งคอนเสิร์ต #JAMNIGHT Live! with Toro Y Moi กลายเป็นหนึ่งในความทรงจำที่เต็มไปด้วยความสนุกและสร้างสรรค์ ด้วยนวัตกรรมที่ล้ำสมัยและดีไซน์ที่พรีเมี่ยมของ OPPO Reno 10x Zoom จะพาคุณโลดแล่นและขยับท่วงท่าไปกับทุกท่วงทำนองที่สะท้อนความสงบจากสิ่งภายนอก ตามคอนเซ็ปต์ของอัลบั้มใหม่ล่าสุดลำดับที่ 6 ในชื่อ Outer Peace โดย Toro y Moi (โตโร อี มัว) ที่ไม่ว่าจะอยู่ตรงจุดไหนในคอนเสิร์ตก็สามารถสัมผัสความรู้สึกแบบใกล้ชิดกับศิลปิน ด้วยประสิทธิภาพของการซูม 10x Hybrid Zoom และ 60x Zoom ของ OPPO Reno 10x Zoom ให้ไม่ว่าจะอยู่ไกลจากเวทีแค่ไหนก็พร้อมบันทึกทุกรายละเอียดในทุกความบันเทิงของทุกภาพถ่าย และต่อให้แสงน้อยก็ไม่ใช่ปัญหาด้วยฟังก์ชั่น Ultra Night Mode 2.0 ที่มีรูรับแสงใหญ่พิเศษ
กลายเป็นธรรมเนียมที่ทำกันต่อเนื่องเป็นประจำทุกปีกับการจัดประกวดงานถ่ายภาพที่มีชื่อว่า iPhone Photography Awards ซึ่งปีนี้ก้าวเข้าสู่ครั้งที่ 12 แล้ว ที่ Apple เปิดรับภาพถ่ายจากทั่วทุกมุมโลก เพื่อแสดงให้เห็นว่าภาพถ่ายที่สร้างสรรค์เกิดจากฝีมือของคนเบื้องหลังเลนส์ UNLOCKMEN จะพาไปดูกันว่ารูปภาพที่คว้ารางวัลกลับบ้านไปมีอะไรบ้าง เพื่อเป็นไอเดียต่อยอดสำหรับหนุ่ม ๆ ผู้ชื่นชอบการถ่ายภาพ รวมถึงล้างความคิดเดิมที่กล่าวกันว่าต้องใช้กล้องโปรแพง ๆ เท่านั้นถึงจะถ่ายรูปสวย ประเภทของรางวัลการแข่งขันแบ่งออกตามหมวดหมู่ เช่น ภาพทิวทัศน์ บุคคล สัตว์ สถาปัตยกรรม ไลฟ์สไตล์ ต้นไม้ ธรรมชาติ โดยมีรางวัลใหญ่อย่าง Grand Prize Winner และ Photographer of the Year Award ภาพที่หลายคนกำลังตั้งตารออยู่จะเป็นภาพไหน อยู่ในสาขาใดบ้าง และสวยน่าสนใจสมราคาหรือไม่ ลองไปดูพร้อมกัน เงื่อนไขการเข้าร่วมประกวดงานนี้มีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เช่น ภาพถ่ายที่ส่งเข้ามาจะต้องเป็นภาพที่ถ่ายจากกล้องของ iPhone หรือ iPad ความละเอียด 1,000 Pixel ขึ้นไปและยังไม่ผ่านการตีพิมพ์หรือลงในโซเชียลมีเดีย ตอนนี้ทาง iPhone Photography
แม้จะทราบดีว่าพระอาทิตย์เป็นต้นตอของการเกิดแสง และ ‘แสงแดด’ นั้นจำเป็นไม่น้อยต่อมวลมนุษย์ แต่บ่อยครั้งก็อดโกรธเคืองพระอาทิตย์ไม่ได้ เพราะพี่แกเล่นสาดแสงแรงจ้าพุ่งทะยานมายังพื้นโลกแบบไม่เกรงใจใคร แล้วเมื่อใดที่ความร้อนดุจนรกที่ว่าส่องมากลางกระบาลผู้ชาย บวกกับอัตราการเผาผลาญที่ล้ำนำผู้หญิง พานเอาเรารุ่มร้อนตั้งแต่กายไปยันหัว และรู้สึกหงุดหงิดโคตร ๆ กับสภาพอากาศที่ไม่เคยปรานีมนุษย์ตาดำ ๆ อย่างเราเลย แม้กระนั้นก็ยังต้องหอบสังขารไปทำงานและเบียดเสียดกับผู้คนบนรถไฟฟ้าท่ามกลางอากาศร้อนอบอ้าวแบบนี้ทุกวัน เมื่อดูท่าว่าโลกจะไม่หยุดร้อนลงง่าย ๆ SONY จึงเปิดตัว ‘REON POCKET’ นวัตกรรมเครื่องปรับอากาศแบบพกพาที่ช่วยทุเลาความร้อนและทำให้หนุ่ม ๆ รู้สึกเย็นสบายขึ้นมาทันควัน ตัวเครื่องค่อนข้างกะทัดรัดและมีรูปลักษณ์คล้าย ๆ กับ apple mouse แต่มีน้ำหนักเพียง 3 ออนซ์ หรือ 85 กรัมเท่านั้น อุปกรณ์ปรับอากาศ REON POCKET มาพร้อมเสื้อกล้ามแบบพิเศษที่คัตติ้งช่องเล็ก ๆ บริเวณฐานคอเสื้อ เพื่อให้ผู้ใช้ใส่เครื่องปรับอากาศจิ๋วลงในนั้น เครื่องจะเปิดระบบระบายความร้อนด้วยเทอร์โมอิเล็กทริกและ Peltier Effect สร้างความแตกต่างทางอุณหภูมิโดยการถ่ายโอนความร้อนของวัตถุสองชนิดด้วยกระแสไฟฟ้า ซึ่งกระแสไฟฟ้าขนาดเล็กที่ซ่อนอยู่ภายในจะดูดซับหรือปล่อยความร้อนออกมา ไม่เพียงแต่ลดอุณหภูมิด้านในของเสื้อ หากยังกลายเป็นฮีตเตอร์ที่เพิ่มความอบอุ่นได้อีกด้วย REON POCKET จะทำให้อุณหภูมิร่างกายของผู้ใช้เย็นลงได้มากถึง 13 องศาเซลเซียส หรือประมาณ
เราเคยขอบคุณที่โลกให้กำเนิด Air Pod ขึ้นมา เพราะรู้ดีว่าตอนม้วนเก็บสายหูฟังแล้วพันกัน หรือตอนใช้งานแล้วลุกไปไหนโดยไม่ได้หยิบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต้นทางไปด้วย สายที่เกี่ยวดึงเราไว้ มันน่าหงุดหงิดขนาดไหน ทว่าเอาเข้าจริงพอมาใช้งาน Air Pod ก็ดันมาเจอปัญหาอีกอย่างคือเรื่องแพ็กเกจที่หน้าตาเหมือนที่เก็บไหมขัดฟัน เพราะนอกจากมันจะไม่เท่แล้ว ยังเทอะทะเวลาหยิบเข้า-ออก แต่จะไม่ใช้ก็ไม่ได้เพราะมันเป็นทั้งที่ชาร์จและที่เก็บเพื่อกัน Air Pod ข้างใดข้างหนึ่งหล่นหาย ปัญหานี้ Apple ไม่ได้แก้! แต่มี AXS บริษัทเทคโนโลยีจากบรุกลินลุกมาพัฒนา “Power1” เคสแบตเตอรี่อัจฉริยะดีไซน์สวยงามที่เก็บ Air Pod ได้อย่างประหยัดพื้นที่ น่าใช้ และที่สำคัญฟังก์ชันการชาร์จก็ยังอยู่ครบครัน เลือกชาร์จได้ระหว่างหูฟังกับสมาร์ทโฟน หรือชาร์จพร้อมกันก็ได้! ด้วยคุณสมบัติที่ไม่ไก่กาเลยจริง ๆ ดังต่อไปนี้ ดีไซน์ ที่เก็บ Air pod ตามปกติจะแยกชิ้นกับมือถือชัดเจน โอกาสที่จะทำหายจึงสูง แถมค่อนข้างเกะกะ ใช้งานจริงไม่สะดวก แต่เคสชิ้นนี้สร้างที่เก็บสำหรับเสียบไว้ที่มุมเคสทำให้ไม่สะดุดเวลาหยิบใช้งาน ที่สำคัญยังมีระบบแม่เหล็กและที่ปิดล็อกใส จึงมองเห็นได้ทันทีจากด้านนอก ไม่มีลืม ไม่มีหล่น ซึ่งช่องที่เราใช้เก็บ Air Pod นี้ยังทำหน้าที่แท่นชาร์จหูฟังให้เราได้อีกด้วย แบตเตอรี่
Chevrolet Corvette Stingray 2020 คือบทสรุปของการทดลองใช้เครื่องยนต์วางกลางที่ยาวนานมากว่า 60 ปี คอร์เวทท์ เจนเนอเรชั่นที่ 8 ไม่เพียงสะท้อนความยิ่งใหญ่ด้านสมรรถนะที่ได้รับการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดมาจากเจนเนอเรชั่นที่ 7 เท่านั้น แต่ยังรวมกับบทเรียนที่ได้จากโครงการพัฒนาระบบวิศวกรรมในอดีต อาทิ รถยนต์เพื่อการวิจัยของเชฟโรเลตหรือ CERV ทั้งสามรุ่น (Chevrolet Experimental Research Vehicles) แอโรเวทท์ (Aerovette) และรถต้นแบบรุ่นอื่น ๆ โซรา อาร์คัส-ดันตอฟ ผู้ซึ่งได้รับการขนามนามว่าเป็นบิดาของคอร์เวทท์ ได้พบกับรถที่ใช้เครื่องยนต์วางกลางครั้งแรกตั้งแต่เขายังหนุ่ม ไม่ว่าจะเป็นรถแข่ง Auto Union Types C และ D Grand Prix ดันตอฟมีความรู้และเป็นผู้เชี่ยวชาญในระบบขับเคลื่อนรถยนต์ เขาปรารถนาที่จะเป็นนักแข่งรถและที่ปรึกษาด้านวิศวกรรมยานยนต์และการบิน เขาเข้ามาทำงานกับจีเอ็มเนื่องจากมีความหลงใหลในรถต้นแบบ คอร์เวทท์ รุ่นแรก ซึ่งเขาเห็นที่งานโมโตรามา ปี 1953 ในโรงแรมวอร์ดอล์ฟ แอสโตเรีย มหานครนิวยอร์ก ดันตอฟเริ่มต้นทำงานกับจีเอ็ม ในวันที่ 1 พฤษภาคม 1953
ท่องเที่ยวช่วงหน้าฝนใครว่ามีแต่อุปสรรค ตรงกันข้ามในช่วงที่สายฝนโปรยปรายกลับทำให้นึกถึงธรรมชาติเขียวชอุ่ม ทะเลหมอกหนาลอยฟุ้ง รวมถึงอากาศที่เย็นสบายเหมาะแก่การท่องเที่ยวพักผ่อนเพื่อซึบซับบรรยากาศสุดรีแลกซ์ แต่จะไปท่องเที่ยวให้ร่างกายได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติทั้งที ก็ไม่อยากให้คุณพลาดการถ่ายรูปสวย ๆ วันนี้ UNLOCKMEN ขอแนะนำ “5 เทคนิคง่าย ๆ ถ่ายภาพสไตล์มุมกว้าง” เพื่อบันทึกช่วงเวลาแห่งความประทับใจ เก็บไว้เป็นความทรงจำในมุมกว้างผ่านเลนส์ Ultra Wide 123 องศา เปิดประสบการณ์ใหม่ในการถ่ายภาพผ่านสมาร์ทโฟนให้เหมือนกับการใช้กล้องโปรแบบมืออาชีพ คนเล็กในภาพกว้าง ให้คนยืนอยู่กลางภาพ ตั้งสมาร์ทโฟนให้อยู่ระดับกลางลำตัวแล้วเงยขึ้นเล็กน้อย จะช่วยให้เก็บภาพเบื้องหลังได้กว้างขึ้น เหมาะกับการถ่ายในอควาเรียมหรือถ่ายติดท้องฟ้า เพราะภาพที่ออกมาจะให้ความรู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในโลกที่กว้างใหญ่ มองโลกแบบมุมตามด ลองถ่ายภาพในมุมมองใหม่ ๆ ให้เหมือนมดตัวน้อย ด้วยการวางสมาร์ทโฟนให้ติดพื้น เงยขึ้นเล็กน้อยโดยให้วัตถุที่ต้องการถ่ายอยู่ตรงกลางภาพ เพียงเท่านี้ก็จะได้ภาพแบบมุมมองของมดที่มองสูงขึ้นไป ให้ความรู้สึกยิ่งใหญ่มากขึ้น จัดวาง Perspective ไม่ยากอย่างที่คิด ในการถ่าย Portrait ทั่วไปนั้นมีหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพบุคคลพร้อมฉากหลังเป็นวิวทิวทัศน์หรือถ่ายเจาะจงตัวบุคคลก็ได้ แต่ถ้าอยากได้มุมมองใหม่ ๆ ให้ลองใช้เส้นนำสายตาจากขอบภาพไปสู่จุดศูนย์กลางของภาพ เหมาะกับการถ่ายบนสะพานหรือถนน เพื่อให้เห็นความลึกที่น่าสนใจยิ่งขึ้น ภาพมุมสูง สวยจนต้องสตั๊น ถึงเราจะบินอย่างนกไม่ได้ แต่เราสามารถถ่ายภาพจากมุมสูงในระนาบเดียวกับนกได้ โดยเทคนิคนี้คนถ่ายต้องอยู่สูงกว่าตัวแบบหรือวัตถุที่ต้องการถ่าย