World

NIHON STORIES: “โคมแดงแห่งโยชิวาระ” รื่นเริงเพื่อเริงรมย์และเสพสมอารมณ์หมายกับนางโลม

By: TOIISAN August 25, 2020

‘สถานที่อโคจร’ ถือเป็นพื้นที่ที่อยู่คู่กับสังคมมนุษย์มาอย่างยาวนาน หลายพันปีก่อนโลกของเรามีสิ่งที่เรียกว่า ‘ซ่อง’ เพื่อมอบความสุข ความบันเทิง รวมถึงบริการทางเพศให้แก่ลูกค้าผู้มาเยือน และในวันนี้ UNLOCKMEN จะพาทุกคนย้อนอดีตไปยังญี่ปุ่นยุคเก่าก่อน เพื่อรู้จักกับย่านโคมแดงในยุคสมัยอันลือลั่นอย่าง ‘โยชิวาระแห่งเอโดะ’

หลายคนอาจคิดว่าโยชิวาระคือชื่อเรียกย่านโคมแดงของญี่ปุ่น ไม่ว่าย่านไหน ๆ ในจังหวัดใดก็เรียกว่าโยชิวาระไปเสียหมด แต่แท้จริงแล้วไม่เป็นแบบนั้น สถานที่อโคจรเพื่อความบันเทิงของผู้ชายและแหล่งพักอาศัยของนางโลมจะถูกเรียกว่า ‘ยูคาคุ’ โดยยูคาคุดัง ๆ ในหน้าประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นมีอยู่ 3 แห่งด้วยกัน คือ ชิมาบาระ ในจังหวัดเกียวโต ชินมาจิ ในจังหวัดโอซาก้า และ โยชิวาระ ในเอโดะ (ปัจจุบันคือจังหวัดโตเกียว) ที่โยชิวาระจะเป็นที่รู้จักของคนยุคหลังมากกว่าซ่องอีกสองแห่ง

ย้อนไปไกลมาก ๆ ในช่วงที่ญี่ปุ่นยังไม่มีระบบระเบียบชัดเจน ซ่องถูกเปิดกระจัดกระจาย ใครใคร่ค้าค้า ใครใคร่ซื้อก็เดินเข้าไปเลย แต่พอเข้าสู่ช่วงศตวรรษที่ 17 มีที่กฎหมายมีระบอบการเมืองการปกครองจริงจัง รัฐบาลโชกุนโทกุงาวะ ลงมติผ่านร่างกฎหมายจัดระเบียบสถานเริงรมย์ ซ่องที่กระจัดกระจายต้องมารวมตัวอยู่ในย่านเดียว หากใครไม่ย้ายมาต้องปิดกิจการเสีย ทำให้ซ่องน้อยใหญ่พากันมาอยู่ในพื้นที่วัดเป็นความยาวประมาณ 1 กิโลเมตร ในย่านนิฮงบาชิ แต่ภายหลังย่านเริงรมย์ขยายตัวจนแออัดแถมเกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ รัฐบาลจึงต้องย้ายแหล่งบันเทิงไปยังอาซากุสะที่อยู่ชานเมือง โดยเรียกว่า เขตปกครองพิเศษโยชิวาระ

สาเหตุที่เราเรียกโยชิวาระว่าเขตปกครองพิเศษ เนื่องจากพื้นที่นี้มีกฎข้อบังคับยิบย่อยมากมาย อาทิ ผู้ใช้บริการจะไม่สามารถอยู่ในโยชิวาระเกิน 24 ชั่วโมง แถมยังจำกัดจำนวนผู้มาเยือน ดังนั้นหากคุณเดินทางมาจากต่างเมือง ต้องการจองห้องพักผ่อนในย่านนี้เพื่อมองหาสาวสวยมานอนกอดข้างกายหลายคืนติดกัน ก็ต้องขอแสดงความเสียใจด้วย เพราะสุภาพบุรุษทุกท่านจะสามารถใช้เวลาอยู่ในดินแดนแห่งนี้ได้แค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น

นอกจากกฎ 24 ชั่วโมง ผู้มาเยือนทุกท่านต้องปลดอาวุธก่อนเดินข้ามประตูแบ่งเขต ต้องแจ้งข้อมูลส่วนตัวกับเจ้าหน้าที่ให้ละเอียดว่าเป็นใครมาจากไหนเพื่อเช็คเวลาเข้าออก สังเกตท่าทางว่าไว้ใจได้หรือไม่ ตั้งใจมาใช้บริการทางเพศจริง ๆ หรือเป็นพวกกบฏที่เข้ามาสร้างความปั่นป่วนกับพวกสาว ๆ และข้อสำคัญอีกหนึ่งข้อ คือ แขกไม่สามารถใช้กำลังกับสตรีในโยชิวาระอย่างเด็ดขาด หากฝ่าฝืนพวกผู้ตรวจการจะมาหิ้วตัวออกไป ตัดโอกาสตัวเองให้เข้ามาหาความบันเทิงในย่านเริงรมย์ ซึ่งเลือกได้ก็ไม่มีหนุ่มคนไหนอยากโดนแบบนั้นหรอกครับ

ทางด้านผู้อาศัยหลักในโยชิวาระอย่างเหล่าแม่เล้าและนางโลมรวมแล้วกว่า 3,000 คน จะถูกสั่งห้ามออกนอกเขตที่กำหนดไว้ (เพราะเคยมีคนออกไปข้างนอกแล้วตัดสินใจหนีไป ไม่หวนกลับมาอีกเลย) นางโลมทุกระดับชั้นจะถูกสั่งห้ามไม่ให้สวมชุดที่ถักด้วยดิ้นเงินดิ้นทอง อาจเป็นเพราะความไม่สบายใจเล็ก ๆ ว่าพวกนางไม่ควรแสดงตัวว่ามั่งคั่งกว่าลูกค้าที่มาใช้บริการ

อย่างไรก็ตาม แม้ดิ้นเงินหรือดิ้นทองจะถูกสั่งห้าม แต่แฟชั่นชุดกิโมโนผ้าไหมสีสันสดใส กับเครื่องประดับมากมายยังคงใช้ได้แพร่หลาย ใครมีเงินมากก็หาซื้อของมาประโคมกายได้มาก ยิ่งเป็นโอยรันก็จะได้รับอภิสิทธิ์มากมาย มีเสื้อผ้าที่เด่นสุด มีขบวนแห่ให้หนุ่ม ๆ เบี้ยน้อยหอยน้อยมองกันตาละห้อย ถือเป็นสีสันที่ทำให้โยชิวาระคึกคักอยู่ตลอดเวลา (นางโลมชั้นสูงที่สามารถเลือกลูกค้าได้ตามใจ ที่เราเคยเล่าไปแล้วใน NIHON STORIES: ‘ศักดิ์ศรี ชนชั้น ความงาม’ การขายเรือนร่างของโอยรันที่ทำบุรุษยอมแลกทุกอย่าง )

คนส่วนใหญ่ยังมองว่ากิโมโนชุดสวย เครื่องประดับราคาแพง กับสาวงามเมือง ทั้งหมดคือสิ่งสวยงามที่เข้ากันอย่างดี เหล่าคณิกาต่างมีทุกอย่างที่ว่ามา จึงทำให้พวกเธอกลายเป็นผู้กำหนดทิศทางแฟชั่น ผู้ชายที่แวะเวียนเข้ามาใช้บริการได้เพลิดเพลินสบายตา หลายคนเมื่อร่วมรักกับสาว ๆ เรียบร้อยก็จดจำแฟชั่นของพวกนางกลับไปบอกญาติที่น้องที่บ้าน ผู้หญิงทั่วไปกันพากันแต่งตัวตามคณิกาที่ถูกฝึกให้งดงามทั้งหน้าตา กิริยาท่าทาง โดยไม่ได้รังเกียจเดียดฉันท์ที่พวกเธอขายบริการ ทำให้เหล่านางโลมได้กุมบังเหียนแฟชั่นของยุคไปเสียอย่างนั้น

เด็กสาวและเด็กชายตัวเล็ก ๆ อายุเฉลี่ยราว 6-12 ปี ที่ถูกพ่อแม่นำมาขายจะถูกฝึกให้เป็นเด็กรับใช้ของโอยรัน คราวนี้ก็แล้วแต่บุญแต่กรรมของเด็กแล้วว่าโอยรันที่พวกเธอต้องรับใช้นิสัยดีแค่ไหน หากนางเป็นสาวงามที่งามทั้งใบหน้าและจิตใจถือว่าโชคดีไป แต่ถ้านางเป็นหญิงใจร้ายพวกเธออาจเป็นเครื่องระบายอารมณ์เวลาโกรธ หรือถูกบังคับให้ทำรัก เพราะนางโลมหลายคนก็เล่นเพื่อนกันอยู่ในนั้น

เด็กสาวบางคนที่มีแววเฉิดฉายในภายภาคหน้า จะถูกนำมาฝึกอ่านเขียนเตรียมตัวเป็นนางคณิการุ่นใหม่ บางคนอาจหน้าตาดี ยิ้มสวย ผิวขาวผ่อง บางคนหน้าตาธรรมดาแต่ร้องเพลงเพราะ หรือมีความสามารถที่จะสร้างความบันเทิง พวกเธอถูกฝึกฝนให้เก่งกาจในด้านนั้น ๆ รอจนบรรลุนิติภาวะจะได้เตรียมตัวต้อนรับลูกค้าผู้มาเยือนที่ส่วนใหญ่มักมาพร้อมเงินเต็มถุง

ส่วนเด็กที่ถูกลักมาขายให้แม่เล้า หากถูกพามาแบบไม่เต็มใจหรือโดนหลอกมาขาย เด็ก ๆ หรือแม้เล้าสามารถนำความไปแจ้งผู้ตรวจการ คนที่หลอกเด็กมายังโยชิวาระจะถูกจับมาสอบสวน ถ้าพวกเขาลักเด็กมาจริงก็จะกลายเป็นคนมีความผิด จากนั้นรัฐบาลจะส่งเด็กคืนสู้อ้อมอกพ่อแม่ เพราะถึงโยชิวาระเป็นย่านพิเศษ แต่ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของเอโดะ บ้านเมืองมีกฎหมายและทุกคนต้องทำตามอย่างไม้มีข้อแม้ ซึ่งความเข้มงวดนี้ก็แสดงให้เห็นอัตลักษณ์ของชาวญี่ปุ่นได้ชัดเจนและความทันสมัยที่มีมานานหลายร้อยปี

บนพื้นที่ขนาดกำลังดีของโยชิวาระ ร้านน้ำชาจำนวนมากตั้งขนาบถนนเส้นใหญ่ที่ตัดทะลุจากหน้าประตูใหญ่ไปจนท้ายสุดของย่าน เหล่าบุรุษทั้งหลายสามารถเลือกสรรสาวงามตามรสนิยม ทุกคนจะเห็นนางโลมผ่านห้องลูกกรงเพื่อให้ยลโฉมกันได้สะดวก (หากนึกภาพไม่ออกลองนึกถึงสวนสัตว์) ถ้าบังเอิญสบตากับสาวในกรงจนต้องใจ ก็ให้เดินเข้าไปตกลงกับโอก้าซังเจ้าของร้าน เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเรียบร้อย ความสนุกกำลังรอคุณอยู่ในอีกไม่กี่อึดใจ

หญิงสาวในโยชิวาระส่วนใหญ่ไม่อยากทำงานตลอดไป พวกเธอมักรอคอยการมาซื้อตัวของผู้มีอันจะกินหรือขุนนางน้อยใหญ่ที่ตกหลุมรัก มีนางโลมหลายคนที่ถูกไถ่ตัวไปเป็นเมียน้อย วิธีที่สาวงามได้ออกจากย่านโยชิวาระไม่อยู่ไม่กี่ทาง เช่น รอให้คนมาไถ่ตัวหรือไถ่ตัวเอง หนีไป และตาย

ผู้หญิงบางคนเลือกรับงานเยอะหวังเก็บเงินไถ่ตัวเอง ทว่าเธอมักตายก่อนวัยอันควรด้วยโรคซิฟิลิสต์ นางโลมส่วนใหญ่ไม่ค่อยอายุยืนเพราะเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ รวมถึงการทำแท้งแบบผิด ๆ จึงไม่ได้อยู่จนแก่เท่าไหร่นัก หากสาวงามเมืองคนไหนมีเงินมากพอแล้วไปไถ่ตัวเองกับโอก้าซังก็จะพบกับค่าใช้จ่ายที่คุณแม่เก็บทุกเม็ดตั้งแต่ค่าที่อยู่ ค่านายหน้า ค่าจิปาถะยิบย่อย หักลบแล้วยังไงพวกเธอต้องอยู่ทำงานกับหล่อนไปอีกนาน

โยชิวาระบูมสุด ๆ ช่วงศตวรรษที่ 18 ในปี 1893 มีบันทึกระบุชัดเจนว่ามีสตรีราว 9,000 คน อาศัยและทำงานอยู่ในโยชิวาระ สรวงสวรรค์สำหรับเหล่าชายฉกรรจ์เปิดต้อนรับผู้มาเยือนทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ ทุกคนสามารถหาความสุขสุดเหวี่ยงได้ในย่านนี้ (แต่ไม่รับประกันเรื่องโรคติดต่อทางเพศ ต้องสุ่มกันเอาเอง)

หลังญี่ปุ่นพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ต่อมาในปี 1957 ญี่ปุ่นผ่านร่างกฎหมายใหม่ และมีกฎข้อหนึ่งที่สะเทือนโยชิวาระไปตลอดกาลซึ่งกฎที่ว่าคือการ ‘ห้ามค้าประเวณี’ ที่จะบังคับใช้ในปี 1958 ดินแดนอันรุ่งโรจน์ใจกลางโตเกียวจึงเริ่มเสื่อมลงตามกาลเวลา ร้านรวงถูกสั่งปิดกิจการ ลูกค้าหดหาย เหล่าแม่เล้า นางโลม กับเด็ก ๆ จำนวนมากเริ่มหาลู่ทางเอาตัวรอด หลายคนแอบออกจากย่านไปค้าขายทางเพศที่อื่นแทนพร้อมกับหลบหลีกเจ้าหน้าที่ที่คอยสอดส่องตามหาคนทำผิดกฎ

โยชิวาระล่มสลายไปตามกาลเวลา และไม่ได้ถูกบันทึกไว้ในแผนที่เมืองโตเกียวยุคปัจจุบัน กลายเป็นเพียงฉากหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาผ่านบันทึก เรื่องเล่า รูปถ่าย หรือสื่อบันเทิงรูปแบบต่าง ๆ ที่หยิบย่านโคมแดงมาบ้างประปราย ถึงญี่ปุ่นจะมีกฎหมายห้ามค้าประเวณี (ในทางเทคนิค) คนส่วนใหญ่ก็หลบเลี่ยงกันได้อยู่ดีเพราะเรื่องเพศไม่มีใครห้ามใครได้หรอกครับ

ณ ปัจจุบัน หลายจังหวัดของญี่ปุ่นก็ยังคงมีพื้นที่ที่ตอบสนองความต้องการเหล่านี้อยู่ ไว้หากมีโอกาส คราวหน้า UNLOCKMEN จะมาเล่าเรื่องราวของย่านโคมแดงในยุคปัจจุบันตามเมืองใหญ่ของญี่ปุ่นให้ได้รู้ไว้ เพื่อเป็นแนวทางสำหรับหนุ่ม ๆ ที่กำลังวางแผนไปเที่ยวแดนปลาดิบ และกำลังมองหาประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่ไม่ซ้ำใคร

 

อ่านเรื่องราวเพิ่มเติมเกี่ยวกับนางโลมชั้นสูงและเกร็ดความรู้อื่น ๆ ที่น่าสนใจ:
NIHON STORIES: ‘ศักดิ์ศรี ชนชั้น ความงาม’ การขายเรือนร่างของโอยรันที่ทำบุรุษยอมแลกทุกอย่าง
NIHON STORIES: “JK BUSINESS” ธุรกิจสีเทาของเหล่าเด็กสาวมัธยมปลาย
NIHON STORIES: SHIGEO TOKUDA ตำนานพระเอกรุ่นเก๋าของวงการหนังผู้ใหญ่
NIHON STORIES: ศิลปะอีโรติกพิลึกพิลั่นของ SAEKI TOSHIO เจ้าพ่อวงการอาร์ตเปลือย

Source :  1 / 2 / 3 /4 / 5
Source Photo : 1 / 2 / 3 /4

TOIISAN
WRITER: TOIISAN
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line