ความร้อนแรงของการเมืองที่เชือดเฉือนกันเกมต่อเกม อาจทำให้เราสับสนวุ่นวายไปกับสารพัดความเห็นที่ต่างชี้ไปในทิศทางความเชื่อของตน พักเรื่องเหล่านั้นเอาไว้ แล้วไปตะลุยกับ 5 ซีรีส์ชิงไหวชิงพริบในเกมบัลลังก์ ชิงความเป็นใหญ่ ด้วยสารพัดเล่ห์กลและอำนาจ ที่จะนำมาซึ่งความสำเร็จให้ตัวเอง มีทั้งบู๊มันส์ ๆ และรบกันเชิงบุ๋น ให้ได้เลือก Game of Thrones ซีรีส์แห่งยุคที่กลายเป็น Sub-Culture ระดับเดียวกับ Star Wars ไปแล้วกับเรื่องนี้ ดูเผิน ๆ จากโปสเตอร์ คิดว่ามันคือซีรีส์ย้อนยุค รบราฆ่าฟันกันตามประสา แต่แม่งเจ๋งกว่านั้นมาก ด้วยเส้นเรื่องที่เราไม่รู้จะเริ่มต้นเล่ากันยังไง เอาเป็นว่ามันเริ่มต้นจากเรื่องราวของเจ็ดอาณาจักร ที่หลายตระกูลต่างปกครองหัวเมืองของตัวเอง บางคนอยากจะก้าวขึ้นมาสู่บัลลังก์ บางคนอยากจะหลีกหนีไปให้พ้นทางแห่งอำนาจ จนเกิดการหักเหลี่ยมกันไม่ว่าจะทั้งศัตรูหรือพวกเดียวกันเอง ความสนุกคือเราจะได้เห็นการลงมือห้ำหั่นกันจากทั้งนักรบ ทหาร ขุนนาง กษัตริย์ ที่ต่างเลือกเกมให้เข้ามือตัวเองทั้งหมด เรียกว่าไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวร ชนิดที่ว่าจบซีซั่นแต่ละทีจะได้อุทานว่า ไอ้ซั๊ซ (เสียงน้าค่อม) กันเป็นแถบ ๆ ตอนนี้เรื่องราวดำเนินไปไกล และใกล้มาถึงบทสรุปสุดท้ายในซัมเมอร์นี้แล้ว ยังไม่สายหากจะเริ่มต้นซีซั่นแรกกันในตอนนี้ The Crown นี่สิเกมบัลลังก์ที่แท้จริง เกมที่แสนจะดุเดือดของการคานอำนาจกันระหว่างสถาบันกษัตริย์และสถาบันการเมือง เรื่องราวของ Queen Elizabeth
ซีรีส์แนวสืบสวน อาชญากรรม คงเป็น Category อันดับต้น ๆ ที่ครองใจใครหลายคน หรือแม้แต่เวลาเริ่มดูซีรีส์สักเรื่อง เรามักจะเริ่มจากเรื่องสืบสวนแสนตื่นเต้นกันเสียส่วนใหญ่ เปลี่ยนจากเรื่องราวซีรีส์แบบเดิม ๆ มาระทึกขวัญไปกับเรื่องราวกึ่งสารคดีของอาชญากรรมที่เกิดขึ้นจริงบน NETFLIX ตื่นเต้นไปกับการเล่าเรื่องในรูปแบบใหม่ ที่ไม่ได้เป็น TV Show ยืนชี้จุดเกิดเหตุแสนน่าเบื่อแบบเดิม ๆ และย้อนกลับมาตระหนักถึงอันตรายรอบตัวที่เกิดขึ้นได้ แม้จะเป็นเหตุการณ์ทั่วไปในชีวิตประจำวันที่เรามองข้ามก็ตาม I Am A Killer ใครที่เป็นสายอาชญากรรม สืบสวนสอบสวน หรือชอบดูหนังซีรีส์แนว Thriller เป็นชีวิตจิตใจ แต่ถ้าดูมันหมดทุกเรื่องจนเบื่อที่จะดูซ้ำไปซ้ำมาแล้ว เราขอแนะนำสารคดีเรื่องนี้ ที่จะนำนักโทษคดีร้ายแรงมาพูดคุยถึงชีวิตของเขา แรงจูงใจที่ก่อเหตุ และเรื่องราวที่น่าสนใจอื่น ๆ ความเจ๋งอยู่ที่สารคดีไม่ได้ทำออกมาให้มันดูดาร์ก ดูหดหู่หรือรุนแรง แต่เป็นสารคดีที่ดูเพลินมากอีกเรื่อง ด้วย Insert ที่บอกเล่าเรื่องราว มากกว่าการผลิตซ้ำภาพความรุนแรงอย่าง คุก เลือด อาวุธ อย่างที่เราเห็นกันบ่อย ๆ ในละครเรื่องอื่น ง่าย ๆ คือมันคล้าย Mindhunter ในรูปแบบสารคดีนั่นแหละ
ชีวิตวัยรุ่นของแต่ละคนอาจมีรสชาติที่แตกต่างกันไป อาจจะเหมือนหรือไม่เหมือนตอนนี้สักนิดก็ได้ บางคนเป็นเด็กเนิร์ดไม่สนใจใคร บางคนเป็นเด็กแสบซ่า หัวโจกของกลุ่มเพื่อน บางคนเป็นหนุ่มฮ็อตที่สาว ๆ พร้อมใจกันเข้าหาแบบไม่ขาดสาย ไม่ว่าจะเป็นหนุ่มแบบไหนมาก่อน ลองกลับไปสัมผัสชีวิตวัยคะนองไปพร้อมเราใน 5 ซีรีส์ชีวิตวายป่วงของชาว TEENAGER ที่จะกลับมาปลุกความทรงจำของเราในสมัยกางเกงขาสั้นแบบครบทุกรสชาติ ทั้งหนุ่มเนิร์ด หนุ่มแสบ หนุ่มฮ็อต มีพร้อมให้ได้เลือกดูตามความชอบหรือตามคาแร็กเตอร์ของตัวเองในสมัยวัยกระเตาะ อาจไม่เชิงเป็น Coming Of Age แบบเต็มตัวนัก แต่รับประกันความวายป่วงของแต่ละเรื่องที่เราคัดมาให้ ว่าเด็กเหล่านี้แสบไม่แพ้เราในสมัยวัยรุ่นเช่นกัน American Vandal เปิดซีซั่นแรกด้วยเจ้าโลกแบบเต็มตา แต่เป็นเจ้าโลกที่ถูกพ่นอยู่บนรถของอาจารย์โรงเรียนมัธยม Hanover คันแล้วคันเล่าที่โดนประทับตราเจ้าโลกสีแดงเด่นเต็ม ๆ คัน ต้องมีใครสักคนที่รับผิดชอบเรื่องราวน่าขายหน้านี้ และทุกอย่างก็ชี้มาที่ Dylan Maxwell เด็กแสบประจำโรงเรียน ที่แสบทั้งผลการเรียนและพฤติกรรม ผลคือเจ้าหนูโดนเด้งออกจากโรงเรียนไป แต่กลับมีกลุ่มนักเรียนที่เชื่อว่าทุกอย่างมันช่างเหมาะเหม็ง เจาะจงลงไปที่ Dylan แบบผิดสังเกต จึงสวมวิญญาณนักสืบ หาต้นตอความผิดปกติของเรื่องนี้และเพื่อพิสูจน์ว่าไอ้เด็กแสบ Dylan กลายเป็นแพะแบบเต็ม ๆ Elite คอซีรีส์ไฮสกูลอย่าได้พลาดเรื่องนี้ เรื่องราวโรงเรียนไฮโซของสังคมชั้นสูงอย่าง Las Encinas จะได้เห็นเรื่องราวเสียดสีของสังคมคนรวย การเหยียดชนชั้น หรือแม้แต่เชื้อชาติ ครบรสชีวิตวัยรุ่นเลือดร้อน
มุมมองที่เรามีต่อชีวิต กำหนดว่าเราพอใจแล้ว ยังอยากขับเคี่ยวให้มันเข้มข้นกว่านี้ หรืออยากจะผ่อนคลายให้มันลื่นไหลกว่าที่เป็น ในขณะที่มุมมองของคนอื่นมีต่อเราจะเป็นเหมือน Hint ที่คอยแนะนำเราอยู่ห่าง ๆ ในวันที่เราไม่อาจมองเห็นตัวเองได้ชัดเจนนัก ดังนั้นไม่ว่าเรามีมุมมองต่อตัวเราแบบไหน การได้เห็นมุมมองของคนอื่น อาจจะเป็น Case Study ที่ดีสำหรับการใช้ชีวิตของเรา แม้ว่าชีวิตคนเราไม่อาจใช้บทเรียนของคนอื่นได้ 100% ก็ตาม ลองมาดูมุมมองเข้มข้นของชีวิตผ่านซีรีส์บน Netflix ที่จะมาพลิกมุมมองของเราให้ได้ลองไปยืนในด้านอื่นที่ไม่คุ้นเคยกันบ้าง Black Mirror เทคโนโลยีที่ช่วยโอบอุ้มเราให้อยู่บนความสะดวกสบาย ให้เราได้ใช้ชีวิตลื่นไหลกว่าแต่ก่อน ในตอนที่ยังคงพึ่งพาระบบ Manual หรือ Analog กันอยู่ เราอาจมองว่าชีวิตที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีที่ล้อมรอบแบบนี้มันช่างสมบูรณ์แบบ จนนึกภาพไม่ออกว่า ถ้าเราขาดสิ่งเหล่านี้ไปเราจะใช้ชีวิตยังไงไหว ลองมาดูเรื่องนี้ เรื่องราวของเทคโนโลยีในอีกด้านที่คอยกลืนกินเราอย่างช้า ๆ เหมาะกับคนเวลาน้อยมาก ๆ เพราะเท่ากับว่าใช้เวลาดูตอนนึงแค่ 40 นาที แถมเนื้อเรื่องยังจบในตอนอีกต่างหาก แกนเรื่องหลักของทุกซีซั่นคือการใช้เทคโนโลยีในทางที่ชวนให้เกิดความหมิ่นเหม่ทางศีลธรรม จนเกิดคำถามเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีในชีวิตของเราว่าขอบเขตของมันควรอยู่แค่ไหน เราหรือมันกันแน่ที่จะเป็นฝ่ายควบคุม เป็นฝ่ายที่ถือไพ่เหนือกว่า อาจจะฟังดู Sci-Fi เสียเหลือเกิน แต่เชื่อเถอะว่าเรื่องนี้ถ่ายทอดออกมาได้ดี เข้าใจง่าย และออกมาในเชิงการตั้งคำถามกับชีวิตไม่ได้มีเนื้อหาเฉพาะ Geek IT เท่านั้น
“Don’t F*ck With Peaky Blinders” ประโยคยอดฮิตในเรื่องนี้ ซีรีย์ที่แจก F*ck เยอะที่สุดอีกเรื่องหนึ่ง Peaky Blinders ว่าด้วยเรื่องราว Gangster ยิปซีเมืองเบอมิงแฮมในอังกฤษที่ทำธุรกิจสีเทา ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยอำนาจของกระบอกปืน ฉากหลังของเรื่องจะดำเนินไปในช่วงยุค 20’s ทำให้มู้ดแอนด์โทนของเรื่อง เสื้อผ้าหน้าผม รถ บ้านเมือง ผู้คน ถูกถ่ายทอดออกมาแบบโคตรเท่ นอกจากคาแร็กเตอร์สุดเท่ของตัวละครแล้ว เพลงประกอบก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน UNLOCKMEN เลยรวบรวมเพลงที่ให้มู้ดเหมือนเราเดินอยู่ในละแวกเบอมิงแฮม แต่เพลงที่เราเลือกมานั้น จะไม่ได้เป็น Theme Song แต่เป็นเพลงที่ทางซีรีส์เลือกเอามาใช้ในเรื่อง สำหรับใครที่สะดวกฟังบน Spotify เราจัด Playlist ไว้ให้ Follow กันเหมือนเดิม ทำความรู้จักกับ Peaky Blinders เรื่องราวของ Gangster ในอังกฤษที่ทำธุรกิจสีเทาสารพัดอย่างที่เราพอจะนึกออก แต่หลัก ๆ คือการแทงม้า ธุรกิจนี้ขับเคลื่อนด้วยระบบคล้ายกับระบบกงสี โดยครอบครัว Shelby ที่แต่ละคนนั้นเป็นตัวจี๊ดมี DNA ของความดิบ เถื่อนอยู่ในตัวกันทุกคน แต่อย่าคิดว่าทุกคนจะเป็นนักเลงหัวไม้ เก่งแต่เรื่องต่อยตีเท่านั้น พวกเขายังไหวพริบเป็นเลิศ ต่อรองเก่ง อยู่เป็นกันแทบทุกคน เรียกง่าย
ถ้าพูดถึงตัวละครยอดชายนายคาสโนว่าในโลกละครหรือภาพยนตร์ James Bond จากซีรีส์ James Bond 007, Jacob จาก Crazy Stupid Love, Jamie Randall จาก Love & Other Drugs, หรือแม้กระทั่งแก๊งสี่สหาย เป็นต่อ พี่ยม วอก พี่อู๊ด จากซีรีส์เป็นต่อ เหล่านี้คงเป็นชื่อแรก ๆ ที่หลายคนนึกถึง แต่ลิสต์รายชื่อนี้จะไม่ครบสมบูรณ์ถ้าขาดชื่อของ Barney Stinson โคตรเจ้าพ่อเพลย์บอยจากซีรีส์ How I Met Your Mother ที่ถ้าพูดถึงระดับดีกรีความเจ้าชู้กะล่อนเขาเหนือกว่าทุกชื่อที่เอ่ยมาอย่างแน่นอน นอกจากกลยุทธ์จีบสาวตามมาตรฐานคาสโนว่าทั่วไปแล้ว Barney ยังมีกลยุทธ์จีบสาวแบบหลุดโลกที่เขาบันทึกเอาไว้ในตำราส่วนตัว The Playbook ซึ่งตำราเล่มนี้เปิดเผยสู่สายตาชาวโลกครั้งแรกใน How I Met Your Mother Season 5 ตอนที่ 8 บอกเลยว่าแต่ละทริคในตำราเล่มนี้อาจทำให้คุณต้องอุทานว่า “คิดได้ไงวะเนี่ย!” Don’t Drink That! เริ่มต้นจากให้คุณเข้าไปในบาร์ มองหาเป้าหมาย
เหนื่อยจากงานกลับมาทีไร ก็ได้แต่เลือกซีรีส์ที่มันดูง่าย ๆ ไม่ต้องคิดเยอะ เอาไว้ผ่อนคลาย เพิ่มความบันเทิงให้ตัวเองเป็นส่วนใหญ่ แต่ถ้าอยากลองเปลี่ยนรสชาติจากอะไรเดิม ๆ เพิ่มเติมคือความตื่นเต้น ปั่นประสาท เราขอแนะนำซีรีส์ 5 เรื่องหลากหลายแนว ที่จะมาบีบให้หนุ่ม ๆ ต้องหลอนไปพร้อมกัน ลืมความคิดเดิม ๆ ไปได้เลยว่ามันต้องเป็น Horror อัดแน่น Jump Scare อย่างเดียวเท่านั้น ลิสต์นี้ที่เราเลือกมาให้ มีหลากหลายแนวตั้งแต่ Horror, Thrillrt ไปจนถึง Psychological Thriller ให้หนุ่ม ๆ ได้เลือกดูเอาตามความชอบ Black Mirror เรื่องราวจะจบในตอน เนื้อหาจะแตกต่างกันไป ซึ่งเหมาะกับคนเวลาน้อยมาก ๆ เพราะเท่ากับว่าใช้เวลาดูตอนนึงแค่ 40 นาที แถมเนื้อเรื่องยังจบในตอนอีกต่างหาก แกนเรื่องหลักของทุกซีซั่นคือการใช้เทคโนโลยีในทางที่ผิด หรือเกิดความหมิ่นเหม่ทางศีลธรรม จนเกิดคำถามเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีในชีวิตของเรา ว่าขอบเขตของมันควรอยู่แค่ไหน เราหรือมันกันแน่ที่จะเป็นฝ่ายควบคุม เป็นฝ่ายที่ถือไพ่เหนือกว่า อาจจะฟังดู Sci-Fi เสียเหลือเกิน แต่เชื่อเถอะว่าเรื่องนี้ถ่ายทอดออกมาได้ดี เข้าใจง่าย และออกมาในเชิงการตั้งคำถามกับชีวิตซะมากกว่า
กระแส Cyberpunk ที่กลับมาแรงแซงโค้งในวงการหนังอีกครั้งช่วงนี้ ชัดเจนสุด ๆ ก็ต้อง Blade Runner 2049 ที่แฟน ๆ แนว Sci-FI ต่างประทับใจและยกให้เป็นหนังขึ้นหิ้งในดวงใจกันเป็นแถบ (แม้หนังจะไม่ทำเงินก็ตาม) ทำให้เราได้กลับมาเห็นความ Sci-Fi ในแวดวงบันเทิงอีกครั้ง เมือง Dystopia ยานพาหนะหน้าตาสุดล้ำ โฮโลแกรม และไฟนีออนสีสันแสบตา จะกลับมาเล่าเรื่องราวสุดล้ำเกินจินตนาการ ให้หนุ่ม ๆ อย่างเราได้เติมเต็มความบันเทิงแบบอิงวิทยาศาสตร์กันอีกครั้ง UNLOCKMEN ชวนมาดูซีรีส์ Sci-Fi 5 เรื่องล้ำ ๆ ดูกันเพลิน ๆ สำหรับคนเวลาน้อยที่อยากจะเก็บสักวันละตอนสองตอน แต่อย่าเพลินจนลืมเวลานอนละหนุ่ม ๆ Altered Carbon พระเอกสุดเท่ของเรา เป็นยอดนักฆ่ามือฉกาจ ที่ถูกเศรษฐีปลุกขึ้นมาเพื่อให้สืบคดีฆาตกรรมคดีหนึ่ง ซึ่งก็คือของเขาเอง Action-Thriller ดูเพลิน ๆ มันส์ ๆ กับพล็อตเรื่องสุดล้ำ เรื่องราวของโลกอีกหลายร้อยปีข้างหน้า ที่เราจะเก็บความทรงจำ ความคิด Consciousness ของเรา เอาไว้ใน Platform แบบดิจิทัล
ผู้ชายแมน ๆ อย่างเราที่ไม่เคยกลัวอะไรในชีวิตจริง อาจจะต้องมาหวั่นไหว ไม่กล้าปิดไฟนอน พ่ายแพ้ให้กับความสยองขวัญสั่นประสาท ของหนังหรือซีรี่ส์ก็ได้ อยากทดสอบตัวเองกันหน่อยมั้ย ? UNLOCKMEN ขอแนะนำ 5 ซีรี่ส์เขย่าขวัญสั่นประสาท ที่จะให้เรามาดูกันว่าผู้ชายอย่างเราจิตแข็งกันแค่ไหน ซึ่งมีทั้งความสยองแบบทางกายภาพ และทางจิตใจ หลากหลายแนวที่เราคัดมาให้ในลิสต์นี้ American Horror Story เนื้อเรื่องคือความสยองขวัญของอเมริกัน ที่ถ่ายทอดออกมาแบบอเมริกันจ๋ามาก แต่ละซีซั่นจะไม่เหมือนกัน คือแต่ละซีซั่นจะมีเนื้อเรื่องของมันเองไปเอง เหมือนไปเปิดจักรวาลใหม่ของตัวเอง โดยใช้นักแสดงชุดเดิม อาจมีผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปบ้าง นั่นทำให้ใครที่ติดตามมาตั้งแต่ซีซั่นแรก ๆ จะรู้สึกผูกพันกับตัวละครและอินกับเนื้อเรื่องไปได้ง่าย ๆ ตอนนี้มีหลายซีซั่นจนตามไม่ทันแล้ว ขอเรียงลำดับคร่าว ๆ ให้ดูว่าแต่ละซีซั่นมีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับอะไรบ้างตามลำดับ House With A Murderous Past ครอบครัวที่ซื้อบ้านที่มีเรื่องลี้ลับแฝงมาเป็นของแถมด้วย และมันกำลังกลืนกินครอบครัวนี้ไปเรื่อย ๆ Insane Asylum นักข่าวสาวที่เข้าไปทำข่าวในโรงพยาบาลบ้าแห่งหนึ่ง แล้วความอยากรู้อยากเห็นของเธอดันทำให้เธอติดกับดักบางอย่าง จนไม่อาจจะถอนตัวได้แล้ว Coven Of Witches เรื่องไสยศาสตร์ แม่มด มนต์ดำ ที่เนื้อเรื่องจะค่อนข้างหนักไปทาง Culture
เราคงคุ้นเคยกับภาพยนตร์แนว Survival กันดี เพราะส่วนมากก็จะถูกยกให้เป็นหนังขึ้นหิ้งอย่าง Cast Away, 127 Hour อะไรทำนองนั้น เราคงชื่นชอบการได้เห็นอะไรที่มันแฟนซี อุปสรรคแปลก ๆ ที่เราแทบไม่มีโอกาสได้เจอใจชีวิตจริง เช่น ติดเกาะ หลงป่า โดนลักพาตัว ไวรัสระบาดทั่วโลก อะไรทำนองนั้น เราเลยมักจะชื่นชอบหนังแนวนี้ และตื่นเต้นไปกับการเอาใจช่วยตัวละครให้มีชีวิตรอดกลับไปให้ได้ แต่วันนี้ UNLOCKMEN ชวนมาดู Survival ในรูปแบบของซีรี่ส์กันบ้าง ซึ่งสามารถหาดูกันได้ง่าย ๆ จากใน Netflix ว่างจากงาน เอนหลังในวันหยุด ก็อย่าลืมเลือกสักเรื่องมาดูให้ผ่อนคลายกัน The 100 เมื่อโลกใบนี้ ไม่ใช่ที่อาศัยของมนุษย์อีกต่อไป เพราะเต็มไปด้วยกัมมันตภาพรังสี ก็ต้องหอบข้าวของย้ายภูมิลำเนาไปอาศัยกันบนสถานีอวกาศ อยู่กันไปสักพักก็เกิดอยากจะรู้ว่าโลกใบเดิมที่เคยทิ้งมา แม่งกลับมาอยู่ได้หรือยัง เลยเอาเด็กวัยรุ่น 100 คนที่เป็นตัวแสบ มีโทษติดตัว เอามาเป็นหนูทดลอง ส่งลงมายังโลกที่ก็ไม่ชัวร์เหมือนกันว่ามันอาศัยได้จริงมั้ย แจ็กพ็อตมันเกิดขึ้นเมื่อโลกใบเดิมมันเปลี่ยนไปมาก เกิดเรื่องแปลก ๆ กับธรรมชาติเยอะแยะไปหมด และพีคสุดคือพวก 100 คนที่ลงไป ไม่ใช่มนุษย์กลุ่มเดียวบนโลกใบนั้น