ขอแสดงความยินดีกับสโมสร Toronto Raptors ที่สามารถคว้าแชมป์บาสเกตบอล NBA ฤดูกาล 2018-2019 มาครองได้สำเร็จ แน่นอนว่าการชูถ้วยครั้งนี้คงทำให้แฟนของยอดทีมจากแคนาดาดีใจไปตาม ๆ กัน แต่สำหรับเหล่าสนีกเกอร์เฮดแล้ว การคว้าแชมป์ครั้งนี้กำลังทำให้ราคารีเซลของรองเท้า Air Jordan VI “RAPTORS” พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนหน้านี้ค่าย Jump Man เปิดตัว Air Jordan 4 “Raptors” เพื่อเฉลิมฉลองให้กับสโมสร Toronto Raptors ที่สามารถทะลุเข้าถึงรอบชิงแชมป์หรือ NBA Final ฤดูกาล 2018-2019 ได้สำเร็จซึ่งถือเป็นการเข้าชิงแชมป์ครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสรหลังจากก่อตั้งขึ้นในปี 1995 “Raptors” มาพร้อมส่วนอัปเปอร์ทำจากหนังกลับสีดำ ก่อนตกแต่งด้วยสี University Red และ Court Purple ตามส่วนต่าง ๆ มีจุดเด่นในส่วนลิ้นรองเท้าที่มีโลโก้ Jump man และลายเซ็นของ Drake แรปเปอร์ที่เป็นโคตรแฟนของสโมสรพ่วงกับหน้าที่เป็น Global Amnassador โดยมันถูกดรอปออกมาในวันที่ 2
หลังจากทิ้งระยะห่างจากงานคอลแลปส์ร่วมกันมานานกว่า 3 ปี ในที่สุดรองเท้าโมเดลที่สองระหว่างแบรนด์สตรีตจากนิวยอร์กอย่าง Supreme และค่าย Air Jordan ก็กลับมาอีกครั้งโดยครั้งนี้เลือกใช้โมเดลที่มีเรื่องราวอย่าง Air Jordan 14 (XIV) ย้อนกลับไปในปี 2015 ทั้งสองค่ายเคยสร้างเสียงฮือฮาด้วยการใส่ Supreme Logo Box ลงใน Air Jordan 5 (V) โดยผลิตออกมาทั้งหมด 3 สีด้วยกันคือ White Black และ CAMO เมื่อบวกกับกระแสความไฮป์ของทั้งสองค่ายทำให้ขายหมดในเวลาไม่นาน ส่วนคู่ที่ถูกนำออกมา Resell ก็ราคาสูงเหลือเกิน ถืออีกเป็นโมเดลยอดฮิตที่เหล่าสนีกเกอร์เฮดสายสตรีตทั่วโลกต้องการ ล่าสุด Air Jordan และ Supreme กลับมาร่วมงานกันอีกครั้งโดยเลือกโมเดลรองเท้าที่ผลิตออกมาครั้งแรกในปี 1998 อย่าง Air Jordan 14 ซึ่งเป็นรองเท้าประจำตัวของยอดนักบาสเกตบอล Michael Jordan โดยเขาสวมใส่ระหว่างการแข่งขันรอบชิงโดยปีนั้นสามารถคว้าแชมป์สมัยที่ 6 ให้กับตัวเองรวมถึงเป็นแชมป์สามสมัยติดของเจ้าตัว ว่ากันว่ารองเท้าคู่นี้ได้แรงบันดาลใจมาจาก Ferrari 550 Maranello รถยนต์สุดรักของนักบาสในตำนาน Air
ปัญหาเรื่องความสูงกับผู้ชายอย่างเราเป็นสิ่งที่น่าเหนื่อยใจและชวนท้อแท้ยิ่งนัก พูดไปคนสูงโปร่งก็คงไม่เข้าใจว่าประสบการณ์ที่ต้องสูดลมหายใจภาคพื้นดินมันเป็นอย่างไร ยิ่งเวลาที่อยู่ท่ามกลางฝูงชน อย่าหวัง! ว่าจะได้มองเห็นอะไรต่อมิอะไรเบื้องหน้า เพราะไอ้ผู้ชายตัวสูงคนอื่น ๆ ยืนบังเราจนมิด ถือซะว่าเป็นความซวยของผู้ชายรูปร่างสันทัดแบบเราแล้วกัน ที่ไม่เคยได้รับโอกาสให้สูดอากาศบริสุทธิ์จากชั้นโอโซนด้านบนอย่างใครเขาเลย ถึงจะโทษกรรมพันธุ์จากบิดามารดรและพฤติกรรมการกินนมในตอนเด็กก็คงไม่ทำให้ความสูงของเราเพิ่มขึ้นมาสักฟุตสองฟุตได้ วันนี้เราเลยเอาของเล่นเจ๋ง ๆ ที่ช่วยทำให้วิสัยทัศน์ของหนุ่ม ๆ กว้างไกลยิ่งขึ้นมาฝากชาว UNLOCKMEN ทุกคน ตั้งแต่นี้เรื่องความสูงจะไม่ใช่ปัญหาสำหรับผู้ชายอย่างเราอีกต่อไป! ONE FOOT TALLER แว่นตาปริทรรศน์กับมุมมองใหม่ที่สูงกว่า โครงการนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อ Dominic Wilcox ดีไซเนอร์ชื่อดังของลอนดอนถูกท้าทายจาก Microsoft Surface ให้ออกแบบแกดเจ็ตที่ช่วยแก้ปัญหาในชีวิตประจำวันเพื่อเอาไปจัดแสดงในนิทรรศการของกรุงลอนดอน Dominic Wilcox จึงสร้างสรรค์แว่นปริทรรศน์หรือแว่นเพอริสโคปสุดกวน โดยนำศิลปะมาประยุกต์กับงานดีไซน์ งานคราฟต์ และเทคโนโลยี จนได้ออกมาเป็น ONE FOOT TALLER แว่นตาที่ทำให้มุมมองของคนตัวเตี้ยเปลี่ยนไปตลอดกาล แรงบันดาลใจที่จุดไฟงานดีไซน์ครั้งนี้เกิดจากประสบการณ์ส่วนตัวที่เขาเคยไปเข้าร่วมเทศกาลดนตรี แล้วมองเห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังดิ้นรนเพื่อชะเง้อคอมองเวทีที่อยู่ตรงหน้า ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่เป็นผลเมื่อถูกบดบังจากคนที่ตัวสูงกว่า ด้วยเหตุนี้เขาจึงคิดค้นแว่นตาอัจฉริยะที่ช่วยให้คนตัวเตี้ยมองเห็นอะไรที่ไม่เคยได้เห็น ตัวแว่นด้านบนทำจากกระจกอะคริลิกสะท้อนแสงที่โค้งงอ 45 องศา และทำมุมกับกระจกแว่นที่อยู่บริเวณดวงตาของผู้สวมใส่ ทำให้สามารถมองเห็นสิ่งที่อยู่ข้างหน้าได้อย่างง่ายดายแม้จะมีสิ่งกีดขวาง ดู ๆ แล้วลักษณะการดีไซน์คล้าย ๆ กับกล้องเรือดำน้ำที่ถึงจะอยู่ใต้น้ำก็มองเห็นสิ่งที่อยู่บนน้ำได้
ไม่เพียงแต่ร่างกายกำยำล่ำสันและมังกรผงาดในกางเกงที่บ่งบอกถึงความเป็นชายชาตรี หนวดเคราและไรขนบนใบหน้าหนุ่ม ๆ ก็ตอกย้ำความเป็นเพศพ่อได้ดีไม่ต่างกัน สำหรับผู้ชายบางคนหนวดและเคราอาจเป็นที่มาของสิ่งสกปรกและความรกรุงรัง แต่กับบางคนมันช่วยเพิ่มเสน่ห์ มาดคมเข้ม และสะท้อนความน่าเกรงขามได้อย่างบอกไม่ถูก ความข้นของเคราเข้มที่มีมาตั้งแต่โบราณ หากย้อนไปอ่านบันทึกประวัติศาสตร์จะพบว่าการไว้หนวดเคราของคนไทยมีมาตั้งแต่อดีต ว่ากันว่าหนวดและเคราได้อิทธิพลมาจากชาติตะวันตก มีหลักฐานปรากฏให้เห็นสมัยพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว และการไว้หนวดเคราก็ก้าวสู่ความนิยมตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นต้นมา คนในยุคนั้นเชื่อว่าหนวดเคราจะทำให้ผู้ชายมีหน้าตาคมสัน หากเป็นทหารก็ยิ่งดูแข็งแกร่งน่าเกรงขาม ในทางตรงกันข้าม ผู้ชายที่โกนหนวดดูมีใบหน้าจืดชืดละม้ายคล้ายผู้หญิง แม้กระนั้นการไว้หนวดสไตล์ไทยก็ไม่ได้ปล่อยยาวรุงรังเฉกเช่นฝรั่ง หากตัดเล็มและตกแต่งให้เป็นระเบียบ เพราะเชื่อว่าเวลาที่จุดบุหรี่ดูดจะไม่เกิดอุบัติเหตุจนทำให้เปลวไฟไหม้ลามมายังหนวดงาม แล้วถ้าเราบอกว่าหนวดเคราไม่ได้แค่มีไว้เท่ ๆ แต่ยังซ่อนเสน่ห์ดึงดูดสาว ๆ ให้หลงใหล หนุ่ม ๆ จะว่ายังไง? ผู้ชายที่มีหนวดเคราดูเซ็กซี่มากกว่าในสายตาหญิง? จากบทความในวารสาร Journal of Evolutionary Biology ที่สำรวจผู้หญิง 8,500 คน ว่าหนวดและเครามีผลต่อความน่าดึงดูดอย่างไร โดยขอให้พวกเธอให้คะแนนรูปภาพของผู้ชายที่มีความยาวของหนวดและเคราที่ต่างกัน ผลปรากฏว่าในสายตาผู้หญิงผู้ชายที่ไว้หนวดเคราดูโดดเด่นและน่าเชื่อถือมากกว่าผู้ที่ไม่ได้ไว้ ทีมนักวิจัยนำภาพผู้ชายที่โกนหนวดจนเกลี้ยงเกลา, หนวดเล็กน้อยหลังจากโกน 5 วัน, หนวดคมเข้มหลังจากโกน 10 วัน และหนวดเครายาวรกรุงรังหลังจากโกน 4 สัปดาห์ มาให้ผู้หญิงทั้ง 8,500 คนให้คะแนนโดยแบ่งเป็น 3 กลุ่มย่อย
BAHÁ’Í TEMPLE OF SOUTH AMERICA เป็นวิหารรูปทรงแปลกตาในสาธารณรัฐชิลีที่ถูกคัดเลือกจาก Royal Architectural Institute of Canada (RAIC) ให้เข้ารับรางวัลระดับนานาชาติในฐานะสถาปัตยกรรม transformative ซึ่งถือเป็นอัตลักษณ์ของสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ที่ช่วยเปลี่ยนแปลงคุณภาพชีวิตให้กับคนชุมชน วิหารรูปโดมแห่งนี้ถูกออกแบบโดย Hariri Pontarini Architects บริษัทสถาปนิกชื่อดังของเมืองโตรอนโต นี่เป็นครั้งแรกที่คณะกรรมการเลือกบริษัทสัญชาติแคนาดาให้เข้ารับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ พื้นที่กว่า 25 เอเคอร์ ในแถบชานเมืองซันติอาโกถูกเลือกเป็นที่ตั้งของวิหาร BAHÁ’Í TEMPLE OF SOUTH AMERICA จากที่ตั้งในจุดนี้คุณสามารถมองเห็นทัศนียภาพโดยรอบของเมืองหลวงได้ไกลสุดลูกหูลูกตา พร้อมชื่นชมความงามของเทือกเขาแอนดีสที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหลัง วิหารแห่งนี้เป็นวิหารลำดับที่ 8 และเป็นวิหารหลังสุดท้ายในทวีปที่สร้างขึ้นสำหรับศาสนิกชนผู้ศรัทธาในศาสนาบาไฮ แต่ถ้าหนุ่ม ๆ หลายคนจะไม่คุ้นชื่อศาสนานี้ก็คงไม่แปลกนัก เพราะเพิ่งเกิดขึ้นบนโลกเมื่อ 100 ปีก่อน เราจะขยายความให้ฟังอีกนิดว่าบาไฮเป็นศาสนาที่เชื่อว่าทุกคำสอนจากทุกศาสดาคือสิ่งที่ดี จุดประสงค์ในการออกแบบวิหารแห่งนี้คือสร้างขึ้นเพื่อต้อนรับผู้คนโดยไม่คำนึงถึงความศรัทธาด้านศาสนา และตัวอาคารก็ถูกดีไซน์มาให้เปิดกว้างตามคอนเซ็ปต์ที่ทีมสถาปนิกตั้งใจไว้ แถมก่อนที่จะสร้างขึ้นจริงยังต้องใช้แบบจำลองคอมพิวเตอร์ในการวัด เพื่อให้วิหารแปลกประหลาดหลังนี้เปลี่ยนแปลงรูปร่างเพื่อรับมือกับแผ่นดินไหวได้อย่างสมบูรณ์แบบ ภายนอกของวิหารถูกห่อหุ้มด้วยแผงกระจกรูปทรงปีกนกแก้ว ปีกทั้ง 9 ปีกถูกร้อยเรียงและมาบรรจบกันตรงจุดมงกุฎด้านบนของวิหาร สร้างสรรค์เลเยอร์ด้านนอกด้วยกระจก borosilicate กว่า 1,129 ชิ้น
เราเชื่อว่าผู้ชายเกือบทุกคนต่างชื่นชอบรองเท้าไม่มากก็น้อยและความชอบที่แตกต่างก็ทำให้เราเลือกซื้อรองเท้าที่มีโมเดลและดีไซน์แตกต่างกันไป รวมไปถึงเรื่องสีที่รักเป็นพิเศษก็เป็นอีกเหตุผลสำคัญในการตัดสินใจซื้อ รองเท้าสีขาวล้วน คือหนึ่งในเฉดสีที่ผู้คนนิยมมาตลอดทุกยุคสมัยเพราะความสะอาดเนียนตาทำให้สามารถแมทช์ได้กับทุกชุด แถมเวลา On-Foot ก็โดดเด่นน่ามอง ขณะเดียวกันตลาดรองเท้าในไตรมาสที่สองของปีนี้หลายค่ายก็ปล่อยรองเท้าสีขาวล้วนออกมาไม่ยั้ง วันนี้ UNLOCKMEN จึงอยากแนะนำคู่ที่น่าสนใจเพื่อให้แต่ละคนใช้ประกอบการตัดสินใจก่อนจะคว้าสักคู่มาครอบครอง Nike Air Max2 “Triple White” เริ่มกันที่โมเดล Air Max2 ที่ค่าย Swoosh หยิบมาปัดฝุ่นผลิตอีกครั้ง หลังจากเริ่มผลิตเป็นครั้งแรกในปี 1994 โดยก่อนหน้านี้Air Max2 มีเฉดสีหลากหลาย ก่อนจะมาถึง “Triple White” ที่ต้องถูกใจหนุ่ม ๆ ผู้หลงใหลสไตล์ Chunky อย่างแน่นอน โดยสีขาวที่เคลือบทั้งส่วนอัปเปอร์และโซล รวมถึงก้อนแอร์ตรงส่วนท้ายที่ใสไร้สีซึ่งเข้ากันได้ดีกับรูปทรงสุดไฮป์ของมัน GmbH x ASICS GEL-Kayano 5 เอาใจหนุ่ม ๆ สายวิ่งกันบ้างด้วย ASICS Gel-Kayano 5 รองเท้าวิ่งในตำนานจากยุค 90 ที่ไปถูกตาต้องใจแบรนด์อย่าง GmbH จนเกิดงานคอลแลปส์คู่นี้ขึ้นมา รูปทรงและลวดลายที่ดูโฉบเฉี่ยวจากส่วนอัปเปอร์ที่ขึ้นรูปชั้นแรกด้วยผ้าทอ ก่อนหุ้มอีกชั้นด้วยหนัง ปิดท้ายด้วยการใช้ไนลอนสังเคราะห์พาดทับ
เมื่อโลกแห่งนาฬิกาและ ไอคอนแห่งสตรีทแวร์มาเจอกัน SWATCH (สวอท์ช) และ BAPE® (เบป) เดินทางมาเจอกันทั้งที กับผลงาน Collaboration ล่าสุดที่จัดงานเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ระดับ Global Launch ณ เมือง Tokyo ประเทศญี่ปุ่นบ้านเกิดของ BAPE นั่นเอง ซึ่งงานนี้ไม่ได้มีแต่สื่อนาฬิกาเพียงอย่างเดียว ยังเต็มไปด้วยแขก VIP สาย Street Fashion ที่เดินทางเป็นตัวแทนประเทศจากทั่วโลกเข้าร่วม แน่นอนว่า UNLOCKMEN ไม่มีทางพลาดที่จะเข้าไปสัมผัสบรรยากาศการเปิดตัวนาฬิกา “ต้องมี” ทั้ง 6 เรือนอย่างแน่นอน ภายในงานที่จัดอย่างสุด Creative ถึงขั้นปิด 6 ร้านและผับสุดคูลทั่วโตเกียวเพื่อสื่อให้เห็นถึง Concept ของนาฬิกาแต่ละเมืองภายใต้ลวดลาย Camo ของ BAPE ในคอลเลคชั่นสุดพิเศษที่ได้แรงบันดาลใจมาจากโลกในยุคปัจจุบันที่ทุกคนเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน ผ่านนาฬิกา 6 รุ่น ได้แก่ Bern, London, New York , Paris, Tokyo
หนุ่ม ๆ ที่เป็นแฟนเพลงของวง The Who เตรียมตัวเสียเงินกันได้เลย เพราะแบรนด์รองเท้าอย่าง Dr.Martens เตรียมปล่อยแคปซูล Fall/Winter 2019 ที่ภายในคอลเลกชันประกอบไปด้วยรองเท้า 5 คู่ที่ได้แรงบันดาลใจการออกแบบมาจากวงร็อกสุดเก๋าจากประเทศอังกฤษ The Who สุดยอดวงดนตรีระดับตำนานของ 4 หนุ่มจากกรุงลอนดอนซึ่งตั้งขึ้นเมื่อปี 1964 และประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้นด้วยผลงาน 12 สตูดิโออัลบั้ม แม้ว่าพวกเขาต้องสูญเสียสมาชิกวงอย่าง Keith Moon ไปในปี 1978 และ John Entwistle ในปี 2002 แต่ผู้คนยังจำความสำเร็จที่พวกเขาเคยสร้างไว้ในยุคสมัยแห่งความรุ่งเรืองได้ นอกจากนั้นภาพลักษณ์ของวงยังทำให้หนุ่ม ๆ ชาวอังกฤษหันมาสนใจ Sub-Culture ที่เรียกกันว่า Mod อีกด้วย ทั้งหมดนั้นทำให้แบรนด์รองเท้าอย่าง Dr.Martens เลือกหยิบยกความยิ่งใหญ่ของพวกเขามาถ่ายทอดสู่รองเท้าของตัวเองโดยคอลเลกชันนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากรูปภาพสุดเก๋าในปี 1967 ตอนที่ Pete Townshend มือกีตาร์ของวงเลือกสวม Dr.Martens 1460 Boots รองเท้ารุ่น Iconic ขึ้นไปโชว์ลวดลายอยู่บนเวทีคอนเสิร์ต ภายในคอลเลกชันประกอบไปด้วยรองเท้าทั้งหมด 5
หลังจากไม่ได้ร่วมงานคอลแลปส์รองเท้ามาช่วงหนึ่ง ดูเหมือนแบรนด์สตรีตอย่าง Palace จะทนรอปล่อยของไม่ไหวอีกต่อไป ล่าสุดพวกเขาเพิ่งปล่อยภาพรองเท้าซึ่งเป็นผลงานร่วมกับค่ายกีฬาสุดเก๋าอย่าง Adidas Originals Palace x Adidas Original งานคอลแลปส์ชุดล่าสุดเลือกใช้ Superstar โมเดลรองเท้าสุด Iconic มาถ่ายทอดไอเดียโดยผลิตออกมาทั้งหมด 3 สีด้วยกันคือ Black White และ Neon ให้เลือกสีตามสไตล์ที่ชอบ มีทั้งเรียบหรูและฉูดฉาดบาดตา เรียกว่าต้องถูกใจหนุ่ม ๆ สาวกค่ายสามขีดและชาวสตรีตทั่วโลกกันแน่นอน Palace x Adidas Originals Superstar ทั้งสามคู่ถูกออกแบบมาอย่างลงตัว ทั้งปรับเปลี่ยนวัสดุ วางและเลือกใช้สัญลักษณ์อย่างพิถีพิถัน เริ่มจากส่วน Upper ที่เลือกหนังคุณภาพสูงมาใช้งาน ด้านข้างของตัวรองเท้าวางด้วยลวดลาย 3 ขีด รวมถึงการเจาะรูเล็ก ๆ เรียงเป็นแพตเทิร์นและปักคำว่า Palace สีทองไว้ที่ส่วนข้างเท้าด้านนอก จุดเปลี่ยนเด่น ๆ คือลิ้นรองเท้าที่มีป้ายพิเศษประจำรุ่น รวมถึงมีโลโก้ของ Palace และ Adidas วางไว้ในกรอบเดียวกันทับสัญลักษณ์รูปคน ด้านล่างสกรีนคำว่า “Das Logo Mit 3
แบรนด์กีฬายักษ์ใหญ่อย่าง Nike ยังให้ความสำคัญกับแคมเปญด้านสิทธิมนุษยชนต่อเนื่องโดยเฉพาะการสนับสนุนกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศหรือ LGBTQ โดยล่าสุดพวกเขาเลือกแสดงออกผ่านคอลเลกชันใหม่ในชื่อ BETURE ซึ่งสร้างขึ้นมาเพื่อให้เกียรติแก่ผู้คิดค้น TheRainbow Flag 100 เปอร์เซ็นต์คือคะแนนที่ทาง Nike ได้จากการทำแคมเปญด้านสิทธิมนุษยชนมาตลอดช่วงระยะเวลา 17 ปี ทั้งยังสนับสนุนองค์กร LGBTQ มากกว่า 20 แห่งและนับตั้งแต่ปี 2012 พวกเขามอบเงินสนับสนุนต่อมูลนิธิที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มบุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศไปกว่า 3.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 112,000,000 ล้านบาทผ่านทาง Charities Aid Foundation of America อย่างไรก็ตามแคมเปญทั้งหมดไม่ได้หยุดอยู่แค่เพียงการบริจาคเท่านั้น เมื่อค่าย Swoosh ตัดสินใจปล่อยคอลเลกชัน BETURE 2019 โดยไอเทมทุกชิ้นแต่งแต้มด้วยสีสันจาก Rainbow Flag ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ในการเคลื่อนไหวของ LGBTQ มาอย่างยาวนาน แคปซูลดังกล่าวพวกเขาตั้งใจทำออกมาเพื่อให้เกียรติกับ Gilbert Baker ศิลปินผู้สร้างสรรค์และริเริ่มใช้ Rainbow Flag เป็นตั้งแรกตั้งแต่ปี 1978 จนกลายสัญลักษณ์ในการแสดงออกของกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศมายาวนานกว่า 40 ปี BETRUE ประกอบไปด้วย 4