// พูดได้ว่ากีฬาวิ่งถือเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ได้รับความนิยมอย่างมากสำหรับคนทุกเพศทุกวัย ซึ่งในปัจจุบันงานวิ่งมีรูปแบบงานที่หลากหลายมากขึ้น ไม่ใช่แค่เพียงการออกกำลังกายอย่างเดียว แต่เริ่มที่จะเพิ่มธีมงานหรือจัดกิจกรรมสนุก ๆ สอดแทรกเข้ามาสร้างสีสันให้กับงานวิ่ง เรียกให้นักวิ่งหรือคนที่ไม่เคยมาวิ่งต้องมาสมัครเพื่อสัมผัสประสบการณ์ใหม่กันสักครั้ง ซึ่งงานวิ่งลักษณะนี้มีจัดกันทั่วโลก เรียกว่าถ้าพูดชื่อออกมา หลายคนต้องร้องอ๋อ เช่น The Color Run งานวิ่งสาดสีอันโด่งดัง ที่มีจุดเริ่มต้นมาจากสหรัฐอเมริกา, งาน One Piece Run งานวิ่งในธีมการ์ตูนเรื่องดังอย่างวันพีช และล่าสุด งานวิ่งที่เพิ่งจบไปเมื่อวันเสาร์ที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา ‘LEO Runไตร’ งานวิ่งที่รวบรวมเอาความสนุกของการวิ่ง การเต้น และการร้องมาผสานรวมกันอย่างลงตัว จะว่าไปแล้ว LEO Runไตร ถือเป็นงานวิ่งครั้งแรกของไทยที่ดึงเอาความมันส์ของการวิ่ง การเต้นและการร้อง มาผสานรวมกันอย่างลงตัว ให้นักวิ่ง (และคนที่ไม่ใช่นักวิ่ง แต่เป็นสายร้อง สายเต้น) ได้ออกมาปลดปล่อยความมันส์กันอย่างเต็มที่ งานสนุกๆ แบบนี้มีหรือที่ทีมงาน UNLOCKMEN จะพลาดไปสัมผัสประสบการณ์การวิ่ง เต้น และร้องในงานเดียวกันครั้งแรกของไทย และยังเก็บภาพบรรยากาศมาฝากคนที่พลาดจากงานนี้ด้วย • RUN DANCE SING • ตั้งแต่ก้าวขาเข้ามาในสนามข้าง ๆ แอร์พอร์ตลิงก์
ความกลัว ความวิตกกังวล และสารพัดอารมณ์ด้านลบในชีวิตเป็นสิ่งท้าย ๆ ที่มนุษย์อย่างเราอยากเผชิญ คงจะดีไม่น้อยถ้าเรามีวิธีจัดการกับอารมณ์แย่ ๆ ของตัวเองที่อัดแน่นจวนระเบิดได้อย่างอยู่หมัด ไม่ต้องฝันถึงวิธีการที่ว่าอีกต่อไป เมื่อนักวิจัยค้นพบว่ามันมีวิธีจัดการอารมณ์แย่ ๆ ที่วนเวียนอยู่ในตัวเราได้จริง แค่ขอกระดาษ ปากกา และเวลาอยู่กับตัวเองแบบโฟกัส ๆ เพียง 30 วินาทีเท่านั้น เมื่อศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาอย่าง Matthew Lieberman ได้เป็นผู้นำในการทำงานวิจัยที่ชื่อว่า Putting Feelings Into Words: Affect Labeling Disrupts Amygdala Activity in Response to Affective Stimuli. โดยการทำการทดลองดูภาพในสมองของมนุษย์เมื่อมนุษย์เกิดความกลัว วิธีการก็คือ เขาให้กลุ่มตัวอย่างเผชิญหน้ากับความรู้สึกกลัวของตัวเอง จากนั้นก็บอกให้พวกเขาค่อย ๆ หยิบกระดาษกับปากกา มาค่อย ๆ คิดว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับตัวเองนั้นคือความรู้สึกอะไร แล้วก็เขียนลงไป ระหว่างการทดลอง ผู้เข้าร่วมอาจต้องเจอภาพที่ทำให้พวกเขาหวาดกลัว 10 ภาพ แต่ละภาพพวกเขาก็ต้องเขียนลงไปให้ชัดเจนว่ารู้สึกอะไรกับมันกันแน่ ถ้านึกภาพไม่ออก UNLOCKMEN อยากให้ลองคิดว่า
ในบางครั้งสถานที่ทำงาน หรือ Office ที่เคยเงียบสงบ จากที่ทุกคนต่างก้มหน้าก้มตาทำงานตามหน้าที่ของตัวเอง ก็กลับกลายเป็นสนามรบไปโดยปริยายเมื่ออยู่ในห้องประชุม หรือเสร็จจากการประชุมออกมาหมาด ๆ เพราะนี่เป็นช่วงที่อารมณ์ของใครบางคนอาจจะกำลังเดือดพล่านได้ที่ หลังจากเกิดความไม่พอใจ และมีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันในเรื่องของการทำงาน รวมไปถึงอาจจะมีการเหม็นขี้หน้ากันเป็นการส่วนตัวอยู่ก่อนหน้านี้อยู่แล้ว เราทุกคนรู้อยู่แล้วว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ควรจะเกิดขึ้น แต่บางครั้งมันก็เลี่ยงไม่ได้ บางทีคุณเองอาจจะเป็นคนที่ไปเหยียบตาปลาใครเข้าโดยไม่รู้ตัว จนโดนทุ่มเก้าอี้ใส่กลาง Office ก็ได้เหมือนกัน ดังนั้น ถ้าหากคุณรู้ตัวว่า คุณเป็นคนที่โดนหมายหัวอยู่ หรือรู้สึกถึงความเป็นไปได้ว่า สักวันนึงจะต้องซัดกับใครสักคนใน Office อย่างแน่นอนแล้วล่ะก็ ต้องเตรียมตัวให้พร้อม คุณเคยรู้มั้ยว่า ภายใน Office ของเรานั้นมีของที่สามารถนำมาเปลี่ยนเป็นอาวุธได้มากมายเต็มไปหมด ทั้งแบบที่ต้องนำมาดัดแปลง หรือจะเป็นสิ่งของแบบที่หยิบมาได้ก็ฟาดแม่งดื้อ ๆ วันนี้เราจึงได้นำเอา 7 สิ่ง ที่ผ่านการคัดมาแล้วว่า คุณจะได้รับชัยชนะอย่างแน่นอนหากเกิดการต่อสู้ภายใน Office มาให้กับท่านทั้งหลายได้นำไปลองใช้กัน The Pencil Crossbow เพียงแค่คุณมีดินสอ กับหนังยางอีกสักกำมือนึง คุณก็พร้อมที่จะทำร้ายศัตรูใน Office ได้จากระยะไกลแล้ว โดยคุณแค่เพียงทำการติดกาวดินสอทั้งหมดให้เป็นรูปทรงไม้กางเขน จากนั้นก็นำหนังยางมาผูกเอาไว้ที่ปลายของดินสอทั้งด้านซ้าย และด้านขวา คุณก็จะได้หน้าไม้อันจิ๋วสำหรับการยิงเป็นที่เรียบร้อย จากนั้นให้คุณเลือกเอาเลยว่า อยากได้กระสุนร้ายแรงขนาดไหน ถ้าไม่รุนแรงมากก็อาจจะหยิบเอาดินสอปลายแหลม
เห็ดเมา / เห็ดขี้ควาย หรือ magic mushroom ที่ฝรั่งเรียกกันถือเป็นหนึ่งในยาเสพติดประเภท 5 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 ที่ระบาดอย่างมากตามหมู่เกาะต่าง ๆ ซึ่งเป็นแหล่งรวมตัวนักท่องเที่ยวทั้งหลาย โดยเห็ดเมา (เห็ดขี้ควาย) จะระบาดอย่างมากในหน้าฝนบ้านเรา เนื่องจากเป็นช่วงที่เจริญเติบโตได้เป็นอย่างดี สำหรับเห็ดชนิดนี้จัดอยู่ในวงศ์ Strophariaceae เป็นเห็ดที่มีฤทธิ์กับระบบประสาท มีขึ้นอยู่ตามกองมูลควายแห้ง สีของเห็ดจะมีสีเหลืองซีดคล้ายสีฟางแห้ง บนหัวของร่มจะมีสีน้ำตาลเข็มจนถึงสีดำ บริเวณก้าน ที่ใกล้จะถึงตัวร่ม จะมีแผ่นเนื้อเยื่อบาง ๆ สีขาวแผ่ขยายออกรอบก้าน แผ่นนี้มีลักษณะคล้ายวงแหวน เห็ดขี้ควายมีขึ้นอยู่ทั่วไปแทบทุกภาคของประเทศไทย ซึ่งผู้รับประทานส่วนใหญ่มักจะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ คิดว่ามันไม่ใช่ยาเสพติดทำให้กินเข้าไปราวกับขนมทานเล่น อาการของผู้ที่รับประทานเห็ดเมา จะมีอาการมึนเมา ประสาทหลอน ไม่สามารถลำดับทิศทาง เห็นภาพ แสง สีต่างๆ ลวงตา มีความคิดและอารมณ์เปลี่ยนแปลงคล้ายกับยา MDMA หรือ LSD ทำให้เป็นนิยมอย่างมากในหมู่นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบปาร์ตี้นำมากินแบบสด ๆ หรือมาปั่นรวมกับเครื่องดื่มมึนเมา หรือมิลค์เชค เพื่อให้เกิดความเพลิดเพลิน แต่ขึ้นชื่อว่าจัดอยู่ในประเภทยาเสพติดยังไงซะก็ไม่มีผลดีอย่างแน่นอน เพราะจากการวิจัยล่าสุดขององค์การอาหารและยาแห่งสหประชาชาติได้ทำการศึกษาพบว่า คนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วเห็ดเมาคือยาเสพติดประเภทหนึ่งซึ่งเกิดเป็นความเข้าใจผิดคิดว่ามันไม่มีโทษ
หลายคนอาจจะร้องยี้ หากพูดถึงการอาบน้ำเย็น ๆ ในฤดูฝนเช่นนี้ แต่ประเทศไทยเป็นเมืองร้อนการอาบน้ำอย่างน้อยวันละ 1-2 ครั้งถือเป็นเรื่องจำเป็นอย่างมาก แต่ก็น่าแปลกที่อากาศร้อนขนาดนี้พวกเราก็ยังชื่นชอบน้ำอุ่นมากกว่าน้ำเย็นคงเป็นเพราะน้ำอุ่นให้ความรู้สึกผ่อนคลายต่อกล้ามเนื้อ และบรรเทาอาการเครียดได้ดีเยี่ยม จึงไม่น่าแปลกใจหากคนส่วนใหญ่จะเป็นแฟนพันธ์ุแท้การอาบน้ำอุ่น แม้ในสภาพอากาศร้อนอบอ้าว แต่วันนี้ UNLOCKMEN ไปค้นเจอเหตุผลดี ๆ ที่ทุกคนควรจะอาบน้ำเย็นจัดอย่างน้อยวันละหนึ่งครั้งต่อสัปดาห์ ปลุกร่างกายของคุณให้สดชื่นในตอนเช้า แม้ว่าการอาบน้ำเย็นในตอนเช้าจะทำให้คุณรู้สึกทรมาน แต่การอาบน้ำเย็นได้รับการยืนยันแล้วว่าจะปลุกประสาทสัมผัสในร่างกายของคุณให้ตื่น ยิ่งกว่านั้นจะช่วยเพิ่มสมาธิให้คุณอีกด้วย สังเกตไหมว่าหากในตอนเช้าคุณเลือกที่จะอาบน้ำอุ่น ร่างกายของคุณจะยังคงรู้สึกตกอยู่ในภวังค์ยังคงมีอาการมึนงง ง่วงอยากกลับไปนอนที่เตียงต่อ หรือคุณต้องใช้เวลาแช่อยู่หน้าฝักบัวนานกว่าที่ควรจะเป็น ดังนั้นการอาบน้ำเย็นจัดเพื่อปลุกตัวคุณในตอนเช้าอาจจะดีกว่าการดื่มกาแฟเสียด้วยซ้ำ ช่วยเผาผลาญดีเยี่ยม หลังจากการออกกำลังกายอันเหน็ดเหนื่อยแม้ว่าการจุ่มแช่น้ำอุ่น ๆ จะเป็นการทำให้กล้ามเนื้อของคุณรู้สึกผ่อนคลาย แต่เชื่อไหมว่าการอาบน้ำเย็นจัด จะช่วยเผาผลาญร่างกายของคุณแถมเพิ่มความสดชื่นกลับคืนมาให้ดียิ่งขึ้น เพราะความหนาวเย็นจะกระตุ้นร่างกายให้ผลิตไขมันสีน้ำตาลที่เป็นไขมันชั้นดีใช้ในการเผาผลาญพลังงาน ให้ดูตัวอย่างจากนักกีฬามากมายที่เลือกจะลงไปแช่ในถังน้ำแข็งหลังจากการออกกำลังกายที่หนักหน่วงนั่นเอง ผิวเรียบเนียน ไร้สารพิษตกค้าง อย่างที่เรารู้ว่าน้ำร้อนช่วยเปิดรูขมขนทำให้ผิวสะอาด แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นสาเหตุให้ผิวแห้งแตกเป็นขุย ๆ เช่นกัน ต่างจากการน้ำเย็นก็ช่วยทำให้ผิวเรียบเนียนปรับสภาพผิวของคุณทำให้รูขุมขนและผิวหนังกระชับมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยในการล้างพิษที่ผิวของคุณให้หมดจดไป ดังนั้นการอาบน้ำ หรือล้างหน้าด้วยน้ำเย็นจึงเหมาะสำหรับผู้ชายที่ไม่ค่อยพิถีพิถันในเรื่องการบำรุงผิวมากนัก ภูมิต้านทาน ไม่ป่วยง่าย การอาบน้ำเย็นป็นวิธีที่ดีในการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของคุณ เพราะการอาบน้ำเย็นจะช่วยให้ร่างกายของคุณผลิตเซลล์เม็ดเลือดขาวมากขึ้น ซึ่งเซลล์เม็ดเลือดขาวเป็นเซลล์ที่มีหน้าที่ปกป้องร่างกายของคุณจากเชื้อโรค นอกจากนี้เซลล์เม็ดเลือดขาวยังทำหน้าที่ในการขจัดสารพิษ เชื้อไวรัส แบคทีเรีย แล้วยังทำหน้าที่ในการกลืนและทำลายเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกายอีกด้วย แต่ก็ไม่ควรสระผมด้วยน้ำเย็นจัด เพราะจะทำให้ป่วยง่าย อาบน้ำเย็นแล้วปึ๋งปั๋ง น้ำเย็นนั้นมีประโยชน์ทวีคูณอย่างยิ่งสำหรับผู้ชายอย่างเรา
การทำอะไรสักอย่างที่มากเกินไป มักส่งผลไม่ค่อยดีให้กับผู้กระทำมากสักเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การใช้ชีวิต หรือความสัมพันธ์ เพราะอย่างนั้นเรามักจะได้ยินวลีคุ้นหูอยู่บ่อย ๆ ว่า Work-Life Balance ที่แนะนำการใช้ชีวิตให้มีความสมดุลกัน ทั้งการทำงานและการใช้ชีวิตด้านอื่น ๆ เพื่อคอยเตือนใจให้เรารู้จักปรับตัวเองอยู่เสมอ นอกจากการทำงานและการใช้ชีวิตแล้ว ยังมีอีกเรื่องที่น่าเป็นห่วงในสังคมปัจจุบัน นั่นก็คือเรื่องของการเสพติดโซเชียลของคนยุคนี้ อาจเพราะข้อมูลในปัจจุบันมีความเร็วและการเข้าถึงที่ง่ายขึ้นกว่าในอดีต จึงทำให้คนในปัจจุบันเสพติดข่าวและความรวดเร็วของข้อมูล ตลอดเวลามีงานวิจัยจำนวนไม่น้อยที่ระบุว่าการเล่นโซเซียลที่มากเกินไปสร้างผลกระทบให้แก่ชีวิต และนี่ก็เป็นอีกงานวิจัยที่ UNLOCKMEN นำมายืนยันให้อีกเสียง เพื่อให้ทุกคนได้เริ่มต้นสำรวจและถามตัวเองดูว่าทุกวันนี้เราเล่นมากเกินไปจนความสุขน้อยลงไปหรือเปล่า? งานวิจัยที่ว่านี้ มาจากมหาวิทยาลัย Yale และมหาวิทยาลัย California ที่เกิดขึ้นจากการสำรวจพฤติกรรมของผู้ใช้งาน Facebook กว่า 5,208 คน ตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยขอความร่วมมือกับผู้ที่เข้าร่วม ให้แชร์ข้อมูลกิจกรรมบน Facebook ตั้งแต่ข้อมูลการกดไลค์ กดแชร์ สเตตัสของตน และความรู้สึกด้านสภาพจิตใจ แก่เหล่านักวิจัยเป็นระยะ ๆ ผลจากการศึกษาพบว่าการใช้ Facebook เกินกว่ามาตรฐานเฉลี่ย 5-8% จะทำให้ความสุขและความพึงพอใจในตัวเองของกลุ่มทดลองลดลงไปอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งแปลได้ว่า “คนที่เล่น Facebook มากเกินไปจะมีความสุขน้อยกว่าคนที่ไม่ค่อยเล่น”
#ลงทุนแมน กล้าเริ่มคิดอะไรใหม่ๆโดยที่ไม่กลัวจะพลาด
ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าบุหรี่นั้นเป็นสิ่งที่ไม่ดี แต่ก็ไม่รู้เพราะเหตุใดทุก ๆ ปีจะมีอัตราแนวโน้มผู้สูบบุหรี่เพิ่มขึ้นตลอดเวลา ยิ่งในปัจจุบันบุหรี่ได้แพร่หลายไปอย่างกว้างขวางทั้งเพศหญิง ชาย และที่น่าตกใจคือช่วงวัยของผู้เริ่มต้นสูบบุหรี่ก็ลดลงเรื่อย ๆ ทั้งที่มีกฎหมายห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ซื้อขายบุหรี่ ซึ่งเหตุผลที่ผู้สูบบุหรี่ยังคงมีจำนวนเพิ่มขึ้น ต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งมาจากความเชื่อที่ผิด ๆ เกี่ยวกับเรื่องการสูบบุหรี่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่คนคิดว่าสูบบุหรี่แล้วทำให้หายเครียด ซึ่งแท้จริงความเครียดดังกล่าวเกิดจากที่ร่างกายต้องการได้รับสารนิโคตินจากบุหรี่ที่เคยสูบ เนื่องจากหากขาดสารนิโคตินเรามักจะกระวนกระวาย หงุดหงิด ขาดสมาธิ มึนศีรษะ เหม่อลอย บางคนนอนไม่หลับ และบางคนมีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ครั่นเนื้อครั่นตัว ถ้าคุณไม่มีความตั้งใจแน่วแน่เข้มแข็งในการเลิกสูบ สักวันก็จะหวนกลับไปสูบบุหรี่ได้อีก รวมทั้งความเชื่อในเรื่องของบุหรี่ชนิดที่เรียกว่า “light” (รสชาติอ่อน) เหมาะสำหรับคนที่กำลังคิดจะเลิกสูบบุหรี่ เพราะเชื่อกันว่าบุหรี่รสอ่อนมีอัตรายน้อยกว่าบุหรี่ปกติ ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้ากันใจผิดอย่างมาก และได้เวลาทำความเข้าใจกันใหม่เสียที การศึกษาล่าสุดของศูนย์มะเร็งประจำมหาวิทยาลัย Ohio State เปิดเผยว่า จริง ๆ บุหรี่ประเภท mild , light , ultralight ล้วนเป็นคำโฆษณาหลอกลวงผู้บริโภคจากบริษัทผู้ผลิตบุหรี่ ด้วยการลดปริมาณนิโคติน และทาร์ลง เพื่อให้ผู้สูบหลงผิดเชื่อว่าบุหรี่ไลท์มีอันตรายต่อสุขภาพน้อยกว่าบุหรี่ทั่วไป ซึ่งจากการสำรวจพบว่าผู้สูบร้อยละ 75 เชื่อว่าบุหรี่สารทาร์ต่ำมีอันตรายต่อสุขภาพน้อยกว่าบุหรี่ทั่วไป
ตอนยังเด็กเราทุกคนถูกปลูกฝังว่าต้องเก่ง ต้องตั้งใจเรียน ชีวิตจะได้ดี ๆ มีเงิน มีทอง มีบ้าน มีทุกอย่างที่อยากมี เป็นเป้าหมายแรกเป้าหมายเดียวในชีวิตที่ต้องทำ ทำให้วัยเด็กพวกเราหลายคนเติบโตกันมาแบบเรียนพิเศษหนัก ๆ อ่านหนังสือหามรุ่งหามค่ำเพื่อให้ได้สิ่งที่เรียกว่าผลการเรียน 4.00 หรือ A มาครอบครอง จนทำให้เราเผลอพลาดช่วงเวลาที่มีความสุขและเรียนรู้การใช้ชีวิตจริง ๆ ไปแบบน่าเสียดาย แต่ก็ไม่ผิดที่คนส่วนใหญ่คิดแบบนั้น เพราะการเรียนเก่งก็หมายถึงเรามีความตั้งใจ มีความพยายาม เข้าใจบทเรียนและเรียนรู้ได้ไวในชั้นเรียน แต่จริง ๆ แล้วจะมีสักกี่คนที่รู้และปลูกฝังสิ่งใหม่ให้กับเด็กได้ว่า สิ่งที่ทำอยู่มันไม่ใช่สูตรสำเร็จของการใช้ชีวิตเสมอไป เพราะชีวิตไม่ได้มีแค่การเรียนให้เก่ง แต่มันคือการอยู่ให้เป็นในโลกแห่งความจริงต่างหาก ดังนั้น UNLOCKMEN เลยมี 5 ข้อคิดที่เสริมเหตุผลว่าทำไมคนที่ประสบความสำเร็จในห้องเรียน ถึงไม่ค่อยประสบความสำเร็จในการใช้ชีวิตจริงมาให้ดูกัน 1. การใช้ชีวิตจริงไม่ได้มีให้เรียนรู้ในโรงเรียน โรงเรียนสอนวิชาเลขว่าคิดเลขอย่างไร สอนวิชาเคมีว่าต้องรู้สูตรว่าอะไรผสมอะไรจะออกมาเป็นอะไร ไม่ใช่หลักสูตรพวกนี้ไม่ดี แต่หลักสูตรของโรงเรียนไม่ได้มีความสมบูรณ์แบบทั้งหมดต่างหาก ใช่ว่าการเข้าไปโรงเรียนและเรียนรู้วิชาเลข วิทยาศาตร์ สุขศึกษาได้หมดคือครบจบแล้ว แต่มันยังขาดสิ่งที่มีความจำเป็นอย่างมากอยู่ นั่นก็คือหลักสูตรการใช้ชีวิต ที่ถือว่ามีความสำคัญมากที่สุดเลยก็ว่าได้ แต่กลายเป็นว่าโรงเรียนส่วนใหญ่กลับไม่มีสอนเด็กที่เดินออกมาใช้ชีวิตจริง ว่าต้องคิดอย่างไร ต้องปรับตัวอย่างไร 2. ชีวิตเป็นเรื่องไม่มีบทเรียนกำหนด ถ้าคุณเรียนจบแล้ว จงจำไว้ว่าที่คุณได้เรียนรู้ในโรงเรียนไม่เพียงพอที่จะนำไปสู่ชีวิตที่ดีได้ จงอย่าเชื่อสุ่มสี่สุ่มห้าในสิ่งที่คนอื่นบอกเล่าว่าตั้งใจเรียนวิชานี้ให้เก่งสิ จะเป็นโปรแกรมเมอร์
เรามักหยิบยกเรื่องอายุมาเป็นข้ออ้างสำหรับการบ่ายเบี่ยง หรือยอมแพ้ต่ออุปสรรคเมื่อเจอปัญหา หรือเรามักได้ยินคนพูดว่าแก่เกินกว่าจะมาลองผิดลองถูกกับเรื่องต่าง ๆ จนพาลให้ชีวิตติดอยู่ในกรอบที่ซ้ำซากจำเจ สุดท้ายพอถึงวัยที่ร่างกายไม่เอื้ออำนวยแล้ว ก็ได้แต่มานั่งเสียดายที่ปล่อยชีวิตให้ล่องลอยไปเช่นนั้น แต่ UNLOCKMEN ขอนำเรื่องของคุณปู่ท่านหนึ่งที่เราเชื่อว่าสามารถสร้างแรงบันดาลใจจนทุกคนจะลืมเรื่องอายุที่เป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิตไปได้เลย ชายวัย 80 ที่โด่งดังไปทั่วโลกเมื่อช่วงปี 2015 หลังจากได้ขึ้นแฟชั่นโชว์ของของดีไซเนอร์ชาวจีนในงานไชน่าแฟชั่นวีค เขาคือ หวังเต๋อซุน (Wang Deshun) คุณปู่สุดฮอตตามฉายาที่โลกออนไลน์มอบให้ หากเราไปไล่ดูชีวิตของเขาก็บอกเลยว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเดินมาถึงจุดนี้ได้ เพราะหวังเต๋อซุนเกิดและเติบโตที่เมืองเสิ่นหยางทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศจีน ครอบครัวของเขามีฐานะยากจน ทำให้หวังเต๋อซุนต้องทำงานหนักตั้งแต่ยังเด็ก ในช่วงเวลาที่เด็กคนอื่น ๆ ได้เรียนหนังสือ ตัวเขาต้องไปเป็นพนักงานในโรงงานของกองทัพ ทำหน้าที่ซ่อมปืนเพื่อหาเลี้ยงตัวเอง เขาทำงานในกองทัพอยู่เป็นเวลา 10 ปี จนกระทั่งมีโอกาสย้ายไปอยู่กับคณะละครเวทีฉางชุน หลังจากนั้นเขาก็เริ่มหลงใหลในการแสดงเรื่อยมา แม้ว่าจะไม่เคยผ่านการเรียนการแสดง แต่ด้วยความขยันใฝ่รู้ เขาจึงทำการศึกษาเรียนรู้เทคนิคการแสดงด้วยตนเอง จนค่อย ๆ พัฒนา และสร้างคณะละครใบ้เป็นของตัวเองในวัย 49 ปี จากนั้นเขาตัดสินใจเดินทางมาปักกิ่งเพื่อต่อยอด และนำเสนอในสิ่งที่เขาเชื่อ แต่ด้วยวัยที่มากขนาดนี้ การเริ่มต้นใหม่ในเมืองใหญ่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอีกเช่นกัน โดยเฉพาะเมื่อการแสดงละครใบ้ในสไตล์ของเขาเป็นแนวที่แตกต่างจากละครใบ้ธรรมดาทั่วไป ซึ่งละครใบ้ส่วนมากมักจะมุ่งเน้นไปที่ความตลกขบขัน แต่ละครของหวังเต๋อซุนให้ความสำคัญกับเรื่องปรัชญาและความหมายของชีวิต จึงทำให้ไม่ค่อยได้รับความสนใจ และไม่มีงานจ้าง หวังเต๋อซุนจึงพบกับความความล้มเหลวในการทำสิ่งที่ตนรัก ต้องกลายเป็นคนเร่ร่อน ไร้บ้าน