World
HAPPENING RIGHT NOW
  • World

    MICHAEL WOLF ช่างภาพผู้ค้นพบความงามภายใต้ความแออัดวุ่นวายของเมืองใหญ่

    By: TOIISAN April 29, 2019

    วงการถ่ายภาพต้องพบกับความสูญเสียอีกครั้ง เพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้ ช่างภาพชื่อดังอย่าง Michael Wolf เสียชีวิตลงด้วยวัย 64 ปี ถึงแม้จะจากไปแต่เขาก็ได้ทิ้งสุดยอดผลงานภาพถ่ายที่ให้แง่คิดมุมมองไว้บนโลกใบนี้  UNLOCKMEN ขอร่วมรำลึกถึงเขาด้วยผลงานเขาที่สร้างชื่อไปทั่วโลก Michael Wolf ช่างภาพชาวเยอรมันที่เดินทางไปทั่วทั้งเอเชียเพื่อเก็บภาพทุกมุมเมืองไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น ฮ่องกง ผลงานของเขาขึ้นชื่อเรื่องการภ่ายภาพของตึกรามบ้านช่องและวิถีชีวิตในชุมชนที่สะท้อนสภาพสังคมปัจจุบันได้เด่นชัด Architecture of Density Architecture of Density ถ่ายทอดความแออัดของชุมชนเมืองในเกาะฮ่องกงผ่านภาพถ่ายที่มีเส้นสายมากมายนับไม่ถ้วน กราฟิกของแต่ละภาพคุมโทนสีสันให้ไปในทิศทางเดียวกัน รูปทรงเรขาคณิตที่แม่นยำ แต่ภาพของเขากลับให้ความรู้สึกสงบนิ่งทั้งที่เห็นเพียงแค่ตึกเท่านั้น เขาตัดทอนทั้งส่วนท้องฟ้าส่วนบนและพื้นส่วนล่างออกไปเพื่อให้คนดูจดจ่ออยู่กับตึกที่มีห้องมากมาย สะท้อนรูปแบบของสถาปัตยกรรมที่ไม่มีวันจบสิ้น แม้ภาพของเขาถูกเปรียบเทียบกับภาพของ Andreas Gursky และ Candida Höfer แต่ผลงานของเขาสื่อให้เห็นถึงมุมมองหลายอย่าง รวมถึงองค์ประกอบศิลป์ที่เป๊ะกินขาดทำให้คอลเลกชันภาพถ่าย Architecture of Density ของเขาสามารถคว้าแชมป์จากเวที World Press Photo 2014 ได้สำเร็จ 100×100 คอลเลกชัน 100×100 เริ่มต้นขึ้นในปี 2006 Michael Wolf ตระเวนเคาะห้องของผู้อยู่อาศัยในตึก Shek

    อ่านต่อ
  • World

    NIHON STORIES: “ตำนานคุซานางิ” เปรียบดาบศักดิ์สิทธิ์เป็นตัวแทนความกล้าของชาวญี่ปุ่น

    By: TOIISAN April 27, 2019

    ใกล้เข้ามาทุกขณะแล้วกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของญี่ปุ่นนับตั้งแต่ปี 1989 อย่างการเปลี่ยนยุคสมัยจากเฮเซย์มาเป็นเรวะที่จะเริ่มต้นขึ้นในเดือนพฤษภาคมของปีนี้ ส่งผลให้สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะพร้อมด้วยพระจักรพรรดินีมิชิโกะเสด็จพระราชดำเนินไปยังศาลเจ้าชินโตเพื่อทำพิธีบอกกล่าวบรรพบุรุษว่าจะสละราชสมบัติ แต่สิ่งที่ดึงความสนใจของใครหลายคนคือดาบในตำนานที่จะถูกนำออกมาให้เห็นอีกครั้ง องค์จักรพรรดิอากิฮิโตะทรงเชิญเครื่องราชกกุธภัณฑ์สามอย่างที่ประกอบด้วยดาบคุซานางิ อัญมณียาซากะนิ และกระจกยาตะที่ถือว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์โบราณ โดยเฉพาะกับตำนานมากมายของดาบคุซานางิที่เป็นตัวแทนของความกล้าหาญและภาคภูมิของคนญี่ปุ่น ตำนานนานงูยักษ์แปดหัว เทพวายุ ซู ซาโนโอะถูกเนรเทศให้ลงมายังโลก เขายื่นมือเข้าช่วยเหลือหญิงชาวบ้านที่กำลังถูกงูยักษ์แปดหัว ยามาตะ โน โอโรจิพาตัวไปจากหมู่บ้าน เทพวายุซูซาโนโอะใช้ค่ายกลประตูแปดบาน วางไหเหล้าสาเกไว้ทุกประตูบ้านและนำหญิงสาวคนอื่นในหมู่บ้านซ่อนไว้ด้านในสุด เมื่อยามาตะ โน โอโรจิเห็นไหสาเกก็ไม่รอช้าที่จะพุ่งหัวทั้งแปดเข้าไปในประตูทุกบานและงับไหเหล้า ส่งผลให้ ซู ซาโนโอะสามารถตัดหัวงูยักษ์ทั้งหมดได้ เมื่อปราบงูยักษ์สำเร็จ เขาพบกับดาบวิเศษที่ฝังอยู่ในหางของงู เขาจึงนำดาบที่ว่าเก็บกลับไปให้เทพีอามาเทราสุแห่งพระอาทิตย์ซึ่งเป็นน้องสาวให้เป็นผู้เก็บไว้ ซึ่งเทพีอามาเทราสุเป็นต้นตระกูลของจักรพรรดิญี่ปุ่น และดาบวิเศษที่ชื่อว่าคุซานางิก็เป็นดาบประจำตระกูลที่อยู่คู่บัลลังก์และส่งต่อมายังรุ่นสุ่รุ่นจนถึงยุคปัจจุบัน ตำนานดาบคุซานางิที่ตัดไฟราบเป็นหน้ากอง สมัยสมเด็จพระจักรพรรดิเคโกะ จักรพรรดิองค์ที่ 12 ของญี่ปุ่นมีลูกชายฝาแฝดชื่อทาเครุทั้งสองคน เมื่อทั้งคู่อายุได้ 15  ปี พี่น้องเกิดฆ่ากันเองโดยไม่มีใครทราบสาเหตุ ทำให้พระบิดาไม่พอใจเป็นอย่างมากแต่ไม่กล้าทำอะไรเพราะกลัวไม่มีผู้สืบทอดบัลลังก์ จึงตัดสินใจส่งโอรสองค์เดียวที่เหลือไปปราบกบฎทางตอนใต้สุดของอาณาจักร ก่อนที่ทาเครุจะออกเดินทางเขาได้แวะขอพรกับเจ้าป้าที่เมืองอิเซะพร้อมได้ดาบ เสื้อคลุม และผ้านุ่งสำหรับออกศึก  หลังจากที่ทาเครุสามารถปราบกบฎสำเร็จเขากลับมายังพระราชวังและหวังว่าบิดาจะหายโกรธเขา  แต่จักรพรรดิเคโกะออกคำสั่งให้เขาออกไปปราบกบฎทางฝั่งตะวันออกต่อทันที ทาเครุอ่อนล้าจากการทำศึกอย่างต่อเนื่องและก่อนออกศึกเขากลับไปหาเจ้าป้าอีกครั้งพร้อมระบายความอัดอั้นตันใจ เจ้าป้าจึงมอบดาบคุซานางิซึ่งเป็นศาสตราวุธศักดิ์สิทธิ์ให้ ฝ่ายกบฎต้อนรับการมาถึงของทาเครุโดยการวางอุบายหลอกว่าบริเวณทุ่งหญ้ารอบหมู่บ้านมีปีศาจร้ายซ่อนตัวอยู่และขอร้องให้ทาเครุช่วยกำจัดปีศาจร้าย ทาเครุได้ยินดังนั้นจึงรีบมุ่งหน้าไปยังทุ่งหญ้าที่ว่าเพียงลำพังทันที เมื่อเขาหลงกลฝ่ายกบฎจัดการจุดไฟรอบทุ่งหญ้าเพื่อหวังจะเผาทาเครุทั้งเป็น และเมื่อทาเครุชักดาบคุซานางิออกมาจากฝัก พลังของดาบสามารถตัดต้นหญ้าติดไฟทุกต้นให้ราบเป็นหน้ากอง รวมถึงปราบกบฎจนสิ้นซาก  ด้วยเรื่องเล่าที่เกี่ยวข้องกับหญ้าจึงทำให้ตำนานของดาบคุซานางิเรื่องนี้มีคนญี่ปุ่นเชื่อถือมากพอสมควร

    อ่านต่อ