หากจะให้พูดถึงอย่างค่ายเพลงทางเลือก ที่แม้ไม่ได้มีสเกลขององค์กรที่ขนาดใหญ่โตอะไรมากมาย แต่ได้ผลิตผลงาน ผลิตศิลปินที่มีทั้งเอกลักษณ์ และคุณภาพป้อนสู่วงการเพลงมาอย่างยาวนาน เราเชื่อว่าชื่อแรก ๆ ที่โผล่เข้ามาในหัวของใครหลายคน คงหนีไม่พ้น Smallroom ค่ายเพลงเล็ก ๆ ที่โดดเด่นจนกลายเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของยุคเด็กแนวที่วัยรุ่นส่วนใหญ่ในช่วงเวลานั้นเป็นต้องอ่าน a day, ไปงาน Fat และฟังเพลง Smallroom ค่ายเพลงทางเลือกซึ่งเราพูดถึงในตอนแรกเริ่ม ที่เดินทางผ่านกาลเวลามาไม่ใช่น้อย แต่ก็ยังคงความร่วมสมัยภายใต้ตัวตนที่แทบไม่ต่างไปจากเดิม ตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงปัจจุบัน จากความน่าสนใจนี้ คอลัมน์ ZERO to HERO จึงขอพาชาว UNLOCKMEN ทุกท่าน ร่วมย้อนเหตุการณ์ผ่านความทรงจำ และ ประสบการณ์อันเข้มข้นของ ‘รุ่ง-รุ่งโรจน์ อุปถัมภ์โพธิวัฒน์’ หรือที่ศิลปิน และใคร ๆ ต่างเรียกเขาว่า ‘พี่รุ่ง’ หัวเรือใหญ่แห่งค่าย Smallroom ผู้เป็นที่เคารพรัก และมักจะได้ยินศิลปินในค่ายกล่าวถึงเขาบ่อย ๆ ด้วยสไตล์การทำงานแบบคลุกวงในคอยให้คำแนะนำปรึกษา แต่งเพลง ช่วยโปรดิวซ์ แม้กระทั่งถ่ายทำ MV ให้ เรียกได้ว่ามีส่วนร่วมแทบทุกขั้นตอน กับชุดคำถามที่ว่าทำไมค่ายเพลงอิสระที่เริ่มต้นจากห้องเล็ก ๆ
นั่งทำงานนาน ๆ ทีไร ทำไมปวดหลัง ปวดไหล่ทุกที แต่รู้มั้ยว่าระหว่างที่นั่งทำงานอยู่นั้น เราสามารถเปลี่ยนอิริยาบถหรือท่าทางต่าง ๆ เพื่อออกกำลังกายไปพร้อมกันได้ เพราะโดยเฉลี่ยแล้ว คนส่วนใหญ่มักจะนั่งทำงาน 7-8 ชั่วโมงในหนึ่งวันหรือบางคนอาจมากกว่านั้น ซึ่งการนั่งนาน ๆ โดยไม่เปลี่ยนอิริยาบถบ่อย ๆ หรือขยับเขยื้อนร่างกายไปทำกิจกรรมอื่นบ้าง อาจทำให้เกิดอาการออฟฟิศ ซินโดรม รวมถึงส่งผลเสียต่อสุขภาพและบุคลิกภาพในระยะยาวได้ เช่น อาการปวดหลัง ปวดไหล่ ไหล่ห่อ หลังค่อม ฯลฯ วันนี้ UNLOCKMEN มีข้อมูลและคำแนะนำดี ๆ จาก เทรนเนอร์ ฟิตเนส เฟิรส์ท ประเทศไทย ในเรื่องของการนั่งติดโต๊ะนาน ๆ ไม่ว่าจะเป็นการนั่งทำงาน นั่งดูทีวี หรือเล่นโทรศัพท์ อาจทำให้กล้ามเนื้อบริเวณหน้าอก และบ่า ต้องรับภาระหนัก จึงต้องกระตุ้นให้มีการยืดเหยียดบ้าง ส่วนกล้ามเนื้อหน้าท้อง ก้น และต้นขาด้านหลัง มักจะอ่อนแรงเพราะไม่ค่อยได้ขยับตัว จึงต้องเสริมให้แข็งแรงขึ้น ด้วย 5 ท่าเวิร์คเอาท์ชิล ๆ ที่จะช่วยทำให้กล้ามเนื้อได้ผ่อนคลาย
ตลอดช่วง 4 – 5 ปีที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่าชื่อของ ‘กันต์ กันตถาวร’ นั้นได้ถูกกล่าวขวัญถึงในฐานะพิธีกรดาวรุ่ง ที่ก้าวขึ้นสู่ระดับแถวหน้าของวงการ กับความโดดเด่นเรื่องปฏิภาณไหวพริบในการดำเนินรายการที่มีจังหวะจะโคน ลูกล่อลูกชนไม่แพ้ใคร รวมถึงสไตล์เฉพาะตัวซึ่งเป็นส่วนผสมสำคัญให้รายการต่าง ๆ ที่เขารับหน้าที่เป็นพิธีกรนั้นสนุกสนานน่าติดตามจนได้รับความนิยมไปทั่วบ้านทั่วเมือง แต่ถ้าย้อนกลับไปไกลกว่านั้น เชื่อว่าอีกหลายต่อหลายคนต่างรู้จัก ‘กันต์ กันตถาวร’ ในฐานะพระเอกหนุ่ม คิวแน่น งานชุก ก่อนที่จะหายหน้าลาจอเลิกรับงานละครไปแบบดื้อ ๆ แล้วอะไรที่ทำให้คนหนึ่งคนที่กำลังอยู่ในจุดพีคของอาชีพนักแสดง เลือกหยุดทุกอย่าง ข้ามสายอาชีพมาเริ่มต้นใหม่ เรียนรู้ใหม่ เพื่อไล่ล่าความสำเร็จใหม่อีกครั้งในฐานะพิธีกร วันนี้เราจะพาทุกท่านไปถาม ‘กันต์’ ให้รู้เรื่องกันสักที “ตอนนี้แต่งงานมีภรรยาแล้วครับ ส่วนเรื่องงานตอนนี้ผมทำอาชีพพิธีกรเป็นหลักประมาณ 99.99% เลยล่ะ” กันต์เริ่มต้นด้วยการอัพเดทชีวิต ณ ขวบปีนี้ของเขาให้เราฟัง ก่อนจะเล่าถึงสาเหตุคร่าว ๆ ที่หลายคนสงสัย ว่าทำไมจึงเลือกจะหยุดงานด้านการแสดงแล้วหันมาเอาดีบนเส้นทางพิธีกรอย่างเต็มตัว “สาเหตุที่ยังไม่ได้รับงานแสดงเนื่องจากว่า ผมว่ามันใช้เวลาเยอะในการทำงาน ซึ่งจริง ๆ มันเป็นอาชีพที่ผมรักมากนะการแสดง แต่ผมว่าผมรักมันเกินไปจนไม่สามารถแยกได้ ผมเคยทุ่มเทเวลาให้กับการแสดงมากจนกราฟชีวิตฝั่งการทำงานนี้มันแหลมอยู่ด้านเดียว และชีวิตด้านอื่นมันจะถูกหดลงไป เลยเริ่มรู้สึกว่าต้องบาลานซ์ แต่ผมยังไม่สามารถบาลานซ์ได้ขนาดนั้น และการทำอาชีพพิธีกรมันก็ตอบโจทย์กับสิ่งที่ผมต้องการตรงที่ว่ามันใช้เวลาสั้นกว่า
การจะตัดสินใจเลือกคอนโดมิเนียมแต่ละโครงการ นอกจากราคา พื้นที่ สิ่งอำนวยความสะดวก อีกจุดที่ควรจะใส่ใจมากเพราะสำคัญไม่แพ้กันคือพื้นที่สีเขียวในโครงการ เพราะการใช้ชีวิตประจำวันพวกเราไม่ได้อยู่แค่ในห้องหรือส่วนกลาง ดังนั้นการเลือกโครงการที่เน้นการทำให้ลูกบ้านทุกคนมีความสุข สุขภาพดี และมีวิถีการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน เพื่อเป็นการสานต่อวิถีชีวิตให้สมบูรณ์ ทั้งหมดคือสิ่งที่ วิสซ์ดอม สเตชั่น รัชดา – ท่าพระ โครงการที่พักอาศัยระดับคุณภาพย่านธนบุรีจาก MQDC มุ่งมั่นจนสามารถผ่านเกณฑ์อาคารเขียวหรือ TREES ในระดับ ‘Gold’ ที่เป็นการประเมินความยั่งยืนของอาคารจากสถาบันอาคารเขียวไทย (TGBI) ในประเภทก่อสร้างและปรับปรุงอาคารใหม่หรือ New Construction (TREES-NC) ถือเป็นการยืนยันถึงความมุ่งมั่นในการสร้างโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของบริษัทแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) และวิสซ์ดอม (Whizdom) แบรนด์ที่อยู่อาศัยของคนรุ่นใหม่ที่นำเสนอไลฟ์สไตล์ที่เชื่อมต่อกับเทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อมในย่านที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของกรุงเทพฯ การผ่านเกณฑ์อาคาร TREES ในระดับ Gold ถือเป็นการตอกย้ำถึงวิธีการทำงานภายใต้วิสัยทัศน์ “For All Well-Being” ที่ต้องการสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้กับทุกสรรพสิ่ง ภายใต้แนวคิด “นวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน” หรือ Sustainnovation ทำให้เราค้นคว้าหาวิธีการใหม่ ๆ เพื่อสร้างความเป็นอยู่ที่ดีอย่างยั่งยืน โดย MQDC
ถ้าพูดถึงนักแข่งรถยนต์สูตร 1 ผู้ชายหลายคนคงคุ้นเคยกับภาพลักษณ์ของนักแข่งตัวผอมเพรียวที่มาในชุด Race Suit แบบปกปิดมิดชิด ทำให้อาจเข้าใจผิดว่า นักแข่งเหล่านี้ไม่ผ่านการฝึกฝนกล้ามเนื้อเหมือนกับนักกีฬาประเภทอื่น ซึ่งเป็นความคิดที่ผิดแน่นอน เพราะนักขับเหล่านี้ต่างก็ต้องผ่านการฝึกฝนทางร่างกายในรูปแบบเฉพาะที่โหดและหนักไม่แพ้กีฬาชนิดอื่น แต่หนุ่ม ๆ หลายคนอาจไม่เคยรู้ว่า นักแข่งเหล่านี้ต้องสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อส่วนไหนบ้าง รวมถึงมีวิธีออกกำลังกายอย่างไร วันนี้เราจะพาทุกคนไปคลายข้อสงสัย และทำความรู้จักท่าออกกำลังของเจ้าชายแห่งความเร็วเหล่านี้ไปพร้อมกัน คอ (Neck) กล้ามเนื้อคอ หนึ่งในกล้ามเนื้อที่สำคัญสำหรับนักแข่งรถสูตร 1 สังเกตุได้จากขนาดคอของนักแข่งหลายคนที่มีขนาดเท่าหรือใหญ่กว่าศีรษะ โดยเหตุผลที่เหล่านักแข่งทุกคนต้องฝึกฝนกล้ามเนื้อคอให้แข็งแรง ก็เพื่อต่อสู้กับแรง G ที่เกิดขึ้นในการแข่งขัน เครื่องบันทึกความเร็วและแรง G ในของรถแข่งแสดงตัวเลขให้เห็นว่านักแข่งรถสูตร 1 ทุกคนจะต้องเจอกับแรง G ประมาณ 4-5 g ระหว่างการเบรกและ 2 g ระหว่างการเข้าโค้ง ความแข็งแรงของกล้ามคอที่ต้องรองรับน้ำหนักของศีรษะจึงเป็นสิ่งสำคัญที่นักแข่งทุกคนให้ความสำคัญ ท่าออกกำลังแนะนำ Dumbbell Shrug Face Down Dumbbell แขน (Arm) กล้ามเนื้อแขนเป็นเหมือนกับอาวุธประจำตัวสำหรับนักแข่งรถสูตร 1 ทุกคน เพราะแขนที่แข็งแรงจะช่วยควบคุมพวงมาลัยได้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความรวดเร็วและการให้น้ำหนักที่แม่นยำ รวมไปถึงช่วยยืนระยะกล้ามเนื้อให้สามารถใช้งานได้เต็มที่ตั้งแต่ต้นจนจบการแข่งขัน
ถ้าพูดถึงนักเกรดสีวิดีโอหรือที่เราคุ้นเคยกันในชื่อ Video Colorist เชื่อว่าหลายคนคงสงสัยว่าคนที่มีความสามารถในด้านนี้จะมีเส้นทางสู่อาชีพนี้ได้อย่างไร จะต้องเรียนฟิล์มหรือไม่ หรือควรมีมุมมองในการทำงานแบบไหน ซึ่งเส้นทางของแต่ละคนคงมีความแตกต่างกันออกไป แต่สำหรับชายที่ชื่อจิณณ์-โสธร ฉุดพิมาย เจ้าของช่องยูทูบและเพจ JINN DHR ชีวิตเส้นทางสู่การเป็น Video Colorist ของเขาคนนี้ มีทั้งมุมมองที่แตกต่างและประสบการณ์ที่น่าสนใจ แต่เส้นทางการเรียนรู้ชีวิตของเซียนทำสีคนนี้จะพบเจอกับอะไรมาบ้าง มารู้จักตัวเขาให้ดีขึ้นไปพร้อม ทางเดินที่เลือกเริ่มต้นด้วยตัวเอง ปัจจุบัน จิณณ์ โสธร ฉุดพิมาย หรือ จิณณ์ DHR คือ Video Colorist หรือนักเกรดสีวิดีโอ และยูทูบเบอร์เจ้าของช่อง Dusty Hue Room (DHR) ช่องครอบจักรวาลที่เปิดให้พูดคุยและแชร์ความรู้เรื่องงานภาพเคลื่อนไหว ไม่ว่าจะเป็นการจัดไฟ การถ่าย การตัดและเกรดสี รวมถึงเป็นอาจารย์สอนพิเศษในระดับมหาวิทยาลัยอีกด้วย แต่ก่อนจะมาถึงวันนี้ตัวเขาต้องใช้เวลาในการตามหาตัวเองและเรียนรู้สิ่งใหม่มามากจนนับไม่ถ้วนเลยทีเดียว จิณณ์พูดให้ฟังถึงจุดเริ่มต้นการตามหาสิ่งที่อยากทำในชีวิต โดยต้องย้อนกลับไปในสมัยมัธยมปลาย ช่วงเวลาที่เพื่อนและครูกำลังยิงคำถามถึงเขาบ่อย ๆ ว่า “จะไปเรียนต่อที่ไหน ?” โดยตัวเขาในเวลานั้นก็ตอบไปอย่างตรงไปตรงมาว่า “ฉันยังไม่มีที่ที่อยากจะเรียนต่อวะ ฉันขอไม่เรียนมหาลัยก็แล้วกัน” “ความคิดของเรามันตีกันมากในช่วงเวลานั้น เรารู้สึกว่าการเรียนต่อยังไม่มีวิชาอะไรเลยที่น่าสนใจพอ ตอนนั้นเราคิดว่า
“ความเครียด” ความอารมณ์เสียที่เกิดได้จากหลายปัจจัย คนจนก็เครียด คนมีเงินก็เครียด ลูกน้องก็เครียด เจ้านายก็เครียด ทุกคนต่างมีเรื่องให้เครียดเป็นของตัวเองทั้งนั้นแหละครับ ไม่ใช่คุณคนเดียว ซึ่งนอกจากจะสร้างความปวดหัว ยังมีปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ตามมา จนชีวิตแทบพังกันได้เลยทีเดียว แบบนี้ต้องเรียนรู้วิธีจัดการกับมัน ก่อนที่มันจะทำลายชีวิตเรา แม้เราจะรู้อยู่แก่ใจว่าความเครียดมันไม่ดี แต่สุดท้ายเราก็จัดการกับความเครียดได้ดีบ้างไม่ดีบ้าง ทั้งเรื่องความสัมพันธ์ หน้าที่การงาน เรื่องครอบครัว และเรื่องส่วนตัว วนเวียนอยู่ในหัวตลอดเวลาจนสภาพจิตใจเริ่มพัง ร่างกายเริ่มแย่ สมองเริ่มอ่อนล้า ประสิทธิภาพในการทำสิ่งต่าง ๆ ของเราก็เริ่มเสื่อมถอย ดังนั้นก่อนที่จะไปจัดการกับความเครียด เราต้องรู้จักจำแนกความเครียดให้ชัดเจนก่อนว่ามีสาเหตุจากอะไร จะได้รับมือมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ความเครียดมีหลายมุม ก่อนอื่น ต้องแยกแยะความแตกต่างของ ความเครียดที่ดี และความเครียดที่ไม่ดี ให้ได้ก่อน หลายครั้งความเครียดก็เป็นเรื่องบวกถ้าหากมันช่วยกระตุ้นให้เราตั้งใจทำสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้ เช่น เครียดว่างานจะไม่เรียบร้อย จึงตรวจสอบให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น แต่ถ้ามันเครียดมากไปจนถึงกับหัวเสีย ควบคุมสติไม่ได้ พาลเลิกทำมันไปดื้อ ๆ มันก็จะก่อให้เกิดปัญหา ซึ่งความเครียดในเชิงลบสามารถส่งผลเสียต่อต่อมหมวกไต ทำให้เรารู้สึกเหนื่อยล้า เรี่ยวแรงที่มีต้องแบ่งมารับมือกับความเครียดจนไร้พลังสำหรับความคิดสร้างสรรค์ เข้าข่ายยิ่งเครียดยิ่งเพลีย ส่วนการจัดการกับความเครียดนั้น แต่ละคนก็มีวิธีที่แตกต่างกันออกไป แต่ปัญหาที่มักจะเจอก็คือ ผู้ชายเรามักจะมีความต้านทานต่ำ รับมือกับสภาวะอารมณ์ของตัวเองได้ไม่ดีเท่าที่ควร และแยกแยะไม่ค่อยออกว่าความรู้สึกแย่
ในวันที่กระแสส่วนใหญ่บนโลกใบนี้เชื่อว่ายิ่ง “หนัก” อาจหมายถึงยิ่งดี คนทำงานหนักกว่าได้รับการยกย่องมากกว่า คนแบกรับภาระมากกว่าหมายถึงรับผิดชอบมากกว่า “ความเบา” กลายเป็นสิ่งที่ผู้คนหลงลืมกันไป ในวันที่โลกทั้งใบเชื่อในสิ่งหนัก ๆ แต่ใครบางคนอาจเชื่อในความบางเบา คล่องตัว ยืดหยุ่นและพร้อมรับความหลากหลาย แต่ก็ยังมีไลฟ์สไตล์ที่เต็มไปด้วยคุณภาพทุกอณู “ฟ้า-ษริกา สารทศิลป์ศุภา” ยูทูเบอร์สาวก็เป็นหนึ่งในนั้น เธอเคยลองเป็นนักร้อง รับงานนักแสดง มีธุรกิจเป็นของตัวเอง รวมถึงไลฟ์สไตล์และความสนใจที่หลากหลายจนเราอดสงสัยไม่ได้ว่า “ทำทั้งหมดได้อย่างไร?” ความเบา ความคล่องตัวอยู่ตรงไหนในชีวิตที่ทั้งประสบความสำเร็จและมีความสุขนี้? เบากว่า ตรงเป้ากว่า: เพราะชีวิตไม่จำเป็นต้องหนัก แค่ต้องปล่อยสิ่งที่ไม่จำเป็น โลกตอนนี้อาจบีบบังคับให้เราต้องทำหลาย ๆ สิ่งพร้อมกัน และต้องทำอย่างหนักเพื่อให้ทุกสิ่งออกมาดีที่สุดด้วย ตอนแรกฟ้าเองก็เชื่อแบบนั้น แต่คำถามก็คือ “ชีวิตคนเราต้องหนักขนาดนั้นไหม?” นั่นเองคือจุดเริ่มต้นที่ฟ้าเริ่มมองว่า ความเบาอาจเติมเติมเต็มเธอได้มากกว่า จนเธอตัดสินใจลาออกจากมหาวิทยาลัยเพื่อทำสิ่งที่เธอรัก “ช่วงมัธยมฟ้าเริ่มเป็นศิลปินฝึกหัด เริ่มมีงานถ่ายแบบเป็นงานในวงการเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เรายังทำได้ในช่วงนั้น แต่พอใกล้เข้ามหาวิทยาลัย มันเริ่มหนักจริง เราอยากทำธุรกิจของตัวเอง อยากทำอะไรใหม่ ๆ และเป็นช่วงสอบเข้ามหาวิทยาลัยด้วย เลยเหนื่อยและหนักเป็นพิเศษ” “ช่วงที่หนักที่สุดคือตอนเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว เราเริ่มเรียนรู้ระบบมหาวิทยาลัยว่ามีสอบ มีส่งงาน ตอนนั้นเราเป็นนักร้องอยู่ด้วย
หนุ่ม ๆ ที่ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพร่างกาย แต่ละคนคงมีรูปแบบการออกกำลังที่ชื่นชอบแตกต่างกันไป หลายคนเลือกวิ่งตามพื้นที่สาธารณะเป็นประจำ ส่วนคนที่ให้ความสำคัญกับกล้ามเนื้อก็มักจะเลือกเข้ายิม อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ชายที่มีเวลาน้อยดูแลตัวเองน้อย เพราะต้องแบ่งเวลาให้กับทั้งงาน ครอบครัว รวมไปจนถึงความสัมพันธ์รอบตัว วันนี้เราอยากแนะนำให้ทุกคนรู้จักการออกกำลังที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพที่เรียกว่า ทาบาตะ (Tabata) ทาบาตะ คือรูปแบบการออกกำลังที่คิดค้นโดย Izumi Tabata ศาสตราจารย์ด้านการออกกำลังจาก The National institute of Fitness and Sport Tokyo ในปี 1993 เรียกว่าเป็นศาสตร์การออกกำลังที่มีมานานและยังคงได้รับความนิยมมาจนถึงวันนี้ โดยเฉพาะสำหรับคนที่มีเวลาจำกัด แต่ต้องการการออกกำลังมีที่ประสิทธิภาพ ทาบาตะมีลักษณะคล้ายกันกับการออกกำลังแบบ High-Intensity interval Training หรือ HIIT แต่มีตารางเวลาการฝึกเฉพาะตัวคือ “เป็นการออกกำลังแบบเต็มที่เป็นเวลา 20 วินาทีเต็ม และพักระหว่างยกเป็นเวลา 10 วินาที ฝึกทั้งหมด 8 เซต โดย 1 ท่าออกกำลังใช้เวลาฝึกเพียง 4 นาที” แถมยังสามารถปรับการฝึกกับท่าบอดี้เวทและท่าออกกำลังต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลาย
ในชีวิตที่มีเรื่องชวนให้ความเครียดก่อตัวในหัวสมองเกิดขึ้นรอบตัว ทุกวัน ตลอดเวลา งานที่แสนจะเครียด จะพักผ่อนเปิด Internet ก็เจอแต่เรื่องดราม่า หันไปหาเพื่อนร่วมงานก็เจอคนลบ ๆ ที่มองทุกอย่างในแง่ลบไปหมด อันที่จริงทุกข้อที่เกริ่นมาไม่ใช่แค่เรื่องสมมตินะครับ ชีวิตเรามันเจอเรื่องทั้งหมดนี้ได้ครบในหนึ่งวันจริง ๆ และถ้าเราขาดสติไป สิ่งเหล่านี้ก็พร้อมจะดึงเราให้จมดิ่งไปกับความซึมเศร้าที่ทำให้เรากลายเป็นคนคิดลบได้โดยไม่รู้ตัว สิ่งที่เราต้องทำในยุคที่ความลบอยู่รอบตัว คือการตั้งสติ มีสมาธิกับความคิดของตัวเองให้มาก อย่าปล่อยให้ความคิดลบ ๆ รอบตัวเอาชนะจิตใจเราได้ ไม่พูดพร่ำทำเพลงให้มากไปกว่านี้ อย่างที่โบราณว่าไว้ไม่มีผิด ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว เรามีวิธีปรับเปลี่ยนความคิดให้มี Positive Mindset เพื่อเอ็นจอยพลังความคิดบวก ทิ้งความทุกข์ใจขั้วลบไว้ที่เดิม อย่าเอามันมาซ้ำเติมสมองเรากันอีกเลย Mindset คือกระบวนการทางความคิด ทัศนคติ มุมมองที่มีต่อสิ่งรอบตัวและโลกใบนี้ ซึ่งมันจะมีผลมากกับอารมณ์และพฤติกรรมของเรา ไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม คนที่มี Negative Mindset คือคนที่มีทัศนคติในแง่ลบ คนแบบนี้เจอความท้าทายหรืออะไรที่ยากกว่าปกติ จะคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ หาข้ออ้างต่าง ๆ เพื่อให้ตัวเองหลุดพ้น แต่คนที่มี Positive Mindset คือคนที่ทัศนคติบวก เมื่อเจอความท้าทาย จะหาวิธีจัดการกับมันให้ได้ และมองว่ามันจะช่วยพัฒนาความสามารถขึ้นไปอีก แล้วเราจะเริ่มปรับ Mindset