บ่อยครั้งที่เรามีโอกาสเห็นการ์ตูนหรือแอนิเมชันชื่อดังเข้ามาวนเวียนจับคู่กับแฟชั่น ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าหรือรองเท้าก็ตาม และในครั้งนี้ Reebok ก็ได้จับมือกับ Sanrio ออกรองเท้าผ้าใบคอลเลกชันพิเศษที่เต็มไปด้วยความน่ารักแบบกวน ๆ เพราะไข่ขี้เกียจที่หลายคนรู้จักจะมาอยู่บนรองเท้าผ้าใบ Sanrio เป็นชื่อของบริษัทออกแบบและครอบครองลิขสิทธิ์ลายเส้นของตัวการ์ตูนดังของญี่ปุ่นจำนวนมากทั้ง Hello Kitty, My Melody, Bad Badtz-maru, Little Twin Stars รวมถึงไข่ขี้เกียจแสนคุ้นตาอย่าง Gudetama หลาย ๆ คนอาจจะเคยเห็นเจ้าไข่หน้าตาง่วงนอนผ่านตาอยู่บ่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นเพราะแฟนชอบดู หรือเห็นแล้วจำได้เพราะหน้าตาของไข่มันน่ารักแบบกวน ๆ โดย Gudetama เป็นชื่อตัวการ์ตูนที่เกิดจากการรวมกันของคำว่า Gudegude (ぐでぐで) ที่แปลว่า ทรงตัวไม่ได้ และคำว่า Tama (たま) แปลว่าไข่ ตรงกับคาแรกเตอร์ของตัวละครเป๊ะ เพราะเราแทบจะไม่เคยเห็นไข่ขี้เกียจยืนทรงตัวดี ๆ ได้สักครั้ง แต่ใครจะคิดว่าไข่หน้าโง่ไม่ยอมทำอะไรสักอย่างจะเกิดจากไอเดียพร้อมจิกกัดสังคมทุนนิยมของ Amy ผู้สร้างตัวการ์ตูน Gudetama เพราะไข่ขี้เกียจ หมดเรี่ยวหมดแรงไร้ความกระตือรือร้น เปรียบเหมือนกับเหล่าวัยรุ่นผู้สิ้นหวังกับสังคมและเศรษฐกิจจนไม่อยากจะลุกออกไปไหนหรือทำอะไรทั้งที่ตัวเองก็มีความสามารถ (ว่าไปนั่น) ด้วยเรื่องราวสะท้อนสังคมที่ซ่อนอยู่ภายใต้หน้าตาเมา ๆ ของไข่ขี้เกียจ
ฝนที่ตกกระหน่ำตลอดหลายวันที่ผ่านมา คงทำให้หนุ่มสายสนีกเกอร์เฮดหลายคนอดกังวลเกี่ยวกับการใส่รองเท้าคู่โปรดออกจากบ้านไม่ได้ ถึงแม้จะมีสเปรย์กันน้ำช่วยลดความกังวลได้บ้างก็ตาม แต่สุดท้ายก็ต้องเจอปัญหาในขั้นตอนการทำความสะอาดอยู่ดี มีเทคโนโลยีและถึงอุปกรณ์เสริมมากมายถูกผลิตออกมาเพื่อป้องกันรองเท้าของเราจากน้ำหรือคราบสกปรก หนึ่งในนั้นคือ MudGuards ที่จะปกป้องส่วนขอบรองเท้าได้เป็นอย่างดี ล่าสุดค่ายกีฬาอย่าง Adidas ก็จับมันใส่ไว้ในรองเท้าโมเดลยอดฮิตอย่าง NMD R1 และกำลังจะปล่อยออกสู่ตลาดในช่วงต้นเดือนตุลาคมนี้แล้ว คอลเลกชันใหม่ Adidas NMD R1 เปิดตัวออกมาพร้อมกัน 4 สี ประกอบไปด้วย Core Black, Ash Silver, Cloud White และ Orchid Tint คราวนี้มาพร้อมส่วนอัปเปอร์ผ้าถักแบบแข็งแรงพิเศษที่ยึดติดกับส่วนมิดโซลซึ่งยังคงใช้เป็นโฟมเทคโนโลยี Boost ส่วน MudGuards ที่ถูกเพิ่มเข้ามาถือเป็นส่วนเด็ด โดยใส่ไว้ตรงข้างเท้าด้านนอกเริ่มจากปลายนิ้วยาวไปถึงส้นด้านหลังซึ่งจะช่วยป้องกันคราบสกปรกไม่ให้ซึมเข้าใปในขอบรองเท้า ถือว่าตอบโจทย์มาก ๆ สำหรับการเสริม MudGuards โดยเฉพาะการใส่ในช่วงฤดูฝนหรือการสวมใส่ในพื้นที่ที่ค่อนข้างสมบุกสมบันเสี่ยงต่อการเลอะเทอะ เพราะหนุ่ม ๆ ที่ทำความสะอาดรองเท้าด้วยตัวเองคงทราบกันดีว่าคราบฝังแน่นในบริเวณขอบรองเท้าทำความสะอาดยากมาก ๆ ดังนั้นการมี MudGuards จะช่วยให้เรากังวลแค่ในส่วนอัปเปอร์และโฟมสีขาวโดยรอบเท่านั้น ทั้งหมดทำให้ NMD R1 คอนเลกชันนี้เหมาะสมกับผู้ชายที่ต้องการรองเท้าใส่เดินลุยแบบไม่ต้องกังวล แฟน ๆ
กระแสความนิยมในตลาดสนีกเกอร์ทั่วโลก กำลังทำให้หนุ่ม ๆ อย่างเรามีตัวเลือกรองเท้ามากมายให้ซื้อและใช้งาน แม้หลายคู่หลายรุ่นจะไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร แต่ก็มีรองเท้าหลายรุ่นที่ปล่อยออกมาแล้วกลายร่างเป็นของแรร์จากความต้องการในตลาด รวมถึงความลิมิเต็ดที่ทำให้มีผู้ครอบครองมันเพียงหยิบมือ รองเท้าหลายคู่อัปราคาของตัวเองขึ้นมาเกินเท่าตัว โดยวันนี้เรามีสถิติที่น่าสนใจจาก RealReal ร้านขายรองเท้าออนไลน์สุดหรูที่เก็บข้อมูลเรื่องสนีกเกอร์ที่มีมูลค่าการขายต่อมากที่สุด และนี่คือรองเท้า 9 คู่ที่มีราคารีเซลแพงที่สุดในโลก ณ ตอนนี้ โดยเรียงลำดับจากเปอร์เซ็นต์ที่เพิ่มขึ้นมาจากราคาป้ายเดิม จะมีรองเท้าจากค่ายไหนเข้ามาอยู่ในลิสต์กันบ้าง มาดูกันเลย Yeezy Boost 350 V2 Core Black/Core White เข้าป้ายมาเป็นอันดับที่ 9 และเป็นรองเท้าจากค่าย 3 ขีดคู่เดียวในลิสต์นี้สำหรับ Yeezy Boost 350 V2 ในสี Core Black/Core White อันสวยสดงดงาม เปิดตัวครั้งแรกในวันที่ 17 ธันวาคมปี 2016 ตอนนั้น Yeezy รุ่นต่าง ๆ ยังไม่มีการผลิตมากเท่าทุกวันนี้และการมากับกล่องแบบ Original ก็มีส่วนทำให้ราคาของมันสูงอยู่เสมอ ราคาป้าย: 220 ดอลลาร์ ราคาปัจจุบันประมาณ:
ในเวลานี้ถ้าพูดถึงภาพยนตร์สยองขวัญกับตัวตลก ทุกคนจะต้องนึกถึงตัวตลก Pennywise กับลูกโป่งสีแดงจากเรื่อง It (2017) และ It: Chapter Two (2019) ผลงานจากปลายปากกาของ Stephen King ที่กระโดดออกจากหนังสือสู่จอภาพยนตร์ ด้วยใบหน้าแสนไม่เป็นมิตร รอยยิ้มไม่น่าไว้ใจ และสีขาวกับสีแดงแต่งแต้มอยู่บนใบหน้า ทำใครหลายคนไม่คาดคิดว่านักแสดงใต้หน้ากากตัวตลกจริง ๆ จะมีใบหน้าหล่อกับลุคที่เท่ได้ขนาดนี้ ชายผู้รับบทตัวตลกจากเรื่อง It คือนักแสดงหนุ่มนามว่า Bill Skarsgard เขาเกิดในครอบครัวสายเลือดนักแสดง พ่อของเขาเป็น Stellen Skargard ใครหลายคนอาจคุ้นหน้าคุ้นตาเขากับบทดอกเตอร์สติเฟื่องจากเรื่อง Thor ส่วนตัวของ Bill เริ่มแสดงภาพยนตร์ครั้งแรกเมื่ออายุ 9 ขวบ กับเรื่อง White Water Fury (2009) ด้วยใบหน้าดูดี บวกกับความสูงถึง 192 เซนติเมตร และนัยน์ตาที่ใครหลายคนลงความเห็นตรงกันว่ามีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก ทำให้ UNLOCKMEN อยากรู้จักสไตล์ทั้งในจอและนอกจอของเขาให้มากขึ้น BILL SKARSGARD’S STYLE IN THE
ถ้าพูดถึงดีไซเนอร์หญิงเท่ที่แสนจะเป็นตัวของตัวเองหลายคนคงนึกถึงดีไซเนอร์มากมายไม่ว่าจะเป็น Coco Chanel หรือ Elsa Schiaparelli ที่โดดเด่นด้วยการดึงศิลปะแบบเซอร์เรียลมาผสมกับการออกแบบเสื้อผ้า และแน่นอนว่าจะต้องมีชื่อของ Vivienne Westwood คุณป้าสายพังก์อยู่ในวงสนทนาด้วยอย่างแน่นอน บางคนอ่านมาถึงตรงนี้อาจจะสับสนว่าดีไซเนอร์หญิงสุดแนวเกี่ยวอะไรกับ UNLOCKMEN และรองเท้าผ้าใบยี่ห้อ Vans เหตุผลเพราะในปีนี้เธอลงมาลุยตลาดสนีกเกอร์มากขึ้นและได้สร้างความตื่นเต้นให้กับผู้ชื่นชอบรองเท้าทั้งชายหญิงด้วยการ collaboration กับ Vans เกิดเป็นคอลเลกชันพิเศษชื่อว่า Anglomania ในแต่ละปี Vans ถือเป็นแบรนด์สนีกเกอร์ที่ร่วมสร้างสรรค์ผลงานกับแบรนด์อื่น ๆ รวมถึงเหล่าดีไซเนอร์และเซเลบฯ ชื่อดังมากมาย แต่ครั้งนี้สิ่งที่ทำให้ผู้คนสนใจคือการจับมือกับ Vivienne Westwood ดีไซเนอร์ที่ไม่เคยอยู่ในกรอบของสังคม ผู้นำสไตล์พังก์มาปรับให้โมเดิร์นและเท่เกินกว่าใคร และกลายเป็นหนึ่งในดีไซเนอร์ผู้ทรงอิทธิพลของโลก Vivienne เชื่อว่าเครื่องแต่งกายสามารถบ่งบอกสไตล์และเปลี่ยนวิถีชีวิตของผู้คนได้ รองเท้าทั้งหมด 6 คู่ จากคอลเลกชัน Anglomania (การคลั่งไคล้วัฒนธรรมอังกฤษ) จึงถอดแบบตามความหมายออกมาได้อย่างไม่มีผิดเพี้ยนพร้อมกับผสมสไตล์พังก์แบบอังกฤษของตัว Vivienne เองด้วย เริ่มจาก Sk8-Hi รองเท้าหุ้มข้อที่อยู่กับ Vans และวงการสเกตบอร์ดมาอย่างยาวนาน ในคอลเลกชันนี้จะมีรองเท้าหุ้มข้อสองสีมาให้เลือก ทั้งสีดำคมเข้มกับสายเข็มขัดหนังแบบกว้างสีครีมที่อยู่บริเวณเหนือเท้า ดำไปจนถึง midsole แต่ป้ายของ Vans
ย้อนกลับไปเมื่อหลายสิบปีก่อนในวันที่ 13 ตุลาคม 1993 ภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่อง The Nightmare Before Christmas ออกฉายเป็นครั้งแรก และจากวันแรกจนถึงปัจจุบัน การ์ตูนเรื่องดังกล่าวก็กลายเป็นหนึ่งในภาพยนตร์สุดคลาสสิกที่ควรเก็บไว้ดูทุกวันคริสต์มาสไปเสียแล้ว The Nightmare Before Christmas เล่าถึงโลกในจินตนาการของเบอร์ตัน เมื่อแต่ละเทศกาลของโลกมีเรื่องราวเป็นของตัวเอง อย่างวันหยุดคริสต์มาสก็มีเมืองคริสต์มาส วันฮัลโลวีนกลายเป็นเมืองฮัลโลวีน แต่ละเมืองก็มีเรื่องราวที่แตกต่าง มีสภาพแวดล้อมยึดตามเทศกาล แต่แล้ววันหนึ่งเมื่อผู้ปกครองเมืองฮัลโลวีนนามว่า Jack Skelllington เกิดความรู้สึกเบื่อหน่ายความซ้ำซากจำเจของเมืองที่ตัวเองอยู่ หลงไปยังเมืองคริสต์มาสซึ่งอบอวลไปด้วยมวลความสุข เมื่อคนต่างเมืองได้มาพบเจอความแตกต่างทางวัฒนธรรม จากเมืองอึมครึมตลอดเวลามาสู่เมืองที่ประดับประดาด้วยลูกบอลสี บรรยากาศรื่นเริง ผู้คนเต็มไปด้วยความยินดีกับเทศกาลแห่งครอบครัว Jack เก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่พบเจอกลับมายังเมืองฮัลโลวีนของตน เดิมทีสารพัดผีชาวเมืองจะพากันออกไปหลอกคนในวันปล่อยผี ก็อยากเปลี่ยนให้ภูตผีออกไปแจกของขวัญให้เด็ก ส่วน Jack ก็อยากจะแย่งงานของซานตาคลอสมาทำเอง แต่เมื่อความเคยชินของภูตผีปีศาจที่หลอกคนมาตลอดเปลี่ยนมาเป็นผู้ให้แสนใจดี จึงทำให้เทศกาลคริสต์มาสครั้งนี้วุ่นวายกว่าครั้งไหน ๆ ด้วยเรื่องราวของ The Nightmare Before Christmas แสนคลาสสิกกับความนิยมจากปี 1993 ที่สั่งสมมาถึงวันนี้และยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้แบรนด์รองเท้าชื่อดังอย่าง Vans สนใจอยากนำความสนุกสนานภายในเรื่องมาอยู่บนรองเท้าผ้าใบคอลเลกชันพิเศษ The Nightmare
เพราะแฟชั่นคือความหลากหลายทีไม่มีสิ้นสุด UNLOCKMEN จึงอยากพาทุกคนไปยัง สยาม ทาคาชิมายะ (SIAM Takashimaya) ณ ไอคอนสยาม ห้างสรรพสินค้ายักษ์ใหญ่ระดับลักซ์ชัวรี ภายใต้คอนเซ็ปต์การผสมผสานที่สุดของห้างสรรพสินค้าในไทยและห้างทาคาชิมายะของญี่ปุ่นที่รวบรวมแบรนด์แฟชั่นญี่ปุ่นน่าจับตามองไว้มากมาย แถมยังเอ็กซ์คลูซีฟสุด ๆ เพราะมีเพียงที่นี่ที่เดียว แฟชั่นโซนภายในสยาม ทาคาชิมายะ อัดแน่นไปด้วยแบรนด์ชั้นนำส่งตรงจากรันเวย์ญี่ปุ่นมาถึงประเทศไทย UNLOCKMEN ได้เลือก 3 แบรนด์แฟชั่นน่าจับตามองมาแนะนำหนุ่มๆที่ชื่นชอบการออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง แต่ยังไม่ทิ้งความเป็นแฟชั่นนิสต้าที่โดดเด่นด้วยสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ เริ่มต้นกันด้วย Snow Peak แบรนด์เสื้อผ้าเก่าแก่ที่ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1958 ซึ่งมีสาขาใหญ่อยู่ที่จังหวัดนีงาตะที่เต็มไปด้วยภูเขาและแม่น้ำพร้อมกับลานกว้างที่รอต้อนรับทุกคนให้มาตั้งแคมป์กันได้จริง ๆ และยังมาสาขาย่อยอื่น ๆ กระจายอยู่ทั่วเกาะญี่ปุ่นทั้งสาขาชิบูย่า (Shibuya) โตเกียว (Tokyo) โอซาก้า (Osaka) ฮอกไกโด (Hokkaido) รวมถึงต่างประเทศอย่างไต้หวัน และล่าสุดก็ได้มาถึงประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อย โดยดีไซเนอร์นามว่า Yukio Yamai นำความหลงใหลธรรมชาติมารวมเข้ากับความสามารถด้านแฟชั่น เขาสร้างแบรนด์ Snow Peak ขึ้นพร้อมกับคอนเซ็ปต์หลักคือ Outdoor & Natural Product เพื่อผสมผสานไลฟ์สไตล์ของคนเมืองให้เข้ากับธรรมชาติ เต็มไปด้วยกลิ่นอายของแฟชั่นสไตล์วินเทจ นำเสนอไอเท็มหลากหลายครอบคลุมทุกความต้องการของผู้รักกิจกรรม Out
“เป็นเมียเราต้องอดทน” “แถวนี้แม่งเถื่อน ไม่แน่จริงอยู่ไม่ได้” “ปืนถ้าจะยิงต้องยิงให้ตาย ถ้ามันไม่ตาย เราตาย” วัยรุ่นสมัยนี้หลายคนอาจไม่ทันได้ดูภาพยนตร์แอ็กชันดราม่าในตำนานของไทยอย่าง 2499 อันธพาลครองเมือง (1997) ที่มีชื่อภาษาอังกฤษเท่ ๆ ว่า Dang Barely’s and Young Gangsters แต่ก็คงเคยได้ยินวลีเด็ดจากหนังดังที่ยังคงถูกพูดถึงมาจนปัจจุบัน รวมถึงจำว่าหนังเรื่องนี้คือหนังแจ้งเกิดของพระเอกตลอดกาลอย่าง ติ๊ก-เจษฎาภรณ์ ผลดี ด้วยความเท่ที่ทำให้เราชวนคิดถึงเรื่องราวแสนใกล้ตัวโดยไม่ต้องไปมองหาไกลจากไหน UNLOCKMEN จึงอยากพาทุกคนไปสำรวจกับแฟชั่นจากภาพยนตร์เรื่อง 2499 อัธพาลครองเมือง ภาพยนตร์สุดฮิตจากวันเก่าก่อนของยุคพ่อที่ทำให้เราได้เห็นแฟชั่นสไตล์วินเทจชวนคิดถึง 2499 อันธพาลครองเมือง สมัยกรุงเทพฯ ยังถูกเรียกว่าพระนคร ก่อนปีพ.ศ. 2500 ช่วงเวลาอันเต็มไปด้วยเหล่าอันธพาล ‘ขาโจ๋’ กับ ‘โก๋’ ที่คนทั่วไปเรียกมีอยู่ทั่วเมือง พวกเขาจะมีกลุ่มก้อนเป็นของตัวเองและใช้อิทธิพลครอบครองตามเขตต่าง ๆ ของพระนคร พวกเขาไม่เกรงกลัวกฎหมาย ไม่กลัวตาย พร้อมสู้กับทุกคนที่คิดขวางทาง เรื่องราวทั้งหมดของ 2499 อันธพาลครองเมืองจะถูกเล่าผ่านเปี๊ยก วิสุทธิ์กษัตริย์ เมื่อพระนครเต็มไปด้วยชาวแก๊งพร้อมกับวัฒนธรรมจากโลกตะวันตกเข้ามากระทบกับวิถีชีวิตของคนไทย ประเทศรอบข้างไทยก็กำลังมีสงครามเวียดนามกับสหรัฐฯ ค่านิยมใหม่และความรุนแรงขยับเข้าสู่สังคมไทย เด็กหนุ่มลูกของโสเภณีตรอกไบเล่ย์นามว่า แดง จึงตั้งตัวเป็นหัวหน้าแก๊งอันธพาลย่านหัวลำโพงด้วยการฆ่าเฮียหมาซึ่งเป็นนักเลงในย่านเดียวกันได้สำเร็จ
คงปฏิเสธไม่ได้ว่า Adidas Stan Smith เป็นรองเท้าผ้าใบสามัญประจำบ้านของใครหลายคนไปแล้ว ด้วยรูปทรงที่เรียบง่ายสุดคลาสสิก คงไว้ด้วยเรื่องราวจากยุค 1967 แถมยังเข้ากับสไตล์ที่หลากหลาย ด้วยเหตุผลหลายอย่างที่กล่าวมาจึงทำให้ Stan Smith กลายเป็นรองเท้าในดวงใจ ที่ครั้งนี้จะสร้างความตื่นเต้นใหม่ให้กับทุกคนด้วยการร่วม collaboration กับแบรนด์สุดเท่อย่าง Fucking Awesome Fucking Awesome เป็นแบรนด์แฟชั่นสตรีตและสเกตบอร์ดชื่อจากสหรัฐอเมริกาของ Jason Dill แชมป์สเกตบอร์ดในตำนาน เขาเคยเป็นชายที่ติดยาเสพติดและท้ายที่สุดก็สามารถพาตัวเองออกจากวงจรนั้นมาตั้งแบรนด์ของตัวเองได้สำเร็จ ด้วยเรื่องราวที่เปี่ยมด้วยแรงบันดาลใจและไอเทมเท่ ๆ ที่ปล่อยออกมาให้เราได้รับชมอยู่เสมอจึงทำให้ Fucking Awesome เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่เด็กสเกตจะต้องรู้จักกันเป็นอย่างดี เมื่อแบรนด์ดังอย่าง Adidas มาเจอกับแบรนด์เก๋าของวงการสเกต จึงทำให้ Adidas Stan Smith รองเท้าสุดคลาสสิกมีสีสันที่แตกต่างจากเดิม การเจอกันระหว่าง Adidas กับ Fucking Awesome ไม่ใช่การเจอกันครั้งแรก แต่การเจอกันในครั้งนี้กลับสร้างการพูดถึงเป็นวงกว้างด้วยสีสันจัดจ้านที่อยู่บนรองเท้าดีไซน์วินเทจ ด้วยการหยิบสีสันสดใสอย่างสีส้มและสีม่วงมาอยู่บนรองเท้า สลัดความวินเทจออกไปเพื่อให้ความทันสมัยเข้ามาแทนที่ จากนั้นเติมลูกเล่นตรงบริเวณด้วยพินที่มีข้อความว่า Fucking Awesome สีทองประทับไว้ตรง Upper หรือบริเวณด้านข้างของรองเท้า แค่สีสันจัดจ้านคงไม่ทำให้
พาหนะอะไรที่สามารถทำให้เราเห็นผู้คนจำนวนมากได้ในคราวเดียว ? หากมีคนถามแบบนี้คำตอบที่ได้ก็คงหนีไม่พ้นระบบขนส่งสาธารณะอย่างรถเมล์และรถไฟที่อัดแน่นไปด้วยผู้คน แต่ในความวุ่นวายก็ทำให้เราได้เห็นสไตล์ที่แตกต่างของผู้คน บางวันเราอาจเจอคนที่แต่งตัวเหมือนกัน 10 คน ยืนอยู่บนชานชาลา หรือเมื่อวานก็อาจเห็นแฟชั่นโคตรเท่จากชายที่ยืนฟังเพลงอยู่ในรถไฟฟ้า เพราะสถานีรถไฟกลายเป็นแหล่งรวมคนมากมาย ทำให้มีเรื่องราวหลากหลายเล่าสู่กันฟังผ่านเครื่องแต่งกายที่สามารถบอกว่าไอเทมชิ้นไหนฮิต หรือสไตล์ไหนที่ได้รับความนิยม UNLOCKMEN จึงอยากพาย้อนไปสถานีรถไฟใต้ดินใจกลางมหานคร New York ยังวันเก่าก่อนที่สไตล์ไม่เคยหลุดวงโคจรแฟชั่นไปไหนแฟชั่นช่วงปลายยุค 70 ไปจนถึงช่วงต้นของยุค 80 อันแสนจัดจ้านเป็นตัวของตัวเอง FASHION x MUSIC in NYC 70-80s แฟชั่นผ่านภาพถ่ายแสดงให้เห็นถึงความชอบและวิถีชีวิตของชาว New York ช่วงปี 1977-1984 โดยช่างภาพชาวที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่นาม Willy Spiller เขาบันทึกการเดินทางบนรถไฟผ่านภาพถ่ายทั้งช่วงเวลาเร่งด่วนผู้คนอัดแน่นอยู่เต็มขบวนรถไฟฟ้า ไปจนถึงกลางดึกที่สถานีใกล้ได้เวลาปิดทำการ และการถ่ายภาพของเขากว่า 40 ปี เขาเริ่มถ่ายภาพปี 1977 ช่วงปลายของยุค 70 อันโดดเด่นด้วยสไตล์ของ Disco ของเหล่าศิลปินชื่อดังอย่าง Bee Gees หรือ ABBA เพราะการออกไปพบปะผู้คนในบาร์ Disco จึงทำให้เสื้อผ้ายอดฮิตช่วงเวลานั้นคงหนีไม่พ้นเสื้อผ้าพลิ้ว