การสำรวจดวงจันทร์ถือเป็นภารกิจสำคัญของมนุษย์เสมอ ที่ผ่านมาเราเห็นการทำภารกิจบนดวงจันทร์อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ ภารกิจส่งยานอวกาศอพอลโล 11 ไปเยือนดวงจันทร์อันโด่งดีงของนาซา มาจนถึง ภารกิจเก็บตัวอย่างหินดวงจันทร์มาสู่โลกของยานอวกาศฉางเอ๋อ 5 ของจีน และในช่วงปีหน้าเราอาจได้เห็นการแข่งรถไร้คนขับบนดวงจันทร์ด้วย ซึ่งโปรเจ็กต์นี้จัดขึ้นโดย Moon Mark บริษัทด้านการศึกษาและมัลติมีเดีย ร่วมกับ Intuitive Machines บริษัทออกเเบบยานอวกาศเอกชน โดยจะเป็นการประชันกันระหว่างรถโรเวอร์ 2 คันบนดวงจันทร์ ที่ถูกควบคุมระยะไกลจากบนโลก แต่ตอนนี้ยังไม่มีการประกาศว่า ใครจะมาเป็นผู้บังคับรถแข่งอย่างเป็นทางการ จะมีการจัดการแข่งขันเพื่อเฟ้นหาคนเหล่านั้น โดย Moon Mark จะเปิดให้เด็กมัธยมปลาย 6 ทีมที่ถูกคัดเลือกมาจากทั่วประเทศสหรัฐฯ เข้าร่วมการประลองต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การแข่งโดรน รถยนต์ไร้คนขับ อี-เกมมิ่ง และการประกวดผู้ประกอบการธุรกิจอวกาศเชิงพาณิชย์ โดย 2 ทีมที่ทำผลงานได้ดีที่สุดในการแข่งขัน ถึงจะได้รับโอกาสครั้งหนึ่งในชีวิตเป็นผู้สร้างและเข้าร่วมการแข่งรถบนดวงจันทร์ แม้รถโรเวอร์ที่จะถูกส่งไปบนดวงจันทร์จะมีน้ำหนักเพียง 2.5 กิโลกรัมต่อคัน แต่การออกแบบรถคันนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องคำนวณหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็น การกรองฝุ่นดวงจันทร์ที่จะมารบกวนการทำงานของรถยนต์ สภาพแรงโน้มถ่วงที่ต่ำกว่าปกติ รวมถึง น้ำหนักของรถยนต์ แรงเสียดทานของล้อ ความทนทานของรถยนต์ต่าง ๆ
“ออกเดินทางตามหาความสุขกันเถอะ” เราเคยเชื่อแบบนั้น ก่อนหน้านี้เราอยู่ในยุคที่ผู้คนเชื่อว่าความสุขไม่ได้เกิดจากสิ่งรอบตัว แต่เกิดขึ้นจากการออกเดินทางเพื่อไขว่คว้าความสุขมาครอบครอง การออกไปจากพื้นที่เดิม ๆ คือการเติมเต็มความสุขและความสนุกที่ขาดหายไป แต่ทันทีที่สถานการณ์ COVID-19 พลิกชีวิตเราทุกคนไปจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม การออกไปแสวงหาความสุขจากที่ไกล ๆ อาจไม่ตอบโจทย์ชีวิต Next Normal อีกต่อไป เราต่างต้องทบทวนชีวิตและวิธีคิดใหม่ทั้งหมด เมื่อนั้นเราจึงค่อย ๆ เข้าใจว่าการที่เราสามารถมีความสุขโดยไม่ต้องไปหาที่ไหนไกลต่างหากคือชีวิตสมบูรณ์แบบที่เราต้องการ ความสุขไม่จำเป็นต้องอยู่ไกล แต่อยู่ที่ “บ้าน” การสามารถดื่มด่ำความสุขจากสิ่งใกล้ตัวได้ต่างหากที่เป็นคำตอบที่ผู้คนกำลังตามหา แล้วจะดีแค่ไหนถ้าความสุขที่ว่าไม่ได้อยู่ที่ไหนไกล แต่เริ่มต้นจาก “บ้านของเรา” เชื่อว่าช่วง Next Normal หลายคนพยายามหาทางปลดล็อกความสนุกจากการใช้พื้นที่บ้านให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ได้ครอบคลุมที่สุด เพราะการมองบ้านในมุมใหม่ ลุกขึ้นมาจัดการบ้านในมุมใหม่ จะทำให้เราเข้าใจว่าความสุขไม่จำเป็นต้องอยู่ไกล ถ้าจัดการพื้นที่ในบ้านได้ บ้านก็ต่อยอดความสนุกได้เช่นกัน สำหรับใครที่ไม่แน่ใจว่าชีวิตช่วง Next Normal นี้จะเริ่มเติมความสนุกให้บ้านหลังเดิมกลายเป็นความสุขใกล้ตัวหรือทำบ้านให้เป็นมากกว่าบ้านได้อย่างไร UNLOCKMEN อยากชวนให้ลองวิธีต่อไปนี้ “แสงในบ้าน” หัวใจสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม งานวิจัย Lighting Psychology: Cognitive and Emotional Responses to Lighting ระบุว่าแสงส่งผลต่ออารมณ์และสมองของเรามากกว่าที่เราคิด ดังนั้นขั้นตอนแรกที่จะเพิ่มความสุขให้บ้านของเรา
การตั้งรกรากในอวกาศหรือดาวเคราะห์ดวงอื่น ๆ อาจเป็นพล็อตยอดนิยมที่หนุ่ม ๆ หลายคนเคยเจอมาจากซีรีส์หรือภาพยนตร์ไซไฟเรื่องดัง แต่ก็ดูเป็นเรื่องไกลตัวมาก ๆ สำหรับเราหลายคน เมื่อเวลาเปลี่ยนผ่าน โลกก็เริ่มส่งสัญญาณบ่งชี้ถึงความผิดปกติ ทั้งภาวะโลกร้อน ไฟป่า น้ำแข็งขั้วโลกหลอมเหลว หรือแม้แต่การเปลี่ยนแปลงของสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น ๆ ทำให้เหล่าผู้เชี่ยวชาญต่างนำความรู้ความสามารถแต่ละแขนงมาผนวกรวมกัน เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีและเพื่อการอยู่อาศัยที่ดีแห่งโลกอนาคต เมื่อไม่นานมานี้ The Gateway Foundation มูลนิธิพัฒนาอุตสาหกรรมการก่อสร้างอวกาศผู้สร้างสถานีอวกาศแห่งแรกได้เปิดตัว ‘SPACE HOTEL’ โรงแรมกึ่งสถานีอวกาศแห่งแรกของโลก หรือที่นักบินอวกาศรู้จักกันในชื่อสถานีอวกาศวอนเบราน์ (Von Braun Space Station) ถือเป็นหนึ่งในแผนการสร้างเทคโนโลยีเพื่อนำไปใช้ในสถานีอวกาศนานาชาติ (ISS) แต่แทนที่จะสร้างขึ้นเพื่อจุดประสงค์ทางวิทยาศาสตร์เพียงอย่างเดียว มันกลับเป็นเหมือนเรือสำราญที่โคจรท่องอวกาศ พร้อมบรรจุห้องพักหรูหราและบาร์ค็อกเทลระดับพรีเมียมราวถอดแบบมาจากโรงแรมไฮเอนด์ Tim Alatorre ดีไซเนอร์ผู้ออกแบบโรงแรมแห่งนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากแนวคิดของ Wernher von Braun วิศวกรการบินและอวกาศลูกครึ่งอเมริกัน-เยอรมัน เขาจึงนำเสนอตัวโครงสร้างโรงแรมแบบวงล้อขนาดมหึมาที่หมุนอย่างช้า ๆ เพื่อสร้างแรงโน้มถ่วง ตัวล้อมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 190 เมตร ระหว่างล้อแบ่งเป็นห้องพัก 24 ห้อง และถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรองรับแขกจำนวน 400 คน ภายในห้องตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สีอบอุ่น
ในยุคโลกาภิวัตน์ที่การเชื่อมต่อและข้อมูลข่าวสารผูกโยงกันทั่วโลกอย่างไร้พรมแดน เศรษฐกิจ สังคม การเมือง หรือแม้แต่เทคโนโลยีก็เปลี่ยนแปลงไปรวดเร็วแทบทุกมิติ ในขณะที่มนุษยชาติกำลังก้าวหน้าและชาญฉลาดขึ้นเรื่อย ๆ สภาพสังคมและวิถีชีวิตในตอนนี้ก็เป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ความคิด ความอ่าน และความฝันของเยาวชนรั้วของชาติผันแปรไปจากเดิม เชื่อว่าในวัยเด็กความคิดที่อยากเป็นหมอ ทหาร ตำรวจ หรือแม้แต่นักบินอวกาศคงแวบเข้ามาในหัวผู้ชายเราอยู่บ่อย ๆ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าวันที่โตขึ้น ได้รู้จักโลกกว้างขึ้น และค้นพบอะไรใหม่ ๆ ที่ไม่เคยผ่านตาในวัยเยาว์ ก็ทำให้ความฝันในอาชีพและเป้าหมายในชีวิตของใครหลายคนเริ่มทิ้งห่างจากความคิดตอนเด็ก ๆ ที่เคยวาดไว้ เด็กไม่ได้อยากท่องอวกาศเหมือนดั่งวีรบุรุษ บริษัทผลิตของเล่น LEGO ได้สำรวจเด็ก 3,000 คน ที่มีอายุระหว่าง 5 ถึง 12 ปี ว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร ผลปรากฏว่าเด็ก ๆ อยากเป็นยูทูบเบอร์มากกว่านักบินอวกาศถึง 3 เท่า ขณะที่มีเด็กเพียง 11% เท่านั้นที่อยากเดินทางไปยังพื้นที่ไร้แรงโน้มถ่วงในฐานะนักบินอวกาศ เด็กชาวอเมริกันและอังกฤษใฝ่ฝันอยากเป็นวล็อกเกอร์และยูทูบเบอร์ ครู นักกีฬาอาชีพ และนักดนตรีตามลำดับ ส่วนที่อยากเป็นนักบินอวกาศมีเพียง 10% เท่านั้น แต่ความฝันที่ได้ล่องลอยในอวกาศอันไกลโพ้นยังไม่เลือนราง อย่างไรก็ตามเด็ก ๆ ทั่วโลกล้วนมีความคิดความอ่านและให้ผลการสำรวจต่างกันอย่างสิ้นเชิง เนื่องด้วยภูมิลำเนา
กระแสของเรื่องราวของดาราศาสตร์ อวกาศกับดวงดาว เป็นสิ่งที่ถูกพูดถึงอยู่เป็นระยะ แถมในช่วงนี้องค์การอวกาศชื่อดังอย่าง NASA ก็กลับมามีบทบาทในสื่ออีกครั้งกับการครบรอบ 50 ปี ของการขึ้นไปเหยียบดวงจันทร์ครั้งแรกของมนุษยชาติ และเมื่อพูดถึงอวกาศ ก็จะต้องนึกถึงบรรยากาศไร้แรงโน้มถ่วงนอกโลกกับสีดำสุดลูกหูลูกตาที่ยิ่งทำให้เคว้งคว้างกว่าเดิม ด้วยเหตุผลหลายอย่างทำให้ UNLOCKMEN เลือกหนังเกี่ยวกับอวกาศ 5 เรื่อง ที่ทั้งเศร้า เหงา หว่อง ไปจนถึงงุนงงมาให้ทุกคนได้ดูกันว่าชีวิตของเราในตอนนี้กับตัวละครในหนังใครจะเหงากว่ากัน The Martian (2015) ในขณะที่กลุ่มนักบินอวกาศกำลังสำรวจบนดาวอังคาร แต่กลับต้องเจอกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันอย่างพายุที่อาจสร้างความเสียหายให้กับยานจึงต้องยกเลิกภารกิจ ระหว่างการอพยพ Mark ถูกชิ้นส่วนของยานกระแทกจนกระเด็นออกห่างจากคนอื่นและทางยานก็ไม่พบสัญญาณชีพของเขา จึงต้องยกเลิกการค้นหาตัวเขาพร้อมนำยานออกจากดาวอังคาร แต่สิ่งที่เหนือความคาดหมายคือ Mark ยังไม่ตาย Mark พาตัวเองไปยังศูนย์อาศัยไร้คนบนดาวอังคาร เขาตรวจสอบข้อมูลและพบว่ามนุษย์จะกลับมาที่ดาวอีกครั้งในอีก 4 ปี แต่เขามีอาหารที่จะประทังชีพเพียงแค่ 300 วัน ทำให้เขาต้องดึงความรู้เรื่องของพฤกษศาสตร์มาใช้ดำรงชีพพร้อมกับความรู้ทางวิศวกรรมเพื่อดัดแปลงรถ เครื่องยนต์ต่าง ๆ เพื่อให้ตัวเองอยู่รอดได้นานที่สุด ในขณะที่โลกก็ทราบถึงการมีชีวิตของเขาและหาทางช่วยเหลือให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ The Martian (2015) เป็นผลงานกำกับของ Ridley Scott นำแสดงโดย Matt Damon และเข้าชิงรางวัลออสการ์ถึง
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาในแวดวงดาราศาสตร์และอวกาศคงไม่มีข่าวไหนจะได้รับความสนใจไปกว่าข่าวยาน InSight ยานสำรวจไร้คนขับขององค์การ NASA สามารถลงจอดบนพื้นผิวดาวอังคารได้สำเร็จหลังจากที่ถูกปล่อยขึ้นสูห้วงอวกาศในวันที่ 26 พฤษภาคมที่ผ่านมา แม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่มนุษย์สามารถส่งยานไปลงจอดบนดาวอังคาร แต่ครั้งนี้แตกต่างออกไปในแง่ภารกิจ เพราะเป้าหมายของ InSight คือการสำรวจโครงสร้างทางธรณีวิทยาของดาวอังคารโดยละเอียด ถึงแม้ว่า InSight จะเป็นยานไร้คนขับเช่นเดียวกับลำก่อน ๆ ที่ NASA เคยนำไปลงจอดบนดาวดังคาร ซึ่งหมายความว่าจนถึงตอนนี้ก็ยังคงไม่มีมนุษย์คนไหนได้ฝากรอยเท้าไว้บนดาวเคราะห์สีแดงดวงนี้ แต่การที่ภารกิจสำรวจดาวอังคารค่อย ๆ คืบหน้าขึ้นเรื่อย ๆ และความฝันที่ดาวเคราะห์ดวงนี้จะเป็นบ้านหลังที่ 2 ของชาวโลกก็เข้าใกล้ความจริงขึ้นมาทุกที แต่ในเมื่อมนุษย์ไม่ใช่เจ้าของดาวอังคาร ไม่ได้ถือกำเนิดที่นั่น เป็นแค่เพียงผู้มาเยือนและหวังจะตั้งรกรากเท่านั้น สิ่งนี้จึงนำไปสู่คำถามทางจริยธรรมที่ว่าถ้ามีสิ่งมีชีวิตอยู่บนดาวอังคาร ไม่ว่าจะในรูปแบบไหน และการย้ายถิ่นฐานครั้งนี้นำไปสู่การสูญพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตดังกล่าว การอพยพสู่ดาวอังคารเป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่? Life in the Universe ตามที่นักวิทยาศาสตร์และนักดาราศาสตร์เคยกล่าวไว้ว่าสิ่งมีชีวิตนั้นสามารถอาศัยอยู่ที่ไหนก็ได้ในจักรวาลกว้างใหญ่ เพียงแต่ในสถานที่นั้น ๆ จำเป็นต้องมีองค์ประกอบเหล่านี้ น้ำ, แหล่งให้ความร้อนและพลังงาน, แร่ธาตุสำคัญต่าง ๆ เช่น คาร์บอน ไฮโดรเจน ออกซิเจน ไนโตรเจน และโพแทสเซียม ดาวอังคารก็มีคุณสมบัติเหล่านี้ครบถ้วนดังนั้นการที่จะมีสิ่งมีชีวิตอยู่จึงมีโอกาสเป็นไปได้ อย่างไรก็ตามดาวเคราะห์สีแดงดวงนี้ไม่ใช่สถานที่เดียวในจักรวาลที่มนุษย์ค้นพบและมีองค์ประกอบครบต่อการดำรงชีวิต เนื่องจาก Europa หนึ่งในดวงจันทร์บริวารขนาดใหญ่ของดาวพฤหัส และ Enceladus ดวงจันทร์บริวารขนาดใหญ่ของดาวเสาร์ก็มีคุณสมบัติดังกล่าวเช่นกัน ดูเหมือนว่าเหล่านักวิทยาศาสตร์จะไม่ได้นิ่งนอนใจกับเรื่องนี้ เพราะตอนนี้โครงการ Europa Clipper มีแผนที่จะปล่อยยานสู่อวกาศในปี 2020 โดยเป้าหมายคือการสำรวจดวงจันทร์บริวารดังกล่าวอย่างละเอียด
หนังเอาชีวิตรอดยังคงเป็นสิ่งที่กระตุ้นอะดรีนาลีนของเราได้เป็นอย่างดี เหมือนเป็นการไปสะกิดต่อมสัญชาตญาณเอาตัวรอดของคนเรา ที่ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้า จนเหมือนตัวเองไปอยู่ในเหตุการณ์นั้นซะเอง แต่การเอาตัวรอดบนพื้นโลกดูจะน่าเบื่อไปแล้ว UNLOCKMEN ชวนหนุ่ม ๆ มาเอาใจช่วยตัวละครให้รอดชีวิตในอวกาศ หาทางกลับโลกกับ 5 หนังผจญภัยในอวกาศที่เราคัดมาให้ เหมือนทุกครั้งที่เราอยากบอกเสมอว่า นี่ไม่ใช่การจัดอันดับหนังดี เราไม่ได้แนะนำด้วยคะแนนวิจารณ์ หรือตัดสินด้วยอะไรทั้งนั้น นี่เป็นเพียงลิสต์หนังที่เราอยากบอกต่อเหมือนเพื่อนแชร์หนังหรือชวนกันดู อย่าได้หัวเสียถ้าหากไม่มีหนังที่ตรงใจคุณในลิสต์นี้ Interstellar (2014) Director : Christopher Nolan เมื่อโนแลนมาจับงานอวกาศทั้งทีจะเป็นเนื้อเรื่องธรรมดาได้ที่ไหน เมื่อโลกเข้าสู่ยุคที่ขาดแคลนอาหาร ภัยธรรมชาติคุกคามอย่างไม่ลดละ จนเหมือนโลกใบนี้ไม่อาจให้เราอาศัยต่อไปได้ มนุษยชาติจึงไม่อาจนิ่งนอนใจ เมื่อปัจจัยสี่ที่จำเป็นในการดำรงชีวิตเริ่มสั่นคลอนไปถึงสองอย่าง ทั้งอาหารและที่อยู่อาศัย จึงต้องดิ้นรนหาทางออกให้กับเผ่าพันธุ์มนุษย์ได้รำรงอยู่ต่อไป แต่การเยียวยาโลกใบนี้ดูจะเป็นงานหนักเกินไปที่จะทำได้ ภารกิจหาที่อยู่ใหม่อันไกลโพ้นจึงเกิดขึ้น คุณพ่อลูกสองอย่าง “Cooper” จำเป็นต้องเข้าร่วมภารกิจนี้ เพื่ออนาคตของลูก ๆ และมนุษยชาติ แม้เขาเองก็ไม่อาจรู้ได้ว่าภารกิจนี้มันจะยาวนานแค่ไหนก็ตาม Gravity (2013) Director : Alfonso Cuarón Ryan Stone และ Matt Kowalski ต้องไปเอากล้องที่เสีย ระหว่างทางก็โดนวัตถุพุ่งชนยานจนเกิดความเสียหาย ทำให้พวกเขาต้องหาทางกลับโลกกันเอาเอง
คงไม่มีข่าวไหนในรอบไม่กี่วันที่ผ่านมาจะสะเทือนวงการอวกาศเท่ากับการที่ Elon Musk ซูเปอร์สตาร์แห่งวงการเทคโนโลยีและ CEO แห่ง SpaceX ได้ออกมาเปิดเผยว่า Yusaku Maezawa มหาเศรษฐีชาวญี่ปุ่นจะกลายเป็นลูกค้าคนแรกของ SpaceX ที่จะได้เดินทางสู่ดวงจันทร์ Yusaku Maezawa คือใคร? ถึงแม้ชื่อนี้จะเพิ่งโด่งดังไปทั่วโลกจากข่าวการเดินทางสู่ดวงจันทร์ แต่ถึงอย่างนั้น Yusaku Maezawa ก็ไม่ใช่ตาสีตาสาที่ไหน เพราะเขาคือมหาเศรษฐีอันดับที่ 18 แห่งแดนปลาดิบ ครองครองทรัพย์สินมูลค่ากว่า 2 หมื่น 7 พันล้านเหรียญและเป็นผู้ก่อตั้ง Zozotown เว็บไซต์ซื้อขายสินค้าแฟชั่นที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ถ้าจะพูดถึงจุดเริ่มต้นในเส้นทางเจ้าพ่อ E-Commerce ของเขาคงต้องย้อนกลับไปในปี 1991 โดยขณะนั้น Maezawa เรียนมัธยมปลายอยู่ที่ Waseda Jitsugyo High School ด้วยความหลงรักในดนตรีตั้งแต่เด็ก เขาจึงตัดสินใจฟอร์มวงดนตรีกับเพื่อนในนาม Switch Style หลังจากลองผิดลองถูกอยู่นานในที่สุด EP แรกของพวกเขาก็ถูกปล่อยออกมาในปี 1993 หลังจากจบมัธยมปลาย Maezawa ตัดสินใจไม่เรียนต่อมหาวิทยาลัย เขาเริ่มการผจญภัยครั้งแรกในชีวิตด้วยการตีตั๋วสู่สหรัฐอเมริกาพร้อมแฟนสาว เหตุผลของการเดินทางไปยังดินแดนลุงแซมก็เพื่อตามหาอัลบั้มแผ่นเสียงและซีดีหายากจำนวนมาก Maezawa กลับมายังญี่ปุ่นในปี 1995 พร้อมแผ่นเสียงหายากจำนวนมาก ซึ่งธุรกิจของเขาก็เริ่มจากการขายแผ่นเสียงเหล่านี้ผ่านทางออนไลน์นั่นแหละ ก่อนจะเริ่มขยายไปที่ไลน์สินค้าแฟชั่น และตั้งชื่อมันว่า Zozotown ด้วยวิสัยทัศน์ของ