เชื่อว่าผู้หลงใหลในเรือนเวลาทั้งหลาย น้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก ‘Captain Cook’ อีกหนึ่งซีรีส์ระดับ Masterpiece ที่สร้างชื่อเสียงให้กับ RADO มาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 1962 ซึ่งล่าสุดความคลาสสิกจากอดีต และความล้ำสมัยด้านนวัตกรรมวัสดุ รวมถึงกลไกบอกเวลาคุณภาพสูง ได้ถูกนำมากล่าวขานเป็นตำนานบทใหม่กับเรือนเวลาสุดพิเศษอย่าง RADO Captain Cook High-Tech Ceramic ที่รวบรวมทุกความเจ๋งของ RADO เข้าไว้ด้วยกัน เริ่มตั้งแต่นวัตกรรมซึ่งถือเป็น DNA ของผู้เชี่ยวชาญด้านวัสดุอย่าง RADO กับโครงสร้างตัวเรือนที่ใช้วัสดุ High-Tech Ceramic ชิ้นเดียวที่มีคุณสมบัติป้องกันรอยขีดข่วนและอาการแพ้ อีกทั้งขับเคลื่อนโดยกลไกออโตเมติก Cal.R734 ความถี่การทำงาน 21,600 ครั้ง/ชั่วโมง สำรองพลังงานได้สูงสุด 80 ชั่วโมง ปกป้องการรบกวนของสนามแม่เหล็กรอบตัวด้วยแฮร์สปริง Nivachron™ พร้อมถ่ายทอดความสวยงามของจักรกลให้ผู้สวมใส่ได้ยลโฉมเป็นสุนทรียภาพทางสายตา ด้วยหน้าปัด Skeleton และฝาหลังไทเทเนียมกรุแผ่นกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ เผยให้เห็นการทำงานของกลไกภายในอย่างชัดเจน นอกจากนี้เรื่องราวการเดินทางแห่งท้องทะเล ที่ถูกนำเสนอผ่านรูปแบบของ Diver Watch มาอย่างยาวนาน ยังได้ถูกตีความใหม่ใน RADO Captain Cook High-Tech
หากเอ่ยถึง ‘ทองหล่อ‘ คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะนึกถึงพื้นที่ที่มีสีสันที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ พื้นที่ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงแค่จุดศูนย์รวมแหล่งไลฟ์สไตล์อันหลากหลายเอาไว้บนถนนเส้นนี้เส้นเดียว แต่ยังเป็นพื้นที่สำหรับการอยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ความต้องการของคนเมืองได้เป็นอย่างดี และในวันนี้คอลัมน์ Masterpiece จะพาชาว UNLOCKMEN ทุกท่านไปพบกับ Noble Form Thonglor (โนเบิล ฟอร์ม ทองหล่อ) คอนโดมิเนียมระดับ Flagship โครงการใหม่ล่าสุดใจกลางทองหล่อ ที่รวมเอาฟอร์มต่าง ๆ ที่โดดเด่น ผสานไว้เป็นฟอร์มเดียวที่เป็นได้ทั้งที่อยู่อาศัยและพื้นที่ใช้ชีวิต ในราคาเริ่มต้นเพียง 6.5 ล้านบาท เรียกได้ว่าคุ้มค่าที่สุดในพื้นที่ Prime Location อย่างทองหล่อ ซึ่งเราขอทำการ Grouping รวมเป็น 3 จุดเด่นซึ่งถือเป็นประเด็นสำคัญ ที่ทำให้โครงการนี้เหมาะเหลือเกินสำหรับใครที่กำลังมองหาที่อยู่ทำเลดี และคุ้มค่าที่สุดในย่านทองหล่อ ตลอดเส้นทางประมาณ 2.4 กิโลเมตรของซอยทองหล่อ หรือถนนสุขุมวิท 55 หากแบ่งพื้นที่ออกเป็นโซนต่าง ๆ จะพบว่าแต่ละโซนนั้นมีความแตกต่างของสภาพแวดล้อมที่ค่อนข้างชัดเจน ซึ่งในช่วงต้นซอยฝั่งสุขุมวิทแม้จะอยู่ติดกับรถไฟฟ้าแต่ก็ยังเป็นพื้นที่ของบ้านเรือน ชุมชนเก่า ร้านค้าดั้งเดิมที่เปิดมาแล้วหลายสิบปี แต่สำหรับภาพจำของซอยทองหล่ออย่าง สีสัน ความทันสมัย รวมถึงความเป็นแหล่งไลฟ์สไตล์ระดับไฮเอนด์ที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็น Community Mall, ร้านสินค้าแฟชั่นแบรนด์เนม, ร้านเฟอร์นิเจอร์ของแต่งบ้าน, ซูเปอร์มาร์เก็ต, แหล่งแฮงเอาท์อย่าง
ช่วงนี้หลายคนน่าจะได้อยู่บ้านกันยาวนานอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่หันไปทางไหนก็เจอแต่ผนังกำแพงมุมเดิม ๆ อาจทำให้พวกเราเกิดความรู้สึกหดหู่จากบรรยากาศที่น่าอึดอัด วันนี้เราจะมาแนะนำไอเดีย “การตกแต่งต้นไม้ในบ้าน” ใช้ต้นไม้เป็นเฟอร์นิเจอร์ธรรมชาติ ที่ช่วยเพิ่มความสวยงามให้บ้านดูมีชีวิตชีวา และยังช่วยดูดสารพิษ กรองฝุ่น คลายร้อน บรรเทาความเครียดจากการมองและสัมผัสได้อีกด้วย ไปดูกันว่าเราควรเลือกต้นไม้ยังไง และใช้ตกแต่งบ้านวิธีไหนได้บ้าง ลืมความเชื่อเก่า ๆ ที่ว่าต้นไม้จะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ตอนกลางคืนทำให้เสียสุขภาพทิ้งไปก่อน เพราะเราสามารถเลือกพันธุ์ต้นไม้ให้เหมาะสมกับตำแหน่งพื้นที่ใช้งานได้ เช่น พืชตระกูล Crassulacean Acid Metabolism (CAM plant) สำหรับปลูกในบ้าน ที่จะเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไว้แล้วคายออกซิเจนตอนกลางคืน นอกจากนี้ยังมีต้นไม้ที่สามารถดูดสารพิษภายในบ้าน อย่างเช่น ฟอร์มาดีไฮต์ ไซลีน เบนซิน ที่มาจากสีทาบ้านหรือควันบุหรี่ได้ อย่างเช่น ต้นยางอินเดีย ไทรใบสัก ลิ้นมังกร ว่านหางจระเข้ เขียวหมื่นปี หรือกระบองเพชร ล้วนเป็นต้นไม้ที่มีคุณสมบัติดังกล่าว และยังมีฟอร์มสวยงาม ดูแลง่าย หรือจะเป็นต้นไม้ที่ช่วยดักจับฝุ่นได้ดีจากใบที่ใหญ่ มีความหยาบ หรือมีขน เช่น ต้นสน ปาล์มใบไผ่ แก้วกาญจนา หรือพืชตระกูลเฟิร์น เหมาะกับการปลูกในสวนหรือพื้นที่รอบบ้าน จะช่วยลดการกระจายตัวของฝุ่น และยังช่วยบังแดดให้บ้านร่มเย็นอีกด้วย
แม้คนไทยส่วนใหญ่ไม่ได้คุ้นชินกับการออกแบบเชิงตอบโต้ หรือ Interactive Design มากเท่าไรนัก แต่งานประเภทที่ผสานความคิดสร้างสรรค์เข้ากับประสิทธิภาพทางเทคโนโลยี เพื่อรังสรรค์ประสบการณ์ตื่นเต้นตระการตาให้กับผู้ชมเช่นนี้ อาจไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร แถมงานสไตล์นี้ยังแทรกตัวอยู่ทั่วทุกมุมโลกด้วยซ้ำ แต่ในช่วงไม่กี่ปีให้หลังชื่อเสียงด้านงาน Interactive Design ของคนไทยก็เริ่มกลายเป็นที่โจษขานมากยิ่งขึ้น งานดีไซน์ที่ว่านี้ไม่ได้มีดีแค่ขับเน้นความงามให้กระทบต่อสายตาผู้ชม หากมอบความบันเทิง ขับเคลื่อนบริบทแวดล้อม และช่วยสร้างแรงบันดาลให้กับคนในเวลาเดียวกัน แล้ว “อะตอม-ติณห์นวัช จันทร์คล้อย” Creative Director ของบริษัท Eyedropper Fill คือหนึ่งในผู้ที่อยู่เบื้องหลังงานออกแบบเชิงตอบโต้สุดสร้างสรรค์ที่เราหมายถึง งานออกแบบประสบการณ์ของอะตอม Eyedropper Fill “ถ้าจะให้อธิบายถึงสิ่งที่เราทำคร่าว ๆ น่าจะอยู่ในสามประโยคคือ เราสร้างพื้นที่ เราชวนคนมาเจอกัน และเราสร้างประสบการณ์ที่น่าจดให้กับพวกเขา Eyedropper Fill เริ่มต้นจากงานที่เป็นภาพเคลื่อนไหวซะส่วนใหญ่ แล้วค่อย ๆ เปลี่ยนจากภาพเคลื่อนไหวไปสู่งานบนพื้นที่จริง” ปัจจุบัน Eyedropper Fill เป็นสตูดิโอผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างภาพเคลื่อนไหว ศิลปะติดตั้ง และการออกแบบเชิงตอบโต้ พวกเขานิยามตัวเองว่าเป็น ‘สตูดิโอนักออกแบบประสบการณ์’ ขยันครีเอตผลงานดีไซน์เจ๋ง ๆ ที่สอดรับกับความต้องการพวกเขา คล้องกับความต้องการของลูกค้า ตลอดจนขับเคลื่อนและสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนที่มาชมงาน “การเล่นสนุกคือน้ำเสียงในแบบคนไทยที่เราใช้สื่อสาร”
“จะดีแค่ไหน หากเรามี SPACE ที่สามารถออกแบบการใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ?” ความต้องการข้อนี้ ถือเป็นความท้าทายของเหล่าผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ กับหน้าที่สำคัญในการสร้างจุดเด่นที่แตกต่างของพื้นที่ใช้สอยให้สอดรับกับ Pain Points ของกลุ่มผู้อยู่อาศัย จากโจทย์ข้อนี้ จึงเป็นที่มาในการพัฒนาห้อง Duo Space นิยามเฉพาะของห้องเพดานสูงจากโครงการ Knightsbridge Space Ratchayothin และ Knightsbridge Space Rama 9 โดย Park Luxury ภายใต้แบรนด์ Origin ซึ่งโดดเด่นด้วยนวัตกรรมการออกแบบพื้นที่ใช้สอยที่เน้น Volume of Vertical Space ขยายพื้นที่ใช้สอยแนวสูงภายในห้องให้เพิ่มมากขึ้นด้วยเพดานสูงถึง 4.2 เมตร ทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกได้ถึงความโปร่งโล่ง และมีพื้นที่ใช้สอยภายในห้องที่มากกว่า จนสามารถออกแบบปรับเปลี่ยน SPACE ให้เป็นพื้นที่ชีวิตที่ต้องการได้สุดแล้วแต่จินตนาการจะพาไป และถ้าจะหาใครสักคนมารับหน้าที่ถ่ายทอดคอนเซปต์ของโครงการ Knightsbridge Space Ratchayothin และ Knightsbridge Space Rama 9 ออกมาได้อย่างชัดเจน คงไม่มีใครสามารถส่งต่อแนวคิด SPACE สำหรับคนรุ่นใหม่ฉลาดเลือก ซึ่งพร้อมให้ออกแบบพื้นที่การใช้ชีวิตอย่างไร้ขีดจำกัด ได้ดีไปกว่า ‘ออกแบบ – ชุติมณฑน์
เนื่องด้วยเรากำลังใช้ชีวิตท่ามกลางป่าคอนกรีตที่มีสิ่งปลูกสร้างหลากระดับ ตั้งแต่บ้านแนวราบ อาคารแนวตั้ง ไปจนถึงตึกระฟ้าสูงลิบลิ่ว จึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามีสถาปัตยกรรมสอดแทรกอยู่ในแทบทุกรายละเอียดยิบย่อยของชีวิตเสมอ ไม่เพียงนิยามถึงสิ่งปลูกสร้างอย่างบ้าน อาคาร หรือคอนโดมิเนียมที่มนุษย์อาศัยอยู่ หากสถาปัตยกรรมกว้างขวางจนครอบคลุมไปถึงเจดีย์ สถูป และอนุสาวรีย์ที่ปราศจากผู้อยู่อาศัย ในยุคกระแสนิยมที่ทุกอย่างมาเร็วไปเร็วเฉกเช่นตอนนี้ ต้องยอมรับว่าแนวคิดการสร้างสถาปัตยกรรมแบบเดิมถูกปรับแต่งและโละทิ้งไป แทนที่ด้วยแนวคิดสมัยใหม่ จนบางครั้งค่านิยมของสถาปัตยกรรมปัจจุบันโน้มเอียงไปทางสุนทรียศาสตร์ซึ่งกระทบต่อความรู้สึกและรสนิยม มากกว่าความหมายดั้งเดิมทางสถาปัตยกรรมศาสตร์ที่ชั่งตวงระหว่างเทคนิควิทยาศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรมอย่างละเท่า ๆ กัน แต่น่าแปลกที่การตอกเสาเข็มสร้างสถาปัตยกรรมของ ‘บุญเสริม เปรมธาดา’ กลับต่างออกไป เขาไม่ได้ใช้สถาปัตยกรรมเพื่อขับเน้นความงามให้ตกกระทบต่อสายตาผู้ชมเท่านั้น ทว่ายึดมั่นการขับเคลื่อนบริบทแวดล้อมและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในเวลาเดียวกัน วิธีการทางสถาปัตยกรรมที่ปลีกออกไปของ ‘บุญเสริม เปรมธาดา’ ความสงสัยใคร่รู้เรื่องมุมมองการสร้างสถาปัตยกรรมพาเราเดินดุ่มเข้ามาคุยกับ ผศ.บุญเสริม เปรมธาดา สถาปนิกเจ้าของรางวัลศิลปาธร สาขาออกแบบเชิงสร้างสรรค์ (สถาปัตยกรรม) ในปีล่าสุด ปัจจุบันเขาเป็นเจ้าของสตูดิโอออกแบบเล็ก ๆ ชื่อว่า ‘Bangkok Project Studio’ และสอนหนังสือที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมาร่วม 20 ปี “หลังเรียนจบผมก็เหมือนคนทั่ว ๆ ไปที่ทำงานในสตูดิโอออกแบบและสร้างงานตามคำสั่งลูกค้า แต่พอทำมาได้สักพักมันก็เบื่อ และรู้สึกว่าสถาปัตยกรรมมันไม่ได้ส่งผลอะไรต่อคุณภาพชีวิตคนเลย ตั้งแต่นั้นผมจึงตัดสินใจออกมาเปิดสตูดิโอของตัวเอง เพื่อให้เป็นอีกทางเลือกในการออกแบบ แต่เผอิญมันดันเป็นวิธีการทางสถาปัตยกรรมที่โลกกำลังสนใจตอนนี้” “ผมคิดว่าสถาปัตยกรรมคือความจริงใจ” ไม่แปลกถ้าคุณไม่เคยเห็นผลงานของสถาปนิกคนนี้ในกรุงเทพฯ
คุณยังกระโดดอยู่ไหม? เราอยากเริ่มต้นบทสนทนากับ “ธนชัย อุชชิน” หรือ “ป๊อด-Moderndog” ด้วยวลีนี้ แต่ก็ยั้งปากไว้ได้ทัน หรืออาจเป็นเพราะเมื่อเขานั่งอยู่ตรงหน้าทำให้เราประหม่าเล็กน้อย แววตาของเขาทรงพลังอย่างอธิบายไม่ถูก เราจึงทักทายเขาเพื่อมารยาทอันควรแล้วเริ่มต้นบทสนทนา ทุกครั้งที่สิ้นสุดคำถามของเรา เขาจะนิ่งนึก ก่อนตอบออกมาเป็นประโยคที่เราอยากจะโควตเป็นคำคมประจำใจเก็บไว้ทุกคำ “ยังกระโดด และที่กระโดดเพราะมีคนท้าว่ากระโดดไหวมั้ย” ท้ายที่สุดเราก็ได้คำตอบของคำถามที่เราอยากรู้ เขายังกระโดด กระโดดเหมือนที่ 25 ปีก่อนเขากระโดดบนเวทีประกวดดนตรีซึ่งปูทางเขาสู่การเป็นนักดนตรีมืออาชีพถึงทุกวันนี้ “ผมชอบพลังงานจากการเคลื่อนไหว” “การเคลื่อนไหว” ในคำตอบของเขาไม่ได้หมายความถึงแค่การกระโดดโลดเต้นบนเวทีเท่านั้น แต่รวมไปถึงการเคลื่อนไปในมิติใหม่ ๆ ของชีวิต การท้าทายตัวเองให้สนุกกับการเรียนรู้ทุกรูปแบบ การกระตุ้นตัวเองให้ไม่ทิ้งสิ่งที่ทำมาตลอดอย่างดนตรี คู่ไปกับการที่ไม่เคยทิ้งความฝันวัยเด็กอย่างการทำงานศิลปะ เขาเคลื่อนไหวอย่างสุดขีดอย่างนี้มาโดยไม่หมดแรงได้อย่างไร? แรงบันดาลใจที่ขับเคลื่อนให้เขาก้าวไปข้างหน้าอยู่ตลอดมาจากไหน? ให้บทสนทนานี้ไขข้อสงสัยของคุณ อนุญาตให้กระโดด หรืออยากนั่งนิ่ง ๆ แล้วกำซาบเรื่องของ “ป๊อด-ธนชัย อุชชิน” ไปพร้อมกันก็ย่อมได้ ชีวิตคือฤดูกาล เราจะผ่านทุกฤดูไปได้ ชีวิตไม่มีสูตรสำเร็จ แต่เมื่อเราอยู่ตรงหน้าศิลปินที่เล่นดนตรีก็ประสบความสำเร็จ ทำงานศิลปะก็สำเร็จอย่างงดงามไม่แพ้กัน เราอดถามเขาไม่ได้จริง ๆ ว่า “ถ้ามีหนึ่งสิ่งที่ทำให้คุณมาถึงจุดนี้ คุณว่าหนึ่งสิ่งนั้นมันคืออะไรกันแน่” และบนถนนแห่งการทำงานสร้างสรรค์ ไอเดียมันสามารถพรั่งพรูออกมาได้เรื่อย ๆ จริงหรือ? หรือคนอย่างเขาจะมีเวทมนตร์บางประการที่เป็นความลับซ่อนไว้ไม่ให้ใครล่วงรู้? “ผมว่าการเรียนรู้นะ ผมชอบการเรียนรู้ การเรียนรู้ไม่ใช่แค่ว่าไปรู้เรื่องราวอื่น
‘ศิลปะ’ เป็นศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดอีกแขนงหนึ่งของโลกที่ไม่เพียงสะท้อนความรู้สึกนึกคิด ทัศนคติ และแรงบันดาลใจในการรังสรรค์ผลงานของศิลปิน หากยังเป็นสิ่งที่ช่วยจรรโลงจิตใจมนุษย์ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย แล้วคงปฏิเสธไม่ได้ว่าแทบทุกรายละเอียดยิบย่อยในชีวิตเราล้วนมีศิลปะเกี่ยวพันอยู่เสมอ แม้ศิลปะจะไม่เคยหยุดอยู่กับที่และถูกนิยามความหมายใหม่ในบริบทที่แตกต่างกัน แต่ผู้คนส่วนใหญ่ยังจำกัดศิลปะไว้เพียงในแกลเลอรีและพิพิธภัณฑ์เท่านั้น ติดภาพจำเดิม ๆ ว่าศิลปะต้องเป็นภาพวาดหรืองานประติมากรรมที่ตั้งตระหง่าน แต่ในความเป็นจริงแล้วศิลปะกว้างขวางมากกว่านั้น แล้วความสงสัยใคร่รู้ด้านศิลปะแขนงใหม่ก็พาเราเดินดุ่มมาหาคุณ ‘เบียร์-พันธวิศ’ คอลเลกเตอร์มือทองควบตำแหน่งพ่อมดแห่งวงการอีเวนต์ที่เชื่อเหมือนเราว่า ศิลปะไม่จำเป็นต้องอยู่ในแกลเลอรีเสมอไป มุมมองของคนเล่นของและศิลปะนอกแกลเลอรี “เบียร์-พันธวิศ” ถ้าเอ่ยชื่อนี้ในวงการอีเวนต์ เชื่อว่าหลายคนคงพอคุ้นหูกันอยู่บ้าง เพราะเขาคือหนุ่มนักสร้างสรรค์ที่มีไอเดียในหัวพลุ่งพล่านไม่รู้จบ เป็นเจ้าของบริษัทด้าน New Media & Interactive Media, บริษัทตกแต่งภายใน, บริษัทร่วมทุนรับเหมาก่อสร้าง หรือแม้แต่ดิจิทัลเอเจนซี่น้องใหม่ที่กำลังมาแรงในตอนนี้ นอกจากตำแหน่งงานในหลากมิติอุตสาหกรรม สิ่งหนึ่งที่หลายคนยังไม่รู้คือคุณเบียร์ พันธวิศ ลวเรืองโชค เป็นหนึ่งในคอลเลกเตอร์ตัวยงที่รวบรวมของสะสมไว้เต็มโกดัง เพราะเขาเชื่อว่าสิ่งที่ทำอยู่นี้คือศิลปะอย่างหนึ่งที่แตกแขนงแยกย่อย “ศิลปะมันไม่ใช่อะไรที่สูงส่ง แค่เป็นสิ่งที่คนเข้าถึงได้” “ตั้งแต่เด็ก ๆ มาจนถึงตอนนี้ ผมรู้สึกว่าคนที่ทำงานในแวดวงศิลปะกำลังถูกละเลย ไม่ว่าจะนักออกแบบ ศิลปิน หรืออาชีพอะไรต่อมิอะไร เพราะหากพูดถึงงานศิลปะ ผู้คนมักจะนึกถึงภาพวาดและงานประติมากรรมเท่านั้น แต่แก้วน้ำ เสื้อผ้า จานชาม ผ้าห่ม หรือเฟอร์นิเจอร์ก็เป็นศิลปะเหมือนกัน หากอยู่ใกล้ตัวมากไปจนผู้คนมองข้าม แค่นั้นเอง” แรงบันดาลใจที่เปลี่ยน ‘คนเล่นของ’