Work

ผิดสูตรไปหน่อย! 6 สิ่งที่เราเข้าใจพลาด คิดว่าโคตร PRODUCTIVE ถ้าทำใน 10 นาทีแรกของวัน

By: anonymK October 19, 2018

การทำอะไรซ้ำ ๆ ตามกันมานาน ๆ บางครั้งเราก็เข้าใจว่ามันเป็นเรื่องถูกและดี ทว่าต้องขอบคุณวิทยาศาสตร์และผู้รู้ที่คอยมาหักล้างความเชื่อเก่าเสมอจึงทำให้พวกเราสามารถปรับพฤติกรรมและสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้

ต่อไปนี้คือ 6 สิ่งที่เราเองยังเข้าใจผิดบางข้อ (แต่กำลังจะแก้ใหม่ให้ถูก) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้มากยิ่งขึ้น ชาว UNLOCKMEN คนไหนไม่อยากเข้าใจผิดอย่างเรา ลองไปเช็กดูพร้อมกันได้

 

1. ดื่มกาแฟช่วงระหว่าง 8.00 -10.00 น.

ตามผลการศึกษาของ Geisel School of Medicine ที่ Dartmouth กล่าวถึงเรื่องการกินกาแฟก่อนเริ่มต้นวันไว้ว่าใครที่กะเสพคาเฟอีนเพิ่มความดีดและสร้างความฮึกเหิมเวลาทำงานควรคิดใหม่ เพราะมันเป็นความผิดพลาดมหันต์ เนื่องจากมันการดื่มในช่วงเวลานั้นจะเพิ่มฮอร์โมนคอร์ติซอลหรือที่รู้จักในนามฮอร์โมนแห่งความเครียดเข้าสู่ร่างกายเรา ซึ่งระดับของฮอร์โมนนี้มักจะขึ้นลงตามธรรมชาติในร่างกายของเราอยู่แล้ว แต่จะมากสุดในช่วงเช้าและลดลงตามลำดับในช่วงเย็น ดังนั้นถ้ายิ่งกินในช่วง 8 – 10 โมงเช้ามันจะยิ่งเพิ่มความเครียดตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มงานและนอยด์ไปทั้งวัน

PRO TIP: คอคาแฟควรอดทน รอช้า ๆ เพื่อได้พร้าเล่มงาม ดื่มกาแฟที่ชอบในช่วงเวลาตั้งแต่หลัง 10 โมงเช้า – เที่ยงวัน หรือบ่าย 2 โมง – 5 โมงจะดีที่สุดเพราะเป็นช่วงเวลาทำงานที่ตรงกับระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลลดลงต่ำสุด

 

2. เคลียร์สมองให้ว่างโหวงก่อนเริ่มงาน

ก่อนเริ่มงานปล่อยความคิดให้ว่างไว้สิจะได้ใส่เข้าไปได้เยอะ ๆ รับมือได้ง่าย ๆ อาจเป็นสิ่งที่หลายสำนักเขาเคยแนะนำไว้ แต่ผู้เชี่ยวชาญด้าน Productivity อย่าง David Allen เขาแนะว่าสิ่งที่ควรทำคือเตรียมข้อมูลในเยอะในหัวไว้ดีกว่า เพราะมันจะทำให้พวกเราสามารถควบคุมทุกสถานการณ์ได้ดี แม้ว่าเราจะรนก็ตาม เนื่องจากถ้าเราไม่เตรียมข้อมูลอะไรไว้ในหัวเลยสภาพของเราจะเหมือนปลาช็อกน้ำ พอจำเป็นต้องคิดก็ดันคิดไม่ออก ร้อนรนเร่งรีบไปหมด

PRO TIP: เตรียมข้อมูลในสมุดจดสักเล่มก็ได้ถ้ากลัวว่าไอเดียที่เตรียมไว้จะหล่นหายระหว่างทาง และหมั่นตรวจสอบเรื่องที่ต้องใส่ใจไว้จะได้ไม่ต้องเป็นกังวล

3. เช็กอีเมลงานก่อนเริ่มงาน

ว่ากันว่าก่อนจะเริ่มงานให้เช็กเมลก่อน พอเคลียร์เสร็จปุ๊บจะได้เคลียร์งานอย่างสบายใจไปทำงานอื่น เรื่องนี้ Adam Alter ศาสตราจารย์จาก New York University กล่าวแบบชี้เฉพาะลงไปกว่านั้นว่าถ้าใช้เวลาสัก 25 นาทีเช็กอีเมลก่อนเริ่มงานแล้วหยุดไปทำอย่างอื่นต่อถึงจะได้ประสิทธิภาพการทำงานสูงสุด แต่ถ้าคิดว่าจะเคลียร์ให้เกลี้ยงค่อยไปเริ่ม การจัดการงานของเรามันจะวินาศอย่างแน่นอน

PRO TIP: ตั้งเวลาไว้ครึ่งชั่วโมงเพื่อเช็กอีเมลในแต่ละวันและเตรียมปิดทันทีอย่าให้พ้น 30 นาทีนั้น จากนั้นจงหักดิบด้วยการปิดแจ้งเตือนของอีเมลในเว็บและโทรศัพท์ด้วย ไม่เช่นนั้นแทนที่จะได้ทำงาน วันทั้งวันคงไม่พ้นยกนิ้วไปพัวพันกดเปิดแต่อีเมลกับพิมพ์ตอบ

 

4. นั่งเก้าอี้ทำงาน

เก้าอี้พลังดูดสบาย ๆ มีพนักพิงหลังน่าจะช่วยทำให้งานไหลลื่น นั่งได้ยาวขึ้น แต่การนั่งทำงานยาว ๆ กลับไม่ใช่เรื่องดีอย่างที่คิดเพราะจากการศึกษาโดย Havard & Columbia Universities เขาพบว่าการยืนแทนนั่งจะทำให้เรามีพลังและควบคุมทุกอย่างไว้ได้ มาเหนือในทุกสถานการณ์ต่างหาก

PRO TIP: ช่วงเช้าก่อนเริ่มงานสัก 10 นาทีควรเดินไปมาหรือใช้โต๊ะยืนเพื่อทำงานแทน กรณีที่โต๊ะส่วนตัวใครต่ำและทำได้แค่ต้องนั่งเก้าอี้อย่างเดียว ลองมองหาบาร์วางของในออฟฟิสที่สูงกว่าดูแล้ววาง Laptop คู่ใจไปทำงานตรงนั้นสัก 10 นาที รับรองได้ว่างานจะลื่นไหลขึ้น

 

5. ปิดม่านให้มิดชิด รับแต่แสงนีออน ไม่รับแสงเดือนแสงตะวัน

แดดแยงตา แยงจอ เสียสมาธิไปหมด แถมมันยังจะร้อนอีก น่าจะด้วยเหตุผลนี้ออฟฟิศหลายที่เลยติดทั้งฟิล์ม ทั้งมู่ลี่ไว้ปิดกันพัลวันช่วงเช้าก่อนเริ่มงาน แต่จากการศึกษาใน The Journal Of Clinical Sleep Medicine กล่าวว่าการสัมผัสแสงเช้ามันมีประโยชน์หลายด้านทั้งอารมณ์ซึ่งทำให้เราห่างจากโรคซึมเศร้าจากฤดูกาล (SAD: Seasonal Affective Disorder), สร้างความตื่นตัว และสร้างเมตาบอลิซึมภายในร่างกายของเราได้

PRO TIP: ถ้าโต๊ะทำงานชิดหน้าต่างเกินไป เปิดม่านให้แสงลอดเข้ามาสักนิดหรืออาจพับสักครึ่งหนึ่งเพื่อกันไม่ให้มันสะท้อนกับแสงจอโดยตรงก็ได้ แต่กรณีนั่งมุมอับห่างไกลหน้าต่างเหลือเกิน ย้ายก็ไม่ได้ เราแนะว่าการลงทุนซื้อโคมไฟจำลองแสงอาทิตย์มาใช้น่าจะได้ผลดีกว่า อย่าง gadget ตัวนี้ที่คิดค้นโดยนักศึกษาจีน จำลองหน้าต่างและแสงเช้ามาสร้างโคมไฟช่วยแก้ปัญหานี้ได้อยู่หมัด

 

6. ทำหลายงานในช่วงเวลาเดียว

เมื่อคืนนอนอิ่ม วันนี้ขอเริ่มงานอย่างคุ้ม ๆ จัดการงานแบบ Multi-Tasking ซะหน่อยเพื่อเอาใจลูกค้าหรือเจ้านาย อันนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรทำ เพราะหนึ่งในการศึกษาที่ตีพิมพ์ไว้ใน Experiment Economics เขาได้วัดผลกระทบของการทำงานหลายด้านในเวลาเดียวกับประสิทธิภาพที่เกิดขึ้นแล้ว มันส่งสัญญาณออกมาในด้านลบมากกว่าบวก เหล่า Multitaskers ทั้งหลายจึงควรเริ่มต้นวันด้วยการทำงานตามลำดับจะดีกว่า

PRO TIP: ถ้างานที่ทำมันเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ ที่ต้องทำหลายอย่างไปพร้อมกัน แนะนำให้วางแผนการทำงานแบ่งเป็นสัดส่วน เซ็ตเวลาลงมือทำงานด้วยการมุ่งทำงานตัวเดียวอย่างมุ่งมั่นสัก 40 นาที อย่าให้อะไรมากวน ใจ จากนั้นก็สลับไปใช้ 20 นาทีในระหว่างการทำงานเพื่อการทำงานเบ็ดเตล็ดทั้งหลาย พอถึงเวลาเลิกงานจะได้มีงานเป็นชิ้นเป็นอันให้เห็น

สำหรับใครที่อ่านจบแล้ว แต่ถอดใจเพราะคงทำให้ครบทั้ง 6 อย่างด้านบนไม่ได้ใน 10 นาทีแรกของวันพรุ่งนี้แน่นอน อย่ารีบร้อนจนเกินไป ค่อย ๆ ทำไปทีละอย่างแล้วสังเกตความเปลี่ยนแปลงของการทำงานดูว่ามันดีขึ้นจริงไหม อันไหนเหมาะกับรูปแบบงานที่เราอยู่ก็คัดเลือกไปปรับใช้งานได้ ไม่เป๊ะก็ลองประยุกต์ดู ขอให้ทุกวันของพวกเราชาว UNLOCKMEN เริ่มต้นกันอย่างสดใส

SOURCE: 1 / 2

anonymK
WRITER: anonymK
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line