เราเชื่อว่าการเดินทางท่องเที่ยวเป็นอีกหนึ่งนิยามความสุขของผู้ชายหลาย ๆ คน เพราะเมื่อต้องสูญเสียพลังกายพลังใจไปกับการใช้ชีวิตและกองงานมหึมาที่อยู่ตรงหน้า ก็คงไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้ออกไปเที่ยวพักผ่อนหรือบุกป่าฝ่าดงเข้าไปสัมผัสถึงแก่นแท้ของธรรมชาติ การท่องเที่ยวไม่เพียงทำให้เราลืมเรื่องงานและความวุ่นวายในชีวิตไปได้ชั่วขณะ หากยังฟื้นฟูสภาพจิตใจและความเหนื่อยล้า มอบประสบการณ์ชีวิตและแรงบันดาลใจใหม่ ๆ หรือแม้แต่เติมเชื้อเพลิงให้กับไฟในการทำงานที่จวนจะมอดดับลง เพราะ ‘เครื่องยนต์’ คือ ‘หัวใจ’ ของการเดินทาง บางครั้งความชำนาญเส้นทางและทักษะการขับขี่ที่ดีอาจยังไม่เพียงพอสำหรับการเดินทางในครั้งนี้ เพราะสิ่งที่ช่วยขับเคลื่อนและพาคุณไปถึงยังจุดหมายปลายทางที่ตั้งไว้ได้คือ ‘เครื่องยนต์’ แต่ต่อให้คุณจะหมั่นทำความสะอาดหรือขัดสีฉวีวรรณรถจนเงางาม ก็ไม่ได้รับประกันว่าเครื่องยนต์ภายในรถของคุณจะถูกปกป้องโดยสมบูรณ์ เมื่อเครื่องยนต์ที่ดีบ่งบอกถึงประสิทธิภาพในการขับขี่ หนุ่ม ๆ จึงต้องเลือก ‘น้ำมันเชื้อเพลิงคุณภาพ’ ที่เปรียบดั่งขุมพลังในการขับเคลื่อน ช่วยปกป้องเครื่องยนต์ และทำให้รถตอบสนองพฤติกรรมการขับขี่ของคุณได้เต็มรูปแบบ ‘ESSO SYNERGY’ นวัตกรรมน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปกป้องเครื่องยนต์อย่างเหนือชั้น จะดีแค่ไหนถ้าน้ำมันเชื้อเพลิงที่คุณใช้ช่วยปกป้องเครื่องยนต์ได้เต็มกำลัง และมอบความรู้สึกเหมือนกำลังขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ใหม่เอี่ยมอยู่ตลอดเวลา? ด้วย เทคโนโลยีซีเนอร์จี้ (Synergy Fuels Technology) นวัตกรรมผลิตน้ำมันล่าสุดจากเอ็กซอนโมบิล (ExxonMobil) พัฒนาน้ำมันเชื้อเพลิงเกรดคุณภาพ ผ่านการวิจัยจากห้องทดลองเดียวกันกับที่ผลิตน้ำมันสำหรับทีมแข่ง Red Bull Formula One Racing เพื่อให้ได้น้ำมันเชื้อเพลิงทรงประสิทธิภาพ 6 สูตร ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้ขับขี่ได้อย่างยอดเยี่ยม น้ำมันเชื้อเพลิงคุณภาพทั้ง 6 สูตรของ
เมื่อไม่กี่วันมานี้ Tesla บริษัทผลิตยานพาหนะไฟฟ้าสัญชาติอเมริกันเปิดตัว ‘Cybertruck’ รถกระบะไฟฟ้าคันแรกของบริษัท ที่มาพร้อมรูปลักษณ์ทรงเหลี่ยมสุดเฟี้ยวและสมรรถนะทนทานที่ผสานความแรงของรถสปอร์ตและความสามารถในการขับขี่นอกถนนเข้าด้วยกัน งานอีเวนต์เปิดตัวรถในลอสแองเจลิสยังมีการทดสอบความแข็งแรงของรถกระบะไฟฟ้า Cybertruck โดยนำค้อนขนาดใหญ่มาทุบแรง ๆ ลงบนประตูรถ แต่รถคันนี้กลับทนทานเป็นอย่างมาก และไม่มีรอยขีดข่วนใด ๆ ปรากฏขึ้นแม้แต่น้อย แต่เมื่อปาลูกบอลเหล็กน้ำหนัก 1 กิโลกรัมไปที่หน้าต่างด้านข้างรถ กลับทำให้กระจกของ Cybertruck แตกร้าว จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าแท้ที่จริงรถคันนี้แข็งแกร่งและกันกระสุนได้จริงหรือไม่? ทีมวิศวกรของ Tesla เผยว่าก่อนงานเปิดตัวพวกเขาได้ลองขว้างลูกบอลเหล็กใส่กระจกของรถ Cybertruck มากถึง 5 ครั้ง และพบว่าไม่มีร่องรอยความเสียหายแม้แต่น้อย และรถที่นำขึ้นไปโชว์บนเวทีก็เป็นรถคันเดียวกับที่ทดสอบ แถมยังไม่ได้เปลี่ยนกระจกบานใหม่ ทำให้มีสภาพแตกร้าวอย่างที่หลาย ๆ คนเห็นกัน Franz throws steel ball at Cybertruck window right before launch. Guess we have some improvements to make before production haha.
ก่อนที่จะเข้าใจเหตุผลของการมีอยู่ในปัจจุบัน เราจำเป็นต้องรู้จักกับอดีตและประวัติของมันเสียก่อน แน่นอนว่ารถ BMW M5 คือซีดานตัวแรงในฝันของผู้ชายทุกคนใบโลกใบนี้ ไม่ว่าจะเป็นรหัส F90 ตัวปัจจุบัน, F10, E60, E39, E34 ไปจนถึง E28 ซึ่งถือเป็น BMW M5 ตัวแรกที่ทำตลาดในช่วงปี 1984–1988 แม้กาลเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน แต่เสน่ห์ของ BMW ทุกรุ่นกลับยิ่งเพิ่มคุณค่าและมูลค่าทั้งทางราคาและทางจิตใจให้กับคนรักรถทั่วโลกได้เป็นอย่างดี BMW M5 ที่มีคุณสมบัติยอดเยี่ยมขนาดนี้ มันมีจุดเริ่มต้นมาจากไหน? แม้มันจะไม่ใช่ต้นแบบของ BMW M5 ระดับ 100% เต็ม แต่ BMW 530 MLE (Motorsport Limited Edition) ซึ่งเป็นรถที่ถูกสร้างขึ้นในปี 1976 แบบ Exclusive เพื่อตลาด South African โดยเฉพาะ และมันถูกสร้างโดยจุดประสงค์เดียวคือเพื่อลงแข่งขันในสนามโดยเฉพาะ โดยพัฒนาบนพื้นฐานของ BMW 5-Series E12 BMW 530
McLaren Automotive ผู้ผลิตรถยนต์สมรรถนะสูงจากประเทศอังกฤษเปิดตัวรถยนต์คันใหม่ใน Ultimate Serie ของค่ายด้วยชื่อ McLaren Elva โดยเป็นไฮเปอร์คาร์รุ่นพิเศษที่ผลิตเพียง 399 คันเท่านั้น McLaren Elva คือรถโมเดลเปิดประทุนคันแรกใน Ultimate Serie เพราะก่อนหน้านี้รถใน Ultimate Serie ไม่ว่าจะเป็น McLaren P1, McLaren P1 GTR, McLaren Speedtail และ McLaren Senna ไม่ทำเป็นโมเดลโรดสเตอร์มาก่อน รูปลักษณ์ภายนอกของ Elva ได้แรงบันดาลใจจากรถแข่งที่ประสบความสำเร็จในช่วงปี 1960 อย่าง McLaren M1A M1B และ M1C ไม่ว่าจะเป็นช่องอากาศในส่วนฝากระโปรง รวมถึงซุ้มล้อขนาดใหญ่ที่ถูกดัดแปลงสู่รถยนต์แห่งศตวรรษที่ 21 ให้ออกมาเป็นเส้นสายของตัวถังที่ราบเรียบแต่ทรงพลัง ดีไซน์ด้านหลังของ McLaren Elva มาพร้อม Diffuser ขนาดใหญ่และท่อไอเสียคู่ที่ยกสูงขึ้นมาด้านบน ความพิเศษคือสปอยเลอร์ด้านหลังแบบเต็มคันที่สามารถปรับความสูงและองศาได้ เพื่อรองรับระบบ Aerodynamic ที่ดีที่สุดในขณะทำความเร็ว ด้านขุมพลัง
เรื่องราวจากอดีตถือเป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนชื่นชอบ เพราะความขลัง ความวินเทจที่เราไม่สามารถย้อนเวลากลับไปสัมผัสได้ด้วยตัวเอง ภาพถ่ายจากวันเก่าก่อนที่หลงเหลืออยู่จึงชวนให้คิดถึงและโชว์ให้เราได้เห็นช่วงเวลาอันแตกต่างจึงเป็นสิ่งที่พวกเรามักนำมาแบ่งปันกันเสมอ วันนี้ UNLOCKMEN จะพาทุกคนย้อนเวลาไปยังปี 1970 ในเมือง Zuffenhausen แหล่งผลิตรถยนต์สัญชาติเยอรมนีที่ได้ฉายาว่า ‘เจ้าชายกบ’ คอลเลกชันภาพถ่ายจากยุค 70 เกิดขึ้นโดยช่างภาพหนุ่มนามว่า Bruce Thomas เขาได้ถ่ายภาพขั้นตอนการผลิตและขนส่งรถยนต์ปอร์เช่ในเมือง Zuffenhausen ที่อยู่ใกล้กับ Stuttgart แหล่งผลิตรถยนต์ขนาดใหญ่ของแบรนด์เจ้าชายกบ ด้วยกล้อง Nikon F Photomic เลนส์ Nikkor 50 มม. ฟิล์ม High Speed Ektachrome ตั้งค่าความไวแสง (ISO) ไว้ที่ 160 ปอร์เช่ 914/6 เป็นรถยนต์รุ่นที่ 2 ของแบรนด์ ผลิตออกมาในรูปแบบเครื่องยนต์วางอยู่ตรงกลาง กำเนิดขึ้นในปี 1969 ด้วยจำนวนเพียงแค่ 3,338 คันเท่านั้น โดยสาเหตุที่ทำให้เจ้าชายกบรุ่นนี้มีจำนวนการผลิตน้อยมาจากต้นทุนการผลิตที่สูงกว่ารุ่นอื่น ๆ แถมเจ้า 914/6
ปี 2020 ถือเป็นอีก 1 ปีที่ค่ายรถยนต์จำนวนมากเตรียมปล่อยรถในค่ายลงสู่ตลาด สำหรับหนุ่ม ๆ ที่กำลังมองหารถยนต์โมเดล 2 ประตู (Coupe) อยู่แล้ว ความสวยงามและความแรงของ Ferrari Roma จะไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน Ferrari Roma คือรถยนต์คันล่าสุดที่ผลิตจากโรงงานใน Maranello บ้านเกิดของค่ายม้าลำพอง โดยเป็นรถโมเดลคูเป้ที่ Ferrari ตั้งใจสร้างขึ้นมาเพื่อสะท้อนความคลาสสิกของกรุงโรมในยุค 50’s – 60’s โดยได้แรงบันดาลใจทางกายภาพมาจาก Ferrari 250 GT Berlinetta Lusso และ 250 GT 2+2 สองโมเดลคลาสสิกตลอดกาลของค่าย Roma ถูกออกแบบมากับดีไซน์ตัวถังที่เพรียวบางคล่องตัว เส้นสายที่เรียบแบบไร้รอยต่อจากวัสดุที่เบายิ่งขึ้น ด้านหน้าโดดเด่นด้วยช่องลมที่ยืนออกมา ฝากระโปรงทั้งด้านดีไซน์ให้นูนไปบรรจบกับซุ้มล้อทำให้รถมีมิติที่โฉบเฉี่ยว ส่วนไฟหน้าใช้เป็น LED ขณะที่ด้านหลังประกอบด้วยไฟท้าย 4 จุด ท่อไอเสียแบบคู่ทั้งสองข้าง และตัวดูดอากาศจากคาร์บอนไฟเบอร์ที่เข้ากันกับล้อขนาด 20 นิ้ว ด้านขุมพลัง Ferrari Roma
Audi ประกาศเตรียมวางขาย Audi R8 RWD ลงสู่ตลาดในช่วงต้นปี 2020 เพราะได้เสียงตอบรับที่ดีจากกลุ่มผู้ซื้อ หลังจากเมื่อปี 2018 พวกเขาทดสอบความนิยมในตลาดด้วยการปล่อยขายในจำนวนจำกัด Audi R8 RWD หรือโมเดลขับเคลื่อนล้อหลังเตรียมถูกโยกเข้าสู่รุ่นผลิตหลักเคียงข้าง R8 AWD (All-Wheel Drive) หลังจากปีที่ผ่านมา Audi ทดลองส่ง R8 ในโปรแกรม RWS (Rear Wheel Series) ออกสู่ตลาด และได้เสียงตอบรับที่ดีจากลูกค้าของแบรนด์ เพราะราคาที่ถูกลงและน้ำหนักของตัวรถที่เบาลง Audi R8 RWD เปิดตัวมาในโมเดล 2 ประตู (Coupe) และเปิดประทุน (Spyder) แต่ยังคงงานออกแบบภายนอกจากรถโมเดลมาตรฐานไว้ ไม่ว่าจะเป็นช่องลมด้านหน้า 3 ช่อง สี Gloss Black และช่องอากาศด้านหลัง รวมถึง Diffuser ก็ทำออกมาในสี Gloss Black เช่นกัน ต่างกันเพียงช่องลม
Hennessey Performance Engineering (HPE) ถือเป็นสำนักปรับแต่งรถที่คนรักรถยนต์หลายคนรู้จักกันดี เพราะพวกเขาเคยฝากฝีมือไว้กับการปรับจูนรถยนต์ทั้งจากค่าย Ferrari, Porsche, Chevrolet, Dodge และอีกหลายค่าย ล่าสุดพวกเขาจับรถยนต์โมเดลสุดดุดันอย่าง Jeep Gladiator มาเปลี่ยนเป็นขุมพลัง 1000 แรงม้า HPE มีประสบการณ์ปรับแต่งรถสุดแรงจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น Porsche Taycan, Chevrolet Camaro, Chevrolet Corvette C7 ,Ford Mustang, Dodge Charger Hellcat, McLaren 720 โดยการปรับแต่งทุกครั้ง คนรักรถทั่วโลกต่างก็ฮือฮาเพราะรูปลักษณ์และความแรงที่มีประสิทธิภาพ มารอบนี้สำนักแต่งสุดแรงร่วมมือกับ MAXIMUS และ Shell Pennzoil สร้าง Jeep Gladiator Maximus 1000 ที่มีพื้นฐานมาจาก Jeep Gladiator รุ่นปี 2020 โดยดัดแปลงรูปลักษณ์ภายนอกใหม่ให้เป็นสีดำล้วน ตัวรถยกสูงกว่ารุ่นมาตรฐาน 6 นิ้วจากการอัพเกรดช่วงล่างใหม่ทั้งหมด
Lamborghini Squadra Corse แผนกพัฒนารถแข่งของค่ายกระทิงเปลี่ยวปล่อยวิดีโอ Teaser ความยาว 33 วินาทีซึ่งเผยให้เห็นรูปทรงบางส่วนของ Lamboghini Aventador ไฮเปอร์คาร์คันใหม่ที่ผลิตขึ้นมาเพื่อใช้ในสนามแข่งโดยเฉพาะ คาดว่าจะพร้อมส่งมอบให้กับลูกค้าภายในสิ้นปี 2021 ไฮเปอร์คาร์คันใหม่ของ Lamborghini พัฒนาโดยมีพื้นฐานมาจาก Aventador ซึ่งคาดว่าจะถูกเรียกด้วยชื่อ “SVR” ภาพบางส่วนที่เห็นในตัวอย่างวิดีโอ เราจะเห็นรถโมเดล Aventador สีเขียวที่มีช่องลมบนฝากระโปรงและฮู้ดดูดอากาศขนาดใหญ่บนหลังคา นอกจากนี้ยังมีสปอยเลอร์ขนาดใหญ่และ Difusser ด้านหลังที่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ รูปลักษณ์สมเป็นรุ่นพัฒนาเพื่อลงแทร็กโดยเฉพาะ โครงสร้างของ Aventador สร้างขึ้นให้มีน้ำหนักเบาเท่าที่จะทำได้ ตัวรถใช้โครงสร้างชั้นในเป็นเหล็กที่ครอบทับด้วยตัวถังจากคาร์บอนไฟเบอร์ตั้งแต่หัวจรดท้าย ตัวรถกขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ V12 ขนาด 6.5 ลิตร ให้พลังสูงถึง 830 แรงม้า แรงขึ้นจากโมเดลล่าสุดอย่าง Avantador SVJ ประมาณ 60 แรงม้า ทั้งหมดสั่งงานด้วยชุดเกียร์ Xtrac 6 Speed ที่สร้างขึ้นมาให้ตอบสนองฉับไว เพื่อตอบสนองการเป็นรถยนต์สำหรับแข่งขัน นอกจากไฮเปอร์คาร์คันใหม่ซึ่งมีพื้นฐานจาก Avemtador ที่เตรียมปล่อยมาวิ่งในสนามแข่ง Lamborghini
ผู้ชายอย่างเราต่างชื่นชอบความท้าทายและการเอาชนะเป้าหมาย เพราะไม่ว่าขีดจำกัดที่ตัวเองตั้งเอาไว้จะยากแค่ไหน แต่หากเราทำได้สำเร็จนั่นคือการพิสูจน์ว่า ตัวเรามีศักยภาพมากพอที่จะทำเรื่องที่ยากหรือเหนือขีดจำกัดของตัวเองได้ การวิ่งมาราธอนคือหนึ่งในกิจกรรมที่หนุ่ม ๆ หลายคนใช้ท้าทายขีดจำกัดของร่างกายและวินัยในตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นคนที่เริ่มต้นวิ่งเพื่อสุขภาพ หรือคนที่ฝึกซ้อมจริงจังโดยมีเป้าหมายคือพิชิตการแข่งขันมาราธอนระดับเวิลด์เมเจอร์สักครั้งในชีวิต และเรารู้ว่าทุกคนกำลังมองหารายการแข่งขันที่ท้าทายกันอยู่ BMW Berlin Marathon คือ 1 ใน 6 การแข่งขันมาราธอนระดับเวิลด์เมเจอร์ที่คนทั่วโลกสนใจและต้องการเข้าร่วมมากที่สุด เพราะการแข่งขันที่จัดขึ้นครั้งแรกในปี 1974 ณ ใจกลางกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี รายการนี้ถือเป็นสนามมาราธอนที่มีชื่อเสียงในหลายด้าน ๆ ไม่ว่าจะเป็นความเหมาะสมของอากาศหรือความสวยงามตลอดสองข้างทาง ทำให้แต่ละปีมีนักวิ่งมาราธอนจากทั่วโลกเข้าร่วมมากกว่า 40,000 คน BMW Berlin Marathon ยังเป็นสนามวิ่งที่เหมาะสมที่จะท้าทายสถิติการวิ่งของตัวเอง เพราะนี่คือหนึ่งในสนามที่มีปัจจัยเหมาะสมจะวิ่งมาราธอน เพราะเป็นสนามที่มีทางโค้งน้อยและอยู่ในระดับความสูงจากน้ำทะเลที่เหมาะสม รวมถึงอุณหภูมิซึ่งอยู่ระหว่าง 14-18 องศาเซลเซียส ทั้งหมดเป็นเหตุผลที่ทำให้ BMW Berlin Marathon เป็นรายการแข่งขันที่เหล่านักวิ่งระดับตำนานมาฝากสถิติโลกเอาไว้มากที่สุด รวมถึงสถิติโลกปัจจุบันที่ Eliud Kipchoge ทำได้ในปี 2018 ด้วยเวลา 2 ชั่วโมง 1 นาที 39 วินาที