หากพูดถึงรถยนต์รุ่น DeLorean DMC-12 บางคนอาจไม่เคยรู้จัก แต่หลายคนคงรู้ว่านี่คือรถในตำนานที่เท่เหนือกาลเวลา โดยรถระดับตำนานรุ่นนี้ปรากฏตัวครั้งแรกในยุค 80’s ก่อนที่กาลเวลาจะทำให้มันกลายเป็นของหายากที่หนุ่ม ๆ ทั่วโลกอยากครอบครอง ตอนนี้มีข่าวว่า DMC-12 เตรียมกลับมาอีกครั้งในปี 2021 ดังนั้นก่อนที่ DeLorean DMC-12 จะกลับมาโลดแล่นบนท้องถนนอีกครั้ง THE ICONIC CARS อยากพาทุกคนไปทำความรู้จัก Timeless Car คันนี้ไปพร้อมกัน DMC-12 DMC-12 เป็นรถยนต์ที่ผลิตโดย DeLorean Motor Company ค่ายรถเมืองลุงแซมที่ John DeLorean เป็นผู้ก่อตั้ง โดย Prototype คันแรกของ DMC-12 ผลิตขึ้นในปี 1976 เป็นงานออกแบบของ Giorgetto Giugiaro นักออกแบบผู้ก่อตั้ง Italdesign สำนักออกแบบรถชื่อดังจากอิตาลี ก่อนต่อยอดพัฒนา Prototype จนกระทั่งปี 1981 DeLorean DMC-12 คันแรกก็ถูกส่งออกสู่ตลาด DeLorean
หนุ่ม ๆ หลายคนโดยเฉพาะคอเพลง Metal และ Thrash Metal คงรู้จะรู้เจมส์ เฮตฟิลด์ ฟรอนต์แมนของโคตรวงดนตรีอย่าง Metallica ที่คงไม่ต้องอธิบายให้มากความถึงความสามารถทางดนตรีที่มีอิทธิพลกับผู้คนจำนวนมาก แต่นอกจากความหลงใหลในด้านดนตรีแล้ว หลายคนอาจไม่เคยทราบว่าป๋าเจมส์ก็เป็นหนึ่งในคนรักรถและนักสะสมรถตัวยง โดยเฉพาะโมเดล Custom ซึ่งวันนี้คอลเลกชันรถส่วนตัวของเขาถูกขนมาจัดแสดงให้ชมกันแล้ว ‘Reclaimed Rust: The James Hetfield Collection’ คือชื่องานจัดแสดงครั้งนี้ซึ่งจะเปิดให้ทุกคนเข้าชมในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ งานเกิดจากแนวความคิดของ James Hetfield ผู้หลงใหลในรถยนต์ที่ต้องการแสดงออกถึงพลังด้านศิลปะรถยนต์คลาสสิกหายากและรุ่น Custom จำนวนมาก รถยนต์ในคอลเลกชันประกอบไปด้วย Jaguar Mark IV รุ่นปี 1948 “Black Pearl” และ Packard รุ่นปี 1934 “Aquarius” ต่อด้วยโมเดลสุดเก๋า Buick Skylark รุ่นปี 1953 “skyscraper” และตำนานคลาสสิกอย่าง Lincoln Zephyr รุ่นปี
สำหรับ Car Guys หรือคนที่ชื่นชอบรถยนต์ เราเชื่อว่ารถยนต์ทุกคันล้วนมีเสน่ห์ มีความสวยงาม และเกิดมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานของใครบางคนเสมอ วินาทีที่เราได้ยินราคาเปิดตัว 2,490,000 บาท ของ Mercedes-Benz A 200 AMG Dynamic (CBU) ในสมองก็เกิดการประมวลผลเปรียบเทียบกับรถยนต์รุ่นอื่น ๆ ที่มีราคาใกล้เคียงกันทันที ไม่ว่าจะเป็น segment ที่ใหญ่กว่าอย่าง C 220d Avantgarde ตัวเริ่มต้น หรือที่ใกล้เคียงกันอย่าง GLA ที่มีพื้นที่เยอะกว่าค่อนข้างมาก หรือ CLA ที่ได้ความหล่ออารมณ์คูเป้ และอีกมากมายจากหลายแบรนด์ ว่า A-class คันนี้จะมีจุดเด่นอะไรให้หลายคนตัดสินใจเลือกเป็นเจ้าของ และทันทีที่เราได้ครอบครองมัน ประสบการณ์ที่ได้สัมผัส A 200 AMG Dynamic มา ก็พบว่ามีจุดเด่นที่น่าประทับใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นความสดใหม่ หน้าตาภายนอกและภายในที่ออกแบบได้อย่างโดดเด่น หรูหรา สปอร์ต เทคโนโลยีที่ทันสมัยกว่า และได้รถยนต์นำเข้าทั้งคันไปขับก่อนใคร ซึ่งทั้งหมดเป็นเพียงเหตุผลบางส่วน แต่ก็มากพอที่จะทำให้ใครหลายคนตัดสินใจครอบครองรถคันนี้ได้ไม่ยาก Mercedes-Benz A-class
ถ้าพูดถึงเรื่องรถยนต์หนุ่ม ๆ ในเมืองไทยคงคุ้นเคยดีกับค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นจำนวนมากที่ได้รับความนิยมในบ้านเรามาเป็นเวลานาน โดยเฉพาะตั้งแต่ปี 1990 ช่วงเวลาที่มีรถญี่ปุ่นสร้างความยิ่งใหญ่ให้ทั่วโลกรู้จักกับคำว่า JDM Cars JDM ย่อมาจาก Japanese Domestic Market หมายถึงรถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ที่ผลิตขึ้นมาตามกฎหมายหรือสอดคล้องกับระเบียบรถยนต์และถนนในญี่ปุ่น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ารถญี่ปุ่นจะถูกยกให้เป็น JDM เพราะรถยนต์ญี่ปุ่นมากกว่าครึ่งเป็นรุ่นเดียวกับที่ออกแบบเพื่อส่งขายต่างประเทศโดยเฉพาะ เพราะกฎหมายและระเบียบควบคุมเกี่ยวกับรถยนต์ของแต่ละประเทศแตกต่างกันออกไป รถหรือชิ้นส่วน JDM ถูกผลิตขึ้นมาภายใต้กฎข้อบังคับที่เข้มงวดซึ่งจะต้องผ่านการทดสอบที่เรียกว่า Shaken (車検) ทำให้รถที่ใช้ภายในประเทศและรถสำหรับส่งออกมีจุดที่แตกต่างกัน บางคนบอกว่าคุณภาพสูงกว่า บ้างก็บอกว่าความสวยงามและความแรงโดยรวมเหนือกว่า ที่แน่ ๆ คือรถเหล่านี้สามารถปรับจูนให้แรงขึ้นด้วยงบประมาณไม่สูงเกินไป คนรักความเร็วทั่วโลกรวมถึงในไทยเองจึงชื่นชอบรถยนต์ JDM ไม่ว่าจะสั่งซื้อเข้ามาทั้งคัน เปลี่ยนอะไหล่หรือทำรถแบบลูกผสมก็แล้วแต่ความชอบและงบประมาณ ยุค 90’s ยังถือเป็นช่วงเวลาที่ค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นเปิดตัวและพัฒนารถยนต์ออกมาจำนวนมาก หลายคันกลายมาเป็นสัญลักษณ์แห่งยุคสมัยของค่ายโดยปริยาย กลายเป็นยุคสมัยที่นักเลงรถทั่วโลกอยากจะลองของแรงจากแดนอาทิตอุทัยสักครั้งในชีวิต เมื่อบวกกับอายุการใช้งานรถของคนญี่ปุ่นที่ค่อนข้างต่ำและไม่นิยมมีในครอบครองจำนวนมากเกินไป เพราะภาษีและค่าตรวจสภาพรถในญี่ปุ่นมีราคาค่อนข้างสูง ทำให้มีรถมือ 2 สภาพดีและอะไหล่ JDM จำนวนมากถูกส่งออกไปทั่วทุกมุมโลก แต่ JDM CAR คันไหนถือเป็นที่สุดแห่งยุค 90’s มาย้อนชมโลกรถยนต์ไอคอนิกแห่งยุคสมัยไปพร้อมกัน MAZDA RX-7 เริ่มกันที่ตัวแรงจาก
ศิลปะ คือ ความพากเพียรของมนุษย์ ศิลปะ คือ ผลผลิตแห่งความคิดสร้างสรรค์ ศิลปะ คือ การปลดปล่อยอารมณ์และถ่ายทอดไปยังผู้ชม ไม่ว่านิยาม ‘ศิลปะ’ ของคุณจะเป็นแบบไหนหรือมีมากมายขนาดไหน คงต้องยอมรับว่าศิลปะนั้นเป็นสิ่งจรรโลงใจที่สามารถแทรกแซงเข้าไปได้ทุกพื้นที่ และสืบเสาะหาศิลปินทุกผู้ทุกนามจนเจอเสมอ แต่ในยุคที่โลกกำลังเดินหน้าและดูเหมือนจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างก้าวกระโดดเฉกเช่นตอนนี้ นิยามของศิลปะในอดีตก็อาจถูกเปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน ผลงานศิลปะบางชิ้นถูกตัดสินว่าเก่าคร่ำครึและค่อนไปทางโบราณ บ้างถูกตีค่าว่าเป็นศิลปะยุคใหม่ที่ไร้ขนบ แล้วเชื่อว่าศิลปะทั้งสองอย่างนี้คงจะเลือนรางและจางหายไปในสักวัน จะมีก็แต่ ‘ศิลปะร่วมสมัย’ ที่คงอยู่จากรุ่นสู่ คงอยู่ท่ามกลางจุดเปลี่ยนของยุคสมัย และอาจอยู่ในความทรงจำของใครหลายคน ๆ มาโดยตลอด ย้อนไปในปี 1975 นั่นเป็นครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ที่บริบทของศิลปะเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง ศิลปะไม่ได้จำกัดอยู่แค่บนผืนผ้าใบหรือในพิพิธภัณฑ์อีกต่อไป หากสอดแทรกอยู่แทบทุกที่รอบตัวเรา แม้แต่บนหลังคา ปีก หรือฝากระโปรงของรถยนต์หรูก็ตาม BMW ART CAR โปรเจกต์ตำนานที่ผสาน ‘ศิลปะ’ เข้ากับ ‘ความเร็ว’ ของรถยนต์ จุดเริ่มต้นของโปรเจกต์ ‘BMW Art Car’ เกิดจากน้ำพักน้ำแรงของ Hervé Poulain นักแข่งรถและนักประมูลรถชาวฝรั่งเศส ที่รวบรวมความรักทั้งสองด้านของเขาเข้าด้วยกัน หนึ่งคือศิลปะที่เขาหลงใหล สองคือความเร็วที่เขาหลงรัก ในปี 1975
Nissan Leaf Nismo RC ต้นแบบรถแข่งพลังงานไฟฟ้ารุ่นที่ 2 โชว์ความแรงในทวีปยุโรปเป็นครั้งแรกที่ Circuit Ricardo Torno สนามแข่งรถในเมืองบาเลนเซีย ประเทศสเปน พร้อมพลังที่เพิ่มจากรถรุ่นแรกเกือบเท่าตัว Nissan Leaf Nismo RC รุ่นปี 2020 คือรถแข่งพลังไฟฟ้าที่มีพื้นฐานจาก Nissan Leaf (ZE1) โดยไม่ได้สร้างมาแค่จัดแสดงเท่านั้น แต่เป็นรถสำหรับทดสอบพัฒนาการของเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าของนิสสันในอนาคต ทั้งระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ รวมถึง Nissan Leaf ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่มียอดขายถึง 450,000 คัน Leaf Nismo RC มาพร้อมดีไซน์ภายนอกแบบใหม่สไตล์ Racing ที่สร้างและพัฒนาโดย NISMO แผนกรถแข่งของค่าย ออกมาเป็น Nissan Leaf ลุค 2 ประตูแบบต่อท้าย มาพร้อมกับสปอยเลอร์ขนาดใหญ่ เพื่อตอบโจทย์ระบบ Aerodynamic บนสนามแข่งที่ดีที่สุด
ยุโรปเป็นทวีปแรกที่ Toyota จะเปิดตัว Supra รุ่นพิเศษที่ชื่อ “Fuji Speedway Edition” มาพร้อมเครื่องยนต์ตัวใหม่ แม้พลังจะลดลงแต่ความสนุกหลังพวงมาลัยไม่น้อยลงแน่นอน “Fuji Speedway Edition” คือรุ่นพิเศษของ Supra ที่มีพื้นฐานมาจาก Supra (A90) รุ่นมาตรฐานที่เปลี่ยนแปลงดีไซน์บางจุด ไม่ว่าจะเป็นกระจกมองข้างแบบทูโทนสีแดงดำ ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้วแบบ 5 ก้านสีดำเงาและแดมเปอร์สีแดงสด ออกมาเป็น Supra คุมโทนสีขาว ดำ แดง ที่ลงตัว ห้องโดยสารของ Supra “Fuji Speedway Edition” ออกแบบมาให้คุมโทนเหมือนกับภายนอก ทั้งเบาะโดยสารสีดำ-แดงจากหนัง Alcantara และคอนโซลกลางสีแดงขนาดใหญ่ ในส่วนของทริมคอนโซลด้านหน้าใช้เป็นวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ ด้านเทคโนโลยีภายในไม่ว่าจะเป็น จอแสดงผลขนาด 8.8 นิ้วและลำโพง 4 ตัว ที่สามารถอัปเกรดแพ็คเกจพิเศษเป็นระบบเสียงสเตอริโอพร้อมลำโพง 12 ตัวจาก JBL รวมเครื่องชาร์จสมาร์ตโฟนแบบไร้สายและระบบแสงภายในห้องโดยสายแบบใหม่ มาถึงเรื่องสำคัญของ Supra “Fuji
Whoever Said Money Can’t Buy Happiness Just Never Bought the Right Car. Dream Car คือความฝันลูกผู้ชายทุกคน แต่ถ้าถามเรื่องการเงิน เรื่องกู้เงินมาซื้อรถ คนส่วนใหญ่อาจจะยังจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหน เราเป็นคนประเภทไหน เหมาะกับการกู้แบบไหน ถ้าไม่ได้มีเงินสดพร้อมโอน เราควรต้องมีเงินเท่าไหร่ถึงจะซื้อรถได้ หรือจะดูยังไงว่าไหวไม่ไหว ใครที่อยากเตรียมตัวซื้อรถ หรือเล็ง ๆ ไว้อยู่ UNLOCKMEN ขอเปิดวิชาเป็นหนี้คร่าว ๆ ให้ทุกคนเรียนรู้กัน ไม่ใช่ว่าอยากจะให้เป็นเศรษฐีเงินผ่อน แต่ถ้ามัวรอเงินก้อนกว่าจะซื้อ บางครั้งก็ต้องยอมรับว่าความชราที่มาพร้อมเงินเฟ้อมันจะทำให้พวกเราหมดสิทธิ์มีรถในฝัน 3 คำเตือนต้องรู้ก่อนซื้อ ไม่ไหวอย่าบอกไหว คำเตือนข้อ 1: เห็นตัวเลขผ่อนน้อย ผ่อนยาว อย่าเพิ่งโดดไปผ่อนเพราะคิดว่าหักจากเงินเดือนก็ยังพอกิน หนี้มันไม่ได้จบแค่ตัวเลขที่มองเห็น แต่มันยังมีตัวเลขแฝงอื่นอีก ค่าน้ำมัน ค่าจอดรถ ค่าทางด่วน เฉลี่ยใน กทม. ประมาณ 3,000 บาท / เดือน ขึ้นอยู่กับระยะทาง
ถ้าพูดถึง ‘ไบค์เกอร์’ หลายคนก็จะนึกถึงกลุ่มชายชาตรีหนวดเคราเฟิ้ม ใส่เสื้อหนัง สวมรองเท้าบู๊ท ขี่รถคันใหญ่ไปด้วยกันเป็นคาราวาน บางคนจะนึกถึงผู้คนที่ไม่อยู่ในกรอบและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา ส่วนในต่างประเทศผู้คนมักพูดถึงแก๊ง Hell Angels, Outlaws, 69’rs หรือ Black Sabbath แต่ยังไม่ค่อยรู้จักแก๊งนักบิดชื่อว่า Motor Maids เท่าไหร่นัก UNLOCKMEN เคยเล่าเรื่องราวของชาวแก๊งนักบิดอยู่บ่อยครั้งทั้งแก๊ง Hell Angels หรือแก๊งนักซิ่งของฝรั่งเศส แต่เรายังไม่เคยเล่าเรื่องของสุภาพสตรีขี่บิ๊กไบค์จากยุค 40 ทั้งที่พวกเธอนั้นเต็มไปด้วยชีวิตชีวา แต่งตัวจัดจ้านได้เท่ไม่แพ้ผู้ชาย และจะไม่ยอมอยู่ในกรอบที่ถูกเขียนไว้ว่า ‘ผู้หญิงต้องแต่งงาน เป็นเมียที่ดี เป็นแม่ที่สมบูรณ์แบบ’ เพราะพวกเธอจะเป็นคนเลือกเส้นทางการใช้ชีวิตของตัวเอง ‘DOT ROBINSON’ สตรีหมายเลขหนึ่งแห่งวงการมอเตอร์ไซค์ ย้อนกลับไปช่วงปี 40 ห้วงเวลาแห่งสงครามโลก มีหญิงสาวชาวออสเตรเลียคนหนึ่งชื่อว่า Dot Robinson เกิดปี 1912 เริ่มเป็นที่รู้จักในวงการมอเตอร์ไซค์ของสหรัฐอเมริกา เธอมีความชอบแตกต่างจากหญิงสาวในยุคเดียวกัน เธอคลั่งไคล้มอเตอร์ไซค์มากและหลาย ๆ คนคาดว่าเธอได้รับอิทธิพลมาจากพ่อตัวเองที่เป็นนักออกแบบรถแถมยังเป็นนักแข่งมอเตอร์ไซค์อีก เธอชื่นชอบทุกอย่างเกี่ยวกับมอเตอร์ไซค์ พออายุ 16 ปี ก็แวะเวียนไปยังร้าน Harley-Davidson
21,529,464 คัน คือยอดการผลิตทั้งหมดของรถยนต์ โฟล์คสวาเกน บีเทิล (Volkswagen Beetle) ตลอดระยะเวลา 65 ปี ทำให้รถยนต์ที่เราเรียกกันอย่างคุ้นปากว่า “โฟล์คเต่า” เป็นรถที่ออกแบบครั้งเดียว แต่สามารถทำยอดขายได้สูงสุด รวมถึงมีระยะเวลาการผลิตนานที่สุด ทว่าตัวเลขและยอดขายกลับไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้ โฟล์คสวาเกน บีเทิล เป็นหนึ่งในความคลาสสิก เรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างบีเทิลกับผู้คนทั่วโลกต่างหากที่ผลักให้โฟล์คสวาเกน บีเทิลคือหนึ่งในเรื่องราวคลาสสิกตลอดกาลแห่งโลกยนตรกรรม ตลอดระยะเวลาเกือบ 70 ปีที่ผ่านมา โฟล์คสวาเกน บีเทิล ฝากความทรงจำอะไรเอาไว้ให้โลกใบนี้บ้าง? รถยนต์ของประชาชน หลายท่านทราบถึงจุดเริ่มต้นของโฟล์คสวาเก้น บีเทิล ในฐานะ “The People’s Cars” แนวคิดจาก อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ผู้นำแห่งไรช์ที่ 3 หรือเยอรมนีในปัจจุบัน มองว่ารถยนต์ส่วนใหญ่นั้นหรูหราและฟุ่มเฟือยเกินไป จึงอยากให้มีการผลิตรถครอบครัวราคาถูกที่สมรรถนะดี แต่ประหยัดน้ำมันและค่าบำรุงรักษาไปในเวลาเดียวกัน เพื่อเป็นรถยนต์ที่ประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึงได้ แนวคิดดังกล่าวถูกส่งต่อให้ แฟร์ดีนันท์ พอร์เชอ วิศวกรรถยนต์ผู้อยู่เบื้องหลังการออกแบบรถที่โดดเด่นจำนวนมาก นำไปสู่การสร้าง Volkswagen Type I และบริษัทโฟล์คสวาเกนขึ้น น่าเสียดายที่การเริ่มต้นของบีเทิลต้องหยุดกะทันหันเพราะสงครามโลกครั้งที่ 2 การรบที่เข้มข้นขึ้นทำให้รถครอบครัวที่ใช้งานง่ายไร้ปัญหาคันนี้