เมื่อพูดถึงหนังที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับสงคราม ผู้ชายอย่างเรามักจินตนาการออกแต่ทหาร เสียงปืน การสู้รบ เลือดพุ่งกระฉูด การปกป้องแผ่นดิน แต่ในความเป็นจริงสงครามยังมีรายละเอียดปลีกย่อยอื่น ๆ ที่มากกว่าสนามรบอีกมาก ทั้งชีวิตประชาชนตาดำ ๆ ที่ได้รับผลกระทบ ทั้งเชลยสงครามที่ถูกกักขังอยู่นานแสนนาน ทั้งคนที่ไม่ได้ออกหน้าสู้รบแต่วางแผนเบื้องหลังสงคราม สงครามจึงไม่ใช่แค่เรื่องการสู้รบของทหาร แต่สงครามคือชีวิตของผู้คนที่ต้องสูญเสียอะไรบางอย่างไป วันนี้ UNLOCKMEN เลยอยากพามาตะลุยกับหนัง 5 เรื่องที่มีฉากหลังเป็นช่วงสงคราม แต่แทบไม่ได้พูดถึงสนามรบและการสู้รบเลย แต่จะว่าด้วยอะไรบ้างนั้น เราก็อยากชวนมาดูไปพร้อม ๆ กัน The Reader หนังว่าด้วยความสัมพันธ์ของเด็กหนุ่มอายุ 15 กับสาววัย 36 ปี ทุก ๆ ครั้งก่อนเธอกับเขาจะร่วมรักกัน เขาจะต้องอ่านหนังสือให้เธอฟังเสมอ ๆ กาลเวลาและเหตุผลบางอย่างทำให้พวกเขาต้องพลัดพรากจากกัน กว่าจะมาเจอกันอีกทีก็คือในศาลซึ่งเธอกำลังรอการพิพากษาในฐานะ อาชญากรสงคราม! ใช่ นี่คือหนังที่เล่าถึงเหตุการณ์หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่บางคนคือคนที่อยู่ในค่ายกักกัน ในขณะที่บางคนก็คือเจ้าหน้าที่จากฟากนาซีที่ลงมือสั่งปลิดชีพผู้คน และเธอถูกกล่าวหาว่าเป็นหนึ่งในนั้น หนังเรื่องนี้พาเราเข้าสู่ความสัมพันธ์ ปมชีวิต ชี้ให้เห็นทุกซอกมุมของความเป็นมนุษย์ และสิ่งที่สงครามกระทำต่อพวกเราอย่างเลือดเย็นแม้ว่าสงครามจะจบลงไปแล้ว รับรองว่าชวนดื่มด่ำ ขัดข้อง และโศกเศร้าจนเราจะมองสงครามและชีวิตมนุษย์ได้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป Life
ขึ้นชื่อว่าความรักที่เป็นเรื่องของความรู้สึก เป็นอีกสิ่งที่เราไม่อาจเอาบรรทัดฐานไหนไปตัดสินเรื่องของใครได้ “รักไร้พรมแดน” จึงดูไม่ใช่เรื่องเกินจริงสักเท่าไหร่ เพราะความรักไม่จำกัดเพศ สถานะ สีผิว หรือแม้แต่สิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์ด้วยกัน ความรักก็สามารถเกิดขึ้นได้ UNLOCKMEN ชวนหนุ่ม ๆ มาดูมุมมองความรักแบบที่อาจพบเจอได้ไม่บ่อย อย่างเรื่องราวความรักของคนและสิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์ด้วยกัน ที่จะมาเปิดโลกความรักของเราให้กว้างไกลมากขึ้น ว่าสุดท้ายแล้วความรักมันขึ้นอยู่กับความรู้สึกที่แท้จริงจนไม่อาจมีอะไรมาขวางกั้น Cyborg She เรื่องราวสูตรสำเร็จของหนังโรแมนติกคอมเมดี้ หนุ่มเฉิ่มที่ไม่ได้เป็นที่สนใจของใคร ใช้ชีวิตธรรมดาไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเจอกับสาวคนหนึ่งที่มีรอยยิ้มชวนฝันให้กับเขา เวลาแห่งความสุขมักจะอยู่ไม่นาน เขาและเธอมีเหตุให้ต้องจากกัน หนึ่งปีผ่านไปทั้งสองได้กลับมาเจอกันอีกครั้งแต่เธอนั้นกลายเป็นหุ่นยนต์สาวซะได้ แถมบอกว่าเธอมาจากอนาคต เขาจะจัดการกับเรื่องยุ่ง ๆ นี้ยังไง ในเมื่อเธอเป็นทั้งรักแรกพบและหุ่นยนต์สาว Bee Movie เราคงพอนึกภาพออกในความรักของสิ่งมีชีวิตอื่นที่มีความคล้ายคลึงกับมนุษย์ แต่นี่คือเรื่องราวที่ Beyond ไปยิ่งกว่านั้น เพราะนี่คือความรักของคนกับผึ้ง! ใช่แล้ว ผึ้งที่ผลิตน้ำหวานให้เรานั่นแหละ ไม่ผิดตัว เรื่องราวของโลกในรังผึ้ง ที่มีการฝึกฝนผึ้งไปเป็นผึ้งงาน มีการพูดคุยกัน ใช้ชีวิตกันเหมือนกับคนนี่แหละ ผึ้งที่ออกมานอกรังได้คือผึ้งที่จบการศึกษาแล้ว Barry B. Benson ก็เป็นหนึ่งในผึ้งที่จบการศึกษา แต่เขามีความคิดที่ต่างจากผึ้งทั่วไป เขาได้พบกับสาวเจ้าของร้านดอกไม้อย่าง Vanessa Bloome ความซุกซนในดวงตาของเธอเย้ายวนเขาเสียจนลืมกฎข้อสำคัญอย่างการพูดคุยกับมนุษย์ไปซะ Blade
ต้องยกให้เป็นตำนานตัวจริงสำหรับจักรวาลหนังชุด Star Wars หลังโลดแล่นอยู่ในวงการจอเงินมากว่า 41 ปี พร้อมสร้างแรงบันดาลใจและส่งอิทธิพลต่ออุตสาหกรรมผลิตภาพยนตร์ไว้มากมาย ทั้งเรื่องบทภาพยนตร์ที่ชวนติดตาม และขาดไม่ได้คือ Visual Effects ที่พาผู้ชมทุกยุคสมัยไปสัมผัสกับภาพของสงครามอวกาศที่ดูสมจริงได้เสมอ (อย่างน้อยก็ในช่วงยุคนั้น ๆ) ล่าสุดเกิดการพูดคุยกันเป็นวงกว้างหลังมีคนไปพบวิดีโอเบื้องหลังการถ่ายทำของหนังภาค The Empire Strike Back ถูกอัพโหลดลงใน YouTube มีความยาวเกือบหนึ่งชั่วโมงแถมยังเต็มไปด้วยฟุตเทจหายากที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อนอีกด้วย วิดีโอ The “Lost” Empire Strikes Back Documentary by Michel Parbot (1980) ถูกอัพโหลดโดยช่องใน YouTube ที่ใช้ชื่อว่า Adywan revisited สร้างความฮือฮาให้แฟนเดนตายของจักรวาลหนัง Star Wars โดยเฉพาะรุ่นเก๋าได้หวนรำลึกถึงอดีตอีกครั้ง เพราะตลอดความยาวเกือบ 59 นาทีนั้นวิดีโออัดแน่นไปด้วยฟุตเทจหาดูยาก ซึ่งเป็นเบื้องหลังการถ่ายทำจากหนังเรื่อง Star Wars Episode V : The Empire Strikes Back ไม่ว่าจะเป็นบทสัมภาษณ์ในสมัยละอ่อนของนักแสดงนำอย่าง Mark
เวลาจะเลือกหนังดูสักเรื่อง หลายคนอาจเบ้ปากให้กับหนังเชิงปรัชญาที่ต้องขบคิดกับปริศนาปลายเปิดที่ทิ้งไว้ให้เรานั่งทำหน้างงเป็น Question Mark เพราะมักจะติดภาพเดิม ๆ ว่าจะต้องเป็นหนังน่าเบื่อ ไดอะล็อกยาว ๆ เข้าใจยาก UNLOCKMEN อยากแนะนำหนังเจ๋ง ๆ ที่ดูเผิน ๆ เหมือนเป็นหนัง Sci-Fi ล้ำ ๆ แต่จริง ๆ แล้วมันมีประเด็นทางปรัชญาแทรกอยู่ตั้งแต่ต้นจนจบ ดูได้แบบเพลิน ๆ ไม่มีเบื่อ Blade Runner 2049 (2017) Director : Denis Villeneuve ตัวดำเนินเรื่อง K ตำรวจคนเหงา เหงาตั้งแต่เห็นหน้าในฉากแรก ที่มาเก็บกวาดพวกมนุษย์เทียมรุ่นเก่า Nexus-8 ที่เคยก่อกบฎให้ราบคาบ แต่ภารกิจสุดแสนธรรมดานี้กลายเป็นปริศนาใหญ่ ที่ทำให้เขาต้องพบกับเรื่องราวปริศนา ที่พัวพันถึงตัวตนของเขาด้วยเช่นกัน ยิ่งสืบลึกลงไป ยิ่งสร้างความสับสนให้เขา “ไหนบอกไม่น่าเบื่อไง! เรื่องแรกมาก็จะหลับแล้ว” เชื่อว่าใครหลายคนต้องแอบคิดในใจตอนเห็นชื่อเรื่องนี้แน่นอน บอกก่อนว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ Sci-Fi ที่ถือปืนเลเซอร์ ไล่ยิงกันบนรถหน้าตาล้ำ ๆ อะไรแบบนั้น มันคือหนังที่เน้นอารมณ์ของตัวละครด้วยการสร้างอารมณ์ร่วมตั้งแต่วินาทีแรกของหนัง ด้วยไดอะล็อกที่โคตรจะน้อย การดำเนินเรื่องแบบค่อย ๆ
ดูจะเป็นปีที่คึกคักทีเดียวสำหรับ Phil Knight ชายผู้ก่อตั้งและเจ้าของอาณาจักรแบรนด์กีฬายักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง NIKE หลังประสบความสำเร็จกับแคมเปญโฆษณา Colin Kaepernick จนครองพื้นที่ในใจคนรุ่นใหม่ไปทั่วโลก ยอดขายยังพุ่งขึ้นเป็นประวัติการณ์ถึง 31% ภายในชั่วพริบตา ไม่เพียงแค่นั้น ดูเหมือนกระแสชีวิตของเค้ายังน่าสนใจอย่างต่อเนื่อง เมื่อล่าสุด NETFLIX เตรียมซื้อลิขสิทธิ์หนังสืออัตชีวประวัติส่วนตัวที่ชื่อ SHOE DOG มาสร้างเป็นภาพยนตร์แล้ว มหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยสุดในรัฐโอเรกอนพึ่งฉลองความสำเร็จขององค์กรด้วยการบริจาคหุ้นกว่า 12 ล้านหุ้นให้แก่องค์กรการกุศลทั่วสหรัฐอเมริกา ตามคำสั่งของ Penelope Knight ภรรยาของเขา ซึ่งเริ่มขึ้นตอนเธอเข้ามารับหน้าที่กรรมการบริหารของบริษัท ฉะนั้นในทุก ๆ ปี NIKE จะต้องมีกิจกรรมเพื่อสังคมเสมอห้ามผิดนัด โดยจำนวนหุ้นที่บริจาคไปทั้งหมดคิดเป็น 0.7 เปอร์เซ็นต์ของทาง NIKE หรือ 3.1 เปอร์เซ็นต์จากจำนวนทรัพย์สินทั้งหมดของ Knight Family ซึ่งจุดเริ่มต้นของเงินทุกบาททุกสตางค์มาจากเงิน 50 ดอลล่าร์ที่เขายืมจากคุณพ่อเพื่อมาก่อตั้งอาณาจักร NIKE ก่อนจะล้มลุกคลุกคลานและประสบความสำเร็จเหมือนในปัจจุบัน ตามที่เคยบรรยายไว้ในหนังสือของตัวเขาเองที่ชื่อ SHOE DOG SHOE DOG เป็นหนังสืออัตชีวประวัติส่วนตัวพูดถึงเรื่องราวระหว่าง Phil Knight และแบรนด์ที่สร้างขึ้นมากับมืออย่าง NIKE เริ่มตั้งแต่ช่วงเวลาก่อนจะให้กำเนิดแบรนด์ ไปจนถึงเล่าเรื่องเส้นทาง อุปสรรค และแนวความคิดต่าง
ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่าทุกวันนี้การตัดสินใจไปดูหนังสักเรื่องของเราเกิดจากหลายตัวแปร หนึ่งในนั้นคงจะหนีไม่พ้นรีวิวและคำวิจารณ์ของเพจหรือเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่มักออกมาให้คะแนนกัน ซึ่งหลายครั้งคะแนนอันน้อยนิดก็ส่งผลให้คนอ่านเกิดความคิดว่าไม่คุ้มค่าถ้าจะเสียเวลาดู แต่ล่าสุดเหมือนว่าหนังแอนตี้ฮีโร่อย่าง VENOM จะต่อสู้กับกระแสลบ ๆ ของคำวิจารณ์ได้แล้ว หลังเปิดตัวพร้อมฟันรายได้สูงสุดตลอดกาลเดือนตุลาคมของ Box Office ไปเป็นที่เรียบร้อย VENOM ได้คะแนน TomatoMeter จากเว็บไซต์ชื่อดัง Rotten Tomartoes เพียง 31 เปอร์เซ็นต์ถือว่าน้อยมากสำหรับภาพยนตร์จาก Sony Pictures ที่รู้กันดีว่าถึงแม้พวกเขาจะตั้งใจผลิตหนังแนวต่าง ๆ ออกมาเพื่อกอบโกยเงินคนจากคนดู แต่ในแง่ของคุณภาพหนังความหวังทำเงินก็ไม่เคยได้รับคะแนนต่ำขนาดนี้มาก่อน แม้บางครั้งจะไม่ประสบความสำเร็จก็ตาม ในขณะเดียวกัน VENOM ก็ต้องเผชิญปัญหาจากการจัดเรทของสมาคมภาพยนตร์สหรัฐอเมริกา ที่วางให้พวกเขาอยู่ในระดับ PG-13 ซึ่งหลายฝ่ายกังวลว่ารูปแบบหนังจะออกมาไม่โหดเหมือนใน Comics ที่แฟน ๆ ต่างรู้ดีว่า VENOM มันต้อง Rate-R เท่านั้นถึงจะเสมือนจริง แต่ผลกลับตรงกันข้ามเพราะสัปดาห์แรก VENOM กลับได้ผลตอบรับดีเกินคาด ทำเงินได้ถึง 80 million USD จนกลายมาเป็นหนังทำเงินอันดับ 1 ตลอดกาลเดือนตุลาคมของ Box
เราทุกคนต่างอยากมีตัวตนที่ชัดเจน ชนิดที่ว่าใครก็ต้องจำได้เมื่อเอ่ยชื่อของเรา นั่นอาจจะเป็นเพราะเรามีการแต่งตัวสุดเท่ เราเป็นนักเล่าเรื่อง คุยสนุก อารมณ์ขัน ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน คงจะมีไม่กี่คนที่เอาความชอบ เอาเอกลักษณ์อันโดดเด่นของตัวเอง มาสร้างรายได้ให้กับตัวเองได้จริง ๆ เพราะมันโคตรจะเป็นชีวิตในฝันเลยล่ะ ทำอะไรที่เรารัก ขายเอกลักษณ์ของตัวเอง และคนอื่นก็ชอบมันมากพอที่จะจ่ายเงินให้กับความเป็นตัวของเราเอง หากเป็นวงการเพลงก็คงจะเป็นศิลปินที่ขายความเป็นตัวเอง แต่ถ้าหากเป็นวงการภาพยนตร์ คงไม่พ้นผู้กำกับที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นเป็นของตัวเอง ถ้าพูดแบบนี้ชื่อแรก ๆ ที่โผล่มาในหัวคงจะเป็น Tim Burton อย่างแน่นอน UNLOCKMEN จะพามาทำความรู้จักกับเขา และสืบหาถึงที่มาของเอกลักษณ์สุดเจ๋ง ที่เราได้เห็นจากผลงานการกำกับของเขาในทุกเรื่อง ที่มันช่างโดดเด่นเป็นตัวเองอย่างมาก ก้าวเข้าสู่วงการจอเงิน หากเอ่ยชื่อ TIM BURTON ขึ้นมาเราอาจไม่ได้ยินชื่อเสียงของเขาในด้านความเก่งกาจของการกำกับ การเขียนบท อะไรทำนองนั้นสักเท่าไหร่ แต่เรามักจะคุ้นเคยชื่อของเขาในด้านของความมีเอกลักษณ์อันโดดเด่นในภาพยนตร์ของเขาอยู่เสมอ เรียกได้ว่าเห็นโปสเตอร์ก็พอจะเดาได้แล้วว่านี่คือผลงานกำกับของเขา เขาเป็นผู้กำกับชาวอเมริกัน ที่เริ่มต้นการทำงานด้านแอนิเมชันมาก่อน เขาเองเรียนเกี่ยวกับการทำแอนิเมชันโดยตรง จาก California Institute of the Arts เขาได้ทำหนังสั้นเรื่อง Stalk of the Celery Monster จนไปเตะตา Disney
“ย้อนเวลา” พูดถึงประเด็นนี้ทีไรเชื่อว่ามนุษย์ร้อยทั้งร้อยต้องเคยใฝ่ฝันให้ตัวเองย้อนเวลาได้สักครั้งในชีวิต บ้างก็เพื่อกลับไปเจอคนในอดีตที่จากเราไปแล้วไกลแสนไกล บ้างก็หวังว่าถ้ากลับไปเปลี่ยนบางอย่างได้ บางอย่างที่เลวร้ายอาจไม่เกิดตามมา เราล้วนแต่จินตนาการเรื่องการย้อนเวลาไปในรูปแบบของเราไว้มากมาย แต่น้อยครั้งเหลือเกินที่เราจะคิดถึงผลกระทบของการฝืนกฎแห่งกาลเวลา และหนัง 5 เรื่องต่อไปนี้จะทำให้เราเข้าใจว่าทำไมเวลาที่สำคัญที่สุดของมนุษย์อย่างเราอาจเป็น “ปัจจุบัน” ไม่ใช่อดีต หรืออนาคต รวมถึงทำให้เราตระหนักได้ว่าการไหลไปตามกาลเวลาตามปกติแต่รู้เท่าทันมันนั่นแหละคือสิ่งที่ล้ำค่าเท่าที่มนุษย์อย่างเราจะได้รับแล้ว About Time จะดีแค่ไหนถ้าเรากลายเป็นผู้ชายที่ได้รับมรดกตกทอดพิเศษจากปู่ สู่พ่อ มาถึงเรา โดยมรดกตกทอดพิเศษที่ว่าก็คือ “การย้อนเวลา” ได้ และแน่นอนว่าทิม เลค ตัวเอกของเรื่องก็เลือกที่จะย้อนกลับไปแก้ไขรายละเอียดที่ผิดพลาดให้ตัวเองและคนที่เขารักเสมอ ๆ บางเรื่องย้อนเพียงรอบเดียวก็แก้ได้หมด ในขณะที่บางเรื่องก็ต้องแก้แล้วแก้อีกกว่าจะได้ผลลัพธ์ออกมาสมบูรณ์แบบ ชีวิตของการย้อนเวลาดำเนินต่อไปแบบเหมือนจะราบรื่น จนวันหนึ่งเขาเองตระหนักได้ว่าเขาไม่สามารถย้อนเวลากลับไปเพื่อแก้ไขทุกอย่างเพื่อทุกคนได้ เพราะเมื่อมีสิ่งหนึ่งเปลี่ยนมันสร้างผลกระทบต่ออีกสิ่งหนึ่งเสมอ ประเด็นดูจะหนักหน่วง แต่ About Time เป็นหนังรักโรแมนติกคอมเมดี้ที่ชวนอมยิ้มกับทุกความรักสุดละมุน ไม่ใช่แค่ความรักของหนุ่มสาวเท่านั้น แต่เป็นความรักในครอบครัว จนจะทำให้เราระลึกได้ว่าความสุขเรียบง่ายอย่างการได้เดินเคียงข้างพ่อในวันฟ้าสดใสนั้นมันดีเพียงใด The Curious Case of Benjamin Button เราล้วนเติบโตตามหลักการหมุนของเข็มนาฬิกาอย่างปกติสุข เริ่มต้นชีวิตด้วยการเป็นทารกก่อนจะแก่ลง ๆ ร่วงโรยเหี่ยวเฉาตายลงไป แต่กับ Benjamin Button เขากลับมีชีวิตแบบทวนเข็มนาฬิกา เติบโตมาด้วยโรคร้ายบางอย่างที่สาปให้เขาเริ่มต้นชีวิตด้วยความร่วงโรย แก่หงำเหงือก
ในชีวิตของเรา เชื่อว่าส่วนใหญ่เคยมีสัตว์เลี้ยงเป็นของตัวเองกันทั้งนั้น หมา แมว นก ปลา หรือแม้แต่ทามาก็อต เป็นเพื่อนเล่น สร้างความสุข เสียงหัวเราะ เป็นตัวป่วน สร้างเรื่องราวยุ่ง ๆ ให้เราปวดหัว แต่สุดท้ายแล้วเราปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเราผูกพันกับมันและมีความรู้สึกดี ๆ ให้เพื่อนซี้ต่างสายพันธุ์ของเราจริง ๆ UNLOCKMEN ชวนหนุ่ม ๆ มาดู 5 หนังเรื่องราวของสัตว์เลี้ยงที่เป็นคู่หูคู่ใจ ที่มาพร้อมกับเรื่องราวสุดดราม่าชวนให้เสียน้ำตาให้ได้พิสูจน์ความใจแข็งกันหน่อยโดยลิสต์นี้ไม่ได้เป็นการจัดอันดับหนังดีใจดวงใจ ไม่ต้องน้อยใจว่าทำไมถึงไม่มีเรื่องโปรดของคุณ เพราะนี่คือการแลกเปลี่ยนหนังกันดู เหมือนเพื่อนคุยกันเท่านั้นเอง อย่าได้โวยวายกันไปว่าหนังแนวนี้ต้องอันนี้เท่านั้น ย้ำอีกที ว่านี่ไม่ใช่การจัดอันดับ I Am Legend (2007) Director : Francis Lawrence มหานครนิวยอร์ก ต้องตกอยู่ภาวะไวรัสระบาดและทำให้มนุษย์กลายพันธุ์กลายเป็นกลุ่มผู้ติดเชื้อ Robert Neville ผู้รอดชีวิตและพยายามสร้างเซรุ่มแก้พิษเพื่อหยุดการระบาดของเชื้อไวรัส ระหว่างที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในซากปรักหักพังของเมือง เขามีเพื่อนคู่ใจเป็น แซม สุนัขพันธุ์ German Shepherd แสนรู้ ที่อยู่เคียงข้างเขาทั้งในยามสงบสุขและยามคับขันจนกว่าเขาจะหาทางสร้างเซรุ่มแก้พิษและผู้รอดชีวิตคนอื่น ๆ ด้วยความแสนรู้ของแซม รับรองว่าเราทุกคนจะต้องหลงรักเธอเช่นเดียวกับ Neville
วันหม่น ๆ ที่โลกใบนี้ไม่เข้าข้างเรา วันที่ต้องยอมรับแล้วว่าเราแพ้ให้กับเกมนี้เข้าอย่างจัง ไม่ว่าจะต้องแพ้ด้วยการกระทำของตัวเองหรือเพราะปัจจัยอื่น ๆ ที่ไม่อาจควบคุมได้ก็ตาม สิ่งสำคัญคือหลังจากต้องลิ้มรสชาติของความพ่ายแพ้แล้ว เราจะลุกขึ้นอีกครั้งเมื่อไหร่และเรียนรู้อะไรจากความผิดพลาดครั้งนี้ เพื่อให้การล้มครั้งต่อไปไม่ใช่เพราะสาเหตุเดิม UNLOCKMEN ชวนหนุ่ม ๆ มาดูหนัง LOSER ผู้พยายามประคับประคองชีวิตตัวเองให้ ALRIGHT เผื่อใครอาจจะได้ข้อคิดดี ๆ จากความผิดพลาดของตัวละครจากสักเรื่องก็ได้ Inside Llewyn Davis (2013) Directors : Ethan Coen, Joel Coen เรื่องราวหน่วง ๆ ชวนเบื่อเรื่องนี้ มาจากชีวิตจริงของนักดนตรีโฟล์คอย่าง Dav Van Ronk ที่ไม่ได้มีเรื่องราวตื่นเต้นหวือหวา เปี่ยมไปด้วย Passion เดินตามความฝันกับวลีเด็ด “ฉันจะทำให้เต็มที่เลยล่ะ” แต่เป็นเรื่องเนือย ๆ อย่างที่เราได้ดูกันนั่นแหละ เป็นช่วงชีวิตที่เขายังไม่ได้โด่งดังมากพอที่จะเป็นที่ต้องการของค่ายเพลงหรือแม้แต่บาร์ที่ไหนสักแห่ง เนื้อเรื่องจริง ๆ มันเหมือนตามติดชีวิตนักดนตรีเหงา ๆ คนนึง ไม่มีอะไรมาก อยากให้ทุกคนได้ลองดูกันเอง แม้จะน่าเบื่อเสียหน่อย แต่ถ้าหากอดทนจนจบแล้ว