ถ้าพูดถึงการ์ตูนยอดนิยมยุคนี้ไม่ว่าจะเป็น One Piece, My Hero Academia, The Promised Neverland และเรื่องอื่น ๆ อีกหลายเรื่อง แม้ว่าการ์ตูนเหล่านี้จะมีพล็อตแตกต่างกัน แต่เกือบทุกเรื่องมีคอนเซ็ปต์ที่คล้ายกันคือการผจญภัยโดยมีฉากหลังเป็นพลังมิตรภาพ ในขณะที่การ์ตูนแนวลูกผู้ชายกล้ามโตที่ไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไรมากนอกจากการต่อสู้แบบบ้าพลังแทบจะหายไปจากตลาดเลยก็ว่าได้ ซึ่งแตกต่างจากเมื่อ 20-30 ปีก่อนที่เป็นยุครุ่งเรืองของการ์ตูนแนวนี้ หลายเรื่องขึ้นหิ้งกลายเป็นตำนานที่ยังถูกพูดถึงมาจนปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น ฤทธิ์หมัดดาวเหนือ, ซามูไรพเนจร, จอเกบูลส์ รวมถึงเรื่องที่เราจะพูดถึงกันในวันนี้อย่าง ‘บากิ’ ย้อนความหลัง สำรวจเรื่องราว ‘Baki the Grappler’ หรือที่คนไทยเรียกสั้น ๆ ว่า ‘บากิ’ คือผลงานมังงะจากปลายปากกาของ Keisuke Itagaki ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี 1991 ลงในนิตยสาร Weekly Shōnen Champion ซึ่งถ้านับถึงตอนนี้มังงะเรื่องนี้ก็มีอายุกว่า 28 ปีเข้าไปแล้ว ฉบับรวมเล่มมีทั้งหมด 132 เล่ม โดยแบ่งเป็น 4 ภาค ซึ่งนี่ยังไม่นับรวมภาคย่อยที่มีอีกไม่น้อย บากิเป็นการ์ตูนที่เล่าเรื่องย่อได้ง่ายที่สุด เพราะทั้งเรื่องแทบจะไม่มีแก่นเรื่องใด ๆ เลยนอกจากการต่อสู้ ว่าด้วยเรื่องราวของเด็กหนุ่มมัธยมปลายนาม ‘ฮันมะ บากิ’ ภายนอกเขาก็ดูไม่แตกต่างจากเด็กวัยเดียวกันคนอื่น
ทุก ๆ ครั้งเมื่อมีการจัดอันดับประเทศที่ผู้คนมีความสุขที่สุด, สงบที่สุด, น่าอยู่ที่สุด เหล่าบรรดาประเทศในยุโรปตอนเหนือหรือที่เรียกกันว่า ‘สแกนดิเนเวีย’ มักจะคว้าตำแหน่งชนะเลิศไปครองเสมอ เช่นเดียวกับการจัดอันดับประเทศที่การทำงานมีความสุขที่สุดที่เราจะพูดถึงในวันนี้ ซึ่งผู้ชนะอันดับ 1 ในรายการนี้อย่างสม่ำเสมอคือ ‘ประเทศเดนมาร์ก’ ดินแดนโคนมแห่งสแกนดิเนเวีย นอกจากบรรยากาศประเทศที่น่าอยู่แล้ว Work-Life Balance ของประเทศนี้เป็นยังไงกันนะ อะไรคือสาเหตุที่คนทำงานมีความสุขที่สุด และมันแตกต่างจากบ้านเรายังไง เตรียมเสื้อกันหนาวไว้ให้ดี เพราะ UNLOCKMEN จะพาทุกคนบินลัดฟ้าสู่เดนมาร์กค้นหาคำตอบของคำถามนี้ด้วยกัน Working Hours วัฒนธรรมของประเทศเดนมาร์กนั้นให้ความสำคัญกับครอบครัวหรือชีวิตด้านอื่น ๆ ไม่น้อยไปกว่าเรื่องงาน ดังนั้นเวลาทำงานของพวกเขาจะไม่เกินวันละ 8 ชั่วโมงอย่างเด็ดขาด ซึ่งโดยเฉลี่ยผู้ชายชาวเดนมาร์กจะทำงานสัปดาห์ละ 41 ชั่วโมง ส่วนผู้หญิงอยู่ที่ 35 ชั่วโมงเท่านั้น และมีคนจำนวนเพียง 2% ของประเทศเท่านั้นที่ทำงานมากกว่า 8 ชั่วโมงต่อวัน ในขณะที่จำนวนเฉลี่ยทั่วทั้งโลกอยู่ที่ 13% ในเดนมาร์กชุดความคิดที่ว่า ‘ยิ่งคุณทำงานหนัก ทำงานนาน ผลลัพธ์ของงานที่ออกมาจะดี’ เป็นวิธีคิดที่ผิดมหันต์ พวกเขามุ่งเน้นเรื่องความสุขในการทำงานและเชื่อว่าการทำงานอย่างมีความสุข ผลลัพธ์ที่ได้จะออกมาดีโดยตัวของมันเอง นอกจากเวลาทำงานไม่ไม่มากไม่น้อยจนเกินไปแล้ว พวกเขายังได้สิทธิ์ในการลาพักร้อนยาวนานถึง 5
Pop Art คือศิลปะแขนงหนึ่งซึ่งนำเสนอเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับผู้คนทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องราวเกี่ยวกับผู้คนและสังคมในปัจจุบันที่กำลังได้รับความสนใจหรือถูกวิพากษ์วิจารณ์ในขณะนั้น เป็นเหมือนกระบอกเสียงสะท้อนภาพแท้จริงของสังคมในขณะนั้น เมื่อพูดถึง Pop Art หนึ่งในศิลปินแนวนี้ที่โด่งดังที่สุดคงหนีไม่พ้น ‘Andy Warhol’ ซูเปอร์สตาร์แห่งวงการ Pop Art ซึ่งโลดแล่นสร้างสรรค์ผลงานอยู่ในช่วงยุค 60-80 ถึงแม้ว่าในตอนนี้เขาจะไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว แต่ผลงานและเรื่องราวของเขายังถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง เหมือนที่ Henry Geldzahler ผู้ดูแล Metropolitan Museum of Art ได้ให้สัมภาษณ์ไว้ในปี 1973 ว่า “Andy จะเป็นแรงบันดาลใจให้ศิลปินรุ่นหลังไปอีกนานแสนนาน” หนึ่งใน Icon แห่งวงการศิลปะอย่าง Andy มีระบบความคิดไม่ธรรมดา วันนี้ UNLOCKMEN จึงจะพาไปสำรวจว่าวิธีการทำงานอย่างสร้างสรรค์สไตล์ Andy Warhol มีอะไรกันบ้าง ไม่แน่ว่าอาจจะมีเคล็ดลับอะไรที่เราสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับงานตัวเองได้ โดยเฉพาะสาย Creative บอกเลยว่าไม่ควรพลาด Crossbreed หนึ่งในสินค้าที่คุ้นตาชาวอเมริกันที่สุดคือซุปมะเขือเทศกระป๋องยี่ห้อ Campbell’s ส่วนหนึ่งในผลงานศิลปะชิ้นที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดของ Andy Warhol คือภาพวาดซุปมะเขือเทศกระป๋องยี่ห้อ Campbell’s เช่นกัน ถือเป็นความฉลาดและสร้างสรรค์ของ Andy ที่เลือกหยิบจับของใกล้ตัวที่ทุกคนรู้จักกันดีมาผสมผสานกับไอเดียของเขาจนเกิดเป็นผลงานศิลปะที่ตอนนี้มูลค่าของมันพุ่งสูงมากกว่า 80
ความฝันของพวกเราคือการได้ขับ Lamborghini แบบกดมิดไมล์เพื่อจะได้รับรู้ถึงอรรถรสของ Supercar อย่างเต็มที่ แม้การจะเป็นเจ้าของครอบครองมันจะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ปัจจุบันได้มีบริษัท Supercar Rental เกิดขึ้นมากมายในหลายประเทศ เช่นเดียวกับในประเทศ Dubai ชาว Middle East ที่ร่ำรวยกลางงทะเลทราย ย่อมมีบริษัทให้นักท่องเที่ยวได้เช่ารถในฝันขับมากมาย และหนึ่งในนั้นต้องพบว่าบริษัทของตัวเองโดนค่าปรับมากถึง $46,000 (1.5 ล้านบาท) จากข้อหา Speeding (ขับรถเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด) ภายใน 3 ชั่วโมงเท่านั้น เรื่องเกิดจากนักท่องเที่ยวได้ทำการเช่า Lamborghini Huracan คันงามจากบริษัทรถเช่าหรู Saeed Ali Rent A Car ซึ่งมีแต่รถ Exotic Car น่าขับทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น Ferrari 458 Spiders หรือ Audi R8 Spyder รวมถึง Lamborghini สีขาวคันที่มีปัญหานี้ด้วย ซึ่งเราพอจะเข้าใจอารมณ์คนที่นั่งใน Cockpit ของ Lamborghini ได้ดีว่ามันคงยากที่จะห้ามใจไม่ให้ซิ่งหมดไมล์บนถนนโล่ง ๆ
วงการโฆษณาต้องการสร้างสรรค์อะไรใหม่ ๆ ตลอดเวลา นอกจากไอเดียของคนคิดงานแล้ว ตำแหน่งสื่อการวางโฆษณาก็ต้องคอยหาอะไรใหม่ ๆ มานำเสนอตลอดเวลาเช่นกัน และสื่อที่สร้างสรรค์ชนะใจจนเราต้องอุทานว่า “แม่งคิดได้ไงวะเนี่ย” เป็นผลงานของ Wakino Ad Company ประเทศญี่ปุ่น ที่มองเห็นโอกาสในจุดที่ทั้งผู้หญิงและผู้ชายส่วนใหญ่ต่างแช่สายตาจ้องกันเป็นประจำอยู่แล้ว นั่นคือ “Woman’s Armpit หรือสื่อโฆษณารักแร้สาว” นั่นเอง ใช่แล้วครับ อ่านไม่ผิดแน่นอน Wakino Ad Company เลือกใช้รักแร้สาวเป็น Advertising Space ซึ่งแม้จะดูเป็นไอเดียที่ดูหลุดโลก แต่ถ้าลองคิดดูดี ๆ จะเห็นว่าตำแหน่งนี้ก็มีศักยภาพมากมายไม่น้อย จับได้ทั้ง Target ชายและหญิง เพราะปกติผู้ชายก็มองอยู่แล้ว ส่วนผู้หญิงก็นิยมสังเกตกันเองอยู่ตลอดเวลา เป็น Prime Position ที่สวยงาม ดังนั้นกลุ่มลูกค้าที่เหมาะจะซื้อ Ads ตำแหน่งนี้ได้จึงมีหลากหลาย ถ้านับลูกค้าตรงก็กลุ่ม Beauty Product โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ขจัดขนรักแร้ ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวเนียนขาว หรืออะไรก็ตามที่ต้องการอารมณ์เบา ๆ สนุก ๆ ถือว่าเข้าได้ทั้งนั้น จากรายงานคอนเฟิร์มว่าปัจจุบันมีลูกค้าสนใจอยู่มากพอสมควร
เคยสงสัยไหมว่าความหลงใหลในสิ่งตัวเองรักของคนเรามันจะไปได้สุดทางมากแค่ไหน เราจะทำให้ความชอบของเราอยู่กับเราไปได้นานแค่ไหน นานมากพอจนถึงวันสุดท้ายของชีวิตหรือเปล่า โลกใบนี้ของเรามีคน ๆ นั้นแล้ว คนที่เก็บเอาความชอบของเขาติดตัวไปจนวันสุดท้ายของชีวิตได้อย่าง “Zombie Boy” แต่น่าเสียดายที่ความสูญเสียที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้เขาเลือกที่จะบอกลาโลกใบนี้ไป UNLOCKMEN อยากจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับเขาให้มากขึ้น มากกว่าผู้ชายที่เต็มไปด้วยรอบสัก มากกว่าการเป็นนายแบบ หรือพระเอก MV มาดูกันว่ากว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ เขาต้องเดินทางผ่านอะไรมาบ้าง When I Was A Little Zombie พอจะเดากันได้บ้างแล้วว่า “Zombie Boy” เป็นเพียงนิกเนมตามรูปลักษณ์ของเขา ชื่อจริง ๆ ของเขาคือ Rick Genest เติบโตที่ Montreal, Canada ชีวิตส่วนตัวของเขาในตอนวัยรุ่นนั้นไปได้ไม่สวยสักเท่าไหร่ เขาเลือกที่จะออกจากบ้านมาใช้ชีวิตด้วยตัวเอง นอนตามพื้นที่สาธารณะ เดินทางไปไหนมาไหนด้วย Hitchhiking หรือเรียกง่าย ๆ ว่าติดรถคนอื่นเขาไปนั่นแหละ จนกระทั่งอายุ 16 เขาเริ่มสักเป็นครั้งแรก และเหมือนคนที่รักในรอยสักคนอื่น ๆ เมื่อมีรอยแรกแล้ว รอยอื่น ๆ จะตามมาเสมอ จนกระทั่งขยายไปถึงใบหน้าและทั้งศีรษะ
เชื่อว่าผู้ชายทุกคนคงเป็นแฟนการ์ตูนไม่เรื่องใดก็เรื่องหนึ่งในสมัยวัยเด็ก จนทุกวันนี้หนังสือการ์ตูนได้กลายมาเป็น 1 ในป๊อปคัลเจอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองที่การ์ตูน ได้แพร่หลายไปสู่ศิลปะ วัฒนธรรม และสื่อกระแสหลักทั่วทุกแห่ง จากที่พักน่าทึ่งหลากหลายประเภทจาก Booking.com ในฐานะผู้นำระดับโลกด้านการเชื่อมโยงผู้เดินทาง จากที่สำรวจที่พักกว่า 28 ล้านรายการจากจุดหมายกว่า 130,000 แห่งทั่วโลก UNLOCKMEN ได้คัดสรร 8 ที่พักแปลกใหม่ที่ตกแต่งโดยอิงตัวละครโปรดจากการ์ตูนชื่อดังที่เติบโตมาพร้อมกันกับเรามาให้ได้ลองไปสำรวจกัน Eden Exoticism Planet เกาสง ไต้หวัน Eden Exoticism Planet เป็นโมเทลที่อยู่ไม่ไกลจากตลาดกลางคืนรุ่ยเฟิงและสามารถเดินไปถึงได้ในเวลาไม่นานจากตลาด ที่พักที่มีเอกลักษณ์แห่งนี้โดดเด่นด้วยห้องพักที่ตกแต่งตามธีม รวมถึงห้องสวีทที่ได้รับแรงบันดาลใจ มาจากหนึ่งในซูเปอร์ฮีโร่สุดฮิตจากการ์ตูนค่ายดีซีคอมมิคส์ สัมผัสความรู้สึกที่เหมือนได้เป็นบรูซ เวย์น ในห้องสุดหรูที่ตกแต่งโทนสีมืดดูลึกลับ และยังมีทั้งโปสเตอร์ โลโก้ และสัญลักษณ์ของตัวการ์ตูนชื่อดังให้คุณได้ตื่นตาตื่นใจ Universal’s Loews Portofino Bay Hotel ออร์ลันโด สหรัฐอเมริกา อายุไม่ใช่อุปสรรคในการเพลิดเพลินกับตัวการ์ตูน ตัวอย่างง่าย ๆ ก็คือห้องสวีทสำหรับเด็กในธีมมิสเตอร์แสบ ร้ายเกินพิกัด (Despicable Me) ที่ Universal’s Loews
“เบียร์มันขม พวกมึงกินกันไปได้ยังไงวะ” คือประโยคหนึ่งในวงเหล้าที่เป็นที่มาของการควานหาเรื่องเล่าเกี่ยวกับเบียร์มาเล่าสู่กันฟังในครั้งนี้ อันที่จริงผู้เขียนไม่เคยตั้งข้อสงสัยกับรสชาติขมที่มีในเบียร์ เพราะชื่นชอบรสขมกับระดับความเมาที่น้อยกว่าการกินเหล้าเป็นทุนอยู่แล้ว ยิ่งริน ยิ่งคุย ยิ่งเฮ แต่พอมาคิดตามคำที่เพื่อนหรือสาว ๆ พูดก็น่าสนใจ เมื่อเบียร์มันเกิดขึ้นมานานกว่าหลายพันปี รสชาติ “ขมเข้ม” คนโบราณเขาควรจะคิดว่ามันเป็นยาพิษมากกว่าเป็นของที่นำมาดื่มกินได้หรือเปล่า สุดท้ายคำถามนี้มันนำมาสู่คำตอบที่บอกได้เลยว่า น่าทึ่ง เพราะเราเองก็ยังไม่เคยรู้มาก่อนหลายเรื่อง และหวังว่าเรื่องนี้จะสามารถไขข้อกระจ่างให้เอาไปเล่าต่อหรือตอบคำถามในวงเบียร์ได้ว่า “ทำไมพวกเราถึงกินเบียร์” “เบียร์แก้วแรกของโลกมันไม่ขม” เชิญพูดใส่หน้าเพื่อนรักของเราที่หันมาถามว่าคนเขากินไปได้ยังไงได้ทันที เพราะที่มาของความขมในเบียร์มันมาจาก “ดอกฮอปส์” ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากการคิดค้นเบียร์มาแล้วราว 2,000 ปี ดังนั้น เบียร์แก้วแรกที่อุบัติขึ้นในโลกใบนี้มันเลยไม่ขม คนเขาก็เลยกินกัน แล้วเรายังสามารถต่อยอดด้วยการหันไปบอกเพื่อนได้ว่าเบียร์ไม่ขมมันก็มีให้เลือกดื่ม ลองดูก่อนแล้วจะติดใจ เบียร์จัดเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประเภทแรกของโลกที่คิดค้นขึ้นโดยชาวบาบิโลเนียน อายุขัยของการคิดค้นเบียร์เล่าแบบหลวม ๆ เรื่องตัวเลขว่าเกิดขึ้นมาเป็นหลักพันปีแล้วจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ซึ่งตามข้อมูลที่สืบค้นมาหลายแหล่งระบุตัวเลขไว้แตกต่างกันตั้งแต่ 3,000 ปีไปจนถึง 8,000 ปีเลยทีเดียว เบื้องหลังของเบียร์ขวดแรกว่ากันว่าเกิดขึ้นจากชาวนาคนหนึ่งที่บังเอิญไปชิมน้ำที่ทำขนมปังตกใส่สักระยะ (เหมือนบ่มโดยบังเอิญ) แล้ว…บูม! เกิดเป็นเบียร์โบราณขึ้นตอนนั้น เบียร์ไม่ใช่เรื่องของผู้ชาย ไม่ใช่แค่เรื่องการเกิดที่เกิดจากการกินอะไรแผลง ๆ ของคนโบราณอย่างเดียวที่น่าสนใจ แต่ประวัติศาสตร์ยังบันทึกไว้ด้วยว่าที่มาของรสชาติขมเฉพาะตัวของเบียร์มันเกิดจากผู้หญิง แถมสาวคนที่ใส่ดอกฮอปส์ลงในเบียร์ครั้งแรกยังเป็นแม่ชีอีกต่างหาก โดยแม่ชีท่านนี้บันทึกการสนับสนุนให้ไส่ดอกฮอปส์ลงในเบียร์ไว้ในหนังสือด้านสุขภาพของเธอตั้งแต่ราว ค.ศ.
มีคนจำนวนหลายล้านคนทั่วโลกได้ดูคลิป Bruce Lee ที่สุดของตำนานแห่งกังฟูจีนฝึกซ้อมด้วยการใช้กระบองสองท่อน Nunchucks วาดลวดลายสุดเทพจนเราต้องอ้าปากค้าง ไม่ว่าจะเป็นการใช้กระบองสองท่อนตีปิงปองอย่างเหนือชั้น เอาชนะนักปิงปองที่แม้จะใช้จำนวน 2 คนก็ยังต่อกรกับ Bruce Lee ไม่ได้ ต่อด้วยการให้คนโยนไม้ขีดใส่ โดย Bruce Lee สามารถใช้กระบองสองท่อนหวดอย่างแม่นยำจนไฟติดไม้ขีดทุกดอกได้ ในภาพฟิลม์ที่ดูเก่าแก่ เสียงและท่าทางที่ดูเป็นธรรมชาติ บวกกับชื่อเสียงตำนานความยิ่งใหญ่ของ Bruce Lee ยิ่งทำให้ทุกอย่างดูน่าเชื่อถือจนไม่มีข้อสงสัย เผื่อใครยังนึกไม่ออก เรากำลังดูถึงคลิปด้านล่างนี้อยู่ตั้งแต่นาทีที่ 0:55 เป็นต้นไป เชื่อว่าถึงตอนนี้ หลายคนก็ยังคงดูสกิลการตีปิงปองและหวดไม่ขีดไฟที่น่าอัศจรรย์ของ Bruce Lee วนไปวนมาด้วยความตะลึง ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร แต่เราคิดว่าน่าจะดีกว่าถ้าเราจะรู้ข้อเท็จจริงของคลิปที่ว่านี้เอาไว้ด้วย เพราะที่จริงแล้วนี่ไม่ใช่คลิปการฝึกของ Bruce Lee ที่แท้จริง แต่เป็นคลิป Viral Video ที่ยอดเยี่ยมสำหรับโฆษณาโทรศัพท์มือถือ Nokia N96 Limited Edition Bruce Lee ผลงานของบริษัทโฆษณา JWT Beijing ตั้งแต่ปี 2008 หรือเป็นเวลามากกว่า 40
เจอรถติดใช่มั้ย ไม่เป็นไร เพราะมันไม่ใช่ปัญหาของ taxi คันนี้ (ที่จริงต้องใช้คำว่าลำนี้) ท่ามกลางความเดือดของการแข่งขันด้าน Flying Taxi หรือรถบินได้ ที่มีทั้งบริษัทใน Dubai และทาง Uber ดูจะเป็นผู้นำหน้าเทคโนโลยีอยู่ในขณะนี้ ทางด้าน Rolls-Royce Holdings plc บริษัทผู้ผลิตเครื่องยนต์เครื่องบินชั้นนำของโลกที่เรานั่งโดยสารกันอยู่ในปัจจุบัน (เครือเดียวกับ Rolls-Royce Motor Cars ผู้ผลิตยนตรกรรมสุดหรูราคาแพงระยับจากอังกฤษ) ได้ทำการประกาศศักดาลุยธุรกิจสายใหม่ เปิดตัว Hybrid Flying Taxi ในงาน Farnborough International Airshow 2018 Flying Taxi ลำนี้มีรหัสเรียกขานว่า Electric Vertical Take-off and Landing (EVTOL) หรือ “อากาศยานพลังงานไฟฟ้าที่บินขึ้นลงได้ในแนวดิ่ง” สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ 4-5 คน ทำความเร็วได้ประมาณ 400 กม. ต่อชั่วโมง ชาร์จไฟเต็มหนึ่งครั้งสามารถบินได้ไกลราว 800