Billboard แต่เดิมสิ่งนี้คือ ‘นิตยสารเกี่ยวกับอุตสาหกรรมเพลงในสหรัฐอเมริกา’ โดยจะออกเป็นรายสัปดาห์ และมีการจัดอันดับตารางเพลงและอัลบั้มยอดนิยมในสัปดาห์นั้น ๆ อยู่ในเล่ม ซึ่งการรายงานชาร์ตเพลงแบบนี้ มีมาอย่างยาวนานตั้งแต่ ค.ศ. 1936 กระทั่งวันเวลาผ่านมานานกว่า 83 ปี Billboard Chart ก็ยังคงรายงานอันดับเพลงอยู่จนถึงปัจจุบัน แถมพัฒนา Platform ใหม่ ๆ อาทิเว็บไซต์ www.billboard.com รวมถึงเพิ่มหมวดหมู่หัวข้อในการจัดอันดับเพลงให้หลากหลายมากขึ้นอีกด้วย ซึ่งวันนี้เราจะมาพูดถึงหมวดหมู่ที่ทรงอิทธิพลที่สุดใน Billboard นั่นก็คือ GREATEST OF ALL TIME หรือแปลเป็นไทยได้ว่า ‘ยอดเยี่ยมตลอดกาล’ นั่นเอง ซึ่งหัวข้อภายใต้หมวดหมู่นี้จริง ๆ มีมากถึง 25 ประเภทด้วยกัน แต่เราจะขอหยิบยก 10 ประเภทที่น่าสนใจมารายงานกันว่า มีศิลปิน, เพลง, หรืออัลบั้มใดที่ครองตำแหน่งเหนือแชมป์นี้อยู่บ้าง มาดูกันเลย! 1. GREATEST OF ALL TIME HOT 100 SINGLES ตกเป็นของเพลงฮิตยุค 1960 ที่ชื่อ The
ถ้าพูดถึงภาพยนตร์แนว Sci-Fi ที่คนทั่วโลกจดจำได้มากที่สุดคงจะหนีไม่พ้นเรื่อง The Matrix ที่เกิดขึ้นจากการเขียนบทและกำกับโดยสองพี่น้อง Wachowski กับพล็อตเรื่องสุดล้ำเกี่ยวกับการทำสงครามระหว่างมนุษย์กับหุ่นจักรกลจากโลกอนาคต ที่ตอนนี้มีแววว่าทาง Warner Bros. จะกลับมาสร้างหนังภาคต่อให้ได้ดูกันคลายคิดถึง The Matrix คือภาพยนตร์ที่ออกฉายครั้งแรกเมื่อปี 1999 ต่อด้วย The Matrix Reloaded (2003) และภาคสุดท้าย The Matrix Revolutions (2003) ด้วยเนื้อเรื่องที่แปลกใหม่ งานกำกับที่ยอดเยี่ยม ฉากแอ็กชันที่ไม่คุ้นตา รวมถึงนักแสดงที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ ทำให้ The Matrix กลายเป็นหนังแห่งยุคไปอย่างง่ายดาย รับเสียงชมเชยและรายได้ทั่วโลกรวมทั้งสามถึง 1,633 ล้านดอลลาร์ ซึ่งนับว่าเป็นจำนวนเงินที่เยอะมากในช่วงเวลานั้น ไม่บ่อยนักที่หนังแอ็กชันจะกวาดรางวัลได้เยอะจากเวทีต่าง ๆ แต่ด้วยปรากฏการณ์แห่งยุคของ The Matrix ทำให้หนังเรื่องนี้สามารถกวาดรางวัลจากเวทีอันทรงเกียรติอย่างออสการ์ไปได้ถึง 4 สาขา ได้แก่ สาขาบันทึกเสียงยอดเยี่ยม เทคนิคพิเศษยอดเยี่ยม ตัดต่อภาพยอดเยี่ยม และลำดับเสียงยอดเยี่ยม ด้วยการสร้างตำนานของหนังเรื่องดังกล่าวจึงทำให้เกิดข่าวลือมาตลอดว่าเรื่องราวของ The Matrix จะหวนกลับมาให้เรารับชมกันอีกครั้ง
สำหรับผู้ชายในเมืองไทยที่ชอบอ่านการ์ตูนคงจะรู้จัก One Punch Man หรือเทพบุตรหมัดเดียวจอดกันเป็นอย่างดี One Punch Man มักถูกหยิบไปวัดค่าพลังกับการ์ตูนเรื่องอื่นจากความเทพของพระเอกอยู่เสมอ แต่ตอนนี้ One Punch Man กำลังจะพัฒนาเป็นเกมและเปิดตัวออกมาแบบไม่นานเกินรอ One Punch Man เป็นมังงะและแอนิเมชันผลงานของนักเขียนการ์ตูนที่ใช้นามปากกาว่า ONE ถ่ายทอดผลงานผ่านลายเส้นการเปลี่ยนการ์ตูนของ Yusuke Murata ผู้เคยฝากฝีมือไว้กับผลงานอย่าง Eyeshield 21 One Punch Man พูดถึงเรื่องราวของ Saitama (ไซตามะ) หนุ่มตกงานผู้ไฝ่ฝันอยากจะเป็นฮีโร่จึงฝึกฝนตัวเองตลอด 3 ปีด้วยการกินอาหาร 3 มื้อ ซิทอัพ วิดพื้น ลุกนั่งวันละ 100 ครั้งและวิ่ง 10 กิโลเมตรทุกวันจนร่างกายแข็งแกร่งและผมร่วง (ซะงั้น) แต่สิ่งที่ได้กลับคืนมาคือพลังหมัดที่จะซัดทุกอย่างให้จอดภายในหมัดเดียว จนกลายเป็นการ์ตูนที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลกซึ่งความสำเร็จของมันกำลังจะพัฒนาสู่เกมที่ผู้ชายหลายคนตั้งตารอคอย Bandai Namco ค่ายเกมชื่อดังเปิดตัววีดีตัวอย่างของ One Punch Man : A Hero Nobody Knows แต่เราจะไม่ได้เล่นเป็นเฮียล้านสุดแกร่งเพียงคนเดียว เพราะในวิดีโอตัวอย่างประกอบไปด้วยตัวละครไม่ว่าจะเป็นลูกศิษย์หุ่นสุดแกร่ง Genos เจ้าหนุ่มจักรยานฮีโรคลาสซี
ขณะที่ตอนนี้โลกมีเรื่องราวของซูเปอร์ฮีโร่เต็มไปหมด เรากลับไม่ค่อยเห็นเรื่องราวในมุมมองของวายร้ายเท่าไหร่นัก อาจเป็นเพราะความร้ายกาจ โรคจิต การก่ออาชญากรรมต่าง ๆ ที่ทำให้หลายคนไม่อยากตีแผ่ชีวิตของพวกตัวร้ายเพื่อให้คนดูนิยมชมชอบเหมือนตอนดูหนังฮีโร่ และสำหรับหนังเดี่ยวครั้งแรกของตัวร้ายตลอดกาลอย่าง Joker ที่จะฉายปีนี้ คงไม่ได้อยากให้ผู้ชมเปลี่ยนมาเห็นใจเขา แค่อยากเสนออีกมุมหนึ่งที่ผู้คนไม่เคยมองเห็นเท่านั้น ถ้าย้อนกลับไปดูภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ทุกซีรีส์มีเรื่องราวเกี่ยวกับ Batman และเมือง Gotham เราจะเห็นว่าโลกจอเงินมีนักแสดงที่เคยรับบทเป็น Joker มาแล้วทั้งหมด 4 คน ได้แก่ Cesar Romeo ที่ปรากฏตัวในเรื่อง Batman (1966) ต่อมาอีกครั้งกับ Jack Nicholson ใน Batman (1989) จากผลงานของผู้กำกับ Tim Burton จนมาถึง Batman: The Dark Knight (2008) จากผลงานผู้กำกับมือเทพ Christopher Nolan ที่พาหนังซูเปอร์ฮีโร่เข้าชิงรางวัลออสการ์มากถึง 8 สาขา ซึ่งครั้งนี้หลายคนลงความเห็นตรงกันว่า Heath Ledger สามารถพิสูจน์ตัวเองสวมบทบาทตัวตลกจิตคลั่งได้น่ากลัวที่สุดเท่าที่โลกเคยมีมา ทำให้เขาสามารถคว้ารางวัลออสการ์ครั้งที่ 81 สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมไปครอง ขณะที่ Joker ฉบับภาพยนตร์คนล่าสุดรับบทโดย Jared
ไม่น่าเชื่อว่าเวลาผ่านไปแค่ไม่นาน พอมานั่งนับนิ้วดี ๆ วันที่ 25 มิถุนายนของปีนี้ ก็เข้าขวบปีที่ 10 สำหรับการจากไปของ Michael Jackson ราชาเพลงป๊อปผู้ยิ่งใหญ่เสียแล้ว แฟนเพลง MJ ทั่วโลกจึงรวมตัวกันติดแฮชแท็ก #10YearsWithoutMichaelJackson ทางโซเชียลมีเดียเพื่อระลึกถึงเขาในวันนี้อย่างพร้อมเพรียงกัน แม้ว่าตัวจะไม่อยู่ แต่ทุก ๆ ผลงานของเขาก็เป็นมรดกล้ำค่าทางดนตรีที่ทิ้งเอาไว้ศิลปินรุ่นหลังมากมาย ที่สำคัญอิทธิพลทางความคิดสร้างสรรค์ของเขาไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในหมู่ศิลปินป๊อปเท่านั้น แต่ยังขยายขอบเขตไปสู่ศิลปินรุ่นใหม่ทุกผู้ทุกวัย ไม่ว่าจะทำเพลงแนวไหนออกมา ก็อาจแฝงแรงบันดาลใจบางอย่างจาก MJ ในนั้น ลองมาดูกันดีกว่าจะมีศิลปินคนไหนบ้างที่ยก Michael Jackson เป็นไอดอล แต่คุณอาจไม่เคยรู้… 1. Kanye West ถึง Kanye West จะมาทางสาย Hip-hop สุดทางแต่ก็ต้องยอมรับว่าเพลงพี่แกได้อิทธิพลมาจากหลากแนวดนตรีผสมกัน ซึ่งรวมถึงกลิ่นอายดนตรีที่มาจากราชาเพลงป๊อปด้วยเพราะเขาเองเคยยืนยันจากการให้สัมภาษณ์ (ในคลิป) ครั้งหนึ่งว่า “คงไม่มี Kanye West ในวันนี้ ถ้าไม่มี Michael Jackson” 2. Bruno Mars สำหรับคนนี้คงไม่ต้องอธิบายอะไรมาก เพราะแทบจะทุกอย่างที่เป็นเขาล้วนแสดงออกชัดเจนว่าได้รับแรงบันดาลใจมาจาก
รู้หรือไม่ว่าจริง ๆ แล้ว ใน Netflix ไม่ได้มีเฉพาะหนังและซีรีส์เท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งเสพดนตรีชั้นดีของคอเพลงอีกด้วย เพราะเขามีทั้งสารคดีรวมไปถึงหนัง Biopic เกี่ยวกับศิลปินมากมายให้เราเลือกชม พร้อมซับไตเติลภาษาไทยเสร็จสรรพพร้อมเสิร์ฟ และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา วันนี้เราจะมาแนะนำ 5 หนังสารคดีเกี่ยวกับศิลปินน่าสนใจที่คุณสามารถหาดูง่าย ๆ ได้ทาง Netflix! 27: Gone To Soon สารคดีที่จะเจาะลึกและนำเสนอแง่มุมใหม่ ๆ เกี่ยวกับเรื่อง “27 Club” ทฤษฎีความเชื่อที่ว่าศิลปินอัจฉริยะมักจะจากโลกนี้ไปด้วยวัยเพียง 27 ปี (อย่างกะทันหันและไม่สมเหตุสมผล) ตัวอย่างศิลปินลำดับต้น ๆ ที่ทั่วโลกให้ความสนใจ เช่น Brian Jones (The Rolling Stones), Janis Joplin, Jimi Hendrix, Jim Morrison, Kurt Cobain และ Amy Winehouse เป็นต้น แม้เดิมทีเรื่อง 27 Club
เราเกิด เติบโต ใช้ชีวิตจนมีความคิดแบบหนึ่ง ความเชื่อแบบหนึ่ง ความรู้สึกแบบหนึ่ง แล้ววันหนึ่ง “บางสิ่งบางอย่าง” เข้ามากระแทกชีวิตเรา สั่นสะเทือนทุกสิ่งที่เราเคยเชื่อ เคยคิด เคยเป็น เคยรู้สึก จากนั้นชีวิตของเราก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะ “บางสิ่งบางอย่าง” ทำให้เราเห็นโลกในมุมอื่นที่เราไม่เคยเห็น ทำให้เราได้คิดแบบใหม่อย่างที่เราไม่เคยคิด หรือทำให้เรามีความรู้สึกบางแบบที่เราไม่เคยรู้สึกมาก่อน บางสิ่งบางอย่างที่ว่าอาจเป็นใครสักคน เหตุการณ์สักเหตุการณ์ หนังสือสักเล่ม เพลงสักเพลง และใช่ อาจเป็นหนังสักเรื่องที่เปลี่ยนชีวิตเราไปตลอดกาล แต่ละคนจึงมี “หนังเปลี่ยนชีวิต” เป็นของตัวเอง UNLOCKMEN ชวนมาดูหนังเปลี่ยนชีวิตของพวกเรา เผื่อมันจะตรงกับหนังเปลี่ยนชีวิตของคุณ ทำให้คุณนึกถึงหนังเปลี่ยนชีวิตของตัวเองขึ้นมา หรือทำให้คุณจำได้ว่าชีวิตที่เปลี่ยนไปหลังจากดูหนังเรื่องนั้นมันมีรายละเอียดชวนนึกถึงเพียงใด The Fault in Our Stars – KAENG (CONTENT CREATOR) เราทุกคนมีเงื่อนไขในชีวิตไม่เหมือนกัน The Fault in Our Stars เล่าเรื่องราวของหนึ่งหนุ่มหนึ่งสาวที่มีเงื่อนไขในชีวิตเป็นความเจ็บป่วยทางร่างกาย หนังไม่ได้พาเราไปฟูมฟายเศร้าสร้อยกับสาวน้อยเป็นโรค แต่หนังทำให้เห็นชีวิต เห็นความหวัง และพาคุณไปพบบทเรียนบางอย่างที่เราเชื่อว่าคุณจะต้องฉุกคิดถึงชีวิตตัวเองแน่นอน KAENG’S OPINION: “ชอบที่หนังสื่อเป็นนัยว่าชีวิตคนเราไม่แน่นอน
ในโลกของวงการฮอลลีวูดทำให้เราได้เห็นภาพยนตร์และซีรีส์มากมายที่สร้างขึ้นจากชีวิตจริงของฆาตรโหด เช่น Mindhunter จาก Netflix หรือภาพยนตร์เรื่อง Once Upon a Time in Hollywood ที่ถือเป็นภาพยนตร์ที่ทำให้ใครหลายคนจับตามองตั้งแต่เห็นรายชื่อนักแสดงและผู้กำกับ Quentin Tarantino กับการเล่าเรื่องราวสะเทือนขวัญของวงการฮอลลีวูดช่วงปี 1969 แต่ในวันนี้ UNLOCKMEN ไม่ได้มาพูดถึงตัวหนังและซีรีส์มากนักแต่จะเจาะลึกไปยังลัทธิประหลาดที่เกิดขึ้นจริงอย่าง Manson Family ที่สั่นประสาทไปทั่วลอสแองเจลิส จุดเริ่มต้นของ Manson Family “ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองปกติ และไม่เคยพยายามจะเป็นปกติ” เรื่องราวที่น่าเศร้าครั้งหนึ่งของวงการฮอลลีวูดเริ่มต้นขึ้นจากชายคนหนึ่งนามว่าชาร์ลส์ แมนสัน (Charles Milles Manson) เขาเป็นคนที่มีประวัติแย่ตั้งแต่วัยรุ่นจากการก่ออาชญากรรมเล็ก ๆ อย่างขโมยรถ ปลอมแปลงเช็ก ทำให้เข้าออกคุกอยู่บ่อยครั้งและเมื่อโตขึ้นเขาก็เข้าสู่กลุ่มแก๊งที่เรียกตัวเองว่าเป็น “พวกฮิปปี้” เคยเป็นศิลปินที่มีผลงานในลอสแองเจลลิส ก่อนจะกลายเป็นศาสดาแห่งลัทธิประหลาดที่เขาตั้งขึ้นมาเอง แมนสันเป็นชายที่มีความคิดแตกต่างจากคนทั่วไป เขามองว่าสักวันหนึ่งโลกจะต้องเกิดสงครามครั้งใหญ่ระหว่างชาวผิวขาวและชาวผิวสี แถมยังคิดไปไกลอีกว่าหลังจากสงครามสิ้นสุดลงผู้ชนะคือพวกผิวสี แต่เพราะความโง่ของคนดำ (แมนสันว่ามาแบบนี้) ที่ทั้งเขลาและไร้ความสามารถจะทำให้ปกครองกันไม่ได้ เขาและกลุ่มคนในครอบครัวจึงจะขึ้นมาเป็นผู้นำพร้อมปกครองโลกให้น่าอยู่ไปตลอดกาล เมื่ออ่านแล้วหลายคนคงรู้สึกไม่ต่างกันว่าคนเพ้อเจ้อแบบแมนสันคงเป็นพวกเพี้ยน ๆ มีความคิดหัวรุนแรงและเสพยามากจนเกินไป แต่กลายเป็นว่ามีคนจำนวนไม่น้อยรู้สึกว่าสิ่งที่แมนสันคิดอาจเป็นเรื่องจริงเข้าสักวันหนึ่ง และเมื่อคนที่คิดเหมือนกันได้มาพบเจอพวกเขาจึงรวมกลุ่มกันเป็นลัทธิโดยมีชาร์ลส์เป็นหัวหน้าพร้อมใช้ชื่อว่า Manson Family แมนสันเป็นชายถือว่ามีพรสวรรค์ด้านวาทศิลป์ไม่น้อย
เพิ่งจะครบรอบ 40 ปี Unknown Pleasures หนึ่งในสุดยอดอัลบั้มทรงอิทธิพลของโลกใบนี้ไปหมาด ๆ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา เชื่อว่าหลายคนต่อให้ไม่เคยฟังสักเพลงก็น่าจะเคยเห็น Art Work อัลบั้มนี้ผ่าน ๆ ตากันมาบ้าง ผลงานชุดนี้เป็นของวงดนตรีจากเกาะอังกฤษที่มีนามว่า Joy Division พวกเขาคือผู้บุกเบิกแนวดนตรีที่เรียกว่า โพสต์พังก์ (Post-Punk) เจ้าของเพลงฮิตตลอดกาลอย่าง Love Will Tear Us Apart ซึ่งอัลบั้ม Unknown Pleasures นี้แหละที่เป็นดั่งใบเบิกทางให้โลกได้รู้จักพวกเขาในปี ค.ศ. 1979 โพสต์พังก์ คือแนวดนตรีที่มีรากฐานมาจากพังก์ร็อก แต่มีการผสมผสานดนตรีและศิลปะแขนงอื่นเข้าไปในเพลง ดนตรีของ Joy Division จะมีความดิบ มืดหม่น แต่ก็มีเมโลดี้ที่ติดหู และมีทำนองสนุกสนาน เสียงร้องโทนต่ำสุดเย็นเยือกของ Ian Curtis ฟรอนต์แมนของวง ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Jim Morrison ฟรอนต์แมนวง The Doors แต่ในเวลาต่อมาวงโพสต์พังก์รุ่นหลังต่างนำเอาวิธีร้องลักษณะนี้มาต่อยอดงานเพลงของตน เมื่อเข้ายุค 80
เชื่อว่าคนรักเพลงสากลทุกคน แทบจะไม่มีใครไม่รู้จักเพลงเบสหนึบติดหูที่มีชื่อว่า ‘Uptown Funk’ ด้วยความฟังสนุก จึงทำเอาผู้คนโยกสนั่นทั่วบ้านทั่วเมือง แค่อินโทรขึ้นก็เป็นอันร้องอ๋อ ไม่ต้องรอให้ถึงท่อนฮุคก็จำได้ หากคุณเป็นหนึ่งในคนที่จดจำว่า Uptown Funk คือเพลงของ Bruno Mars รู้หรือไม่ว่าแท้จริงแล้วเพลงฮิตนี้เป็นของ Mark Ronson ต่างหาก! อีกทั้งชื่อของเขายังปรากฏอยู่บนหลากหลายเพลงฮิตอย่างเป็นปริศนา โดยไม่มีเสียงร้องของเขาสักท่อน วันนี้เราจะชวนคุณย้อนไปบนเส้นทางที่เป็นจุดเริ่มต้นของชายคนนี้ พร้อมตอบคำถามไปพร้อมกันว่า Mark Ronson คือใคร ทำไมมีชื่ออยู่บนเพลงดัง? Mark Ronson ชายคนนี้คือ DJ หนุ่มจาก London (ปัจจุบันอายุ 43 ปี) ด้วยความที่เป็นคนหลงใหลในเพลงหลากหลายแขนง เขาจึงสนุกกับการนำเพลงฮิตมา Cover ใหม่ แล้ว Remix ให้กลายเป็นเวอร์ชั่นที่แตกต่าง เขามักจะใช้ศิลปินคนอื่น ๆ มาเป็นผู้ถ่ายทอดเสียงร้องในเพลงของตัวเอง โดยให้เหตุผลว่าเขาเป็นคนร้องเพลงไม่เอาไหน เขาทำงานกับศิลปินเก่ง ๆ มากมาย จึงรู้ดีว่าเส้นเสียงที่ดีควรจะเป็นแบบไหน และก่อนหน้าที่ชื่อของเขาจะเป็นที่รู้จักในวงการ Mark Ronson มีอัลบั้มเป็นของตัวเองถึง 2 อัลบั้มคือ Here Comes the