ผ่านกาลเวลามานานถึง 70 ปีแล้ว สำหรับ Toyota Land Cruiser รถถังในร่าง SUV ที่โดดเด่นด้านความแกร่งสำหรับใช้ขับลุยได้ทุกสภาพพื้นดิน และเพื่อฉลองให้โอกาสพิเศษนี้ จึงมี special edition Land Cruiser 70 Series ถือกำเนิดขึ้นมา Toyota Land Cruiser 70th Anniversary Edition รถสายลุยที่พิเศษด้วยกลิ่นอายความ retro จากตัวถังรุ่น 70 Series ที่ยังคงทำตลาดมาอย่างยาวนานอยู่ในบางประเทศเช่น UAE, Africa, Australia ดีไซน์ที่ดูย้อนยุคมาจากกระจังหน้าสีดำพร้อมตราโลโก้ Toyota แบบเก่าขนาดใหญ่เกือบเต็มพื้นที่ กันชนหน้าทั้งชิ้นและคิ้วล้อทรงสปอร์ตสีดำ ล้อขนาด 16 นิ้วสีดำ ตัดกับสี French Vanilla แบบในรูป เหมือนรถที่หลุดออกมาจากภาพยนตร์ในยุค 90s แต่มีรายละเอียดที่ทันสมัยซ่อนอยู่ เช่นใช้ไฟ LED ในไฟตัดหมอกและไฟ daytime running lights ภายในของ
ในยุคก่อน ถ้าคุณอยากได้รถหรูหุ้มเกราะเสริมความปลอดภัยให้ชีวิตสักคันนึง ต้องนำรถไปให้บริษัทผู้เชี่ยวชาญจัดการอีกต่อนึง แต่ปัจจุบัน รถยนต์หรูทุกค่ายต่างมีตัวเลือกเวอร์ชันหุ้มเกราะให้จากโรงงาน ไม่ว่าจะเป็น Mercedes-Benz, Audi, BMW หรือแม้แต่ Brabus สำหรับค่ายตราดาวที่พึ่งจะเปิดตัว new S-class ก็มีเวอร์ชันเสริมเกราะที่แต่งเป็นพิเศษทั้งคันออกมาในรหัสชื่อ “S680 Guard 4MATIC” ซึ่งเป็นตัวถังช่วงยาว long wheelbase ขุมพลัง V12 Turbocharged จาก Maybach ให้พลัง 600 แรงม้าขับเคลื่อนทั้ง 4 ล้อ มาพร้อมน้ำหนักมากกว่า 4 ตัน จึงทำความเร็วสูงสุดได้เพียง 189 km/h ดูจากภายนอกแทบแยกไม่ออกระหว่าง S-class ปกติกับเวอร์ชั่นหุ้มเกราะที่ซ่อนความพิเศษไว้ภายในบอดี้สุดหรู ด้วยระดับป้องกันสูงถึง VPAM VR10 class หมายความว่าเป็นระดับที่ผ่านการทดสอบการกันระเบิดและกระสุนด้วยรถคันจริงทั้งคัน ไม่ใช่แค่เคลมโดยการนำวัสดุต่าง ๆ มาทดสอบแยกกัน ยางซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่สุดสำหรับรถยนต์เป็นของ Michelin Pax run-flat ที่สามารถขับต่อได้ไกล 30 กิโลเมตรแม้จะแตกกระจุย
หากพูดถึงรถ ‘Renault’ คนไทยในยุคนี้อาจจะไม่ค่อยคุ้นหู หรือเห็นวิ่งอยู่บนถนนมากนัก แต่ถ้าย้อนกลับไปหลายสิบปีก่อน รถยนต์ ‘Renault’ ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในรถที่หล่อเหลาเอาการมากที่เดียว โดยเฉพาะในรุ่นตัวแรงอย่าง ‘Renault R5 Turbo’ จะว่าไปแล้วจริง ๆ ‘Renault’ ยังคงความโดดเด่นในเรื่องวิศวกรรมยานยนต์ในระดับชั้นนำของโลกอยู่ เห็นได้จากรถ Formula 1 จากหลายค่ายก็ยังคงใช้เครื่องที่ผลิตโดยบริษัท ‘Renault’ และถ้าเป็นในสเกลรถบ้าน ‘Renault’ ก็เพิ่งนำเอารถในตำนานอย่าง R5 มาปัดฝุ่นใหม่ และพัฒนาจนมีการเปิดตัว ‘Renault R5 Electric Prototype’ ซึ่งเป็นรถพลัง EV ไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา วันนี้เราจะพาทุกคนไปดู ‘Renault R5 Turbo 3’ ที่ถูกชุบชีวิตใหม่จากสำนักแต่งที่มีชื่อว่า ‘Legende Automobiles’ ให้ดูดุดันทันสมัย และต้องถูกใจคนรักรถ Classic อย่างแน่นอน ‘Renault R5 Turbo 3’ คันนี้ ถูกสร้างตัวถึงขึ้นใหม่โดยใช้วัสดุที่ทันสมัย และน้ำหนักเบาอย่างคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งคัน ด้วยความเนี๊ยบของทีมช่างฝีมือระดับพระกาฬทำให้คนทั่วไปมองไม่ออกด้วยซ้ำว่านี่ไม่ใช่ตัวถังเดิม ระบบไฟทั้งหมดยังถูกอัพเกรดใหม่เป็นไฟ
เดือนมกราคม ปี 1995 ผู้คนในงาน Detroit Auto Show เป็นคนกลุ่มแรกที่ได้พบกับ Hypercar จากค่าย Ford ที่ตั้งใจสร้างรุ่นน้องของ Ford GT40 ให้มีศักยภาพพร้อมฟาดกับรุ่นใหญ่อย่าง Ferrari F40, Lamborghini Diablom, Bugatti DB110 หรือแม้แต่ McLaren F1 ในตำนาน แต่น่าเสียดายที่ตำนานบทนั้นไม่ได้ผ่านเข้าสู่กระบวนการผลิตจริง รถที่ควรจะเป็น Hypercar-Fighter จึงเป็นได้เพียง Concept Hypercar ที่หลายคนลืมมันไป แต่เราไม่เคยลืม เรื่องราวของ Ford GT90 เริ่มต้นขึ้นในปี 1994 เมื่อ John Coletti, หัวหน้าฝ่าย Ford’s SVT (Special Vehicle Team) ได้จัดตั้งทีมย่อยขึ้นมาหนึ่งทีม หน้าที่เดียวคือการสร้าง hypercar ที่ต่อยอดจากความสำเร็จของ Ford GT40 แห่ง Le
คนที่เกิดในช่วงปี ’90s เหมือนผม และตอนเด็ก ๆ ที่บ้านไม่ได้มีฐานะดีจนสามารถซื้อรถเท่ ๆ ในยุคนั้นไหว น่าจะรู้สึกเสียดายโอกาสเพราะหลังพยายามทำงานเก็บเงินจนพอจะกลับไปไล่เก็บความฝันวัยเยาว์ได้ รถเจ๋ง ๆ เหล่านั้นกลับราคาขึ้นหนีไปไกลจนเกินเอื้อมอีกครั้ง ต่อให้รัก R34 แค่ไหน เจอราคาสิบล้านแบบปัจจุบันคงทำได้แต่มอง หรือจะไปเล่นรถรุ่นใหม่ที่ต่อยอดจากตำนานบทเก่าอย่าง NSX หรือ Supra ก็กลับรู้สึกว่าชอบตัวเก่ามากกว่า แต่ก็ยังพอมีความหวังจากลิสต์ Sports car เลือด JDM ที่ได้รับความนิยมมากในอดีตจนถึงปัจจุบัน แต่รอเท่าไหร่ก็ไร้วี่แววจะเปิดตัว generation ใหม่ออกมา ไปดูกันว่ามีรุ่นอะไรตรงใจให้พวกเราได้เฝ้ารอไปพร้อมกันบ้าง บอกเลยว่าแต่ละรุ่นที่คัดมา ถ้าเปิดตัวใหม่เมื่อไหร่ รับรองว่าเรียกเสียงฮือฮาและเสียงกดเงินจองกันได้กระหึ่มแน่นอน เหลือเพียงจตุรเทพจากยุค ’90s เพียงหนึ่งเดียวคันนี้เท่านั้นที่ยังไม่มีรุ่นใหม่ออกไปปะทะกับ NSX, GT-R, SUPRA ซึ่งอาจจะถือเป็นโชคดีก็ได้ เพราะอีก 3 รุ่นที่ว่าเปิดตัวใหม่มาขัดใจแฟน ๆ ทั่วโลก จนราคารุ่นเก่าพุ่งพรวดกันยกแผง ซึ่งใครจะบอกว่าก็เคยมี RX-8 ที่ออกมาแล้วไง แต่จริง ๆ เรามองว่ามันไม่ใช่สายเลือดที่สืบทอดกันได้โดยตรง นับตั้งแต่ ‘FB’
ย้อนไปในปี 1997 เมื่อ Mercedes-Benz ต้องการกลับมาสร้างชื่อเสียงในฐานะเจ้าแห่ง Motorsport หลังปรึกษากับ AMG ทั้งคู่ก็ตกลงที่จะร่วมกันพัฒนา Mercedes-Benz CLK GTR สุดยอดเครื่องจักรที่จะลงไล่ล่าแชมป์ในรายการ FIA GT Championship โดยมีคู่แข่งสุดโหดมากมายไม่ว่าจะเป็น Ferrari, Porsche หรือ McLaren แต่ก่อนจะส่งรถคันใหม่ลงแข่งในรายการ GT1 ได้ มีข้อบังคับข้อนึงระบุว่าจะเป็นต้องสร้าง CLK GTR Strassenversion (Road-legal version) ให้ครบ 25 คันก่อน และด้วยเป้าหมายที่ชัดเจนว่าต้องการสร้างชื่อมากกว่ายอดขาย Mercedes-Benz จึงเลือกเพิ่มอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและความปลอดภัยเข้าไปอีกเล็กน้อยให้พอจดทะเบียนได้ เรียกว่าแทบจะไม่มี Road car รุ่นไหนที่ดิบห่ามแบบ Race car จากสนามแข่งได้เท่า CLK GTR ในยุคนั้น AMG ผู้อยู่เบื้องหลังการออกแบบและพัฒนา Mercedes-Benz CLK GTR ใช้เวลานับตั้งแต่สเก็ตช์ภาพจนได้ออกมาเป็นรถแข่งทั้งคันเพียงแค่ 128 วันเท่านั้น ก่อนจะเปิดตัวรถแข่ง
ถูกยกให้เป็นหนึ่งใน Scooter ที่ดีไซน์โดนใจนักบิดมากที่สุดในโลก BMW Motorrad CE 04 Electric Scooter ออกแบบภายนอกด้วยคอนเซปต์แนวคิด futuristic styling พร้อมเทคโนโลยีขุมพลัง EV เป็น electric scooter ที่สร้างมาตอบโจทย์การใช้งานในเมืองโดยเฉพาะ ลายละเอียดภายนอกที่ออกแบบลายเส้นให้บึกบึน แฝงไว้ด้วยรายละเอียดจากอนาคต ขุมพลัง EV จากมอเตอร์ไฟฟ้าสร้างกำลังได้ 42 แรงม้า ความเร็วสูงสุด 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แบตเตอรี่ความจุ 8.9kWh ช่วยให้ขี่ได้ระยะทางมากถึง 128 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ความเจ๋งเทคโนโลยี EV นี้คือการคิดค้นและพัฒนาขึ้นเองโดย BMW Motorrad ที่ได้แชร์ know-how มาจาก BMW iX SUV ที่ล้ำหน้า จึงสามารถนำมาปรับใช้ใน Scooter คันนี้ได้อย่างรวดเร็วกว่าคู่แข่งในตลาด ใช้เวลาในการชาร์จไฟที่สั้นกว่า มีเทคโนโลยีช่วยในการขับขี่มากมาย เช่น Automatic Stability Contorl ช่วยควบคุมการทรงตัว
“เท่สุด ๆ ไปเลย” คำอุทานจากทุกคนที่ได้เห็นหน้าตาและความสามารถของรถตู้เอนกประสงค์ไซส์มินิ แต่อัดแน่นด้วยฟังก์ชันรองรับทุกกิจกรรมลุย และเทคโนโลยีพร้อมพลังงานไฟฟ้าคันนี้ ชื่อของมันคือ XBUS รถตู้พลังไฟฟ้าสัญชาติ German เป็นรถที่เพียบพร้อมไปด้วยความสามารถ สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้มากมาย แหล่งพลังงานแบตเตอรี่ 10kWh 75 แรงม้า แม้จะไม่มาก แต่ตัวเลขแรงบิดกลับเคลมไว้มากถึง 737lb-ft ซึ่งค่อนข้างแปลก แต่ถ้าจริงก็นับว่าแรงบิดระดับน้อง ๆ supercar เลยทีเดียว ส่วนตัวคิดว่าน่าจะหมายถึงแรงบิดตีต้นที่ราว 0-100 km/h ด้วยรูปทรงของรถที่ไม่น่าจะมี Top speed สูงมากนัก ตัวรถดีไซน์พื้นที่ด้านหลังแบบ Modular 3 ตอน ช่วยให้สามารถแบ่งส่วนพื้นที่และปรับแต่งการใช้งานได้อย่างไร้ขีดจำกัด ตั้งแต่เปิดโล่งเป็น flat-bed pick-up สำหรับบรรทุกของ บรรทุก surfboard ไปทะเล จะปรับเป็นพื้นที่สำหรับโดยสารสไตล์ boxy vans ก็ยังได้ หรือจะปรับเป็นพื้นที่บรรทุกสัมภาระแบบรถ mini truck ก็ได้เช่นกัน ซึ่งสำหรับสายลุยป่าตั้งแคมป์ ก็ยังมีชุด off-road option
Lamborghini Miura supercar แม่พิมพ์ที่สร้างตำนานอันยิ่งใหญ่ รวมถึงจุดเริ่มต้นของสัญลักษณ์กระทิงดุ เป็นรถหายากที่ควรค่าแก่การสะสมอย่างไม่ต้องสงสัย ในตระกูล Miura เองก็มีหลายรุ่นที่พิเศษแยกย่อยออกไป ซึ่งเราเคยนำเสนอไว้แล้วในบทความนี้ “LAMBORGHINI MIURA กระทิงนักสู้ตัวสำคัญที่ยังรันวงการ SUPERCAR” แต่รุ่นที่หายากที่สุดของ Miura ทั้ง 700 คันที่ถูกผลิตออกมา พึ่งจะถูกนำออกมาเปิดประมูลให้นักสะสมขนหัวลุกกัน นั่นคือ Lamborghini Miura SVJ “The Corsican” supercar edition พิเศษที่มีเพียง 3 คันในโลก Miura SVJ ถือกำเนิดขึ้นในปี 1970 เมื่อ Bob Wallace หัวหน้าฝ่ายทดสอบรถของ Lamborghini รู้สึกว่า Miura เวอร์ชั่นปกติยังมีศักยภาพอีกหลายจุดที่สามารถพัฒนาให้ดีขึ้นได้หากต้องการเป็นผู้ชนะในสนามแข่ง จึงลงมืออัพเกรด Miura ลดน้ำหนักตัวลงด้วยบอดี้ผลิตจาก aluminum-alloy อัพเกรดช่วงล่างสำหรับสนามแข่งและพัฒนา aerodynamic ด้วย aero kit ที่มีช่องดักลมแตกต่างจากรุ่นปกติ ปิดท้ายด้วยการจูนเครื่องยนต์ V12
BMW เสริมความสดใหม่ให้กับ mid-size SUV หรู ด้วย limited edition “Black Vermilion Edition” สำหรับ X5, X6 บนโมเดล xDrive40i รวมถึง X7 M50i ในโทนสีดำแดงพิเศษ ภายนอกโดดเด่นเตะตาด้วยกระจังไตคู่หน้าสีแดง ล้อ double-spoke ขนาด 22 นิ้วสี Orbit Grey และ brake calipers สีแดง เสริมความสปอร์ตทันสมัย ดุดันเข้ากับตัวถังสีดำ “BWM Individual Frozen Black Metallic” ไฟหน้า Adaptive Full LED Laserlight ชุดแต่ง M Sport รอบคัน กันชนหน้าหลัง รวมถึงท่อไอเสีย M Sport exhaust system สร้างความแตกต่างและย้ำภาพความสปอร์ตที่เหนือกว่าคู่แข่งบนท้องถนน