หากคุณเกิดมาในช่วงที่เมืองกำลังอยู่ในยุคสงคราม ทุกอย่างกระจัดกระจายมั่วซั่ว แต่หากคุณฉลาดมากพอ เก่งมากพอ และมั่นใจในฝีมือกับมันสมองของตัวเองมากพอ คุณจะอยากทำให้เมืองกลับมาสงบสุขด้วยการรวบความแตกแยกให้กลายเป็นหนึ่งเดียวกันไหม ถึงอย่างนั้น การจะรวบรวมชาวญี่ปุ่นตั้งแต่เหนือจรดใต้ รวมหมู่บ้านน้อยใหญ่ที่อยู่กันแบบนี้มานานหลายร้อยปี ให้ขึ้นตรงต่ออำนาจหนึ่งเดียวที่จะแผ่ขยายอำนาจปกครองทั่วญี่ปุ่น ให้อยู่ภายใต้ธงผืนเดียวกัน ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ใครคิดจะทำก็ทำได้ โดยเฉพาะการพยายามในช่วง ค.ศ. 1500 ที่ญี่ปุ่นกลายเป็นก๊กเป็นเหล่า จมดิ่งอยู่กับการต่อสู้แบบไม่รู้จบมานานนับร้อยปี ทว่าการพลิกโฉมประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ที่แสนยากก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ NIHON STORIES ใคร่แนะนำให้ใครก็ตามที่เริ่มให้ความสนใจกับประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น โดยเฉพาะยุคที่ซามูไรต่างวิ่งเข้าใส่กันแล้วห้ำหั่นแบบไม่กลัวตายอย่างยุค ‘เซ็นโกคุ’ ได้ลองเปิดสารคดีเรื่อง Age of Samurai: Battle for Japan แล้วใช้เวลากับสิ่งนี้ให้เต็มที่ เพื่อทำความเข้าใจถึงอำนาจ ศักดิ์ศรี เล่ห์เหลี่ยม และมุมมองความคิดของชาวญี่ปุ่น ผ่านการต่อสู้ของสามนักรบผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งยุค ว่าพวกเขาเกิดมาเพื่อเป็นนักรบอย่างแท้จริง องก์ 1: โอดะ โนบุนากะ ชายที่ไม่มีใครยอมรับแสดงให้เห็นว่าบุคลิกห่าม ๆ ออกไปทางไม่น่าคบ กลับเต็มไปด้วยความเฉลียวฉลาด กล้าได้กล้าเสีย เขาสามารถชนะศึกในตระกูลและขึ้นเป็นผู้นำของจังหวัดอย่างแท้จริง ซ้ำยังต้านกองทัพของไดเมียวเมืองอื่นที่มีคนมากกว่าถึงสามเท่าได้ การก้าวสู่อำนาจอย่างเป็นทางการครั้งแรก ทำให้บุรุษผู้บ้าคลั่งในสนามรบ คิดว่าตนก็อาจจะสามารถรวมญี่ปุ่นที่กำลังแตกกระจายให้เป็นหนึ่งเดียว ภายใต้การปกครองของเขาได้เช่นกัน หากมองแค่ในสารคดีเรื่องนี้ หลายคนอาจรู้สึกไม่ชอบใจการกระทำหลายอย่างของ โอดะ
แม้จะผ่านปี 2021 มาแล้ว 2 เดือน แต่สถานการณ์ของวงการหนังก็ยังไม่สู้ดีนัก โดยเฉพาะโรงหนังที่ยังไม่มีสตูดิโอไหนกล้าที่จะปล่อยหนังเด็ดหนังใหญ่ให้ได้ดูกันแบบปกติเหมือนปีก่อน ๆ เช่นเคย แต่ช้าก่อน…ถึงแม้บางคนยังไม่กล้าที่จะดูหนังในโรง แต่สตรีมมิ่งอย่าง Netflix ก็ยังเสนอความร้อนแรงผ่านหนังหลากหลายให้ได้ชมกันเช่นเดิม และในเดือน มีนาคม 2021 นี้ Netflix ก็ยังมีหนังดี ๆ หลากแนว หลายรูปแบบให้ชม ทั้งสารคดี / หนังแอ๊คชั่น ไปยันหนังตลกก็มีให้ชมอย่างจุใจ แถมยังมีหลายสัญชาติให้คอหนังได้ลองลิ้มชิมรสชาติที่แตกต่างอีกด้วย ไปดูกันว่าเดือนนี้ มีหนังอะไรเด็ด ๆ ที่ UNLOCKMEN ภูมิใจเสนอให้ดูกันบ้าง เริ่มต้นด้วยสารคดีที่เล่าถึงแร็ปเปอร์ผู้ยิ่งใหญ่ ผู้สร้างประวัติศาสตร์หน้าสำคัญให้กับวงการ Hip Hop ก่อนถูกลอบสังหารอย่างเป็นปริศนาที่ค้างคาใจครอบครัวมาตลอด 24 ปี หนังเล่าเรื่องของ Christopher George Latore Wallace หรือ ฉายา Biggie Smalls ที่มีพรสวรรค์ทางด้านดนตรีมาตั้งแต่เด็ก ๆ และเกือบจะได้เป็นศิลปินแจ๊ส ก่อนชีวิตจะหักเหไปสู่หนทางแห่งการค้ายา อำนาจ และพลังแห่งดนตรี
หากใครยังมีอาการเขิน ๆ หากต้องบอกรักแม่ไปตรง ๆ เรามีภาพยนตร์และซีรีส์ 5 เรื่อง ในทุกเฉดอารมณ์ของ “ความเป็นแม่” ที่จะช่วยให้คุณบอกรักแม่ได้ Hi Bye, Mama! บ๊ายบายแม่จ๋า “ชายูริ” (รับบทโดย คิมแทฮี) เสียชีวิตลงเมื่อ 5 ปีก่อนและกลายเป็นผีที่ดูแลลูกสาว “โชซออู” (รับบทโดย ซออูจิน) มาโดยตลอด แต่แล้วเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เธอได้กลับมาเป็นมนุษย์อีกครั้งโดยมีข้อแม้ว่าต้องทำภารกิจให้สำเร็จภายใน 49 วัน แต่เรื่องไม่ง่ายอย่างที่คิดเพราะสามีของเธอ “โชคังฮวา” (รับบทโดย อีคยูฮยอง) แต่งงานใหม่ไปเสียแล้ว และยังต้องมางงงวยกับการกลับมาของเธออีก Bird Box มอง อย่าให้เห็น คุณแม่ขาลุยที่จะพาลูก ๆ ทั้งสองฝ่าอันตรายไปในหลังวันสิ้นโลก “มาโลรี่” (รับบทโดย ซานดร้า บูลล็อค) ต้องพาเด็กสองคนที่เธอเรียกว่า “เด็กชาย” และ “เด็กหญิง” ฝ่าอันตรายหลังจากโลกถูกรุกรานจากสิ่งประหลาดที่แค่มองก็สามารถตายได้ Dear Ex รักเก่า ใครมาก่อน
คุณใช้เวลาหาซีรีส์หรือหนังดูบน Netflix วนไปมาอย่างยาวนาน โดยไม่รู้จะดูอะไรดีอยู่ใช่มั้ย? อาการนี้เรารู้ดีว่ามันน่าอึดอัดแค่ไหน จึงเป็นที่มาของการรวบรวมซีรีส์น่าดูมาใหม่ประจำเดือนมิถุนายน เพื่อคุณจะได้ไม่ต้องกดวนไปมาอย่างไร้จุดหมายอีกต่อไป 13 Reasons Why S4 (13 บันทึกลับหัวใจสลาย ซีซั่น 4) กำหนดออกอากาศ: 5 มิถุนายน จากจุดเริ่มต้นของเทปลับ 13 ม้วน สู่การกลับมาในซีซั่นสุดท้ายเพื่อปิดฉากเรื่องราวของ เคลย์, แซ็ค, อานี และกลุ่มเพื่อน ในขณะที่นักเรียนชั้น ม.6 ของโรงเรียนมัธยมลิเบอร์ตี้ต่างกำลังเตรียมตัวที่จะจบการศึกษา รวมถึงเคลย์และเพื่อนๆ แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้กล่าวคำอำลา พวกเขาต้องเก็บความลับสุดอันตรายอย่างหนึ่งไว้ไม่ให้ใครล่วงรู้ และยังต้องเผชิญกับทางเลือกที่เจ็บปวดซึ่งอาจเปลี่ยนชีวิตพวกเขาไปตลอดกาล Eurovision Song Contest: The Story of Fire Saga (ไฟร์ซาก้า: ไฟ ฝัน ประชัน เพลง) กำหนดออกอากาศ: 16 มิถุนายน เรื่องราวชีวิตของคู่นักร้องจากประเทศไอซ์แลนด์ Lars Erickssong (วิล เฟอร์เรล) และ
ลืมตาตื่นขึ้นมาเผชิญชีวิตท่ามกลางอุณหภูมิ 30 กว่าองศาฯ แต่รู้สึกร้อนราวกับว่า 40 กว่าองศาฯ อีกหนึ่งวัน แสงอาทิตย์คือชีวิต แต่อีกทางหนึ่งเราก็อดจินตนาการไม่ได้ว่าหากแสงอาทิตย์แปรพักตร์ กลายเป็นปรปักษ์ต่อลมหายใจของมนุษย์ โลกใบนี้จะเป็นอย่างไร? Into the Night คือซีรีส์ระทึกขวัญ เมื่อแสงอาทิตย์ไม่ได้เป็นความอบอุ่นและสัญลักษณ์แห่งชีวิตอีกต่อไป แต่รุ่งอรุณกลับนำพาความตายมาเยือนโลกมนุษย์ ใครที่สัมผัสแสงแดดมีทางเลือกเดียวคือหมดลมหายใจ และผู้ที่อยากมีชีวิตรอดให้ได้ จึงต้องพาตัวเองมุ่งหน้าสู่ความมืดมิดแห่งคืนค่ำเท่านั้น ไม่เวิ้นเว่อวุ่นวาย เพราะโลกแตกสลาย ความหมายมีแค่การเอาตัวรอดเท่านั้น เราคงไม่ปฏิเสธว่าหนังโลกแตก มนุษย์ต้องเอาตัวรอดให้ได้ หนีตายบนพาหนะอะไรสักอย่างไม่ใช่พล็อตใหม่ และชวนให้สงสัยว่ามันยังดึงดูดใจคนดูอย่างเราได้จริงไหม? แต่ Into the Night พาเราหลุดเข้าไปในหนังโลกแตกระทึกขวัญเอาตัวรอดในรสชาติแปลกใหม่ ที่ขอกระซิบว่าถ้ายังไม่ได้เริ่มดูก็อย่าเพิ่งตัดสินหนังเรื่องนี้ หนังโลกแตกปกติ มักให้ความสำคัญกับความสมจริง จนฉายภาพปูพื้นให้เห็นว่า “เพราะอะไรโลกถึงเกิดหายนะขึ้น?” จนต้องมีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ปูภาพ หรือฉากห้องแล็บนักวิจัยที่แสดงข้อมูลจำนวนมากน่าเชื่อถือ แต่ Into the Night กลับเปิดเรื่องเรียบง่าย กลุ่มคนเพียงหยิบมือหนึ่งที่กำลังจะขึ้นเครื่องบิน และถูกทหารนายหนึ่ง (ที่บังเอิญรู้เรื่องแสงอาทิตย์หายนะ) ปล้นเพื่อพาเครื่องบินมุ่งตรงสู่กลางคืน หนีแสงอาทิตย์ไปทางทิศตะวันตกของโลก บนเครื่องบังเอิญมีผู้มีความรู้เรื่องวิทยาศาสตร์ที่พออธิบายเหตุผลคร่าว ๆ อยู่บ้าง และที่เหลือคือการเสิร์ชหาเอาจากอินเทอร์เน็ต ในทางหนึ่งการปูเรื่องจากมุมมองตัวละครแบบนี้ทำให้เรารู้สึกสมจริงยิ่งขึ้น เพราะหากโลกใบนี้ต้องแตกแหลกสลายพังพินาศลงจริง
หากช่วงนี้ใครกำลังเปื่อยอยู่บ้าน ไม่มีกิจกรรมอะไรสนุก ๆ ทำ อีกทั้งหนังและซีรีส์ที่กดเพิ่มไว้ใน My List ก็ดูจนจะหมดแล้ว ลองเปลี่ยนแนวมาดูอะไรใหม่ ๆ ที่ไม่ตกเทรนด์กับเรียลลิตี้ที่ตอนนี้ไม่ว่าใครก็ต่างพูดถึงกันดีกว่าครับ ได้เปิดมุมมองและแง่คิดผ่านชีวิตของเหล่าผู้ร่วมรายการ วันนี้ UNLOCKMEN ขอมาแนะนำ 7 รายการเรียลลิตี้หลากแนวให้เป็นเพื่อนคู่ใจที่จะทำให้คุณหัวเราะ ตะลึง เบ้ปาก และซึ้งไปกับเรื่องราวมากมายในช่วงเวลาต้อนรับเดือนพฤษภาคมนี้กัน Too Hot To Handle (ฮอตนักจับไม่อยู่) ร้อนแรงจนฉุดไม่อยู่กับ Too Hot To Handle ที่ล่าสุดขึ้นแท่นโชว์ยอดนิยมอันดับ 1 บน Netflix ประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว คุณจะได้พบกับหนุ่มสาวหน้าตาดีที่มาพร้อมกับหุ่นสุดปังในชุดว่ายน้ำฮอต ๆ โดยรายการจะเลือกผู้เข้าแข่งขันที่มีความคลั่งไคล้เรื่องเซ็กซ์เป็นชีวิตจิตใจมาอยู่ด้วยกันและห้ามไม่ให้พวกเขามีเซ็กซ์กันตลอดรายการ นี่คือโจทย์หลักและจุดเริ่มต้นของเรื่องราวมากมาย ไปพบกับความฮา บ้า และก๋ากั่นของผู้เข้าแข่งขันที่จะพาคุณไปสำรวจแง่มุมของเซ็กส์และความสัมพันธ์ในแบบที่คุณไม่เคยคิดมาก่อน Love is Blind (วิวาห์แปลกหน้า) “ความรักไม่จำเป็นต้องมองเห็นด้วยตา?” นี่คือคำถามหลักของเรียลลิตี้โชว์นี้ โดยรายการจะนำหนุ่มสาวมาเข้าร่วมการทดลองความรักโดยเลือกคนที่คุณอยากจะแต่งงานด้วยภายใต้เงื่อนไขที่ว่าคุณจะไม่มีสิทธิเห็นหน้าของอีกฝ่าย ทั้งหมดนี้เพื่อตอบคำถามที่ว่า ในโลกปัจจุบันคุณค่าของเรามักถูกตัดสินโดยรูปลักษณ์หรือภาพถ่ายบนแอปพลิเคชันหาคู่ การรักใครสักคนที่ตัวตนที่แท้จริงจะยังเป็นไปได้หรือไม่
เดือนพฤษภาคมถือเป็นอีกเดือนที่อุดมไปด้วย “วันหยุด” ที่เราจะได้หยุดงานนอนตีพุงหรือไปเที่ยวไหนต่อไหนให้ชุ่มปอด แต่ COVID-19 ก็ทำให้โลกทัศน์วันหยุดเราต้องเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง วันหยุดจำนวนมากแต่ไม่อาจออกไปไหนได้ (เพื่อความปลอดภัยของตัวเราและผู้อื่น) รวมถึงสถานที่หลายแห่งที่ยังต้องปิดตามมาตรการของรัฐและเคอร์ฟิว ทำให้วันหยุด (และวันธรรมดา) ของเดือนพฤษภาคม 2020 นี้ มีแต่บ้าน บ้าน บ้าน และบ้านเท่านั้น โชคดีที่เราอยู่ในโลกยุคที่บ้านยังมีทีวี อินเทอร์เน็ต และสตรีมมิงให้ได้ท่องเที่ยว เดินทางไปกับหนัง ซีรีส์ สารคดี ฯลฯ การอยู่บ้านจึงน่าเบื่อน้อยลง ดังนั้นพฤษภาคมนี้ใครที่ยังไม่รู้ว่าจะใช้วันหยุดไปกับอะไร เราแวะเอาคอนเทนต์จาก NETFLIX มาให้เลือกสรร The Godfather ความดีงามของระบบสตรีมมิงคือการที่เราจะดูเมื่อใด หยุดเมื่อใดก็ได้ หนังทั้งเรื่องเป็นของเรา การได้ดูที่มีหลาย ๆ ภาคในวันหยุดยาวแบบฉ่ำใจจึงเหมือนเป็นการได้เสพของอร่อยเต็มอิ่มของคอหนัง โดยเฉพาะเมื่อหนังเรื่องนั้นเป็นหนังระดับตำนาน จะมีอะไรดีกว่านี้อีก? The Godfather คงไม่ใช่หนังใหม่อะไร (แต่เราเชื่อว่าหลายคนก็อาจยังไม่เคยดู) ใครที่เคยดูแล้วก็ถือเป็นโอกาสอันดีในช่วงเดือนที่วันหยุดเยอะได้ย้อนกลับมาดูหนังแก๊งสเตอร์ระดับตำนานเรื่องนี้อีกหน The Godfather เรื่องราวว่าด้วยครอบครัวมาเฟียที่ไม่ได้มุ่งไปที่อาชญากรรมโดยตรง แต่ให้ฟีลรุ่นใหญ่ใจต้องนิ่ง โคตรมาเฟียที่ไม่ต้องข้องแวะกับความเป็นอันธพาล แต่อหังการตราตรึงใจนักวิจารณ์และคนดูแม้เวลาผ่านมาเป็นสิบ ๆ ปีแล้วก็ตาม ความดีงามคือมาครบทั้ง
ถึง Netflix แทบจะเป็นสตรีมสามัญประจำบ้านของทุกคน แต่ก็ต้องยอมรับว่าบางคนไม่มีคู่หาร รู้สึกว่าการจ่ายรายเดือนคนเดียวมันแพงไป หรืออาจจะเจอกับวิกฤตจนต้องถอน Netflix ออกไปจากอุปกรณ์ช่วงนี้เพื่อลดค่าใช้จ่ายเองก็มี ข่าวดีของคนไม่มี Netflix ที่บ้าน ช่วงนี้เรายังหาอะไรสนุก ๆ ดี ๆ ดูได้ เพราะ NETFLIX ประกาศปล่อยซีรีส์เจ๋ง ๆ ABSTARCT: THE ART OF DESIGN ที่เคยผลิตในปี 2006 ออกมาให้ทั่วโลกได้ดูกันฟรี ๆ กันถึง 8 เรื่อง ที่สำคัญยังเลือกซับไทยอ่านสบาย ดูไปยาว ๆ ตกคลิปละประมาณ 40-50 นาทีเท่านั้น ใครสนใจเรื่องไหนลองอ่านเรื่องย่อคร่าว ๆ ก่อน เรารวบรวมให้พร้อมแปะหนังในลิงก์นี้แล้ว กด play แล้วไปดูพร้อมกันได้เลย HOW TO OPEN ‘THAI’ SUBTITLE คลิกปุ่ม CC หรือ Subtitile คลิกปุ่ม
ไม่ว่าการอยู่บ้านจะทำให้เรามีเวลาแวบจากการทำงานไปเสพสารพัดความบันเทิง ทั้งดูซีรีส์ เล่น Tik-Tok เล่นเกม หรือทำอย่างอื่นได้มากแค่ไหนก็ตาม แต่ไม่นานอาการจิตตกจากการทำอะไรซ้ำ ๆ อยู่ในสภาพแวดล้อมเดิม ๆ อาจจะทำให้เราเกิดอารมณ์ไม่อยากจะทำอย่างนั้นอีกต่อไป เบื่อจะฟังเพลง เบื่อดูหนัง เบื่อทุกสิ่งที่เสพไปโดยปริยาย พอสุขภาพจิตกำลังทรุดโทรม Netflix เลยจับจังหวะนี้ปล่อยซีรีส์ใหม่ทาง Instagram เพื่อโฟกัสเรื่องการดูแลตัวเองและสภาพจิตใจระหว่างอยู่บ้านจากภาวะ Covid-19 โดยซีรีส์เรื่องนี้จะฉายทาง Instagram Live เวลา 1 ทุ่ม (PT) นำเสนอฟีเจอร์ที่รวบรวมดาราวัยรุ่นดังจากโชว์และภาพยนตร์ Netflix หลายเรื่องที่เราคุ้นเคย เช่น “To All the Boys I’ve Loved Before” “The Kissing Booth” “Stranger Things” “Cheer” และ “13 Reasons Why.” ตัวอย่างของนักแสดงที่ยืนยันว่าเข้ามามีส่วนร่วมกับซีรีส์เฉพาะกิจ เปิดเผยรายชื่อมาแล้ว ได้แก่ Noah Centineo จากเรื่อง To
ตอนนี้ใคร ๆ ก็ต้องอยู่บ้าน รวมถึงพวกเราชาว UNLOCKMEN ต้องอยู่ติดบ้าน พยายามออกไปข้างนอกให้น้อยเท่าที่จะทำได้ และการนั่ง ๆ นอน ๆ อยู่ในพื้นที่เดิมอาจทำให้เราเบื่อหน่าย บางคนดูหนังจนไม่รู้ว่าจะดูเรื่องอะไรแล้วก็มี จึงทำให้วันนี้เราอยากแนะนำแอนิเมชันที่ฉายบนระบบสตรีมมิง Netflix ไว้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับคนขี้เบื่อ แอนิเมชัน 7SEEDS สร้างจากมังงะที่ตีพิมพ์ลงในนิตยสารการ์ตูนรายเดือนโชโจปี 2001 และนิตยสารการ์ตูนรายเดือนฟลาวเวอร์ในปี 2002 ผลงานจากความคิดสร้างสรรค์ของทามูระ ยูมิ (Tamura Yumi) นักเขียนมังงะสไตล์สดใสที่คนไทยชอบเรียกกันว่า “การ์ตูนตาหวาน” แต่ถึงจะตาหวานภาพสวยน่ารักแต่เนื้อเรื่องส่วนใหญ่ของอาจารย์ยูมิมักมีเนื้อหาแหวกแนวจากการ์ตูนตาหวานเรื่องอื่น ๆ 7SEED จะเล่าเรื่องราวของคนญี่ปุ่นกลุ่มหนึ่งถูกนำไปปล่อยทิ้งไว้สักแห่งหนึ่งของโลก เด็กสาวชื่อ ‘นัตสึ’ ตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองอยู่บนเรือลำหนึ่งกลางมหาสมุทรกับคนแปลกหน้าอีกสองคน พวกเขาสามารถขึ้นฝั่งบนเกาะที่ไม่รู้จัก แถมพบว่ายังมีคนอื่นที่ติดอยู่บนเกาะด้วยเหมือนกัน ผู้รอดชีวิตทั้งนักเรียนมัธยมปลาย นักดนตรี ตำรวจหญิง แต่ละคนล้วนอุปนิสัยแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทุกคนต่างต้องงัดความรู้และไหวพริบเท่าที่มีทำให้ตัวเองมีชีวิตรอดบนเกาะที่เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตประหลาด เรื่องราวการเอาชีวิตรอดของมนุษย์ทำให้เราลืมภาพการ์ตูนตาหวานไปจนหมดสิ้น เพราะเนื้อหาของมังงะเรื่องนี้เล่นกับจิตใจคนได้อย่างไม่น่าเชื่อ มีคนที่เชื่อมั่นสุดหัวใจว่าหากร่วมมือกันทุกคนจะต้องออกไปจากเกาะให้ได้ และก็มีบางคนเชื่อว่ามนุษย์สามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมรอบตัว ดำรงชีวิตอยู่บนเกาะโดยไม่ต้องพยายามหาทางออกไป จนทำให้เราย้อนกลับมาคิดว่าหรือถ้าเป็นเองจะเลือกอยู่บนเกาะหรือไปตายเอาดาบหน้าดีกว่า ? “ที่นั่น มีแต่ภาพแห่งความสิ้นหวัง” แท้จริงแล้วมนุษย์ถูกจับมาอยู่รวมกันโดยโครงการ 7SEEDS เพื่อค้นหาเมล็ดพันธุ์ยอดเยี่ยมจากกลุ่มเซอร์ไววัลมาเป็นต้นแบบเพื่อรักษาเผ่าพันธุ์ของมนุษย์จากเหตุการณ์บางอย่างที่อาจทำให้เกิดการสูญพันธุ์ ท่ามกลางการ์ตูนภาพสวยกลับเต็มไปด้วยเรื่องราวหนักอึ้ง