Brabus ค่ายแต่งรถชั้นเซียนประกาศศักดาของตัวเองอีกครั้งหลังคลอด The Brabus 800 ที่มีพื้นฐานมาจาก Mercedes-AMG GT 63 S 4MATIC+ ซึ่งสมรรถนะของมันจะถูกอัปเกรดขึ้นมามากแค่ไหนและมีส่วนใดที่เปลี่ยนแปลงไปบ้างมาชมกัน เริ่มต้นจากความเปลี่ยนใต้ฝากระโปรงของซึ่งเดิมทีต้นแบบอย่าง Mercedes-AMG GT 63 S 4MATIC+ มาพร้อมเครื่องยนต์ AMG ขนาด 4.0 ลิตรที่ให้กำลัง 630 แรงม้า แรงบิดที่ 800 นิวตันเมตรที่สร้างอัตราเร่ง 0-100 ในเวลา 3.4 วินาที พร้อมอัตราเร่งสูงสุดที่ 310 กิโลเมตร/ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม Brabus 800 คันพัฒนายกเครื่องใหม่โดยใช้เครื่องยนต์ V8 Twin-Turbo ที่ให้กำลัง 800 แรงม้า จนถูกใช้เป็นชื่อเรียกและแรงบิดที่ 737 ปอนด์-ฟุต และปรับจูนกล่อง ECU ให้มีอัตราการเร่ง 0-100 ลดลงมาเหลือ 2.9 วินาที นอกจากความแรงขุมพลังภายในแล้ว ดีไซน์ภายนอกของ Brabus 800
ถ้าพูดถึงสุดยอดนักเตะไทยที่ค้าแข้งอยู่ต่างแดน แน่นอนว่าชื่อที่หนุ่ม ๆ ในบ้านเราคิดถึงต้องเป็นชื่อของ “เจ-ชนาธิป สรงกระสินธ์” ที่เพิ่งพาคอนซาโดเล่ ซัปโปโรคว้าอันดับ 4 ใน J1 League ฤดูกาลที่ผ่านมา ด้วยฟอร์มการเล่นอันร้อนแรงทางผู้สนับสนุนประจำตัวอย่าง Jeep ก็มอบรถยนต์คันใหม่ให้เขาโดยถือเป็นคันที่ 3 แล้ว นับตั้งแต่เขาย้ายมาค้าแข้งในแดนปลาดิบ เจ ชนาธิป สรงกระสินธ์พัฒนาตัวเองแบบก้าวกระโดดจนกลายมาเป็นกำลังหลักของทีมไปแล้ว เห็นได้จากการพาคอนซาโดเล่ ซัปโปจบอันดับ 4 ในฤดูกาลที่แล้วและติดโผทีมยอดเยี่ยมประจำปี 2018 จากการเล่นที่ดีต่อเนื่องนี้เองทำให้ Jeep ค่ายรถผู้สนับสนุนมอบ Jeep Cherokee 2019 สีดำล้วนสวยงามตั้งแต่หัวจรดเท้าเป็นรางวัล 2019 Jeep Cherokee ถือเป็นรถยนต์ในเซกเมนต์ Compact-SUV รุ่นพัฒนาใหม่มาพร้อมเครื่องยนต์ Tigershank ขนาด 2.4 ลิตรที่ให้กำลัง 180 แรงม้า แรงบิด 170 ปอนต์-ฟุตสูงสุดที่ 6400 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับชุดเกียร์อัตโนมัติ 8 Speed ดีไซน์ภายนอกของ Cherokee ออกแบบมาอย่างสวยงามด้วยเส้นสายด้านหน้า บนฝากระโปรงและด้านข้างของตัวรถนอกจากนี้ยังมาพร้อมล้อแม็กขนาด 17
จากกระแสรถยนต์ประเภทไฮบริดที่ได้รับความสนใจและความนิยมจากหนุ่ม ๆ ผู้รักความเร็วทั่วโลกมากขึ้นทุกวัน ทำให้ปัจจุบันค่ายรถต่าง ๆ หันมาผลิตรถยนต์รูปแบบดังกล่าวสู่ตลาดมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่เว้นแม้แต่สุดยอดค่ายซูเปอร์คาร์อย่าง Ferrari ที่เพิ่งคลอดม้าลำพองปลั๊กอินไฮบริดคันแรกออกสู่ตลาดและว่ากันว่ามันมาพร้อมความเร็วที่ไม่เป็นรองใคร เพื่อต้อนรับยุคสมัยใหม่ที่กำลังจะมาถึง ต้องขอบคุณการทำงานหนักของวิศวกรและทีมดีไซน์ รวมไปถึงสุดยอดต้นแบบอย่าง LaFerrari ที่กลายเป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จของไฮเปอร์คาร์คันล่าสุดจาก Ferrari ที่สร้างมาเพื่อแสดงศักยภาพของพลังปลั๊กอินไฮบริดของค่ายม้าลำลองที่มาในชื่อ Ferrari SF90 Stradale โดยชื่อรุ่นถูกตั้งมาเพื่อระลึกถึงการครบรอบ 90 ปีของทีม F1 ประจำแบรนด์อย่าง Scuderia Ferrari Race Team SF90 Stradale ไฮเปอร์คาร์คันบุกเบิกยุคสมัยใหม่ของค่ายม้าลำพองที่จะทำให้คนเลิกดูถูกพลังของระบบปลั๊กอินไฮบริดด้วยสมรรถนะความแรงที่ได้พลังจากเครื่องยนต์ V8 Turbocharged ขนาด 4.0 ลิตรวางกลางที่มอบพลัง 769 แรงม้าและแรงบิด 800 นิวตัน-เมตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว (ด้านหน้าตัวรถ 1 ด้านหลัง 2) ที่จะบวกพลังเพิ่มอีก 217 แรงม้ากลายเป็นพลังรวมที่ 986 แรงม้า พลังทั้งหมดจะถูกส่งต่อไปยังชุดเกียร์ Dual-clutch
James Bond ถือเป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ที่ผู้ชายอย่างเรารู้จักกันเป็นอย่างดี ภาพยนตร์ที่พูดถึงสุดยอดสายลับรหัส 007 จากองค์กร MI6 ที่เต็มไปด้วยฉากแอ็กชันและการไล่ล่าสุดมันส์ แม้จะผลิตออกมาถึง 24 ภาคในช่วงเวลา 55 ปีก็ยังมีฐานแฟน ๆ ติดตามหนังภาคใหม่อยู่ตลอดเวลาราวกับต้องมนตร์ที่ไม่เสื่อมคลาย นอกจากเนื้อเรื่องแล้วอีกสิ่งหนึ่งที่หนุ่ม ๆ อย่างเราซึมซับได้จากหนังเรื่องนี้คือรถยนต์คันงามคู่ใจของพระเอกในแต่ละภาค โดยเฉพาะรถจากค่าย Aston Martin ที่กำลังผลิตรถรุ่นพิเศษฉลองครบรอบ 50 ของโมเดลดังจากหนังภาค On Her Majesty’s Secret Service (OHNSS) ถ้าพูดถึง Aston Martin และ James Bond หลายคนอาจติดภาพจำของ Aston Marin DB5 ที่พระเอกอย่าง Sean Connery ใช้งานในภาค Goldfinger และ Thunderball รวมถึงโผล่มาอวดโฉมทั้งใน Casino Royale Skyfall และช่วงท้ายของ Spectre Aston Marin DB5 จึงกลายเป็นรถขึ้นหิ้งที่มีราคาสูงโดยไม่ต้องบรรยายสรรพคุณไปแล้ว
เม็กซิโกถือเป็นหนึ่งในประเทศที่ยังต้องเผชิญกับปัญหายาเสพติดและการคอร์รัปชันมายาวนาน การปราบปรามตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้รัฐยึดทรัพย์จากผู้กระทำผิดได้จำนวนมาก โดยหนึ่งในทรัพย์สินเหล่านั้นนั้นคือซูเปอร์คาร์และรถราคาหรูราคาแพงระยับจำนวนมากจึงเป็นโอกาสดีที่รัฐฯ จะนำรถหรูเหล่านั้นออกประมูลเพื่อนำเงินที่ได้มาไปพัฒนาชุมชนยากจนในประเทศต่อไป รัฐบาลเม็กซิโกภายใต้การนำของ Anders Manuel Lopez Obrador (แอนเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์) ประธานาธิบดีคนที่ 58 ที่กำลังให้ความสำคัญกับการพัฒนาชุมชนด้อยโอกาสในประเทศ หนึ่งในหนทางการพัฒนานั้นคืองานจัดประมูลรถหรูกว่า 80 คันที่ยึดมาได้จากพ่อค้ายาเสพติดและบุคคลฉ้อโกงที่ถูกยึดทรัพย์ โดยเงินทั้งหมดมีแผนจะนำไปพัฒนาชุมชนที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในประเทศ ณ รัฐ Oaxaca (โอคาซากา) รายชื่อรถยนต์ทั้ง 82 คันในลิสต์การประมูลประกอบไปด้วยคันที่น่าสนใจอย่าง Lamborghini Mucielago ปี 2007, Ford Mustang ปี 1965, Chevrolet Corvette C7 ปี 2014, Ford Shelby F-150 รวมไปถึงตัวคลาสสิกอย่าง Volkswagen Beetle ปี 1951 นอกจากนี้ยังประกอบไปด้วย Chevrolet Suburban แบบกันกระสุนอีก 25 คันซึ่งเป็นรถแบบเดียวกันกับที่แรปเปอร์อย่าง 50
แม้ในปัจจุบันจะมีรถยนต์มากมายหลายค่ายทยอยกันเปิดตัวเพื่อโชว์สมรรถนะที่ถูกพัฒนาอย่างไม่เคยหยุดนิ่ง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่าแม้ยุคสมัยจะผ่านไปนานแค่ไหน แต่ความนิยมในโมเดลรถยนต์ที่ระดับตำนานตั้งแต่อดีตก็ยังไม่เคยเสื่อมคลายลง ด้วยเสน่ห์เฉพาะตัวที่หาจากรถคันอื่นไม่ได้ หากเอ่ยชื่อโมเดลอย่าง Nissan Skyline GTR (R32) , Mazda MX5 Miata (NA) รวมไปถึง Toyota Supra (A70) หนุ่ม ๆ หลายคนคงคุ้นเคยกันดี ทั้งหมดคือโมเดลในตำนานของค่ายรถจากแดนปลาดิบที่ต่างเริ่มต้นความยิ่งใหญ่ของตัวเองตั้งแต่ช่วงปลายยุค 80’s ไปจนถึงช่วงต้นหรือกลางยุค 90’s ปัจจุบันตำนานแต่ละคันอาจอยู่ในสภาพที่ไม่สมบูรณ์นักเนื่องจากเวลาที่ผ่านพ้นไป แต่ตอนนี้เป็นโอกาสอันดีที่จะฟื้นฟูพวกมันให้กลับมาอีกครั้ง หลังจากค่ายรถยักษ์ใหญ่กำลังจะกลับมาผลิตชิ้นอะไหล่ของรถรุ่นเก๋าแต่คันอีกครั้ง รวมไปถึงมี Restoration Projects ที่เตรียมฟื้นคืนชีพให้กลับมาอยู่ในสภาพออกจากโรงงานอีกครั้งหนึ่ง เริ่มกันที่ข่าวข่าวดีของผู้ครอบครอง Godzilla หรือ Nissan Skyline GT-R ไม่ว่าจะเป็นรหัสตัวถัง R32 และ R34 ที่ได้ NISMO Heritage Parts กลับมาผลิตชิ้นส่วนทั้ง 160 ชนิดซึ่งจะช่วยคืนชีพตำนานที่อยู่ในสภาพไม่สมบูรณ์แต่ละคันให้กลับมาวิ่งบนท้องถนนแบบเต็มสมรรถนะได้อีกครั้ง ชิ้นส่วนทั้ง 160 ชนิดครอบคลุมตั้งแต่ชิ้นส่วนในห้องเครื่องยนต์ แผงวงจรไฟฟ้าไปจนถึง
วันนี้ผู้ชายทุกคนที่มีความหลงใหลในโลกของยนตกรรม และได้ติดตามวิวัฒนาการและความเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมรถยนต์คงทราบกันดีว่า ในปัจจุบันรถยนต์พลังงานทางเลือกกำลังก้าวเข้ามามีบทบาทมากขึ้นต่อผู้คนทั่วโลก ที่ต่างตื่นตัวในเรื่องการหาพลังงานสะอาดเพื่อทดแทนการใช้น้ำมัน ทั้งการออกกฎเกณฑ์ที่เตรียมพร้อมสำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างจริงจังในฝั่งยุโรป การเกิดขึ้นของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าจากทั้งแบรนด์รถยนต์ใหม่และเก่า ซึ่งมีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดดในหลายประเทศ และหลายคนคงมีคำถามเกิดขึ้นว่า แล้วทิศทางของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทยกำลังก้าวไปในทิศทางไหน? ขณะเดียวกันในบ้านเราค่าย MG (เอ็มจี) ก็เล็งเห็นถึงทิศทางและความสำคัญของเทคโนโลยีสำหรับอนาคตดังกล่าว ทำให้เกิดงานสัมมนา “EVolution Of Automotive” ซึ่งถูกจัดขึ้นเพื่อทำความเข้าใจและผลักดันการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทย ให้พร้อมสำหรับยานยนต์แห่งอนาคตที่จะเข้ามามีบทบาทกับชีวิตของเรามากขึ้นในอนาคตอันใกล้มาก ๆ นี้ เราได้เข้าร่วมงานสัมมนารถยนต์ MG ประเทศไทย ที่จัดขึ้นเพื่อแลกแชร์มุมมองและวิเคราะห์ความพร้อมของประเทศไทยต่อการพัฒนาและยกระดับการใช้ “รถยนต์พลังงานไฟฟ้า” (EV) ให้เป็นที่นิยมมากยิ่งขึ้น ในงานสัมมนา “EVolution of Automotive” เพื่อนำเสนอประเด็นที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในทุกมิติ โดยในงานนี้ได้ 7 Guru ผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิจากทั้งภาครัฐและเอกชน มาร่วมสะท้อนให้เห็นถึงทิศทางความเป็นไปได้ และความคืบหน้าในการขับเคลื่อนประเทศไทยของอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานทางเลือกที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้นไปอีกขั้น ภายในงานสัมมนาครั้งนี้มีประเด็นที่น่าสนใจหลายอย่าง คุณพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “ปัจจุบันประชาคมโลกให้ความสำคัญกับการใช้รถยนต์พลังงานทางเลือก โดยเฉพาะรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น เพราะตระหนักถึงคุณภาพชีวิตควบคู่กับความต้องการลดภาวะมลพิษในระยะยาว เนื่องจากรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเป็นรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% จึงไม่มีการปล่อยไอเสียสู่ธรรมชาติ พร้อมพัฒนาการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าที่เงียบ มีอัตราเร่งที่ดี และสามารถขับได้ระยะทางที่ไกลมากขึ้น
Toyota GR Supra 2020 คือสปอร์ตมาแรงของแบรนด์สัญชาติญี่ปุ่นที่หลังจากเปิดตัวเป็นที่เรียบร้อยสำนักแต่งรถคู่บุญของ Toyota อย่าง TRD ก็ไม่รอช้า ปล่อยชุดแต่งเพื่อเพิ่มความเท่แบบสปอร์ตยิ่งกว่าเดิม ยืนยันได้จากสีสันและดีเทลอันโฉบเฉี่ยวตรงหน้า เรารับรองว่าต้องถูกใจ เรียกความกระชุ่มกระชวนให้หนุ่มรักรถไม่น้อยเลยทีเดียว เมื่อต้นปีที่ผ่านมาทาง Toyota เปิดตัวสุดยอดรถสปอร์ตรุ่นตำนานอย่าง Toyota GR Supra 2020 รถยนต์สุดเท่ที่ห้องโดยสารได้แรงบันดาลใจจาก FT-1 concept และใช้เครื่องยนต์จาก BMW พร้อมเทอร์โบชาร์จหกสูบแถวเรียง ให้กำลังสูงสุด 335 แรงม้า จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด มีโหมดขับขี่สองแบบคือ Nomal และ Sport Toyota GR Supra 2020 เปิดตัวอย่างเป็นทางการทั้งหมด 3 รุ่นย่อยด้วยกันคือ Base 3.0 (ประมาณ 1.6 ล้านบาท) Premium 3.0 (1.7 ล้านบาท) และ Launch Edition (1.75 ล้านบาท)
สำหรับหนุ่ม ๆ ที่หลงใหลยานยนต์จากค่าย BMW โดยเฉพาะโมเดลสปอร์ตซีดานสุดแรงอย่าง M5 เตรียมพบกับข่าวดีกันได้เลย เพราะในปี 2020 ที่กำลังจะมาถึงรุ่นพิเศษที่ผลิตออกมาฉลองครบรอบ 35 ปีของรถยนต์ในสายการผลิตดังกล่าว เตรียมถูกเปิดตัวออกมาแล้วในชื่อ BMW M5 “Edition 35 Years” ย้อนกลับไปในปี 1985 เป็นช่วงเวลาที่ M5 รุ่นแรกถูกสร้างขึ้นมาในรหัสตัวถัง E28 โดยใช้เครื่องยนต์ที่ดัดแปลงมาจาก M1 จนกลายเป็นรถยนต์ประเภทซีดานที่เร็วที่สุดในตอนนั้นและกลายมาเป็นจุดเริ่มต้นความสำเร็จของตระกูล M5 ซึ่งเป็นที่นิยมจากผู้ใช้รถทั่วโลกมาตลอดระยะเวลา 35 ปีโดยทาง BMW เลือกจะฉลองความสำเร็จที่ผ่านมาด้วย M5 ที่อัดแน่นความพิเศษไว้เต็มคัน BMW M5 “Edition 35 Years” มีพื้นฐานมาจาก M5 Competition ที่ใช้เครื่องยนต์ V8 ขนาด 4.4 ลิตร Twin-Turbo ให้พลัง 617 แรงม้าแรงบิดที่ 553 ปอนด์-ฟุต มีอัตราเร่งความเร็วตั้งแต่
New McLaren GT สุดยอดรถยนต์รุ่นล่าสุดผลผลิตจาก GT Racing แผนกปรับแต่งรถยนต์สมรรถนะสูงของ McLaren Automotive โดยการกลับมาครั้งนี้ไม่ได้มีดีเฉพาะความแรงที่มากกว่าเดิมเท่านั้น แต่โดดเด่นด้วยดีไซน์หรูหราและน้ำหนักเบากว่าทุกรุ่นในสายการผลิตที่ผ่านมาอีกด้วย McLaren เปิดตัวรถยนต์ประเภทแกรนด์ทัวเลอร์คันล่าสุดในตระกูล GT ที่คาดว่าจะเป็น 1 ใน 4 โมเดลสำหรับแผนสำคัญทางธุรกิจของแบรนด์รถยนต์จากประเทศอังกฤษในปี 2025 โดย GT คันใหม่ได้รับการส่งต่อแรงบันดาลใจส่วนหนึ่งมาจาก Speedtail เรือธงของค่าย ด้วยการใช้โครงสร้าง MonoCell II-T ซึ่งแข็งแรงและมีน้ำหนักเบาทำให้มีน้ำหนักตัวถังเพียง 1,530 กิโลกรัมซึ่งเบามากสำหรับรถสายพันธุ์ GT ด้านในห้องโดยสารของ New McLaren GT กว้างขวางและสะดวกสบาย เพราะถูกออกแบบมาให้เหมาะสำหรับการขับขี่ระยะไกลด้วยเบาะปรับอุณหภูมิที่รองรับแผ่นหลังและหัวไหล่ได้เป็นอย่างดี มีระบบไฟ “Ambient Lighting“ ให้เลือกปรับบรรยากาศได้ตามความต้องการ สร้างความเพลิดเพลินจากเสียงเพลงที่ถูกส่งออกมาจากชุดลำโพงจาก Bowers & Wilkins ทั้งหมด 12 ตัว พร้อมระบบลดเสียงรบกวนจากภายนอกที่จะช่วยเพิ่มอรรถรสในการขับขี่ได้อย่างดีเยี่ยม ด้านขุมกำลัง 2020 McLaren GT เลือกวางเครื่องยนต์