หนุ่ม ๆ ทุกคนต่างมีรถในฝันของตัวเองและแต่ละคนล้วนมีรูปแบบหรือสไตล์แตกต่างกันออกไป บางคนหลงใหลความดุดันของ American Muscle Car หรือบางท่านก็ชอบรูปแบบความเร็วร่วมสมัยอย่าง Supercar แต่จะเจ๋งแค่ไหนถ้าทั้งสองสิ่งถูกนำมาผสมอยู่ในรถคันเดียวเหมือนใน TRACTORRI Project Car สุดแปลกแต่ต้นทุนสูงจนเราต้องหยิบแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักคันนี้ การรวมร่างกันของม้าป่าสัญชาติอเมริกันเข้ากับกระทิงเปลี่ยวจากแดนมักกะโรนีคันนี้ ถือกำเนิดขึ้นโดยชายที่ชื่อว่า John Haugh ผู้มีความคิดว่าอยากจะรวม Iconic Car แห่งยุคสมัยทั้งสองเข้าด้วยกัน คันแรกคือ Ford Mustang ซึ่งคงไม่ต้องอธิบายถึงสรรพคุณความเป็น Iconic ฝั่งอเมริกันให้มากความ เพราะมันยังคงเป็นรถในฝันของใครหลายคนในทุกยุคสมัย อีกคันเป็นซุปเปอร์คาร์สายพันธุ์โหดที่มียอดขายมากกว่า 14,000 คันทั่วโลกกับ Lamborghini Gallardo ก่อนจะถูกแทนที่ด้วย Huracan ในเวลาต่อมา TRACTORRI ชื่อที่ถูกใช้เรียกรถ Tractor ของ Lamborghini ในอดีต เปิดตัวต่อหน้าสาธารณชนครั้งแรกในงาน SEMA 2009 พร้อมความภูมิใจจากการผสมผสานอันลงตัว ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาอย่างใส่ใจรายละเอียดตลอดทั้งคัน เริ่มจากดีไซน์ภายนอกที่มากับรูปลักษณ์อันปราดเปรียวของ Ford Mustang 2007 พร้อมชุดไฟหน้าเดิมและไฟเลี้ยวหยิบยืมของ Porche 911 Turbo มาใช้งาน
เรียกว่าเป็นช่วงเทศกาลแห่งการเปิดตัวรถยนต์แนว Roadster ของค่ายรถต่าง ๆ ก็ว่าได้สำหรับช่วงสิ้นปีนี้ ซึ่งล่าสุดสำหรับ McLaren Automotive ก็ได้เปิดตัวเจ้าแห่งความเร็วคันใหม่ของ Super Series ออกมาแบบเปลี่ยนแปลงตั้งแต่หัวจรดท้ายอย่าง All-New 720S Spider เรียกว่าได้รับการพัฒนาข้ามขั้นจากรถต้นแบบคันแรกของ Super Series อย่าง McLaren 650S มาไกลทีเดียวสำหรับโมเดลใหม่ของ 720S Spider มาพร้อมจุดเด่นตามสไตล์ Roadster ด้วยหลังคาเปิดประทุนแบบ Hard Top ซึ่งถูกออกแบบมาเป็นพิเศษ โดยจะพับเก็บลงไปในแผงคาร์บอนไฟเบอร์ชิ้นเดียวด้านหลังตัวรถ ซึ่งเป็นระบบหลังคาที่ทาง McLaren เคลมว่ามันคือ “ระบบเปิดประทุนซึ่งทำงานได้เร็วที่สุดในโลกของซุปเปอร์คาร์” โดยใช้เวลาในการเปิด-ปิดเพียง 11วินาทีในความเร็วไม่เกิน 50 กิโลเมตร/ชั่วโมง และสำหรับหนุ่มที่ต้องการเพิ่มประสบการณ์พิเศษ ก็สามารถสั่งติดกระจกแบบ ElectroChromic แทนที่หลังคาแบบทึบได้อีกด้วย แต่นอกจากหลังคาสุดไฮเทคแล้ว 720s Spider ยังมาพร้อมกับดีไซน์ใหม่ที่โคตรดุดัน เริ่มจากชุดไฟหน้าใหม่และส่วน A-pillar ที่ปรับเปลี่ยนให้ได้มุมมองที่กว้างขึ้น นอกจากนี้ตัวรถยังมาพร้อมโครงสร้างผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์ซึ่งเบาและแข็งแรงเป็นพิเศษ นอกจากนี้ยังมีการปรับเปลี่ยนวัสดุอุปกรณ์บางชิ้นจากรุ่น 650S Spider เป็นวัสดุที่น้ำหนักเบามากขึ้นทำให้รถเบากว่ารุ่นก่อนได้ถึง 6.8
ในโลกที่เทคโนโลยีกับแฟชั่นกลายเป็นเรื่องเดียวกัน UNLOCKMEN ขอแนะนำให้ทำความรู้จักกับ 5 Smartwatch จากแบรนด์ไฮเอนที่โดดเด่นด้วยดีไซน์ การออกแบบที่พิถีพิถัน สรรค์สร้างเป็นนาฬิกาอัจฉริยะที่มีมากกว่าแค่การบอกเวลา ผลงานการสร้างสรรค์จากแบรนด์สุด Craft ที่แม้แต่นาฬิกา Digital ก็ยังคงความหรูหราที่ละเอียดอ่อนไว้ได้ไม่เปลี่ยนแปลง LOUIS VUITTON TAMBOUR HORIZON Louis Vuitton แบรนด์หรูสัญชาติฝรั่งเศสเจ้าแรกที่เข้าสู่ตลาด Smartwatch ด้วยการส่ง Tambour Horizon นาฬิกาอัจฉริยะระบบปฏิบัติการ Android Wear 2.0 หน้าจอสัมผัสแบบ AMOLED มุมมองกว้าง สีสันสดใส มาพร้อมความละเอียด 390 x 390 pixcel กระจกหน้าและหลังใช้วัสดุ Sapphire ขนาด 1.2 นิ้ว RAM 512MB พื้นที่เก็บข้อมูล 4GB แบตเตอร์รี่ความจุ 300mAh สามารถลงน้ำลึกได้ 30 เมตร พร้อมกับแอปพลิเคชั่นที่พัฒนาโดย LV คือ My Flight
ถ้าพูดถึงเกมที่มีชื่อว่า Doom สำหรับผู้ชายอย่างเราคงมีน้อยคนที่จะไม่รู้จัก เพราะมันเปรียบเสมือน Prototype ของเกมแนว First-Person Shooter (FPS) ของโลกใบนี้เลยก็ว่าได้ และในวาระครบ 25 ปี หนึ่งในผู้ร่วมพัฒนาเกมรุ่นต้นฉบับก็ได้ส่งมอบของขวัญเป็น Mod เสริมให้โหลดไปเล่นกันแบบฟรี ๆ รวมถึงเตรียมปล่อยตัวเกมแพ็คพิเศษออกมาเอาใจคอเกม Doom ตัวยงอีกด้วย Doom ถูกปล่อยออกมาเป็นครั้งแรกในปี 1993 โดยค่าย ID Software ด้วยมุมมองการเล่นแบบ FPS และภาพที่เป็น 3D Graphics ยุคแรกเริ่มซึ่งในสมัยนั้นถือเป็นเรื่องแปลกใหม่ เมื่อบวกกับเนื้อเรื่องซึ่งต้องบุกตะลุยไปพร้อมกับการสาดกระสุนใส่เหล่าสัตว์ประหลาดและ Boss Fight ที่มันส์ถึงใจ ทำให้ในช่วง 1-2 ปีแรกมีคอเกมทั่วโลกต้องแบ่งเวลาให้มันประมาน 15-20 ล้านคนเลยทีเดียว นอกจากนี้รูปแบบการพัฒนาเกมยังถูกโปรแกรมเมอร์ทั่วโลกใช้เป็นต้นแบบในการสร้างเกมแนว FPS จนในยุคสมัยนั้นผู้คนต่างพากันเรียกเกมแนวนี้ว่า Doom Clones ด้วยกันทั้งสิ้น ต่อมาความสำเร็จของภาคแรก ก็ผลักดันให้มีซีรีส์และภาคเสริมถูกผลิตตามออกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น Doom II : Hell on Earth (1994),
เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ ประกาศความพร้อมจัดการแข่งขัน Asia Pacific Predator League 2019 ในประเทศไทย จัดเต็มด้วยอุปกรณ์การแข่งขันระดับตำนานในนามพรีเดเตอร์ และระบบสัญญาณเน็ตเวิร์กที่มีเสถียรภาพสูง บนพื้นที่กว่า 2,380 ตร.ม รองรับตัวแทนนักกีฬาอีสปอร์ตกว่า 26 ทีม จากทั่วภูมิภาคสู่ทัวร์นาเมนต์การแข่งขันสุดยิ่งใหญ่ในระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก พร้อมเปิดตัวทีมตัวแทนของประเทศไทยลงแข่งในเกม PUBG, DOTA 2 เข้าชิงชัยในทัวร์นาเมนต์ Asia Pacific Predator League 2019 ที่จะจัดในวันที่ 15-17 กุมภาพันธ์ 2019 ณ. อาคารกีฬานิมิบุตร สนามกีฬาแห่งชาติ นายแอนดรู ฮู ประธานฝ่ายภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก บริษัทเอเซอร์ คอมพิวเตอร์ กล่าวว่า “ในปีที่ผ่านมาเอเซอร์ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในจัดการแข่งขัน Asia Pacific Predator League 2018 ที่จัดขึ้น ณ. กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เราได้รับการตอบรับจากนักกีฬาอีสปอร์ต ผู้เข้าชมทั้งออฟไลน์ และออนไลน์เป็นจำนวนมาก
วันนี้คนซื้อรถยนต์น่าจะเจอทางเลือกที่มีให้มากมายในโมเดลเดียวกัน ซึ่งเป็นผลมาจากความพยายามเข้าถึงไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันของพวกเรา หัวใจสำคัญที่ทำให้เกิดคำถามในหัวเจ้าของรถมากเป็นพิเศษ คงจะเป็นการเลือกเปรียบเทียบว่าจะเลือกเครื่องยนต์แบบไหนดี ระหว่าง เบนซิน (Petrol) หรือ ดีเซล (Diesel) อย่างในโมเดลยอดฮิต New Honda CR-V รุ่นล่าสุดที่เผยรายละเอียดออกมาก็มีเครื่องยนต์ให้เลือก 2 ประเภทเช่นเดียวกัน โดยแบ่งออกเป็นรุ่น 5-Seater เครื่องยนต์เบนซิน และรุ่น 7-Seater ซึ่งมีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์เบนซิน และดีเซล ในราคาที่ไม่แตกต่างกันมากนัก คำถามที่แฟน ๆ New Honda CR-V ต้องตัดสินใจคือ จะเลือกซื้อรุ่นไหนดี? ก่อนจะตัดสินใจเลือกได้ เราต้องทำความเข้าใจคาแรคเตอร์และข้อดีข้อเด่นของเครื่องยนต์แต่ละประเภทที่แตกต่างกันก่อน เพื่อดูว่า New Honda CR-V โมเดลไหนตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันของเรามากกว่ากัน โดยพื้นฐานของเครื่องยนต์ 2 ประเภทนี้ ต่างก็มีจุดเด่นของตัวเองต่างกัน ซึ่งเราจะมาสรุปให้เห็นภาพชัดเจนและเข้าใจง่าย เครื่องยนต์เบนซิน (Petrol engine) สงบดี มีรอบจัดจ้าน จุดเด่นของเครื่องยนต์เบนซินคือการทำงานที่นิ่ง เงียบ เครื่องยนต์ไม่ค่อยซับซ้อนมากนัก จึงมีน้ำหนักและขนาดที่เล็กกว่าเครื่องยนต์ดีเซล ช่วยให้ขับขี่ได้คล่องตัว
แม้ชื่อ OnePlus Smartphone อาจจะไม่เป็นที่นิยมมากนักในบ้านเราเมื่อเทียบกับ iPhone หรือ Samsung อาจจะเพราะที่ผ่านมา OnePlus ไม่ได้มีจุดขายอะไรมากมาย แต่จากนี้ไปชาว UNLOCKMEN และแฟนคลับความแรงของ McLaren อาจจะต้องเริ่มตามหา OnePlus กันมากขึ้น เมื่อทั้งคู่ได้ร่วมมือกันเซ็นสัญญา Partnership ระยะยาว พร้อมประเดิมด้วยโมเดลรุ่นพิเศษที่ทำได้น่าสนใจกับ McLaren OnePlus 6T เปิดตัวไปล่าสุด ณ McLaren Headquarter ประเทศอังกฤษ จุดเริ่มต้นของโปรเจคนี้เกิดจาก OnePlus co-founder, Carl Pei ที่มีความชื่นชอบในคาแรคเตอร์ของ McLaren อยู่แล้ว และได้ไปทดลองขับ McLaren 720S เครื่อง 4.0-liter twin-turbocharged V8 engine 720 แรงม้า จึงเกิดไอเดียอยากสร้าง Smartphone ที่แรงและมีคาแรคเตอร์แบบเดียวกับ McLaren ซึ่งเป็นรถและ Smartphone สำหรับคนที่หลงใหลในความแรงอย่างแท้จริง นี่จึงเป็นไอเดียกำเนิดสเปคสุดแรงใน McLaren OnePlus 6T
ทุกวันนี้เรื่องการเขียนด้วยปากกาดินสอ ถ้าไม่นับการเซ็นบัตรเครดิตก็แทบไม่ค่อยได้ใช้งานกันเท่าไหร่ เนื่องจากนวัตกรรมส่วนใหญ่มันอำนวยความสะดวกให้เราเหลือเกิน ทั้งการเขียนผ่านเสียง หรือการขยับนิ้วพิมพ์แล้วมีโปรแกรมช่วยสะกดเดาข้อความให้ก่อนที่เราจะพิมพ์เสร็จ ประกอบกับการรณรงค์ paperless เพื่อช่วยเรื่องภาวะโลกร้อนด้วย สิ่งเหล่านี้จึงเป็นเหตุผลให้นักวิทยาศาสตร์ชาวจีนอยากเข้ามาพัฒนานวัตกรรมกระดาษมหัศจรรย์ขึ้น ล่าสุดวารสาร ACS Applied Materials and Interfaces ได้ตีพิมพ์เรื่องนวัตกรรมกระดาษมหัศจรรย์ รีเฟรชตัวเองให้เขียนได้ไม่หยุดและไม่ต้องขยำลงถัง โดยเป็นผลงานการวิจัยของทีมนักวิจัยชาวจีน นำโดย Luzhuo Chen หนึ่งในผู้นำทีมวิจัยจาก Fujian Normal University ใช้หลักการที่เราคล้ายกับหมึกลบได้ โดยเอาเรื่องอุณหภูมิมาเป็นกุญแจสำคัญในการประดิษฐ์ ด้วยการนำกระดาษธรรมดามาเคลือบด้านหนึ่งด้วยสาร thermochromic (สารที่เปลี่ยนสีเมื่ออุณหภูมิเปลี่ยน) ย้อมสีน้ำเงิน นำมาเคลือบกระดาษด้านหนึ่ง และเคลือบผิวด้านอื่น ๆ ด้วยผงหมึกสีดำจากเทคนิค Photothermal ที่ใช้วิธีซับแสงเป็นพลังงานความร้อน หลักการใช้งานจะเป็นการใช้กระดาษใบนี้ร่วมกับ heat-emitting pen (ปากกาความร้อนหรือปากกาแสง) จากนั้นเมื่อหมึกได้รับความร้อนจะเปลี่ยนสีบริเวณที่ถูกย้อมให้สว่างขึ้น เผยให้เห็นผิวกระดาษสีขาวด้านล่าง ซึ่งในอนาคตมันจะสามารถใช้งานได้กับเครื่องปรินต์แสง ทำให้เราประหยัดหมึกไปในคราวเดียว ทีเด็ดที่มันทำได้เหนือกว่านวัตกรรมในอดีตก็อยู่ที่การจัดการให้อยู่ได้นานและจำนวนครั้งที่ใช้งานได้ซึ่งพอเห็นแล้วออฟฟิศเราก็อยากอุดหนุนเหมือนกัน เพราะนักวิจัยเขาประดิษฐ์ให้มันสามารถเก็บไว้ระยะเวลานานสุด ๆ โดยกว่าข้อความหรือภาพจะลบเลือนกลับไปเป็นสีฟ้าทั้งแผ่นจะต้องเจอกับอุณหภูมิที่เย็นถึง 14 องศาฟาเรนไฮน์ หรือ 10 องศาเซลเซียส ซึ่งแน่นอนว่าเราเก็บไว้ในออฟฟิศได้สบาย ๆ
“สมาร์ตโฟนก็เหมือนบ้านหลังหนึ่ง เราจะจัดแต่งมันอย่างไรก็ได้ ขึ้นอยู่กับการจัดสรรพื้นที่ที่เหลือ” นี่เป็นประโยคเปรียบเทียบที่เราคิดขึ้นเองแต่เชื่อว่าผู้ชายหลายคนคงเห็นด้วยกับมันสุดหัวใจ เพราะทุกวันนี้เราอยู่กับมันเกือบตลอดเวลา และทำแทบทุกอย่างตั้งแต่เรื่องพื้นฐานอย่างการสื่อสารทั้งเสียงไปถึงวิดีโอ ควบคุมทุกสรรพสิ่งและเข้าถึงเซอร์วิสต่าง ๆ ได้ด้วยก้อนสี่เหลี่ยมในมือเรานี่แหละ แต่ว่าถ้าด้วยตัวเครื่องอย่างเดียวเปล่า ๆ มันคงสร้างฟังก์ชั่นที่เหมาะสมกับเราไม่ได้ แอปพลิเคชั่นก็เลยเป็นเสมือนเฟอร์นิเจอร์ที่เราเลือกใส่ไว้ในบ้านเพื่อใช้งานตามคาแรกเตอร์ส่วนตัว ภายในพื้นที่ที่เรามี นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เราตามข่าวเรื่องแอปฯ มาอัปเดตเสมอ ล่าสุด Google ออกมาจัดทำลิสต์แอปฯ ที่ดีที่สุดใน Google Play ปี 2018 เราเลยไม่พลาดมาส่งต่อ เผื่อใครอยากเปลี่ยนแอปฯ จากอันเดิมมาเป็นแอปฯ ใหม่ที่ใช่กว่าเพื่อใช้งาน ลองมาเลือกดูไปพร้อมกัน จากทั้งหมด 19 แอปพลิเคชั่นนี้ หมวด MOST INTERESTING เริ่มที่หมวดแอปฯ น่าสนใจ ยกให้ทั้งหมดจาก 5 แอปฯ นี้ ที่ทำหน้าที่หลากหลายแต่ก็เน้นเรื่องความบันเทิงตามชื่อหมวด ครบเครื่องทั้งฟังทั้งเล่น Vimage แอปพลิเคชั่น สร้าง cinemagraph ที่คุณสามารถเพิ่มสร้างแอนิเมชั่นจากภาพนิ่งได้ No Draw แอปฯ ระบายสียอดฮิต ที่ใช้งานง่ายด้วยการระบายสีลงไปในลายพิกเซล เหมาะสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ทุกคนที่ต้องการความบันเทิง Neverthink แอปฯ
ในขณะที่บ้านเรากำลังฮือฮาจากการเปิดตัว Nissan Leaf generation ที่ 2 ด้วยราคา 1.9 ล้านบาท บ้างก็ว่าราคาแพงเกินไป แต่บางคนก็เข้าใจว่าโดนกำแพงภาษีวางยามา ก็เราอยู่ในประเทศที่รัฐบาลถือหุ้นบริษัทน้ำมัน ครั้นจะให้รถพลังงานไฟฟ้าขายราคาดีเกินไปคงจะผิดหลักการทำกำไรของนักธุรกิจบางคน แต่ถ้าเห็น Nissan Leaf เวอร์ชั่นสุดโหดจากแดนอาทิตย์อุทัยที่ผ่านมือการโมดิฟายโดย Nismo มา หลายคนอาจจะลืมเรื่องราคาและคว้า Leaf มารอแต่งตามกันเลยทีเดียว หลายคนอาจไม่เคยรู้ว่า Nismo Leaf ไม่ใช่พึ่งมีครั้งนี้ครั้งแรก แต่เคยมีการจับ Leaf พลังงานไฟฟ้ามาจูนมอเตอร์ให้แรงครั้งนึงแล้วในปี 2011 ด้วยขุมพลัง 80-kilowatt AC electric motor 107 แรงม้า และแรงบิด 207 lb-ft แถมยังการันตีความเสถียรของรถ EV จากค่ายด้วยการจับแต่งเพื่อส่งลงแข่ง 24 Hours of Le Mans ครั้งที่ 79 ล่าสุด Nismo ได้เปิดตัวแรงพลังงานไฟฟ้าคันใหม่ “NISSAN LEAF NISMO RC”