MUSIC

GARAGE: ดนตรีสีเขียวของ ‘SRIRAJAH ROCKERS’ ผู้ใช้เพลงเป็นยารักษาสังคม เริ่มจากจุดเล็ก ๆ ที่เป็นแรงสำคัญ

By: unlockmen December 18, 2018

ในเวลาที่สังคมรอบตัวเราเริ่มมีบรรยากาศที่ทำให้เกิดภาวะกระอักกระอ่วนที่จะดำเนินชีวิตไปแบบไม่รู้สึกรู้สาอะไร เราคงอยากจะลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่าง เพื่อให้มันกลายเป็น “สังคมที่น่าอยู่” ในอุดมคติ

ใกล้เคียงที่สุดที่เราพอจะนึกออกคงเป็นคำว่า “ยูโทเปีย” ที่ใครต่างก็อยากมี กลุ่มคนดนตรีอย่าง “ศรีราชาร็อกเกอร์” ได้ลงมือสร้างสรรค์ดนตรีที่กระตุ้นให้สังคมเกิดความตระหนักรู้ว่าสิ่งที่เป็นอยู่ทุกวันนี้มันมีปัญหาอะไรผ่านเพลงของพวกเขาที่เรามักจะคุ้นเคยในความเจ็บแสบของเนื้อหากันดี เพราะพวกเขาเชื่อว่าเพลงของพวกเขาจะเป็นอีกพลวัตในการเปลี่ยนแปลงสังคม มาดูกันว่ากลุ่มคนดนตรีสีเขียวกลุ่มนี้มีของดีอะไรที่จะมาช่วยเยียวยาสังคมนี้

กว่าจะเป็นหนึ่งเพลง

Process การทำเพลงแบบสีชา กว่าจะได้เพลงหนึ่งเพลง เป็นยังไงบ้าง ?

วิน: อันนี้เป็นสมาชิก Gen ที่ 3 ของวงแล้วครับ กระบวนการของศรีราชาตั้งแต่แรกเริ่มมา เป็นผมที่ทำเป็น Acoustic เขียนเนื้อเพลงออกมา ทำเป็นเมโลดี้ 2-3 คอร์ด แล้วก็อัดใส่โทรศัพท์มาให้คนในวงช่วยกันฟัง แล้วก็คิดกัน ผมก็ส่งให้มือเบสช่วยกันคิดไลน์ที่ชอบกัน ทั้งผมและเค้าชอบ มือกลองก็คุยกันว่าตียังไงดีวะ มาใช้เวลาในห้องซ้อม

แต่ก่อนเราจะไม่ค่อยมีเวลาในห้องซ้อมเท่าไหร่ อย่างอัลบั้มใหม่จะเจอกันไม่บ่อย แต่ว่าเข้มข้น สุมหัวกันว่าเราจะเล่นยังไง เพราะผมจะมีคำถามมากมายว่าเล่นแบบไหนดีกว่า แบบไหนจะดีที่สุด เราให้การบ้านแต่ละคน ไปอัดอันนี้มานะ เพลงนี้ ใครอยากเพิ่มเติมอะไร ลองไปคิดมาสิ แล้วก็มารวมกันทำให้ชัดเจน และมีคุณค่าขึ้นทีละนิด

พอเปลี่ยน Gen มีสมาชิกหน้าใหม่ พอมาทำงานหรือมาซ้อมด้วยกัน มีช่วงสะดุดหรือจูนไม่ติดบ้างไหม ?

วิน: มีครับ มีตลอดครับ จนถึงตอนนี้ก็ยังมีอยู่ มันค่อย ๆ คลายไปทีละหน่อย แต่ละคนจะมีรสนิยมไม่เหมือนกัน แต่การที่ทุกคนมาเล่นกับศรีราชา เรามีแนวทางที่ชัดเจนว่าเราจะเล่นแบบไหน ถ้าแบบไหนที่มันออกมาหลุดกรอบของวง ก็จะมาคุยกันแล้วว่า ตบมาเป็นแบบนี้ดีมั้ย เพื่อที่จะได้เป็นแบบที่เราต้องการ มันก็มีเรื่องพวกนี้ เรื่องส่วนตัวไม่ต้องพูดถึงเลยครับ มันเป็นกันทุกวงที่มีอะไรที่ต่างกันเป็นธรรมดา

เพลงสะท้อนสังคม

ศิลปะมักเป็นสิ่งที่ถูกนำมาถ่ายทอดเรื่องราวของสถานการณ์บ้านเมือง จนเราสามารถเรียนรู้ความเป็นไปของสังคมในช่วงนั้นผ่านศิลปะก็ยังได้ เพลงของสีชาเองก็เหมือนกัน เพลงของพวกเขาที่มีเนื้อหาจัดจ้าน ไม่เหมือนใคร นั่นเป็นเพราะความตั้งใจในการเล่าเรื่องรูปแบบอื่น ๆ บ้าง รูปแบบที่ไม่ซ้ำกับอะไรเดิม ๆ ที่มีอยู่ ด้วยการหยิบเรื่องราวรอบตัวที่เราเองก็รู้ คุณก็รู้ พวกเขาเองก็รู้ ว่าร้อยเรื่องราวเป็นบทเพลง

คิดว่าเนื้อเพลงเสียดสีสังคมเป็นจุดเด่นของวงหรือเปล่า ?

วิน: ผมไม่ได้ตั้งใจจะเสียดสีนะครับ (หัวเราะ) ไม่ได้คิดว่าเป็นจุดขายหรืออะไร เพลงของเราไม่ใช่สินค้า ไม่ใช่ระบบการตลาด ไม่ใช่ทำมาเพื่อขายใคร เราอยากทำออกมาเพื่อสนองความรู้สึกของผมเอง ไม่ใช่แค่พูดสิ่งที่อยากพูด แบบอื่นเขาพูดกันมาเยอะแล้ว เราอยากพูดแบบนี้ดู 

เราไม่ได้จะเสียดสี แต่เราเอาความจริงที่เราเห็นมาตีแผ่ในเรื่องของกฏของธรรมชาติ ถ้าพูดทางศาสนาคือศาสนาพุทธเนี่ยแหละ แต่ว่าเราอยากจะพูดเรื่องความธรรมดา มาตีความให้วัยรุ่นเข้าถึงได้ง่ายขึ้น มากกว่าที่จะทำเพื่อ เฮ้ย! ดังชัวร์ คนชอบ วิวเยอะ เราไม่สนครับ

ถ้าไม่ได้หวังผลประโยชน์ด้านธุรกิจแล้ว หวังให้คนที่ฟังได้อะไรกลับไปจากเพลงของเรา ?

วิน: เปลี่ยนแปลงสังคมไทยที่แม่งโคตรเน่าเฟะ กูไม่ได้อยากพัฒนาชาติอะไรขนาดนั้น ที่มันยิ่งใหญ่ขนาดนั้น เราแค่อยากเป็นจุดเล็ก ๆ ก็พอ คนกลุ่มเล็ก ๆ ที่เขาได้ฟัง พยายามที่จะเข้าใจ เห็นคุณค่าของมัน แค่คน ๆ นั้นมีความสุขมากขึ้น ได้รับพลังอะไรบางอย่างจากเพลงไป ไปทำหน้าที่ตัวเองให้ดี ผมก็คิดว่าประสบความสำเร็จแล้ว เหมือนที่หลายคนพยายามให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เราก็เหมือนกัน แต่เราใช้แนวทางของเรา เราใช้เนื้อเพลง ใช้เพลงนี่แหละ

ตอนนี้สังคมเราเหมือนเพลงอะไรของศรีราชา ร็อกเกอร์ ?

วิน: Destroy Babylon กับ Organix สองเพลงครับ Babylon ของพวกเราคือทุนนิยมสามานย์ ในคำเรียกของพวกเร็กเก้ จาไมก้า อะไรอย่างนี้ จะเรียกว่า Babylon รัฐบาล ทุนนิยมสามานย์ คอรัปชั่น ระบบอะไรต่าง ๆ ที่มันยังเดิม ๆ อยู่ ที่มันยังผลัดเปลี่ยนไปมา กินกันไปมา คิดว่าเข้ากับยุคนี้ที่สุด แต่เราไม่ได้บอกว่าให้ทุกคนทำลาย ใช้กำลัง ใช้อาวุธอะไร แต่อยากให้ทำลายกิเลสในใจเรานี่แหละ Babylon ข้างใน ทุกคนแม่งมีหมด ผมเองก็มี 

Organix ในยุคที่มีแต่สารเคมี เราลองปลูกผักกินกันหลังบ้านดิ ศาสตร์พระราชาที่ในหลวงบอกมา ผมคิดว่าประเสริฐที่สุดแล้ว เราอยากจะสานต่อให้เด็กรุ่นใหม่

ถ้าอย่างนั้นเราอยากเห็นสังคมเป็นแบบไหน ?

วิน: ใคร ๆ ก็อยากให้มันเป็นยูโทเปีย แต่มันเป็นไปไม่ได้ ทุกคนต่างกรรมต่างวาระ มันจะเปลี่ยนยังไงนอกจากเราเปลี่ยนตัวเองให้ได้ 

ปูน: ผมมองว่าอยากให้สังคมมีความใจเย็นลง มีสติ มีธรรมะ มันกว้างนะ ไม่ได้พูดถึงแค่ศาสนา ทุกศาสนามีธรรมะหมด ทุกสายที่เราเลือกปฏิบัติ สามารถเดินทางมาในจุดเดียวกันในเรื่องนี้ครับ เรื่องความดี ความมีน้ำใจ คุณธรรมทั้งหมด ผมหวังเล็ก ๆ ว่าสิ่งที่ร่วมทำกับเพื่อน ๆ ในแต่ละเพลง วันข้างหน้าจะมีคนที่ทำให้สังคมบ้านเมืองเราสวยงาม

วิน: หวังจากเด็ก ๆ นี่แหละครับ เด็กรุ่นต่อไป เราไม่รู้ว่าพวกเราจะหายไปเมื่อไหร่ จะตายเมื่อไหร่ แต่อย่างน้อยเพลงของเราเนี่ยยังอยู่ อยากมันเป็นเหมือนยาเม็ดเล็ก ๆ ที่รักษาสังคมที่มันเน่า ๆ ที่มันกำลังแย่ให้ดีขึ้น นิดเดียว ในกลุ่มคนหนึ่ง ในช่วงเวลาหนึ่ง ช่วงความคิดหนึ่ง อย่างวัยรุ่น นักเลงจะยิงกัน ได้ฟังเพลงพวกเรา ลดปืน แค่นี้มันก็เปลี่ยนแปลงฉิบหายแล้ว 

ปูน: อย่างงานแคทเมื่อวาน บนเวทีวินบอกให้ทุกคนเก็บขยะ ผมมองว่ามันสวยงาม อย่างรุ่นพี่ผมไปเที่ยว Festival ต่างประเทศ อย่างญี่ปุ่นเนี่ย มันไม่มีขยะเลย ซึ่งวินก็ไปมิกซ์เพลงที่ญี่ปุ่นมาด้วย เราฟังเพื่อนเล่ามา ฟังพี่เล่ามา แล้วก็รู้สึกว่า Culture ของเขาแข็งแรงมาก กลุ่มคนของเขาแข็งแรงมาก คนที่มา Festival ของเขาก็ยังมีคุณป้ามาแดนซ์เพลงนอกกระแส มันดีมากนะ

วิน: สังคมที่เราอยากให้เป็น เรารู้ว่าพลังเราน้อยมากที่จะเปลี่ยนแปลงให้มันดีขึ้น หรือให้มันเป็นยูโทเปียจริง ๆ มันเป็นไปไม่ได้ ทุกสังคมมันต้องมีดีและไม่ดีอยู่ เราเองก็ไม่ใช่คนดีเพอร์เฟ็กต์ขนาดนั้น เราแค่อยากทำสิ่งดี ๆ อย่างน้อยมันก็เป็นเป้าหมายของเรา คือทำเพลงไว้เพื่อเตือนสติตัวเองด้วย บางเพลงเราก็ไม่ได้เป็นแบบนั้น แต่มันคือสิ่งที่เราอยากเป็น เหมือนเป็นสิ่งในอุดมคติที่เราอยากให้สังคมมันดี 

กัญชานำพาสันติสุข

ส่วนผสมสีเขียวที่ให้ควังฟุ้งกำลังเป็นกระแสระดับ Worldwide เพราะหลายประเทศเริ่มมีการผลักดันให้เป็นสิ่งถูกกฎหมาย หลายประเทศทำได้แล้ว ประเทศไทยเองก็ตื่นตัวกับกระแสนี้อยู่ไม่น้อย คิดว่าทำไมกัญชาถึงมักถูกนำมาเป็นสัญลักษณ์ของความสงบสุข ?

วิน: อย่างแรกคือมันใจเย็น ทำให้ทุกอย่างซอฟต์ลง ไม่เหมือนกับเหล้าเบียร์ ที่พร้อมจะตีกันตลอด พร้อมทะเลาะกันเสมอ แต่กัญชามันน้อยมาก ทุกคนใจเย็น พร้อมที่จะฟัง ทบทวน มันขี้เกียจ มันช้า มันอาจจะเป็นตัวแทนได้ แต่ตอนนี้มันถูกนำมาเป็นข้ออ้างในการเรียกร้องสิทธิเสรีภาพที่อาจจะมากเกินไป บางทีมันก็ดูเยอะไป เราพยายามที่จะระวังมากเรื่องนี้ เพราะมีเด็ก ๆ ฟังด้วย เราก็รู้ว่ามันผิด แต่มันเป็นเรื่องจริงที่เราเป็น เราไม่อยากโกหกตัวเอง ไม่อยากโกหกใคร เราพยายามที่จะใช้คำแทน อย่างการแชร์ แทนกัญชา ให้มันซอฟต์ที่สุด แต่คนก็รู้อยู่ดี (หัวเราะ)

เรื่องเสรีภาพมันแล้วแต่คนด้วย บางคนก็ชอบเยอะ ๆ หน่อย บางคนก็ชอบนิดนึง บางคนก็ชอบเข้าสภาวะที่มันช้าลง ไม่ถึงกับเมา ถ้าเราใช้ในทางที่ดี ถูกให้ความรู้ที่ดี เนี่ยแหละ กัญชาจะเป็นสัญลักษณ์ที่นำพาโลกเข้าสู่สันติภาพจริง ๆ ถ้าเราใช้ถูกวิธีและชาญฉลาด

เวลาแต่งเพลงหรือเล่นตอนเสิร์ตเพลงนี่ใช้มั้ย ?

วิน: ทุกวันครับ (หัวเราะ) แต่ถ้าเป็นคอนเสิร์ตเราก็แอบ ๆ ไม่ให้โจ่งแจ้ง พอโตขึ้นเราก็ระวังเรื่องกาลเทศะมากขึ้น

ฝากผลงาน

วิน: มีเพลงปีหน้าครับ แต่ไม่รู้เมื่อไหร่ เราทำกันชิลล์มาก อัดไปทั้งหมด 20 เพลง เราทำเสร็จไป Part นึงแล้ว เดี๋ยวทำ Part หลังต่อ ผมคิดว่ามันลืมอัลบั้มเก่า ๆ ไปหมดเลย ผมอยากจะหาวิธีการที่กระจายได้มากกว่านี้ เมล็ดพันธุ์ใหม่ได้ฟังอะไรที่ทำให้จิตใจสูงขึ้นได้ง่าย ๆ ชื่อว่า “WS (พร)”

เราพยายามพัฒนาตัวเองเรื่อย ๆ เรายังไม่รู้ว่ามันจะออกมารูปแบบไหน

แต่เราจะเป็นตัวเองแบบนี้ สบายใจ ไม่อยากคาดหวังอะไร แต่ก็จะไม่หยุดทำ”

วิน ศรีราชา ร็อกเกอร์


ทางวงเองก็ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่รอถ่ายทอดออกมาในรูปแบบของดนตรีที่พวกเขาถนัด เพราะการไม่ยอมนิ่งเฉยต่อสิ่งที่อยุติธรรม ไม่ทำหูหนวกตาบอดกับเรื่องเลวร้ายที่คอยกัดกินสังคม เป็นอีกสิ่งที่พลเมืองอย่างเราสามารถลุกขึ้นมาปรับเปลี่ยนได้ในรูปแบบที่ตัวเองต้องการ อย่างน้อยการเริ่มต้นด้วยจุดเล็ก ๆ ที่ตัวเรา อาจจะสร้างแรงกระเพื่อมที่เป็นวงกว้างไปสู่สังคมได้จริง ๆ อย่างที่เพลงของพวกเขาทำมาตลอด

unlockmen
WRITER: unlockmen
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line