ด้วยความมุ่งมั่นในการมอบความสุขที่ไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่สุนทรียภาพในการขับขี่ แต่ยังครอบคลุมถึงไลฟ์สไตล์ด้านอื่น ๆ เมื่อเร็ว ๆ นี้ บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย ได้มอบสุดยอดประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิต โดยพาสมาชิกในโปรแกรม The Ultimate JOY Experience (ดิ อัลติเมท จอย เอ็กซ์พีเรียนซ์) ตีตั๋วไปวิ่งตามรอยนักวิ่งระดับโลกกับทริป บีเอ็มดับเบิลยู เบอร์ลิน มาราธอน 2018 – #มิชชั่นเบอร์ลิน (BMW Berlin Marathon 2018 – #missionberlin) มหกรรมการวิ่งมาราธอนที่ยิ่งใหญ่ระดับโลก ซึ่งมีความเอ็กซ์คลูซีฟมากขึ้น ด้วยการจัดโปรแกรมซ้อมวิ่งกับ “ครูดิน” สถาวร จันทร์ผ่องศรี อดีตนักวิ่งมาราธอนทีมชาติไทย ที่ร่วมเดินทางไปลงสนามพร้อมกับสมาชิก และปีนี้ทุกคนต่างได้รับประสบการณ์ที่หาไม่ได้จากที่ไหน นั่นคือ การได้วิ่งบนสนามที่มีการทำลายสถิติโลกครั้งใหม่ในวันเดียวกัน! เศรษฐิพงศ์ อนุตรโสตถิ ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายการตลาด บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย กล่าวถึงความพิเศษของทริปที่นักวิ่งทุกคนต่างรอคอย ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมไฮไลต์ ภายใต้โปรแกรม “The Ultimate JOY Experience”
เมื่อเดือนแห่งเทศกาลแห่งความสุขวนเวียนมาอีกครั้ง การได้ใช้เวลาว่างแบบไม่ต้องไปเบียดเสียดใคร นั่งปล่อยกายปล่อยใจ คิดทบทวนเกี่ยวกับตัวเองในช่วงปีที่ผ่านมา พร้อมเสียงคลอของดนตรีแจ๊สพร้อมจิบเครื่องดื่มดี ๆ สักแก้วไปด้วยก็คงจะดีไม่น้อย UNLOCKMEN จึงขอแนะนำ 5 บาร์แจ๊สต่างสไตล์มาเป็นตัวเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการฟังดนตรีแจ๊สของดีแบบสด ๆ 1. The Bamboo Bar จากบาร์แจ๊สเก่าแก่ที่สุดในกรุงเทพ ฯ ที่เปิดให้บริการตั้งแต่พ.ศ. 2496 จนปัจจุบัน The Bamboo Bar ได้ก้าวมาเป็นหนึ่งใน 50 บาร์ยอดเยี่ยมแห่งเอเชียประจำปี 2018 การนั่งจิบค็อกเทลในบรรยากาศตีมแบบป่าเมืองร้อนสไตล์ Tropical พร้อมสัมผัสดนตรีแนว Standard Jazz ที่ได้นักดนตรีมากฝีมือเวียนมาขับกล่อมอย่างไม่ขาดสายก็คงจะดีไม่หยอก อีกทั้งเรื่องดนตรีแจ๊สของร้านนั้นเป็นที่โด่งดังในวงการบาร์แจ๊สทั่วโลก ซึ่งถ้าใครต้องการฟังแจ๊สสไตล์ต้นตำหรับต้องห้ามพลาดโดยเด็ดขาด Location: 48 ซอยโอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ 10500 Open: อา-พฤ 17:00 pm – 01:00 am / ศ-ส 17:00 pm – 02:00 am
มากกว่ารสชาติความคลาสสิกที่วิ่งผ่านลำคอ เครื่องดื่มสามารถสร้างสรรค์ไปได้ไกลกว่านั้น โดยเฉพาะเมื่อมันเปลี่ยนความชอบของผู้ชายอย่างเรื่องของสถาปัตยกรรมให้กลายมาเป็นแอลกอฮอล์แก้วจิ๋วที่ยิงหมัดหนักได้ตรงทั้งความเข้มและความประทับใจ ไอเดียเปลี่ยนสถาปัตยกรรมมาเป็นเมนูเครื่องดื่มที่เรานำมาฝากในครั้งนี้ส่งตรงจาก Connaught Bar บาร์ในลอนดอนที่ติดอันดับที่ 5 ของ The World’s 50 Best Bars ในปีนี้ ซึ่งกำลังครบรอบ 10 ปี Agostino Perrone หัวหน้า mixologist จึงครีเอตไอเดียให้นักดื่มอย่างเรารู้สึกตื่นตาตื่นใจยิ่งขึ้น แพสชั่นนี้เกิดจากความช่ืนชอบสถาปัตยกรรมในบาร์ นำมารวมเข้ากับเรื่องการดื่ม สร้างสรรค์เป็นเครื่องดื่มสุดคลาสสิกที่กลายเป็นซิกเนเจอร์เฉพาะสถานที่จิบดื่มคือบาร์แห่งนี้เท่านั้น ซึ่งเขากล่าวว่าการคิดสูตรเหล่านี้ไม่ได้จับเฉพาะเรื่องการดื่มอย่างเดียวแต่มีเรื่องการดื่มด่ำความสนุกเข้าไปเป็นแก่นของรสชาติด้วย เมนูเครื่องดื่มแบ่งออกเป็น 4 ส่วน ได้แก่ the Masterpieces, Foundation, Finesse และ Flair แต่ละส่วนจะประกอบด้วยเมนูที่ดึงคาแรคเตอร์ของบาร์ออกมาให้เลือก MASTERPIECE คือส่วนแรกของคอลเลกชั่นนี้ เน้นเมนูคลาสสิกขึ้นชื่อประจำบาร์มาใส่ไว้ในเมนู แต่เป็นฉบับปรับปรุงสูตร เพราะฉะนั้นเบสเดิมที่เข้มข้นเมื่อเติมพลิกแพลงใหม่จึงได้รสชาติสุดประทับใจ FOUNDATION คือการรวมเมนูที่ดึงคาแรกเตอร์แข็งแรง ลงลึกถึงระดับโครงสร้างและวัตถุดิบมาสร้างเป็นรสชาติชวนดื่มให้มันถึงพริกถึงขิง อาทิ Set in Stone คือค็อกเทลที่ได้แรงบันดาลใจมาจากบาร์หินอ่อน เสิร์ฟจัดแต่งน้ำแข็งกลางแก้วดุจหินอ่อนสร้างความรู้สึกสุดเข้มข้น หรือ Sweet &
เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งเวทีล่าฝันของเหล่าสายแดนซ์ สำหรับการแข่งขันเต้นระดับโลก Juste Debout ที่โด่งดังมาตั้งแต่ปี 2002 โดยในปีนี้ประเทศไทยคว้าลิขสิทธิ์เป็นผู้จัดการแข่งขันอย่างเป็นทางการในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในรายการ Juste Debout Bangkok 2019 (จัส เดอบู แบงค็อก 2019) เพื่อเปิดฟลอร์ให้ ผู้ที่มีใจรักการเต้นแนว Street Dance ได้มีพื้นที่แสดงความสามารถกันอย่างเต็มที่ โดยใช้ศาสตร์การเต้น 4 ประเภทคือ Hiphop, Locking, Popping และ House มาประชันศึกกันอย่างดุเดือด ในวันที่ 19 มกราคม 2562 ที่ MCC HALL เดอะมอลล์บางกะปิ เพื่อเฟ้นหาสุดยอดนักเต้น 4 ทีมสุดท้าย จากผู้สมัครทั้งหมด 250 ทีม เป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งขันชิงแชมป์โลกในรายการ “Juste Debout Paris 2019” ที่ประเทศฝรั่งเศส งานนี้นอกจากจะยกเวทีคุณภาพมาให้สายแดนซ์ได้โชว์ศักยภาพกันแล้ว ยังเป็นการมอบโอกาสสุดพิเศษให้เยาวชนและน้องๆ เด็กด้อยโอกาสกว่า 1,000 คนในประเทศไทยได้เข้าชมและสัมผัสประสบการณ์จริงที่ตื่นเต้นเร้าใจ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจพร้อมกับการสานฝัน
ค่ำคืนวันศุกร์ หากรู้สึกว่าอยู่ในช่วงชีวิตที่ไม่ได้อินกับการตะลอนหาบาร์ที่สาวแจ่ม เพื่อสนองค่ำคืน TGIF แล้วล่ะก็ ลองมองหาอะไรที่ดูรุ่นใหญ่ขึ้นมาหน่อย อย่างการนั่งจิบเบียร์เย็น ๆ ดนตรีดี ๆ มีช่วงเวลาให้พักได้นั่งคุยกับคนในโต๊ะ ในบรรยากาศที่เหมาะกับทั้งกินและดื่ม หากคุณเป็นหนึ่งในคนที่กำลังมองหาอะไรแบบนั้นอยู่ UNLOCKMEN ขอแนะนำ The Sun Cafe & Bistro ร้านที่มีทั้งอาหารรสไทยแท้ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลากหลายเมนู พร้อมบรรยากาศที่เต็มไปด้วยของสะสมที่สูงทั้งมูลค่าทางเงินและทางใจ ถูกนำมาประกอบในร้านเป็นของตกแต่งได้อย่างลงตัว ในย่านเจริญกรุง เป็นอีกละแวกที่เราสามารถหาร้านอาหาร หรือคาเฟ่ได้แบบไม่ลำบากนัก ร้านนี้เองก็เป็นอีกหนึ่งในร้านที่อยู่ที่ซอยเจริญกรุง 71 เมื่อก้าวเข้าไปในร้าน สัมผัสแรกคือความอลังการของของตกแต่ง ที่อยู่บนผนังทุกด้านในร้าน แม้เราจะไม่ใช่นักสะสมก็พอจะรู้ว่าของเหล่านี้ไม่ใช่แค่ของตกแต่งธรรมดา เพราะเจ้าของร้านเอง ก็เป็นหนึ่งใน Collector ตัวยง ที่มีของสะสมอยู่มากมาย และหนึ่งในนั้นก็คือของทุกชิ้นที่อยู่ในร้านนี้ ในร้านมีหลายมุมให้เลือกนั่งตามความพอใจ เพราะทุกมุมล้วนแต่มีเอกลักษณ์แตกต่างกันไป แต่ทางร้านแอบกระซิบมาว่ามุมที่ฮิตที่สุดคงจะเป็นมุมผนังเปลือยโชว์อิฐเก่า ที่มีนาฬิกาโบราณตกแต่งอยู่ด้านบนด้วย นอกจากเรื่องบรรยากาศที่ถูกตกแต่งอย่างใส่ใจและไม่เหมือนใครแล้ว อาหารของที่นี่ก็ยังเป็นอีกสิ่งที่ไม่อยากให้ทุกคนพลาด เพราะรสชาติเป็นรสชาติแบบที่คุ้นลิ้นคนไทยกันดี หลากหลายเมนูที่เป็นเมนูที่ไม่สามารถหาได้ที่อื่น เพราะเป็นเมนูเฉพาะของที่นี่ ที่ถูกคิดเมนูขึ้นมาใหม่ อย่าง “แกงเผ็ดไก่ย่าง” ที่เปลี่ยนจากเป็ดย่างที่เราคุ้นเคยเป็นไก่ย่างแทน พอเปลี่ยนวัตถุดิบแล้ว รสชาติก็ยังคงจัดจ้านอยู่เหมือนเดิม พระเอกของจานนี้ก็ยังคงอยู่ที่วัตถุดิบหลักอย่างไก่ย่าง แม้จะเป็นร้านที่ชาวต่างชาติมาแวะเวียนค่อนข้างบ่อย แต่รับรองว่ารสชาติยังคงถูกปากคนไทยแน่นอน
เชื่อว่าวันนี้ชาว UNLOCKMEN หลายคนเป็นมากกว่า User ตามแพลตฟอร์มโซเชียลที่เข้าใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น Facebook ที่สร้างเพจเป็นของตัวเอง IG ที่สามารถสร้างร้านค้าได้ หรือเทรนด์ที่กำลังฮิตมากอย่างการเป็น Vlog สร้างวิดีโออัปโหลดในแชนแนล Youtube ของตัวเองให้คนได้ตามไป Subscribe กัน เพื่อลับเหลี่ยมความคิดสร้างสรรค์ คั่วความคิดสำหรับสร้างคอนเทนต์ให้ทั้งเข้มข้น มันส์ และเด็ดขึ้น จนใครก็อดกด Play คลิปของเราไม่ได้ UNLOCKMEN จึงพลาดไม่ได้ที่จะบอกต่อโครงการดี ๆ อย่าง Youtube Pop-Up Space โครงการล่าสุดของ Youtube ที่กำลังจัดขึ้นที่ช่างชุ่ย ช่วงระยะเวลาระหว่างวันที่ 12-17 พฤศจิกายนนี้ เผื่อใครอยากแวะเวียนกันไปลองสตูฯ และเทคนิคต่าง ๆ จะได้แบ่งปันกัน โครงการ “Youtube Pop-Up Space” ในปีนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 4 หลังจากได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากการจัดขึ้นครั้งแรกเมื่อ 2 ปีที่แล้ว และแน่นอนว่าความเต็มอิ่มของปีนี้ที่จัดขึ้นที่ช่างชุ่ยทำให้เราได้เล่นอะไรหลายอย่างมากขึ้นอย่างแน่นอน แม้ว่าในงานครั้งนี้เหล่าครีเอเตอร์จะ Register จองพื้นที่สตูฯ เพื่อถ่ายทำกันจนเต็มแม็กซ์แล้ว
การได้ซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดใครสักคนเป็นที่สุดแห่งความอบอุ่นอย่างหนึ่งที่มนุษย์จะได้รับจากใครสักคนได้ โดยเฉพาะในอ้อมกอดของใครสักคนที่ใส่ใจเรา ในอ้อมกอดนั้นเราจะรู้สึกสุขสงบอย่างประหลาด แต่ไม่ว่าจะโหยหามันสักแค่ไหน ผู้ชายอย่างเราก็เจออ้อมกอดสุดพิเศษที่ว่านั้นได้ไม่บ่อยนัก โชคยังดีที่บางทีการโอบกอดก็ไม่ได้มาจากผู้คน แต่มาจากบาร์แจ๊สบรรยากาศดี ๆ กับเครื่องดื่มจากความใส่ใจสักแก้ว และโชคเข้าข้างเราเข้าไปอีกที่เรามาเจอ The WoodShed บาร์แจ๊สที่รู้สึกอบอุ่นราวกับถูกโอบกอดแค่เพียงก้าวเท้าเข้ามาในร้าน ความอบอุ่นใน The WoodShed ไม่ได้มาจากความบังเอิญ แต่เกิดจากความใส่ใจรายละเอียดตั้งแต่การเลือกวัสดุ ไม้ทุกชิ้นที่ประกอบกันขึ้นเป็นผนังคือไม้เก่าที่ผ่านสายลม แสงแดด และกาลเวลาจึงมีลวดลายเฉพาะตัวที่ไม้ใหม่ให้ไม่ได้ ที่สำคัญไม้ทุกชิ้นผ่านการคัดเลือกมาอย่างพิถีพิถันเพื่อให้ประกอบกันแล้วให้ความรู้สึกลงตัวตั้งแต่ก้าวเข้ามาในร้าน The WoodShed ตกแต่งด้วยสไตล์รัสติก (Rustic Style) ที่เผยความงามตามธรรมชาติของวัสดุที่ใช้ โดยหลายคนอาจรู้จักสไตล์นี้ในชื่อ Country Style เนื่องจากชาวบ้านในชนบทของอเมริกานิยมนำไม้ซุงท่อนใหญ่มาใช้สร้างบ้าน ผสมผสานกับรูปแบบของโรงนาและโรงเก็บไม้ จนออกมาเป็นรัสติกสไตล์ในที่สุด จึงไม่แปลกใจเลยที่เรารู้สึกถึงความเรียบง่ายของ The WoodShed ได้ตั้งแต่ก้าวแรก เพราะความเรียบง่ายสไตล์ชนบท แต่ทั้งหมดมาจากความพิถีพิถัน กลิ่นไม้ดิบที่ผ่านกาลเวลาจาง ๆ ในอากาศ รวมถึงหลอดไฟสีส้มนวลตาดวงเล็ก ๆ ที่ห้อยตัวลงมาจากเพดานให้ความรู้สึกราวกับดวงดาวระยับดวงน้อย ๆ ที่ส่องแสงอบอุ่นไม่กวนสายตาตลอดระยะเวลาที่เรานั่งดื่มอยู่ที่นี่ ในขณะที่แสงเทียนตลับวาววามก็ให้ความรู้สึกราวกับว่าเรากำลังล้อมวงดื่มกินในบ้านไม้ของเพื่อนในชนบทอันสงบเงียบสักแห่ง ไม่ใช่แค่เพียงบรรยากาศชวนให้ซุกตัวอยู่นานเท่านานเท่านั้น แต่เครื่องดื่มทุกชนิดใน The WoodShed มาในคอนเซ็ปต์ Craft
“ศิลปะ” ที่เราไม่อาจมีบรรทัดฐานใดไปเทียบเคียงเอาถูกผิด หรือตัดสินอะไรกับมันได้ หากเพราะมันเป็นสิ่งที่เราใช้สุนทรียศาสตร์ในการดื่มด่ำ เสพสิ่งที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมา มันจึงเป็นสิ่งที่สวยงามไม่ว่าจะอยู่ในส่วนใดของชีวิตก็ตาม ถึงอย่างนั้นมันอาจไม่ได้เป็นประเด็นที่ตีตลาดทุกคนในสังคมได้ทั้งหมด มันยังถือเป็นความชอบเฉพาะกลุ่ม (ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องผิดแปลกอะไร) หลายคนเลยมักจะติดภาพเดิม ๆ ที่ว่าศิลปะไม่ใช่เรื่องสำหรับทุกคน เข้าถึงยาก ต้องเป็นคนอาร์ต แต่ UNLOCKMEN อยากจะพาทุกคนไปรู้จักกับพื้นที่ ที่จะทำให้ศิลปะกลายเป็นเรื่องของทุกคน เป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถเรียนรู้ได้ ที่ “GOOSE LIFE SPACE” พื้นที่ของศิลปะในทุกวันนี้ อาจไม่ได้จำกัดอยู่แค่รูปแบบเดิม ๆ ที่จะต้องเป็นพื้นที่สำหรับ Gallery หรือ Scrupture ที่ทำได้แค่เดินดูเท่านั้น อย่างที่ “Goose Life Space” เป็นพื้นที่สำหรับ Art ในหลายรูปแบบ ด้วยความตั้งใจของคุณมะม่วง วรุตม์ ศรีชัยพฤกษ์ และคุณฟลุ๊ค สมัชชา พ่อค้าเรือ ที่เลือกพื้นที่ตรงนี้ให้เป็นพื้นที่สำหรับ Installation และมีพื้นที่อีกชั้นสำหรับ Live Performance ที่พร้อมรองรับ Performance ทุกรูปแบบ ส่วนความสะดวกสบายในการเดินทางของที่นี่ถือว่าอยู่ในทำเลที่ดีมาก เพราะอยู่ติด BTS สถานีสนามเป้า
“งานศิลปะมักจะถูกออกแบบมาในรูปแบบที่ต้องเป็นผลงานเอ็กซ์คลูซีฟมาก ๆ มีเพียงบางกลุ่มคนที่สามารถเข้าถึงงานศิลปะเหล่านั้นได้ แต่ก็ไม่ใช่เช่นนั้นเสมอไป และนี่คือเหตุผลที่งานศิลปะของแสนสิริจะถูกนำเสนอให้เข้ากับคนทุกกลุ่ม” ประโยคนี้เพียงประโยคเดียวจากคุณอู้-นพปฎล พหลโยธิน Chief Creative Officer of Sansiri ก็ทำให้เราเข้าใจที่มาของการแสดงงานศิลปะจำนวนมากที่แสนสิริจัดขึ้น เพราะไม่ว่าจะผลงานของศิลปินระดับชาติหรือระดับโลก เราก็สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น เพราะแสนสิริมุ่งมั่นที่จะทำให้ศิลปะเป็นเรื่องของทุกคน “Sansiri presents Miquel Barceló : DESPINTURA FóNICA” งานแสดงศิลปะโดย Miquel Barceló ศิลปินชาวสเปนที่มีผลงานเป็นที่ยอมรับระดับโลกซึ่งจะมาจัดแสดงงานแบบสด ๆ ต่อหน้าผู้ชมใจกลางแม่น้ำเจ้าพระยาในวันที่ 1-2 พฤศจิกายน ก็มีจุดเริ่มต้นเดียวกัน จุดเริ่มต้นที่แสนสิริอยากให้ทุกคนสามารถสัมผัสประสบการณ์ศิลปะเวิล์ดคลาสได้ และเราคิดว่างานครั้งนี้ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง และเพื่อให้เราดื่มด่ำ Sansiri presents Miquel Barceló : DESPINTURA FóNICA ได้ลึกซึ้งมากขึ้น UNLOCKMEN ได้รับเกียรติจากคุณอู้-นพปฎล พหลโยธิน Chief Creative Officer of Sansiri มาพูดคุยถึงที่มาของการแสดงศิลปะครั้งนี้ พร้อม ๆ กับเติมเต็มความสงสัยของเราที่ว่าองค์กรที่ดูแลเรื่องอสังหาริมทรัพย์ทำไมถึงต้องให้ความสำคัญกับศิลปะขนาดนี้ ? เพราะบ้านเติมเต็มร่างกาย ศิลปะเติมเต็มจิตใจ Sansiri presents
เย็นวันหนึ่งเราและตากล้องมีนัดไปถ่ายงานแถวทองหล่อ นอกจากชื่อร้าน ‘Thaipioka’ เราก็ไม่มีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับร้านนี้อีกเลย และเราคิดว่าการไปฟังเรื่องราวที่มาที่ไปของร้านจากปากเจ้าของเองน่าจะดีกว่า นอกจากนั้นยังสร้างอารมณ์ร่วมให้เรารู้สึกตื่นเต้นด้วยว่า Thaipioka จะมีหน้าตาอย่างไร แต่ด้วยการจราจรแสนติดขัดของเมืองหลวง ทำให้ระหว่างทางเราเผลอหลับ รู้สึกตัวอีกทีก็อยู่ที่ลานจอดรถโรงแรม Salil Hotel ในซอยทองหล่อ 1 แล้ว ซึ่งถ้าใครจินตนาการออก การเผลอหลับบนรถและโดนปลุกขึ้นมาอย่างกะทันหันจะรู้สึกงัวเงีย ปวดหัว ไม่สดชื่น เราเดินต่อไปอีกนิดหน่อย ห่างจากจุดที่ลงรถไม่ไกลก็เจอทางเข้า Thaipioka เป็นประตูไม้ ตกแต่งเรียบหรู เราผลักประตูและเดินเข้าไป ภายในคือบาร์ขนาดไม่เล็ก ไม่ใหญ่ บรรยากาศดู Cozy และลึกลับ ประดับบรรยากาศด้วยไฟสีส้มสลัว เคาน์เตอร์ทอดยาวไปสุดทางเดิน มีโต๊ะสำหรับนั่งดื่มอยู่ประมาณ 2-3 โต๊ะ เหมาะมากถ้าจะมาทำความรู้จักกับคนแปลกหน้าในร้านนี้ ด้วยบรรยากาศที่สงบเงียบ มวลอากาศเย็นจากเครื่องปรับอากาศ เสียงเพลงเปิดคลอเบา ๆ เป็นฉากหลัง และกลิ่นหอมจาง ๆ จากบรรดาวัตถุดิบสำหรับสร้างสรรค์ค็อกเทลหลายชนิด ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย อาการปวดหัวงัวเงียไม่สดชื่น พลันมลายหายไปกลายเป็นความคึกคักโดยไม่รู้ตัว หน้าตาโดยรวมของ Thaipioka แตกต่างจากที่เราคิดไว้พอสมควร ไม่สิ ต้องพูดว่ามันดูดีกว่าที่เราคิดไว้มาก มันมีความเท่ ทันสมัย ไม่ใช่บาร์ไม้ทรงไทยอย่างที่เราจินตนาการจากชื่อเอาไว้แต่แรก หลังจากเสพบรรยากาศของร้านจนพอใจแล้ว เราก็เริ่มต้นบทสนทนากับบาร์เทนเดอร์เพื่อทราบถึงที่มาที่ไปของบาร์แห่งนี้ คอนเซ็ปต์สำคัญของ