รถไฟฟ้าคันนี้ไม่ได้เกี่ยวกับกระแสการ์ตูน Lightyear ของ Pixar ที่เข้าฉายอยู่ แต่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการที่โลกร้อน สิ่งแวดล้อมเป็นพิษ และน้ำมันแพงเป็นประวัติการณ์ในตอนนี้ ตรงที่จะช่วยให้คุณประหยัดน้ำมันด้วยการเป็นรถคันแรกที่สามารถชาร์จพลังแสงอาทิตย์เข้าไป แล้ววิ่งยาว ๆ 7 เดือนโดยไม่ต้องชาร์จไฟฟ้าเลย แถมวัสดุของรถก็ไม่ทำร้ายสิ่งแวดล้อมอีกด้วย! เมื่อปี 2017 บริษัท Lightyear เคยปล่อยภาพแรกของตัวร่างต้นแบบ Lightyear 0 มาให้เราดู ในช่วงระยะเวลา 6 ปีที่หายไปนั้น เขาทั้งทดสอบระบบ ออกแบบรถซ้ำ ๆ อย่างหนัก จนมีเสปก ฟังก์ชั่น และตัว Final หน้าตาจริง ๆ พร้อมให้โลกได้ดูกันแล้วในวันนี้ จะมีอะไรบ้างไปดูกัน วิธีเก็บพลังงานแสงอาทิตย์ของ Lightyear 0 นวัตกรรมสุดล้ำที่เป็นหัวใจหลักในการประหยัดพลังงานของรถคันนี้ คือ ‘แผงโซลาเซลล์คู่ขนาด 5 ตารางเมตร’ ไว้ใช้กักพลังงานจากแสงอาทิตย์ ซึ่งในวันที่แดดออกแรงนั้น ไม่ว่ารถจะจอดนิ่ง ๆ หรือว่าวิ่งขับอยู่ พลังงานของแสงอาทิตย์ก็จะช่วยให้ตัว Lightyear 0 ประจุพลังงานเอาไว้ขับได้ไกลอีกถึง
คงไม่มีใครคิดว่าวันนึงเราจะได้เห็นการจับมือของ 2 แบรนด์อิตาลีชื่อดังระดับโลกที่ไลน์ผลิตสินค้าไม่ได้ใกล้เคียงกันสักนิดอย่าง Fiat กับ Smeg เกิดขึ้น สำหรับคนที่กังวลว่างานนี้จะสวยแต่รูปจูบไม่หอมรึเปล่าก็อุ่นใจได้เลย เพราะแบรนด์ทั้งสองเขาใช้แนวคิดในการทำงานร่วมกันครั้งนี้ว่า “เพราะตู้เย็นไม่ใช่แค่เครื่องใช้ไฟฟ้า และฝากระโปรงหน้ารถเองก็ไม่ใช่แค่ชิ้นส่วนหนึ่งของรถยนตร์” SMEG 500 ตู้เย็นไซส์มินิ ออกแบบโดยจำลองหน้ารถของรุ่น Fiat 500 ทั้งไฟตากลม โลโก้สีแดงมาครบ ส่วนชื่อรุ่นของตู้เย็นถูกทำเป็นทะเบียนรถติดอยู่ที่ตรงกันชนหน้า (ตัว E ที่เป็นธงชาติของประเทศอิตาลีสวยมาก) วิธีเปิดตู้เย็นของเครื่องนี้รับรองความไม่เหมือนใคร เพราะเขาใช้วิธีเดียวกับการเปิดฝากระโปรงหน้ารถเลย แล้วพอเปิดขึ้นมาก็จะเจอค่าแสดงความเย็น และปุ่มสวิตซ์ในการปรับค่าตู้เย็นออกแบบเป็นคอนโซลของรถยนตร์ทั้งหมด! สำหรับความจุในการใส่ของจะอยู่ที่ 100 ลิตร จะเป็นที่วางเครื่องดื่มทั้งหมด อ๊ะเกือบลืมบอกไป ตู้เย็นคันนี้เขามีสีให้เลือกถึง 5 สีเลยนะ มีสีขาว แดง เขียว น้ำเงิน และเหลือง จุดเริ่มต้นของโปรเจ็กต์ SMEG 500 เกิดจากความสนใจของ Fiat ต่อโลกของงานออกแบบที่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่งานพาหนะยานยนตร์ แต่อยากจะลองทำสินค้าอื่นอยู่เสมอ และอย่างที่รู้กันดี สำหรับ Smeg มันก็ต้องไม่ใช่แค่งานออกแบบที่สวยงามเท่านั้น การใช้งานจริงก็ต้องเป็นไปได้ ทำให้แบรนด์เครื่องครัวในฝันของทุกคนกลายเป็นแบรนด์ในอุดมคติที่จะบรรลุโปรเจ็กต์นี้ให้ Fiat ได้
หลายคนอาจเข้าใจว่ารถยนต์ซีดานหรือ SUV เป็นรถยนต์กลุ่มหลักที่ขายดีในบ้านเรา แต่ที่จริงแล้วยอดขายรถยนต์ส่วนใหญ่ในประเทศไทยเป็นของรถกระบะและรถ PPV หรือที่เรียกว่ากระบะดัดแปลง ปัจจุบันคนส่วนใหญ่จึงหันมาเลือกใช้รถยนต์ประเภท PPV หรือกระบะยกสูง ไม่ว่าจะเป็น 4×4 หรือ 4×2 ในชีวิตประจำวันกันมากขึ้น เพราะเป็นรถยนต์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้คนในยุค Work From Anywhere ใช้ชีวิตให้เต็มที่ได้ทั้งการใช้งานในชีวิตประจำวัน ขับไปทำงาน รับส่งลูก พร้อมออกไปลุยเที่ยวต่างจังหวัดในวันหยุด ไม่ว่าจะเป็นการขึ้นเขาตั้งแคมป์ ออกไปผจญภัยเส้นทาง Off-road ซึ่งเป็นเทรนด์การใช้ชีวิตที่เหมาะกับผู้คนวันนี้มาก เชื่อว่าเจ้าของรถ 4×4 รถกระบะยกสูง และรถ PPV น่าจะทราบกันดีอยู่แล้วว่า ยางที่แข็งแกร่ง ต้องยอมแลกมาด้วยความแข็งกระด้าง การเกาะถนนต่ำ และเสียงที่ดังสะท้านเข้ามาในห้องโดยสาร แต่ที่จริงแล้วเราสามารถเพิ่มประสบการณ์การใช้งานรถคันเดิมให้ดียิ่งขึ้นได้ ด้วยการเลือกเปลี่ยนยางที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์การใช้งาน พร้อมแก้ปัญหาที่มักจะเจอในรถยนต์ประเภทนี้อย่างมีประสิทธิภาพ หากใครยังไม่รู้ ยางติดรถยนต์ที่ออกมาจากโรงงานเป็นยางที่คุณภาพโอเคแน่นอน แต่ต้องยอมรับว่ามีข้อจำกัดเรื่องการควบคุมราคาขายต่อคันที่ต้องกดให้ต่ำเพื่อการแข่งขันในตลาด นั่นหมายความว่ายังมียางที่คุณภาพเหนือกว่ายางเดิมติดรถ พร้อมให้เราเปลี่ยนได้โดยไม่มีผลใด ๆ กับ Warranty ของรถยนต์ หากเราไม่ประทับใจในประสิทธิภาพยางเดิม หรือถึงเวลาต้องเปลี่ยนยางแล้ว อยากอัปเกรดยางรุ่นที่ดีขึ้น มีดีไซน์ที่สวยขึ้น รวมถึงยางที่ตอบโจทย์การใช้งานได้มากกว่ารุ่นเดิม สำหรับคนที่ใช้รถยนต์ประเภทเหล่านี้ และมีไลฟ์สไตล์การขับที่ใช้งานในเมืองเป็นหลัก
อีกไม่กี่ปีข้างหน้า ‘รถยนต์ที่ใช้น้ำมัน’ อาจกลายเป็นของล้าสมัยไป เพราะตอนนี้ผู้ผลิตรถยนต์เจ้าใหญ่ต่างประกาศว่าจะหันมาผลิตรถยนต์ไฟฟ้า หรือ Electric Vehicle (EV) แบบเต็มตัวในอนาคต ไม่ว่าจะเป็น Jaguar ที่จะขายเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าภายในปี 2025 หรือ Volvo ที่จะเริ่มในปี 2030 ไปจนถึง General Motors (GM) ที่จะเริ่มให้ได้ภายในปี 2035 แต่การเปลี่ยนแปลงอาจมาถึงเร็วกว่าที่เราคาดกันไว้ เพราะตอนนี้ภาคธุรกิจกำลังรีบนำรถไฟฟ้ามาใช้กันแล้ว อย่าง Hertz ธุรกิจเช่ารถยนต์รายใหญ่ของโลก ได้ทำการสั่งซื้อรถยนต์ไฟฟ้าจากเทสลาจำนวนกว่า 100,000 คัน ซึ่งจะแล้วเสร็จในปี 2022 เหตุการณ์นี้ส่งผลให้ เมื่อวันที่ 25 ตุลาคมที่ผ่านมา ราคาหุ้นของ Tesla ได้ปรับตัวสูงขึ้นถึง 12% จน อีลอน มัสก์ กลายเป็นมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลกภายในวันเดียว ด้วยอิทธิพลของปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม เช่น ภาวะโลกร้อน หรือ มลพิษทางอากาศ ทั่วโลกจึงตระหนักถึงเรื่องการรักษาสภาพภูมิอากาศกันมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น สหราชอาณาจักรได้ประกาศจะเลิกขายรถยนต์ที่ใช้น้ำมันดีเซลและเบนซิลภายในปี 2030 หรือ
ช่วงนี้คนที่ตามข่าวคงเห็นว่า รถยนต์ไฟฟ้ากำลังได้รับความสนใจจากคนในหลายประเทศมากขึ้น และกำลังเป็นเทรนด์ที่คนเริ่มปรับจากใช้รถยนต์ธรรมดาหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) แม้ประเทศไทยตอนนี้รถ EV อาจจะยังไม่บูมมาก แต่ในอนาคตก็ไม่แน่ว่าเราอาจจะตามเทรนด์นี้กันเหมือนกัน เราจึงอยากให้ทุกคนมาดูความคืบหน้าของนวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้ากันสักหน่อย นี่คือ P17A รถพ่วงที่ผลิตโดย Polydrops และถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานกับรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ ซึ่งได้ผ่านการทดสอบมาแล้วว่าสามารถใช้งานกับรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง Tesla ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่เปลี่ยนให้รถไฟฟ้าของเรากลายเป็นบ้านได้เลย รถพ่วงคันนี้ถูกสร้างขึ้นมาให้มีลักษณะเป็น aerodynamic shape หรือ ดีไซน์ที่ทำให้พาหนะสามารถเคลื่อนที่ผ่านอากาสได้อย่างลื่นไหล และรวดเร็วมากขึ้น มาพร้อมกับโครงสร้างแบบ foam-core structure และฉนวนกันความร้อน EPS ขนาด 8.7 นิ้ว ที่ช่วยประหยัดพลังงานในการทำความร้อนหรือความเย็น และทำให้แอร์ขนาด 5000 BTU รวมถึง เครื่องทำความร้อนไฟฟ้า สามารถทำงานได้นานถึง 6 คืน โดยที่ไม่ต้องพึ่งพาแหล่งพลังงานภายนอกเลย นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งแบตเตอรี่ที่มีสามารถจุได้ 12 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมงไว้ที่พื้นของรถพ่วง และเราสามารถเพิ่มอุปกรณ์เสริมอย่างแผงโซลาร์เซลล์ขนาด 520 วัตต์ไว้บนหลังคา เพื่อให้รถพ่วงสามารถชาร์ตพลังงานในระหว่างใช้งานตอนกลางวันก็ได้เหมือนกัน ทาง Polydrops ได้ทดสอบการใข้งานของ P17A
หลังมีข่าวลือหนาหูมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว วันนี้เรามีคำยืนยันอย่างเป็นทางการว่า BMW จะหยุดสายพานการผลิต i8 ในเดือนเมษายนที่จะถึงนี้ หลังทำตลาดอยู่ในกลุ่ม Supercar ของค่ายมานานกว่า 6 ปี และประกอบขายไปได้มากกว่าแผนที่วางเอาไว้ ทะลุ 20,000 คันตั้งแต่เดือนธันวาคมที่ผ่านมา แม้จำนวน 20,000 คันในช่วงเวลา 5 ปีจะดูไม่ใช่ตัวเลขที่เยอะกว่าใคร แต่ BMW i8 ก็นับว่าเป็นรถยนต์ในกลุ่มที่ไม่ธรรมดา เพราะนอกจากจะมีดีไซน์ล้ำยุคนับตั้งแต่วันที่เปิดตัวในปี 2014 จนกระทั่งวันนี้ และในอนาคตมันก็ไม่มีวี่แววว่าจะล้าสมัยลงได้เลย ในด้านเทคโนโลยีมันคือรถยนต์กลุ่มแรกที่ใช้ระบบเครื่องยนต์เผาไหม้ 3-cylinder 1.5-liter turbocharged จับคู่กับ Electric Motor 98 kW ให้พละกำลังรวมมากถึง 369 horsepower, 420 lb-ft of torque ทำเวลา 0-100 km/h ได้ภายใน 4.4 วินาที นับเป็นสิ่งมหัศจรรย์ล้ำหน้ามากในปีนั้น ด้วยความพิเศษของ i8 การหยุดสายพานการผลิตของมันลงในเดือนเมษายนที่จะถึงนี้ BMW
ถ้าเราพูดถึงไอเดียที่บ้าระห่ำในการสร้างสรรค์รถ Limited Edition ผลิตเพียง 20 คัน และอยากจะตั้งราคาขายคันละ 100 ล้านบาท คงไม่มีค่ายรถยนต์ไหนในโลกจะทำได้ง่ายเท่ากับ Bugatti อีกแล้วในเวลานี้ ด้วยราคาขายในเวอร์ชันปกติของ Bugatti Chiron ราคาคันละ $2.9 ล้านเหรียญ (ราว 90 ล้านบาท) ถ้าจะผลิตรุ่นพิเศษ Chiron Noire Sportive และ Chiron Noire Elegance โมเดลละ 10 คัน ขายในราคาคันละ $3.3 ล้านเหรียญ (ราว 100 ล้านบาท) โดยมีภายนอกปกคลุมด้วย Corbon fiber ทั้งคัน จึงไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจอะไร Bugatti Chiron Noire ถูกสร้างขึ้นจากแรงบันดาลใจของ ‘Type 57SC’ โมเดลตำนานอันยิ่งใหญ่ถูกผลิตขึ้นเพียง 4 คันในโลก และ 1 ใน
สิ่งนึงที่แบรนด์รถยนต์ทั่วโลกได้เรียนรู้จาก Tesla คือการสร้างรถพลังงานไฟฟ้าที่น่าเบื่อนั้น สร้างยอดขายไม่ได้ แต่ถ้าเป็นรถพลังงานไฟฟ้าที่ Inspired มาจาก Mustage ล่ะ? ดูเหมือนว่า Mustang Mach-E Electric SUV จะเป็นคำตอบที่ Ford ทำการบ้านมาเป็นอย่างดี ในยุคที่ตลาด SUV กำลังมาแรงแซงทุกตัวถัง เราเห็นทั้ง Lamborghini, Rolls-Royce หันมาลงแข่งในตลาดนี้กันอย่างดุเดือด ในขณะเดียวกัน อีก Segment ที่หอมหวานของ Electric SUV ก็มีอนาคตที่สดใสน่าสนใจไม่น้อย แถมยังเป็น sengment ที่ค่อนข้างจะมีเจ้าตลาดน้อย อย่างที่นึกออกเร็ว ๆ ก็มีเพียง Tesla Model X, Jaguar I-Pace, MG ZS EV ดังนั้นการรีบผลักดันเปิดตัว Mustang Mach-E Electric SUV ออกมาในตลาดนี้จึงถือเป็นการตัดสินใจที่สำคัญและทำได้ดีเลยทีเดียว WE NEED A NEW
หลังจากปีที่แล้วข่าวอวสานรถเต่าทำให้คอโฟล์กทุกคนต้องคอตก วันนี้ UNLOCKMEN ไปเจอสองล้อคันใหม่ที่ใช้ร่างเก่าของ BEETLE มาประดิษฐ์ให้หายคิดถึง เจ้านี่คือ “VOLKSPOD” มินิไบค์ VW ที่พ่อหนุ่มชื่อ Brent Walter ถอดชิ้นส่วนของ Volkswagen Beetle Type 1 หรือที่เรียกว่า “BUG” มาประกอบเป็นมินิไบค์คันใหม่ ทำสีใหม่ให้สดใส งานทำมือที่ได้ด้านในสอดไส้ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 79 cc ซึ่ง Brent ยืนยันว่ารถมินิไบค์คันนี้มันจะมีความเป็นไดนามิกมากกว่า Beetle Type 1 ต้นทางของมันอย่างแน่นอน ใครอยากรู้ว่าวิ่งได้เร็วแค่ไหน เราแนบคลิปมาแล้วเลื่อนลงไปดูด้านล่างได้เลย ถึงหน้าของมันจะดูอ้วน ๆ ไฟหน้าจะใหญ่ยักษ์ไม่อยู่ใกล้ใต้แฮนด์ แต่เพราะทรงนี้แหละทำให้หลายคนมองออกทันทีว่ามันมาจาก Bug นอกจากโครงที่เป็นพระเอกแล้ว ส่วนที่ไม่พูดถึงเพิ่มไม่ได้คงเป็นเรื่องแฮนด์ขนาดยาว หน้าตาแหวกแนวรถมอเตอร์ไซค์ทั่วไปจากความกว้างแฮนด์ ที่ดูเหมือนจักรยานมากกว่ากับไฟหน้าดวงกลมโตที่มาจากไฟของ Type 1 พ่วงด้วยไฟท้ายสีแดงพร้อมอวดลำแสงให้คนขับตามได้ชื่นชม มาลองดูความเท่ของมันในคลิปไปพร้อมกัน ตอนนี้รายละเอียดอาจจะยังออกมาไม่มากนัก สำหรับคนที่มีเงินเต็มกระเป๋าพร้อมจ่ายให้งานคราฟต์เพราะตกหลุมรักคันนี้ตั้งแต่แรกเห็นเหมือนเรา หรืออยากให้รถเต่าในบ้านได้มีสมาชิกใหม่ไปยืนเทียบ บอกเลยว่าเขายังไม่เผยรายละเอียดการวางจำหน่าย ไม่รู้ว่าจะมีแพลนขายไหมเพราะโมรถขึ้นมาเอง ใครที่อยากเข้าไปดูรูปดีเทลข้างในให้จุใจคลิกไปตามต่อจาก IG ของ
ไลฟ์สไตล์ของคนสร้างความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีให้กับทุกอย่างรอบตัว สิ่งหนึ่งที่อยู่กับพวกเราทุกวันและสะท้อนเส้นทางที่ถูกพัฒนาให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิตมากที่สุดก็คือ “รถยนต์” ปัจจุบัน คำจำกัดความของรถยนต์แต่ละเซกเมนต์ แม้จะบอกจุดประสงค์การใช้งานที่เหมือนเดิม แต่ทุกอย่างก็ยังได้รับการพัฒนาอยู่เสมอ เช่น City Car รถเพื่อคนเมืองที่เริ่มเป็นที่รู้จักในประเทศตั้งแต่ปี 1981 ทุกวันนี้ได้ผ่านการพัฒนาเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้คนมาไกลกว่าที่เราจะคาดคิด ทุกอย่างมักเริ่มต้นขึ้นไลฟ์สไตล์ของเราทั้งนั้น UNLOCKMEN ขอชวนทุกคนไปตามดู 3 ไลฟ์สไตล์จากผลสำรวจพฤติกรรมคนเมืองที่เชื่อมโยงกับการสร้างวิวัฒนาการของการพัฒนารถ City Car ที่เราอาจคาดไม่ถึงมาก่อนต่อไปนี้ แล้วคุณจะแปลกใจว่าพวกเราทุกคนนี่แหละที่อยู่เบื้องหลังของการพัฒนาในวันนี้ Better Performance: ไลฟ์สไตล์ของคนในโลกปัจจุบันมีแต่จะเร่งรีบขึ้นทุกวัน ในหนึ่งวันเรามีหน้าที่ทั้ง Work และ Play ที่มากขึ้น จากผลสำรวจของ McCann เผยว่าวันนี้คนเมืองค้นพบตัวเองได้ไวขึ้นเพราะสังคมออนไลน์เชื่อมทุกคนเข้าหากัน แบ่งปันสิ่งที่หลงใหลร่วมกัน จึงทำให้รูปแบบการใช้ชีวิตของเราในแต่ละวันไม่ได้มีแค่แบบเดียว ถ้าสังเกตตารางชีวิตของเราหรือคนรอบข้างจะเห็นว่าคนเมืองใส่ใจกับการใช้ชีวิตเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เริ่มจากช่วงเช้าเราไปทำงาน กลางวันอาจต้องออกไปประชุมกับลูกค้า จบจากชีวิต 9 to 5 เราก็ยังบริหารชีวิตต่อไปทั้งนัดกระชับความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนและครอบครัว หรือปันเวลาในหนึ่งอาทิตย์ไปยิมเพื่อรักษาสุขภาพ การบาลานซ์ทั้งหมดให้ลงตัวจึงมาจากการบริหารเวลา 24 ชั่วโมงให้คุ้มค่าที่สุด และปัจจัยสำคัญอย่างการเดินทางก็กลายเป็นตัวแปรสำคัญที่ตัดเกรดเรื่องนี้เสมอ The 101 percent co. ltd ระบุตัวเลขผลสำรวจความคิดเห็นของคนเมืองในสังคมไทยปี