สัญชาตญาณที่พลุ่งพล่านอยู่ในร่างกายของผู้ชายทุกคนมักตะโกนบอกให้เราบุกตะลุยไปสัมผัสสิ่งที่ยิ่งใหญ่ให้ได้สักครั้งในหนึ่งชีวิต ไม่ว่าจะบุกปาฝ่าดงเพื่อไปดูวิวที่สวยที่สุดในโลกก่อนตาย ไม่ว่าจะทุ่มเททำงานแบบ Work Hard Play Hard เพื่อสัมผัสขีดจำกัดของความเป็นมนุษย์ ไม่ว่าจะพยายามปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์ด้วยการใช้ชีวิตแบบสุดขั้ว ฯลฯ แต่ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ชายสุดขีดในแบบไหน UNLOCKMEN ก็ขอกระซิบบอกว่าในหนึ่งชีวิตสุดขีดจำกัดนี้ คุณควรพาตัวเองไปสัมผัสวัฒนธรรมมการดูโชว์ที่อัดแน่นไปด้วยการแสดง เนื้อหา และแสงสีเสียง ดังนั้นคุณจึงไม่ควรพลาดการดูโชว์สร้างสรรค์ที่ยิ่งใหญ่ระดับโลกเพื่อปลดล็อกความท้าทายใหม่ ๆ ให้ตัวเองให้ได้ก่อนตาย ถ้าจะพูดถึงโชว์ที่ได้ชื่อว่าเป็นอันดับหนึ่งของโลกที่ผู้ชายทุกคนควรสัมผัสเพื่อเข้าถึงวัฒนธรรมแห่งการดูโชว์ UNLOCKMEN มั่นใจว่า CIRQUE DU SOLEIL (เซิร์ค ดู โซเลย์) คือชื่อที่โดดเด่นขึ้นมาและเราไม่ควรพลาดที่จะทำความรู้จักกับพวกเขาด้วยประการทั้งปวง CIRQUE DU SOLEIL : ความยิ่งใหญ่ระดับโลกที่ผู้ชายทุกคนต้องสัมผัส จุดเริ่มต้นการแสดงของ CIRQUE DU SOLEIL คือคนทำงานเพียง 73 คนในปี 1984 แต่ด้วยการฟันฝ่าและพิสูจน์ความสามารถแห่งความสร้างสรรค์อย่างล้นเหลือ ปัจจุบัน CIRQUE DU SOLEIL จ้างพนักงานทั่วโลกถึง 4,000 คน โดยการสื่อสารผ่านการแสดงของ CIRQUE DU SOLEIL เต็มไปด้วยความหลากหลายเพราะพนักงานและศิลปินขององค์กรมีมากกว่า 50 สัญชาติและใช้ภาษาแตกต่างกันถึง 25
ทุกวันนี้ต้องยอมรับว่าภาพยนตร์แนว Superhero นั้นมาแรงกว่าแนวอื่น และเป็นหนึ่งในแนวหนังเบอร์ต้น ๆ ที่ผู้ชายอย่างเรามักจะเลือกดู คงเป็นเพราะความสนุกเหนือจินตนาการและเรื่องราวที่มันส์หลากหลายที่ค่ายใหญ่สามารถทำออกมาขายได้เรื่อย ๆ ตราบใดที่นักแสดงยังไม่เมื่อยเราก็คงจะได้ดูต่อไปอีกหลากภาค เรื่องที่เรากำลังจะพูดถึงก็เช่นกัน… อีกเรื่องที่กำลังมาแรงก็คือภาคต่อของ Super (Anti) Hero ชุดแดงโคตรเก่งและเกรียนอย่าง Deadpool ที่นำแสดงโดยดาราหนุ่มเท่ ๆ Ryan Reynolds ซึ่งใน Deadpool 2 นี้ ฮีโร่แหวกแนวของเราต้องเจอกับภารกิจท้าทายยิ่งกว่า และต้องปลดล็อกความรู้สึกหลายอย่างออกมาเพื่อต่อสู้กับเหล่าร้าย โดยเรื่องเริ่มจาก… พอแล้วครับ ทีมงาน UNLOCKMEN ไปดูมาแล้ว แต่ไม่อยากสปอยล์ บอกแค่ว่าคุณจะได้แง่คิดอะไรหลาย ๆ อย่างจากเรื่องนี้แน่นอน รวมถึงเรื่องสุขภาพด้วย!? แม้ว่า Wade Wilson พระเอกของเรื่องจะหน้าตาไม่ค่อยน่ามอง แต่ร่างกายของเขาก็ยังกำยำน่ามองอยู่ดี แถมฉากแอคชั่นแต่ละฉากนี่ดูจะต้องใช้ความแกร่งมากมายเยอะเหลือเกิน ตั้งแต่ไล่จัดการตัวร้าย จนถึงวิ่งหนีแก๊งโฉดที่ไล่ตามมาเป็นขบวน (อันนี้บอกได้ เพราะอยู่ใน trailer) โดย Reynolds ต้องฟิตร่างกายหนักขึ้นกว่าภาคแรก เพื่อความสมจริงสมกับความสามารถของ Deadpool ที่ดูเจ๋งขึ้นในภาคนี้ และมันก็ไม่ใช่ความลับที่หนุ่ม ๆ ทุกคนไม่มีสิทธิ์ฝึกตามแต่อย่างใด
ถือเป็นข่าวดีสำหรับหนุ่ม ๆ ที่ชื่นชอบในรถยนต์และรักในการชมภาพยนตร์ โดยเฉพาะแฟนของบีเอ็มดับเบิลยู (BMW) เพราะไม่นานมานี้มีแฟนคลับที่หลงใหลในรถยนต์ของค่ายใบพัดฟ้าขาว ได้ทำการ Remastered หนังสั้นของ BMW Films ทั้งหมด 10 ตอน อัปโหลดให้ทุกคนได้ชมฟรีผ่านทาง YouTube กันแล้ว BMW Films เป็นหนังสั้นที่ถูกสร้างขึ้นระหว่างยุค 90’s – 00’s ถือเป็นผลงานทรงคุณค่าที่แสดงให้เห็นถึงการผสมผสานระหว่างวงการภาพยนตร์และโลกยนตรกรรมที่หลายคนอาจไม่เคยรับรู้ แต่ก่อนจะได้พิสูจน์เรื่องราวทั้งหมดด้วยตาตัวเอง วันนี้มาทำความรู้จักที่มาและรายละเอียดของ BMW Films รวมถึงเหตุผลที่ไม่ควรพลาดหนังทั้ง 10 ตอนนี้ ไปพร้อม ๆ กัน จุดเริ่มต้นของ BMW Films เกิดขึ้นในช่วงต้นยุค 2000 ในขณะนั้นทางบีเอ็มดับเบิลยู สหรัฐอเมริกา ยังไม่มีการเปิดตัวรถยนต์ครั้งใหญ่ในตลาด และหัวหน้าฝ่ายการตลาดอย่าง จิม แม็คโดเวล ก็ต้องการทดลองใช้กลยุทธ์ใหม่เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้า ผู้ชอบความท้าทายและหลงใหลในการขับขี่ ให้ได้มากขึ้น เพื่อประชาสัมพันธ์รถยนต์ของพวกเขาให้กลายเป็นที่รู้จักมากกว่าเดิม และได้ข้อสรุปว่า “เรามาทำหนังสั้นสำหรับปล่อยบนโลกออนไลน์กันเถอะ!” อย่างไรก็ตาม ในช่วงต้นของยุค 2000 การเผยแพร่วิดีโอผ่านทางอินเทอร์เน็ตเพียงช่องทางเดียวยังคงเป็นเรื่องใหม่
ถ้าจะให้ลิสต์รายชื่อภาพยนตร์กีฬาที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์ คงจะต้องจดชื่อ Rocky แล้วใส่ดอกจันไว้เลย เพราะเป็นหนังหมัดมวยที่โคตรมันส์ แถมสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ชายอย่างเราได้ฮึดสู้กับอุปสรรค ต้องขอบคุณ Sylvester Stallone จริง ๆ ที่เขียนบทเรื่องนี้ขึ้นมาทั้ง 6 ภาคแรก ไล่มาตั้งแต่ Rocky (1976) , Rocky II (1979) , Rocky III (1982) , Rocky IV (1985) , Rocky V (1990) และ Rocky Balboa (2006) รวมถึงใส่นวมกัดฟันยางแสดงเป็น Rocky Balboa นักมวยพันธุ์อึด ใจสู้ และไม่ยอมแพ้แม้ตาแตก เช่นเดียวกับหนังแนว action, sport หรือ superhero เรื่องอื่น ๆ หนึ่งในฉากที่เจ๋งที่สุดก็คือฉากตอนที่ตัวเอกกำลังฝึกหนักเพื่อกลายเป็นยอดมนุษย์ ราวกับเป็นสัญลักษณ์แห่งความหวังของมนุษยชาติที่พร้อมจะพัฒนาตัวเองเพื่อไปสู่เป้าหมายที่ตั้งใจ โดยเฉพาะในเรื่อง Rocky ยิ่งเห็นได้ชัด ฉากซ้อมหนักจนคนดูยังเหนื่อยแทน (อาจเป็นเพราะสีหน้าของ Stallone ก็เป็นได้)
ดูหนังธรรมดา ๆ มันก็น่าเบื่อเกินไป วันว่าง ๆ แบบนี้ต้องหาเวลามาดูหนังพล็อตแปลกไปจากที่เคยดูกันบ้าง UNLOCKMEN ขอแนะนำ 10 เรื่องพล็อตล้ำ ๆ หลากหลายแนว ไม่ว่าจะทริลเลอร์ โรแมนติก หรือแม้แต่อะนิเมะ อย่ามัวแต่คิดว่ามีแค่หนังสืบสวนเท่านั้นที่จะมีพล็อตล้ำ ๆ ได้ พล็อตล้ำ ๆ มันสามารถมีได้ในหนังทุกแนวเลยต่างหาก มาดูกันให้ครบ รับรองว่าได้หนังใจดวงใจเพิ่มขึ้นอีกแน่นอน Predestination (2014) Director : Michael Spierig, Peter Spierig เรื่องย่อ : The Barkeep เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลที่มีหน้าที่หยุดยั้งอาชญากรไม่ให้ก่อเหตุร้ายแรง ด้วยการเดินทางข้ามเวลาไม่ว่าจะเป็นอดีตหรืออนาคต และงานสุดท้ายก่อนลาวงการของเขาคือหยุดยั้ง Fizzle bomber นักวางระเบิดตัวฉกาจ แต่ทุกอย่างมันไม่ง่ายอย่างนั้น ยิ่งเขาถลำลึกลงไป เขายิ่งค้นพบปริศนาที่เป็นปมต่อกันยาวเหยียดไปเรื่อย ๆ และเป็นเขานี่แหละที่ต้องคลายปมนั้นด้วยตัวเอง มันเจ๋งตรงนี้! : ทำความเข้าใจก่อนว่ามันไม่ใช่แค่หนัง Sci-Fi ล้ำ ๆ ยิงกันมัน ๆ แล้วจบกันไป แต่ต้องเตรียมสมองคุณให้พร้อม กับหนังพล็อตล้ำเรื่องนี้
ถือว่าเป็นภาพยนตร์ที่สร้างความฮือฮาได้มากทีเดียวสำหรับ ‘Ready Player One’ ภาพยนตร์แนว Action/Adventure/Sci-Fi ผลงานล่าสุดของผู้กำกับล้ำจินตนาการ เจ้าของฉายาพ่อมดแห่งฮอลลีวูดอย่าง Steven Spielberg ที่สร้างจากนวนิยายชื่อดังของ Ernest Cline ซึ่งฮิตมาตั้งแต่ปี 2011 โดยเหตุการณ์ในเรื่องเกิดขึ้นเมื่อปี 2045 ช่วงที่โลกเต็มไปด้วยความวุ่นวายและการล่มสลาย แต่ผู้คนพบทางรอดชีวิตที่ THE OASIS จักรวาลเสมือนจริงที่เราสามารถไปที่ไหนก็ได้ ทำอะไรก็ได้ เป็นใครก็ได้ สร้างขึ้นโดย James Halliday (Mark Rylance) ซึ่งเมื่อเขาเสียชีวิตลง ก็ได้ทิ้งทรัพย์สมบัติมหาศาลและอำนาจในการควบคุม THE OASIS ทั้งหมดให้กับคนแรกที่ได้กุญแจทั้ง 3 ดอก เพื่อเปิดประตูสู่ไข่อีสเตอร์ดิจิทัลที่เขาซ่อนไว้ในสถานที่หนึ่ง ทำให้เกิดเกมการแข่งขันทั่วโลก แต่เวลาผ่านไป 5 ปี สกอร์บอร์ดกลับยังว่างเปล่า จนกระทั่งฮีโร่หนุ่มม้ามืดอย่าง Wade Watts (Tye Sheridan) ในร่างอวตารที่ใช้ชื่อว่า Parzival เอาชนะการแข่งขันได้เป็นคนแรก จากนั้นเรื่องราวก็ดำเนินไปแบบโคตรสนุกถูกใจใครหลายคน นอกจากตัวหนังแล้ว สิ่งที่สังเกตได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ เพลงในหนังที่ยอดเยี่ยม ทั้งธีมประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้ที่ประพันธ์โดย Alan Silvestri รวมถึงเพลงประกอบภาพยนตร์อีกหลายเพลงในเรื่องนี้ก็เท่มาก ๆ โดยแต่ละเพลงได้รับการคัดเลือกโดย Spielberg เอง ร่วมกับ Zak Penn ผู้ร่วมเขียนบท ซึ่งแม้ว่าฉากในหนังจะเป็นปี
ภาพยนตร์ตลกล้อเลียน หรือหนังแนว spoof หรือ parody ถือเป็นศิลปะในการเรียกเสียงหัวเราะอย่างแท้จริง ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการดัดแปลงเรื่องดั้งเดิมที่นำมาอ้างอิงและแซวซะเสีย กว่าจะคิดมุกระดับมหาชนออกมาได้ก็ต้องเข้าใจอารมณ์ขันของมนุษย์ด้วยกันเป็นอย่างดี ทีมงาน UNLOCKMEN เห็นว่าการเสพหนังตลกล้อเลียนนั้นมีคุณค่ามากกว่าการเรียกเสียงหัวเราะเพื่อผ่อนคลาย แต่ยังมอบวิธีคิดให้เรานำไปประยุกต์ใช้เพื่อให้เกิดไอเดียในการทำงานและการใช้ชีวิตในสังคมให้สนุก นี่คือ 5 หนังล้อเลียนชั้นดีที่จะนำความบันเทิงขั้นเจ็บกล้ามท้องและบริหารสมองของคุณให้คิดนอกกรอบได้คมขึ้น Walk Hard – The Dewey Cox Story (2007) Walk Hard คือหนังล้อเลียนที่ตลกร้ายสุด ๆ ล้อเลียนเสียดสีวงการดนตรีโลกด้วยการเล่าเรื่องแบบอัตชีวประวัติของตัวละครที่มีชื่อว่า Dewey Cox (แสดงโดย John C. Reily) ที่ผ่านเส้นทางด้านดนตรีอย่างโชกโชน หนังอัตชีวประวัติที่ถูกเรื่องนี้นำไปเป็นต้นแบบแห่งการล้อเลียนก็คือ Walk the Line และ Ray ที่แสบสุด ๆ ก็คือการแซวศิลปินระดับตำนานหลายท่านอย่าง John Lennon และวง The Beatles, Ray Charls และ Johnny Cash เราแนะนำให้ดูจริง
หนังจิตวิทยาระทึกขวัญเป็นหนังอีกประเภทที่ผู้คนต่างหลงใหล ด้วยการดำเนินเรื่องที่ชวนตื่นเต้นจนนั่งไม่ติด แล้วยังไม่วายแทรกสอดการปะทะกันทางจิตวิทยาที่โคตรบ้าคลั่งมาให้ ก็ยิ่งทำให้หนังประเภทนี้ได้รับความนิยมอยู่ตลอด แต่ถ้าจิตไม่แข็งพอ หลังดูหนังแต่ละเรื่องจบก็อาจจะต้องจมจ่อมอยู่กับประเด็น อารมณ์ ความหวาดระแวงที่หนังพากันยัดเยียดให้อีกเป็นวัน ๆ ดังนั้นเพื่อทดสอบจิตใจสุดแข็งแกร่งของผู้ชายอย่างคุณ เราท้าให้ดูหนังจิตวิทยาระทึกขวัญ 7 เรื่องนี้ แล้วมาดูกันว่าเรื่องไหนจะทำให้คุณร้อน ๆ หนาว ๆ ได้มากที่สุดกันแน่? Side Effects (2013) นี่คือหนังจิตวิทยาที่ว่าด้วยหญิงสาวผู้เป็นโรควิตกจริตขั้นรุนแรง แล้วพบว่ายากที่ใช้รักษาอาการตัวเอง พาเธอเข้าไปอยู่ในจุดที่ต้องเผชิญกับเรื่องไม่คาดคิดมาก่อน ความโดดเด่นของ Side Effects คือการสร้างปมและคาแรคเตอร์ของตัวละครขึ้นมาให้มีความซ่อนเงื่อนคาดเดาไม่ได้ แถมยังเอาข้อมูลทางการแพทย์มาช่วยล่อลวงให้ผู้ชมอย่างเราจมลงไปในความซับซ้อนของตัวเรื่อง ที่ต่อให้มั่นใจว่าตัวเองจิตแข็งที่สุดก็ไม่อาจควานหาแรงจูงใจของตัวละครแต่ละตัวได้เลย Get Out (2017) นี่คือหนังหมาดใหม่ของปี 2017 ที่ผ่านมา บางคนอาจรู้สึกว่าเป็นหนังเกรดบีที่ไม่ลงทุนอะไรมาก จะน่าสนใจแค่ไหนกันเชียว? แต่ UNLOCKMEN ขอท้าคุณเลยว่านี่คือโคตรหนังที่หยิบจับเอาประเด็นอย่างการเหยียดสีผิวมาใช้ทบกับความน่าหวาดหวั่นของความเป็นมนุษย์ได้หลอนเต็มขั้น จนดูไปอดคิดไปไม่ได้ว่าถ้าตัวเองถูกถีบให้จมลงไปในสถานการณ์แบบนั้นเราจะดิ้นรนพาตัวเองพุ่งหลุดออกมาได้อย่างไร หนังเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ระทึกขวัญ ลุ้นจนเราท้าให้ผู้ชายอย่างคุณควรดูสักครั้งในชีวิต Split (2016) แค่พล็อตเรื่องการถูกลักพาตัวไปของเด็กสาว 3 คนโดยชายผู้มี 23 ตัวตนในร่างเดียวก็กระตุ้นความหลอนระคนตื่นเต้นจนหัวใจเต้นตุบตับแล้ว อารมณ์ลุ้นระทึกตลอดเรื่อง บวกบรรยากาศชวนหายใจไม่ทั่วท้องจะยิ่งพาผู้ชายอย่างเราจมลงไปในสถานการณ์ที่แทบจะอยากทะลุจอเข้าไปช่วย จิตวิทยาและความชาญฉลาดของผู้ล่าและผู้ถูกล่าก็เชือดเฉือนกันจนเราท้าให้คุณลุ้นไปกับการล่าไปพร้อม
ภาพยนตร์ไม่เพียงแต่สร้างความบันเทิงให้กับผู้ชมเท่านั้น แต่เรื่องราวและตัวละครที่ถูกถ่ายทอดออกมาก็ให้ประโยชน์แก่ผู้ชมเช่นกัน รวมทั้งทิ้งข้อคิดให้เอากลับไปลองวิเคราะห์และนำไปปรับใช้ในชีวิตจริงๆ อีกด้วย วันนี้ Netflix ขอเสนอตัวละคร 5 ตัวอันโด่งดังจากฝีมือการแสดงของวิล สมิธ (Will Smith) ที่นอกจากจะทำให้ตัวละครเหล่านั้นมีชีวิตชีวาน่าติดตามแล้ว ยังให้บทเรียนชีวิตที่น่าสนใจอีกด้วย ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา – คริส การ์ดเนอร์ จาก ยิ้มไว้ก่อนพ่อสอนไว้ (The Pursuit of Happyness) คริส การ์ดเนอร์ นักธุรกิจร้อยล้านที่เป็นต้นแบบของการต่อสู้กับความยากลำบาก คริสในวัย 27 ปี ประสบความล้มเหลวกับธุรกิจส่วนตัว ทำให้เขาและลูกชายสูญเสียบ้าน และต้องอาศัยหลับนอนตามที่ต่างๆ ทั้งบนถนนและในสวนสาธารณะ อย่างไรก็ตามความอดทนและไม่ยอมแพ้ ทำให้คริสประสบความสำเร็จทั้งด้านธุรกิจและในฐานะหัวหน้าครอบครัว ภาพยนตร์ยิ้มไว้ก่อน พ่อสอนไว้สร้างจากเรื่องจริงของคริส การ์ดเนอร์เอง และส่งให้วิล สมิธ เข้าชิงรางวัลออสการ์ สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมอีกด้วย ใครๆ ก็สร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ได้ – ดร. โรเบิร์ต เนวิลล์ จาก ข้าคือตำนานพิฆาตมหากาฬ (I am Legend) หลังจากที่ไวรัสคริปปินแพร่กระจายและคร่าชีวิตคนจำนวนมาก
บางคนออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนัก บางคนควบคุมอาหารเพื่อลดน้ำหนัก แต่ใครจะไปคิดว่าดูหนังก็ช่วยลดน้ำหนักได้! แต่ก็ใช่ว่าจะดูหนังอะไรก็ได้ เพราะงานวิจัยเขาชี้เฉพาะมาว่าต้องดูหนังสยองขวัญสั่นประสาทเท่านั้น University of Westminster ทำการทดลองโดยใช้กลุ่มตัวอย่าง 10 คน โดยให้ 10 คนนี้ดูหนังสยองขวัญ 10 เรื่องที่แตกต่างกันไป จากนั้นก็สังเกตอัตราการเต้นของหัวใจ การสูดเอาอ็อกซิเจนเข้าร่างกาย ผลปรากฏว่า The Shining ภาพยนตร์ปี 1980 นับเป็นภาพยนตร์สยองขวัญอันดับหนึ่ง (จาก 10 เรื่อง) ที่กลุ่มตัวอย่างดูแล้วสะดุ้งและกรีดร้องจนเผาผลาญแคลอรี่ไปได้ถึง 184 แคลอรี่ (ปกติคนเราเดิน 40 นาที จะเผาผลาญราว ๆ 140 แคลอรี่) ส่วนลำดับ 2 คือเรื่อง Jaws หนังฉลามกินคนสุดโหดที่เผาผลาญได้ 161 แคลอรี่ ในขณะที่เรื่อง The Exorcist ที่ไล่ผีกันจนเผาผลาญได้ 158 แคลอรี่ Richard Mackenzie ผู้ทำงานวิจัยนี้แก้ข้อสงสัยให้เราหายงงเป็นไก่ตาแตกว่าหนังสยองขวัญนั้นยิ่งเราดูแล้วรู้สึกเครียด กดดัน (ระยะเวลาสั้น