เข้าสู่หน้าฝนแล้ว แม้บรรยากาศรอบตัวจะเย็นสบายขึ้น แต่อากาศเย็น ๆ และเสียงฝนพรำ ๆ ก็คงทำให้ชาว UNLOCKMEN หลายคนที่ติดฝนอยู่บ้านรู้สึกเหงาใจอยู่ไม่น้อยอย่างแน่นอน สำหรับวันนี้ UNLOCKMEN มีวิธีคลายเหงากับตัวช่วยชั้นยอดอย่าง Netflix ผู้นำด้านความบันเทิงบนอินเทอร์เน็ตระดับโลก ที่ไม่ต้องห่วงเลยว่าอยู่ที่ไหนเพราะสามารถรับชมได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านหน้าจออุปกรณ์ใดก็ได้ที่สามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต ให้คุณได้เพลิดเพลินในฤดูฝนนี้ไปกับ 5 ซีรีส์ หนัง หลากสไตล์ที่จะเป็นเสมือนเพื่อนคู่ใจให้ทุกคนก้าวผ่านฤดูแห่งความเหงานี้ไปพร้อมกัน My First First Love เริ่มต้นกันด้วย My First First Love (วุ่นนัก รักแรก) ซีซั่น 2 ที่จะมาสานต่อเรื่องราวความสนุกสนานจากมิตรภาพและความรักของเหล่าวัยว้าวุ่น นำแสดงโดย จีซู จองแชยอน จินยอง ชเวรี และ คังแทโอ เรื่องราวของหนุ่มสาวที่มาอาศัยอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน โดยในซีซั่น 2 นี้จะดำเนินเรื่องต่อจากซีซั่นแรก มาร่วมติดตามความสัมพันธ์อันคุกกรุ่นและอารมณ์ความรู้สึกทีอันสับสนของตัวละคร ซึ่งทำให้พวกเขาได้เรียนรู้ความหมายว่า “รักแรก” ที่แท้จริงคืออะไร Queer Eye ต่อกันด้วย Queer Eye (เควียร์
หากกล่าวถึงนิยายสยองขวัญ เชื่อว่า Stephen King คงเป็นชื่อต้น ๆ ในใจของใครหลายคน แม้คุณจะไม่เคยอ่านหนังสือของเขามาก่อน ก็อาจจะเคยชมหรือรู้จักภาพยนตร์ที่สร้างจากนิยายของเขาอย่าง IT (โผล่จากนรก), The Shining (โรงแรมผีนรก) หรือ Pet Sematary (กลับจากป่าช้า) กันมาบ้าง ล่าสุด The Stand เรื่องราวเกี่ยวกับโลกที่ถูกทำลายด้วยโรคระบาด หายนะจากการทดลองผลิตอาวุธเชื้อโรคของมนุษย์ อีกหนึ่งผลงานที่เคยตีพิมพ์ในปี 1978 ของเขาก็กำลังจะถูกนำไปสร้างเป็นมินิซีรีส์ลงช่อง CBS All Access และมีกำหนดออนแอร์ไว้ในปี 2020 ที่จะถึงนี้ ทว่าเรื่องที่น่าติดตามไม่แพ้พลอตหนังสนุก ๆ ของ Stepen ก่อนลงจอมาจาก Marilyn Manson พญาซาตานแห่งดนตรี Shock-Rock ที่เผยว่า เขาจะมีบทบาทในมินิซีรีส์เรื่องนี้อย่างแน่นอน สิ่งนี้สร้างความตื่นเต้นให้กับทั้งฝั่งแฟนเพลงและแฟนซีรีส์เป็นอย่างมาก เพราะจะมีใครในโลกที่ทั้งเท่ ลึกลับ และน่าเกรงขาม เหมาะกับการอยู่ในซีรีส์แนวสยองขวัญไปมากกว่าเขาคนนี้ นอกจากคาแรกเตอร์ภายนอกที่ลงตัว Manson ยังเคยผ่านงานแสดงมาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Wrong Cops (2013), Sons
ถ้าพูดถึงแพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิ่งที่ได้รับความนิยมสูงสุดในตอนนี้ เชื่อว่าหนุ่ม ๆ ทุกคนคงนึกถึงชื่อของ ‘Netflix’ เป็นอันดับแรก เพราะไม่ว่าจะปล่อยภาพยนตร์หรือซีรีส์เรื่องใดออกมาก็โด่งดังเป็นพลุแตกทั้งนั้น ไหนจะ Kingdom, Umbrella Academy, Black Mirror, Dark หรือแม้แต่ซีรีส์กระตุกต่อมหลอนที่เขย่าขวัญคนทั้งโลกอย่าง The Haunting of Hill House ในเดือนกรกฎาคมที่เต็มไปด้วยเม็ดฝนจนไม่อยากจะออกไปไหน UNLOCKMEN เลยจะชวนหนุ่ม ๆ มาดู 4 ซีรีส์เรื่องใหม่ที่จะช่วยคลายความน่าเบื่อของพวกคุณที่มีต่อฤดูฝนอันเปียกปอนนี้ได้เป็นอย่างดี THE LAST CZARS ไม่ว่าคุณจะคุ้นเคยกับประวัติศาสตร์รัสเซียหรือเรื่องราวของราชวงศ์โรมานอฟมากแค่ไหนก็ตาม แต่ THE LAST CZARS จะพาคุณไปยืนตรงกึ่งกลางระหว่างข้อเท็จจริงและตำนานคร่ำครึ พร้อมขุดคุ้ยประวัติศาสตร์ช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ซึ่งเป็นช่วงที่รัสเซียกำลังประสบวิกฤตความวุ่นวาย แม้บ้านเมืองจะเต็มไปด้วยความไม่สงบและประชาชนลุกฮือเพื่อต่อต้านสังคม แต่ Rogue Czar Nicholas II ยังยืนหยัดจะต่อสู้กับฝูงชนที่เห็นต่าง จนเรื่องราวย่ำแย่ลงเรื่อย ๆ และกลายเป็นชนวนที่ทำให้เกิดการปฏิวัติตลอดจนโค่นล้มราชวงศ์ของเขา เตรียมพบกับซีรีส์พีเรียดที่นำเสนออำนาจ ความรัก การต่อสู้ และความพังพินาศแห่งราชวงศ์รัสเซีย 3
หลังจากที่ทาง Netflix ได้ประกาศวันฉายซีซั่นใหม่ล่าสุดอย่างเป็นทางการของ ‘Black Mirror’ ซีรีส์ Sci-Fi สุดล้ำที่จะมาเผยด้านมืดของเทคโนโลยีในแบบที่คุณไม่คาดคิด โดยปีนี้ก็เข้าสู่ซีซั่นที่ 5 เป็นที่เรียบร้อย แฟน ๆ ทั่วโลกสามารถรับชมพร้อมกันทั่วโลกได้ในวันที่ 5 มิถุนายน 2019 นี้ ซีซั่นล่าสุดนี้เต็มไปด้วยเซอร์ไพรส์หลายระลอกจากทาง Netflix ไม่ว่าจะเป็นการประกาศบทบาทนำแสดงโดยศิลปินสาว Miley Cyrus ที่เป็นแคสต์หลักของเรื่องในตอน ‘Rachel, Jack and Ashley Too’ หรือจะ Andrew Scott (มอร์ริอาตี้ จาก Sherlock) ที่มารับบทนำในตอนที่มีชื่อว่า ‘Smithereens’ ซึ่งความตื่นเต้นยังไม่จบแต่เพียงเท่านี้ เพราะในตอน Smithereens นั้นยังได้นักประพันธ์มือดีที่กวาดรางวัลมาแล้วนับไม่ถ้วนอย่าง ‘ริวอิจิ ซากาโมโตะ’ มาเป็นผู้สร้างสรรค์เพลงประกอบให้อีกต่างหาก หากใครยังไม่คุ้นชื่อ ‘ริวอิจิ ซากาโมโตะ’ ต้องเท้าความก่อนว่าเขาผู้นี้อยู่ในวงการดนตรีมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่เป็นสมาชิกวง Yellow Magic Orchestra จนต่อมาเขากลายเป็นคอมโพสเซอร์อัจฉริยะผู้อยู่เบื้องหลังซาวด์แทร็คของภาพยนตร์ดังหลากหลายเรื่อง เรื่องแรกที่ทำให้เขาแจ้งเกิดก็คือ ‘Merry Christmas, Mr. Lawrence’
สำหรับเรากิจกรรมที่เพลิดเพลินที่สุดในแต่ละวันคือการหาอะไรสนุก ๆ ดูระหว่างกินข้าว และท่ามกลางซีรีส์ที่มีอยู่มากมาย Midnight Diner: Tokyo Stories คือเรื่องที่เหมาะที่สุดสำหรับมื้ออาหารนี้ ไม่ว่าจะด้วยเนื้อหาที่ผ่อนคลาย เบาสมอง ความยาวของแต่ละตอนที่พอดีสำหรับอาหาร 1 มื้อ (23-24 นาที) และสำคัญที่สุดคืออาหารในเรื่องที่ยั่วน้ำลายสุด ๆ ทำให้บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่เรากินอยู่อร่อยขึ้นทันตา ถึงแม้ Midnight Diner: Tokyo Stories ที่ฉายอยู่ใน Netflix นี้จะเป็นภาคต่อ (จุดเริ่มต้นของซีรีส์เรื่องนี้คือมังงะเรื่อง Shinya Shokudo ก่อนจะถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์และซีรีส์ในอีกมากมายหลายประเทศ) แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะเนื้อหาของแต่ละตอนไม่เชื่อมโยงกัน นี่คือซีรีส์อีกหนึ่งเรื่องที่เราอยากแนะนำ เพราะท่ามกลางบรรยากาศสบาย ๆ Midnight Diner: Tokyo Stories กลับแฝงอะไรไว้มากมาย ให้คนดูอย่างเราได้ตกตะกอน เข้าใจความเป็นไปของชีวิต หิวเมื่อไหร่ก็แวะมา เมื่อเวลาล่วงเข้าสู่วันใหม่ หลายชีวิตต่างจมดิ่งสู่ห้วงนิทรา แต่อีกหลายชีวิตกลับเพิ่งเริ่มต้น เช่นเดียวกับที่ร้านอาหารเล็ก ๆ แห่งหนึ่งซ่อนตัวอยู่เงียบ ๆ ในตรอกใจกลางกรุงโตเกียว เจ้าของร้านเป็นชายสูงวัย ทำทุกอย่างเพียงคนเดียว เมนูอาหารมีไม่เยอะ แต่อยากกินอะไรเป็นพิเศษก็บอกได้ ลูกค้ามีไม่มากแต่ก็ผลัดเปลี่ยนแวะเวียนกันมาเรื่อย ๆ ที่แห่งนี้จึงเป็นมากกว่าร้านอาหาร
บทความนี้ไม่มีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญของซีรีส์เรื่อง Master of None ซีรีส์บางเรื่องก็ลุ้นทุกวินาทีจนหยุดดูไม่ได้ บางเรื่องก็ขำจนกรามค้าง บางเรื่องก็หวานจนมดขึ้น บางเรื่องก็ขมจนน้ำตาซึม แต่สำหรับ Master of None ซีรีส์เจ้าของรางวัล Emmy Award, Golden Globes, และอีกมากมายหลายเวทีเรื่องนี้ให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไป เป็นความอบอุ่นปนความเปลี่ยวเหงา ตามมาด้วยเสียงหัวเราะเปื้อนหยดน้ำตา ซึ่งหาได้ยากจากการดูซีรีส์ยุคนี้ ทั้ง ๆ ที่เป็นซีรีส์น้ำดี แต่กลับไม่ได้รับความนิยมในบ้านเรานัก เราจึงอยากเป็นกระบอกเสียงบอกเล่าให้ทุกคนได้รู้ว่าทำไม Master of None จึงเป็นซีรีส์อีกเรื่องที่ไม่ควรพลาด ชีวิตธรรมดาของผู้ชายชื่อ Dev Dev คือชายหนุ่มวัย 30 ปี อาศัยอยู่ในมหานคร New York หาเลี้ยงชีพด้วยการเป็นนักแสดงตัวประกอบ และกำลังมุ่งมั่นอย่างเต็มที่เพื่อไต่เต้าสู่จุดที่สูงกว่าในสายอาชีพนี้ ในขณะเดียวกันด้านความรัก เขาก็พยายามไขว่คว้ามันอย่างสุดตัวไม่แพ้กัน เรื่องจะเล่าผ่านมุมมองของ Dev ที่ต้องพบเจอกับเหตุการณ์มากมายไปพร้อม ๆ กับเพื่อนสนิทของเขาอีก 3 คน บางครั้งก็เรียกเสียงหัวเราะ บางคราก็เรียกน้ำตา เป็นพล็อตเรื่องที่ไม่หวือหวา ออกจะจืดชืดด้วยซ้ำ แต่เสน่ห์ของ Master of None
บทความนี้ไม่มีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญของซีรีส์ Delhi Crime ในยุคที่หันไปทางไหนก็เจอแต่ Game of Thrones เราที่ไม่ได้โปรดปรานซีรีส์แนวแฟนตาซีอีพิค หักเหลี่ยมชิงบัลลังก์เลยกลายเป็นชนกลุ่มน้อยไปโดยปริยาย คุยกับใครก็ไม่รู้เรื่อง จึงจำเป็นต้องถอยออกมา เดินตามเส้นทางของตัวเองต่อไป จนกระทั่งวันหนึ่งก็บังเอิญเจอซีรีส์เรื่อง Delhi Crime หลบมุมเงียบ ๆ อยู่ใน Netflix สร้างจากเหตุการณ์จริง! นี่คือคำโปรยของซีรีส์เรื่องนี้ เมื่ออ่านเรื่องย่อเพิ่มเติมเราก็จำได้ทันทีว่ามันสร้างมาจากเหตุการณ์รุมโทรมผู้หญิงบนรถบัส เป็นคดีสะเทือนขวัญในช่วงปี 2012 ที่ทั้งโลกให้ความสนใจ เพราะพฤติกรรมของผู้ก่อเหตุมันล้ำเส้นความเป็นมนุษย์ไปมาก เราจึงไม่รอช้า กดปุ่มเพลย์ทันที รู้ตัวอีกทีทั้ง 7 EP ก็จบลงอย่างรวดเร็ว เราเป็นคนที่มีมาตรฐานในการดูซีรีส์ค่อนข้างสูง ถึงแม้จะดูมาเกิน 100 เรื่อง (นับเฉพาะแค่ใน Netflix) แต่ก็มีแค่ไม่กี่เรื่องที่เรากล้าพูดได้เต็มปากว่าชอบและ Delhi Crime คือหนึ่งในนั้น วันนี้เราจะมาพูดถึงประเด็นต่าง ๆ ในเรื่อง และอธิบายว่าทำไมทุกคนจึงไม่ควรพลาดซีรีส์เรื่องนี้ สร้างจากเหตุการณ์จริง อย่างที่คำโปรยของซีรีส์เรื่องนี้บอกไว้ ถึงแม้ นิวเดลี เมืองหลวงของประเทศ อินเดีย จะเป็นเมืองใหญ่ มีประชากรมากกว่า 20 ล้านคน แต่ถึงอย่างนั้นมันกลับแทบไม่เคยได้รับความสนใจจากโลกภายนอกเลย ที่ผ่านมาไม่ว่าจะเกิดคดีอะไรก็ไม่มีสื่อจากประเทศโลกที่ 1
จัดซีรีส์ตามหมวดมาให้ก็หลายครั้ง แต่ซีรีส์ที่ค้างอยู่ในหัวก็ไม่หมดไปเสียที ถ้าจะมัวแนะนำแต่เรื่องเด็ดเรื่องดัง จนไปที่ไหนก็เจอลิสต์เดิม ๆ คงน่าเบื่อแย่ หากอยากลองรสชาติใหม่ ๆ กับอะไรที่มัน Underrated ลองมาดู 5 เรื่องนี้ที่เราแนะนำ สารพัดให้เลือกดูตามความชอบ อาจจะไม่คุ้นหูสักเท่าไหร่ แต่ทุกเรื่องเราดูมาแล้ว อยากบอกต่อ Empire เกมหักเหลี่ยมกันในครอบครัว เข้มข้นไม่ต่างจาก Game Of Thrones เรื่องราวของครอบครัว Lyon เจ้าของค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ในอเมริกา Lucious Lyon (Terrence Howard) เสาหลักแห่งครอบครัวและค่ายเพลงผู้ถีบตัวเองขึ้นมาจากสลัม ไต่เต้าขึ้นมาด้วยพรสวรรค์ด้านเพลง Hip-Hop ที่เขามีอยู่เต็มเปี่ยม ด้วยความช่วยเหลือจาก Cookie Lyon (Taraji P. Henson) ที่ยอมติดคุกแทน Lucious เพื่อให้เขาและลูก ๆ ทั้งหมดได้มีอนาคตต่อไป ด้วยสุขภาพที่ไม่แน่นอน Lucious จึงอยากหาคนมารับไม้ต่อจากเขา จึงเป็นบททดสอบลูก ๆ ทั้งสามที่ต่างมีคาแร็กเตอร์และความสามารถที่ต่างกันออกไป การเฉือนคมของพี่น้องที่เหมือนจะรักกันก็เกิดขึ้นจากตรงนี้ รวมทั้งสิงโตที่ยอมกินลูกตัวเองหากถูกแว้งกัดอย่าง Lucious ก็ไม่รามือให้กับลูก ๆ ของตัวเองเช่นกันหากใครคิดจะชิงบัลลังก์ของเขาไปก่อนเวลาที่เหมาะสม Forever การมีชีวิตเป็นอมตะนั้นเป็นพรจากสวรรค์หรือเป็นคำสาปจากนรกกันแน่
วินาทีแห่งความเป็นความตาย สร้างความระทึกให้เราได้เสมอ ความเจ็บปวดของชีวิตที่ต้องแขวนอยู่บนเส้นยาแดงผ่าแปด ความหวังของคนรอ และความกดดันของทีมแพทย์ ทุกฝ่ายต่างแบกรับความรู้สึกหนักอึ้งบนไหล่ตัวเองกันทั้งนั้น หากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบเรื่องราวของชีวิต ร่างกาย โรคภัย และความตาย เราขอชวนมาดู 5 ซีรีส์การแพทย์หลากหลายแนว ทั้งพีเรียด ดราม่า คอมเมดี้ หรือแม้แต่โรแมนติก ให้เราได้เลือกตามสไตล์ที่ใช่ แต่ยังคงดำเนินเรื่องด้วยวงการแพทย์อยู่ The Alienist (2018) เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเอเลี่ยน สิ่งมีชีวิตในอีกกาแล็กซี่แต่อย่างใด แต่หมายถึงผู้เชี่ยวชาญที่มีหน้าที่ดูแลผู้ป่วยทางจิตซึ่งในยุคสมัยหนึ่งถูกมองว่าเป็นเรื่องแปลกแยกและเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องราวของความหมายนั้น เรื่องราวของ Dr.Kreizler (Daniel Brühl) ผู้ได้รับการขนานนามว่าเป็น Alienist กับคู่หูนักวาดภาพประกอบฝีมือเยี่ยมอย่าง John Moore (Luke Evans) ที่มาช่วยเขาไขความลับของคดีฆาตกรรมเด็กชายขายบริการ แม้จะฟังดูเหมือนเรื่องราวการสืบสวนทั่วไป แต่บรรยากาศ ความสมจริงของศพ ความเลือดสาดที่โผล่ออกมาให้ชวนอ้วกเป็นระยะ ยิ่งบีบให้เรื่องนี้ตึงเครียดมากกว่าเดิม แม้ว่าจะไม่ได้เป็นการแพทย์ในโรงพยาบาลโดยตรง แต่การไขปริศนาของเรื่องยังใช้ความรู้ทางการแพทย์แบบเต็มเปี่ยม บอกเลยว่าเป็นอีกเรื่องที่โปรดักชั่นสวยงามคุ้มค่าการอดนอนเสียจริง House M.D. สารพัดเคสผู้ป่วยอาการประหลาด ที่ทุกแผนกไม่สามารถรับมือได้ไหว หรือหาสาเหตุไม่เจอ จะตกมาอยู่ภายใต้การดูแลของ Dr. Gregory House (Hugh Laurie) หมอที่จะทำให้เราโยนภาพของหมอแบบเดิม ๆ ทิ้งไป
“Don’t F*ck With Peaky Blinders” ประโยคยอดฮิตในเรื่องนี้ ซีรีย์ที่แจก F*ck เยอะที่สุดอีกเรื่องหนึ่ง Peaky Blinders ว่าด้วยเรื่องราว Gangster ยิปซีเมืองเบอมิงแฮมในอังกฤษที่ทำธุรกิจสีเทา ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยอำนาจของกระบอกปืน ฉากหลังของเรื่องจะดำเนินไปในช่วงยุค 20’s ทำให้มู้ดแอนด์โทนของเรื่อง เสื้อผ้าหน้าผม รถ บ้านเมือง ผู้คน ถูกถ่ายทอดออกมาแบบโคตรเท่ ดำเนินเรื่องราวสุดเข้มข้นมาถึงซีซั่น 4 และตอนนี้ซีซั่น 5 กำลังจ่อคิวรอฉายแล้ว UNLOCKMEN จะพามาติวเข้มเรื่องราวสำหรับคนที่ยังไม่ได้ดูหรืออาจลืมเลือนเนื้อเรื่องไปบ้าง พร้อมรวมข่าวเกี่ยวกับซีซั่น 5 ทั้งหมดไว้ในม้วนเดียว ทำความรู้จักกับ Peaky Blinders เรื่องราวของ Gangster ในอังกฤษที่ทำธุรกิจสีเทาสารพัดอย่างที่เราพอจะนึกออก แต่หลัก ๆ คือการแทงม้า ธุรกิจนี้ขับเคลื่อนด้วยระบบคล้ายกับระบบกงสี โดยครอบครัว Shelby ที่แต่ละคนนั้นเป็นตัวจี๊ดมี DNA ของความดิบ เถื่อนอยู่ในตัวกันทุกคน แต่อย่าคิดว่าทุกคนจะเป็นนักเลงหัวไม้ เก่งแต่เรื่องต่อยตีเท่านั้น พวกเขายังไหวพริบเป็นเลิศ ต่อรองเก่ง อยู่เป็นกันแทบทุกคน เรียกง่าย ๆ คือเก่งทั้งบู๊และบุ๋น นอกจากเรื่องยกพวกต่อยตีแล้ว พวกเขายังมีแฟชั่นที่ทำให้ดูเนี้ยบราวกับเป็น Upper Class