ต้องขอบคุณ Ferrari และ Lamborghini Miura ในวันนั้น ที่ทำให้ Ferruccio Lamborghini (เฟอร์ลูซิโอ แลมเบอร์กินี) มีวันนี้ เพราะถ้าขาดสิ่งหนึ่งสิ่งใดไป Mr. Lamborghini คงเป็นได้เพียงแค่นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ แต่ไม่มีทางได้เติมเต็มความฝันในการสร้างแบรนด์ Supercars ที่ดีที่สุดในโลกอย่างที่เจ้าตัวใฝ่ฝันเอาไว้ ทุกคนคงทราบดีอยู่แล้วว่า Lamborghini มีจุดเริ่มต้นจากบริษัทผลิตรถไถที่เกิดจากความอัจฉริยะของ Mr. Ferruccio Lamborghini ใช้ทั้งสมบัติเก่าและเศษซากหลังสงครามโลก บวกกับความรู้ด้านเครื่องยนต์ สร้างรถไถที่ไม่มีใครตามทัน ก่อนจะร่ำรวยจนซื้อ Supercars ดี ๆ เก็บไว้ขับเล่นมากมาย รวมถึง Ferrari แต่ระหว่างที่ขับไป ก็พบหลายสิ่งที่เจ้าตัวไม่ชอบ และรู้สึกว่า Ferrari ที่ถือว่าเป็นรถที่ดีที่สุดในยุคนั้นยังไม่สามารถมอบสิ่งที่ Lamborghini ต้องการได้ ระหว่างทางก็นึกได้ว่า ‘กูก็ทำเองซะเลยมั้ยล่ะ” จึงตัดสินใจก่อตั้ง Automobili Ferruccio Lamborghini S.p.A ขึ้นมาในปี 1963 โดยใช้ทั้งความรู้ ความรวยจากการทำธุรกิจมาลงทุนซื้อตัวคนสำคัญจาก Ferrari อย่าง
ขวัญใจชาวซูบี้ที่ต้องรีบหามาไว้ในครอบครอง กับตัวแรงรหัสร้อน Subaru WRX S4 STI Sport# ที่ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 500 คัน มากับขุมพลังเดิม 2.0-liter เทอร์โบ 300 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ขับเคลื่อน 4 ล้อ แต่สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาคือการปรับแต่งช่วงล่างให้เหนียวแน่นหนึบพร้อมรับทุกสถานการณ์ และเปลี่ยนอุปกรณ์บางจุดเพื่อให้ขับขี่แบบสปอร์ตได้สนุกสนานมากขึ้น Subaru WRX S4 STI Sport# เป็นรุ่นพิเศษที่อัพเกรดมาจากรุ่นย่อย WRX S4 STI Sport EyeSight ค่อนข้างจะแยกยากถ้าไม่ใช่แฟนซูบี้ตัวจริง ภายนอกมีชุดแต่งใหม่ที่เพิ่มอารมณ์สปอร์ตมากขึ้น กระจังหน้าสีดำ Dark Clay Silica กันชนหน้าเพิ่มช่องระบายอากาศขนาดใหญ่ ด้านหลังเพิ่มสปอยเลอร์ดำ กันชนหลังเพิ่มรูระบายอากาศและเปลี่ยน rear diffuser ให้โหดขึ้นพร้อมปลายท่อออกด้านละสอง ล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 18 นิ้วสีดำตามสไตล์นักซิ่ง ภายในมาพร้อมโทนสีดำขรึมทั้งห้องโดยสารสลับตะเข็บด้ายสีน้ำเงิน เบาะคู่หน้าทรงสปอร์ตจาก Recaro ปักโลโก้ STI หุ้มหนังกลับสลับหนังแท้เช่นเดียวกับพวงมาลัย
แม้ผลกระทบจากโควิดจะทำให้ตลาดรถยนต์ทั่วโลกซบเซาไปบ้าง แต่หนุ่ม ๆ ที่รักรถยนต์โดยเฉพาะสาวกของ Porsche 911 ยังคงมีเรื่องให้ได้กระชุ่มกระชวยหัวใจกันอีกครั้ง เพราะโปรเจกต์ที่พัฒนาและผลิตเอาไว้ก่อนหน้านี้ได้เปิดตัวออกมาแล้วกับ Porsche 911 ตัวถังรหัส 992 Targa 4 และ Targa 4S ถ้าพูดถึงรถยนต์อย่าง Porsche 911 ผู้ชายส่วนใหญ่คงนึกถึงรุ่นสองประตู (Coupe) หรือเปิดประทุน (Convertible) มาเป็นภาพแรกในหัว แต่สำหรับ Porsche รุ่นเปิดประทุนดีไซน์คลาสสิกสไตล์ Targa ก็เป็นอีกรูปแบบที่ทุกคนอยากครอบครอง พวกเขาจึงได้ใช้เทคโนโลยีล่าสุดสร้างมันขึ้นมาให้เกิดใหม่อีกครั้งภายใต้รหัส 992 *Cool Fact: นอกเหนือจาก Porsche ยังมีรถรุ่นอื่นที่ใช้การเปิดหลังคาสไตล์ Targa อยู่ใน Chevrolet Corvette, Lamborghini Aventador Roadster, Ferrari 812 GTS เป็นต้น แต่ก็ไม่ถือว่าเป็นคู่แข่งกันซะทีเดียว เพราะอยู่กันคนละกลุ่มราคา แม้จะไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะ Porsche เคยสร้าง 911
ถ้าเราพูดถึง BMW 8-Series ในวันนี้ คนส่วนใหญ่จะนึกถึง BMW แบบ Grand Tourer สปอร์ต 2 ประตู รุ่นใหญ่สุดเก๋าของค่ายที่พึ่งจะเปิดตัวไปไม่นานในรหัส G14 (Coupe’) และ G15 (Covertible) ที่เรียกได้ว่ามีดีไซน์ที่สุดสวยงามผสมผสานความสปอร์ตและความหรูหราเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว แน่นอนว่ามันเป็นรถในฝันที่หลายคนต้องอยากได้ไว้ในครอบครอง แต่ถ้าพูดถึงรหัสเลข 8 เราต้องย้อนไปพูดถึงโมเดลที่สร้างมาตรฐานความเป็นที่สุดของ BMW ซึ่งถือกำเนิดมาตั้งแต่ปี 1989 และปัจจุบัน BMW 8-Series รหัส E31 ซึ่งเป็นผู้สร้างความขลังให้กับตัวเลข 8 ของค่ายใบพัดฟ้าขาว ก็ยิ่งทวีความ Rare เพิ่มมูลค่าในหมู่นักสะสมและผู้คนที่มีโอกาสได้เห็นมัน ส่งผลให้รถ 2-Door Coupe’ ที่มีจุดเด่นคือไฟ Pop-up headlight เพียงหนึ่งเดียวของตำนาน BMW ยังคงเป็นรถที่สวยงามเอาชนะกาลเวลา และไม่ว่าใครก็ต้องหันไปมองกันจนคอเคล็ดเสมอแม้เวลาจะผ่านมากว่า 20 ปีแล้วก็ตาม ในอดีตหลายคนเข้าใจผิดว่า BMW 8-Series คือรถโมเดลที่ต่อยอดมาจาก BMW 6-Series
จากตำนานการแข่งขันในยุค 60s ส่งต่อแรงบันดาลใจสู่งานดีไซน์ “เวสป้า เรซซิ่ง ซิกส์ตี้” (Vespa Racing Sixties) กับ 2 รุ่นพิเศษ ทั้ง “เวสป้า สปริ้นท์ 150 ไอ-เก็ต เอบีเอส เรซซิ่ง ซิกส์ตี้” (Vespa Sprint 150 i-Get ABS Racing Sixties) และ เวสป้า จีทีเอส ซูเปอร์ 300 เอชพีอี เรซซิ่ง ซิกส์ตี้ (Vespa GTS Super 300 HPE Racing Sixties) ด้วยคาแรคเตอร์สปอร์ตที่ยังคงกลิ่นอายคลาสสิกเอาไว้ ผ่านลวดลายกราฟิก บนตัวรถทั้ง 2 รุ่น ไม่ว่าจะเป็น ลายกราฟิกสีเหลืองและทองบนรถสีเขียวเมทัลลิก (สี Green Racing Sixties) และลายกราฟิกสีแดงและทองบนรถสีขาว (สี White
หลายคนอาจจะคุ้นชื่อ Khyzyl Saleem, Graphic Designer สาย Vehicle Artist ที่ชื่นชอบรถยนต์ และมักจะมีไอเดียดี ๆ สร้างสรรค์รถยนต์ที่ไม่เคยมีใครจินตนาการถึง ให้เป็นจริงขึ้นมาได้ด้วยปลายนิ้ว และผลงานเท่ ๆ มากมายก็เคยถูกสื่อทั่วโลกหยิบไปนำเสนอกันมาแล้วนับไม่ถ้วน และเราเองก็เป็นแฟนคลับของ Saleem ด้วยเช่นกัน วันนี้เราจะขอหยิบผลงานล่าสุด ที่เท่และล้ำจนปล่อยผ่านไปไม่ได้จริง ๆ กับการนำเอา Lamborghini Countach มาดัดแปลงใส่สไตล์จนเหมือนหลุดมาจากยุค Blade Runner โดยที่ไม่ได้มีการดัดแปลงโครงสร้างของ Countach เลยแม้แต่น้อย นับว่าเป็น Designer ที่บริษัทรถยนต์ควรจ้างไปร่วมทีมอย่างแท้จริง ทั้งหมดที่ Saleem ทำเพียงแค่เติมไฟ LED เข้าไปบริเวณด้านหน้าและหลัง ส่วนภายนอกมีการดัดแปลง bodyparts พร้อมเลือกใช้สี aluminium ทำให้ดูโหดขึ้นหลายเท่า ให้อารมณ์กลิ่นอายเหมือน Cybertruck กับ Delorean ผสมผสานกันอย่างลงตัว รายละเอียดทั้งหมดทำออกมาได้อย่างสวยงามจนหวังว่าจะมีใครเอาไปปั้นของจริงออกมาเลยทีเดียว แต่ถ้าใครไม่เชื่อว่านี่คือฝีมือการ Retouch ภาพ เรามีตัวอย่างคลิปวีดีโอ MW
Supercar ที่ทุกสำนักยอมรับว่าออกไปได้สวยที่สุดคันนึง จากัวร์ เอฟ-ไทป์ โฉมใหม่ (New Jaguar F-Type) วิวัฒนาการสู่การถ่ายทอดถึงเอกลักษณ์ความสปอร์ตและความดุดันมากกว่าเดิม ด้วยเครื่องยนต์เบนซินซูเปอร์ชาร์จแบบ V8 ขนาด 5.0 ลิตร กำลังสูงสุด 575 แรงม้า ใช้ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อด้วยการปรับแบบพลศาสตร์ และเครื่องยนต์ Ingenium เบนซิน ขนาด 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 300 แรงม้า ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง รุ่นที่จำหน่ายในประเทศไทย ประกอบด้วย F-Type 2.0 Litre Ingenium Petrol Coupe ราคาจำหน่าย 6,400,000 บาท F-Type 2.0 Litre Ingenium Petrol Coupe R-Dynamic ราคาจำหน่าย 6,900,000 บาท F-Type 2.0 Litre Ingenium Petrol Convertible
นี่คือต้นแบบพาหนะ 2 ล้อที่สร้างโดย 2 สหายค่ายผู้สร้าง Custom Motorcycle จากแคลิฟอร์เนีย ได้ร่วมมือกันสร้างซูเปอร์ไบค์พลังไฟฟ้า โดยมีแรงบันดาลใจจากภาพยนตร์ Blade Runner UMC-036 XP ZERO คือชื่อของมอเตอร์ไซค์สายพันธุ์ไฟฟ้าที่เกิดจากการร่วมมือของ Untitled Motorcycles และ Zero Motorcycles สองสำนักที่มีความชอบใน Blade Runner เหมือนกัน ตัดสินใจจับมือร่วมสร้างรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่มาพร้อมดีไซน์และรูปแบบการใช้งานล้ำสมัย ออกแบบโดย Hugo Eccles, Co-founder and Design Director of Untitled Motorcycles รถคันนี้พื้นฐานมาจากโมเดล Zero SR/F รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่ใช้ทุนถึง $300 ล้านเหรียญ และเวลาถึง 13 ปีกว่า Zero จะผลิตมันขึ้นมาได้ เดิม ๆ พละกำลังของ Zero SR/F มาจากมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 82 kW
พึ่งจะพาดหัวข่าวไปอย่างร้อนแรง สำหรับของขวัญฉลองวันเกิดครบ 28 ปีให้ตัวเองด้วย hypercar เบอร์ใหญ่ Bugatti Chiron มูลค่าราว 90 ล้านบาทไปหมาด ๆ สะท้อนให้เห็นถึงรสนิยมด้านรถยนต์ที่ไม่ธรรมดาของ Rapper ที่กำลังมาแรงกว่าใคร ทำสถิติจำนวนผู้เข้าชม Concert ในเกม Fortnite แถมล่าสุดยังมีข่าวการ Collaboration กับ Nike ในโปรเจค Travis Scott x Nike SB Dunk Low งานเยอะขนาดนี้ ทำให้เราอดคิดไม่ได้ว่ารถยนต์ใน Collection ของ Scott จะโหดแค่ไหน วันนี้เราจะพาไปเปิดรถยนต์สุดหรูของศิลปินที่มีทรัพย์สินรวมเกือบสองพันล้านบาท แต่บอกให้ก่อนได้เลยว่า Scott น่าจะเป็นสารหรูมากกว่าสายสะสม เพราะเต็มไปด้วย Hypercars และ Supercars รุ่นใหม่ ๆ เพียบ Bugatti Chiron Hypercar มูลค่า 90 ล้านบาท
Suzuki Jimmy เป็นรถที่ขายหมดภายในพริบตา เครื่องยนต์ K15B 1.5 ลิตร 102 แรงม้า ขับเคลื่อน 4 ล้อ แม้จะตั้งราคาไว้สูงถึง 1.6 ล้านบาทจนหลายคนบอกว่าไม่สมเหตุผล แต่ด้วยจำนวนที่เอาเข้ามาขายแบบจำกัด และหน้าตาภายนอกที่ดูดีมีเสน่ห์คล้าย Mercedes-Benz G-class และ Land Rover Defender 90 สามารถปรับแต่งให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนและจุดประสงค์การใช้งานได้ง่าย ทำให้มันขายหมดเกลี้ยงภายในชั่วพริบตา และมันก็เป็นรถที่ได้รับความนิยมในหลายประเทศด้วยเหตุผลนี้เอง Jimmy คันที่เรากำลังดูอยู่นี้ก็เป็นตัวอย่างการปรับแต่งสำหรับ Blogger สายลุยป่าที่ต้องค้างคืนนอนในรถเป็นประจำ มันมีชื่อว่า ROAM Overlanding ของ Adrian Abrahams blogger ชาว South Africa ที่เน้นผจญภัยแบบหนัก ๆ ข้ามป่าเขาและทะเลทราย โดยยานพาหนะคันล่าสุด ได้ซื้อ 2019 Suzuki Jimmy มาโมดิฟายและใช้มันเป็นคู่หูลุยป่าประเทศบอตสวานา (Botswana) ในแอฟริกาใต้ เพื่อทดสอบประสิทธิภาพของมันอย่างถึงพริกถึงขิง พร้อมความสามารถในการ Camping