เมื่อพูดถึงเรือนเวลาคุณภาพสูงที่สะท้อนจิตวิญญาณอเมริกันออกมาได้อย่างชัดเจน แน่นอนว่า Hamilton แบรนด์นาฬิกาซึ่งก่อตั้งขึ้นที่เมืองแลงคาสเตอร์ รัฐเพนซิลวาเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ในปี 1892 คือชื่อแรกที่ผู้หลงใหลในเรือนเวลาต่างนึกถึง กับชื่อเสียงเรื่องมาตรฐานการบอกเวลาที่แม่นยำ พร้อมเสน่ห์ของการผสานจิตวิญญาณแห่งความเป็นอเมริกันเข้ากับความเที่ยงตรงตามแบบฉบับของนาฬิกาสัญชาติสวิส จนได้รับความไว้วางใจให้มีบทบาทในช่วงเวลาสำคัญของประวัติศาสตร์การบินมาอย่างยาวนาน ด้วยเกียรติประวัติการได้รับเลือกให้เป็นนาฬิกาที่ใช้งานบอกเวลาอย่างเป็นทางการของเที่ยวบินไปรษณีย์สหรัฐอเมริกา อีกทั้งยังมีส่วนร่วมในความสำเร็จของเที่ยวบินปฐมฤกษ์ในเส้นทางการบินเชื่อมระหว่างสองชายฝั่งของสหรัฐฯ นอกจากภาพลักษณ์ของเรือนเวลาที่เกี่ยวข้องกับวงการการบินอย่างแนบแน่น นาฬิกา Hamilton ยังได้รับการขนานนามให้เป็น The Movie Brand ที่สะท้อนภาพวัฒนธรรมความเท่แบบคลาสสิกสไตล์อเมริกันสู่สายตาชาวโลกได้อย่างน่าประทับใจ ยืนยันได้จากการที่นาฬิกาหลายต่อหลายรุ่นของ Hamilton ได้ไปอวดโฉมอยู่ในภาพยนตร์ Hollywood ระดับ Blockbuster มาแล้วมากมายกว่า 500 เรื่อง และต้องบอกว่าหนึ่งในเรือนเวลายอดนิยมตลอดกาลจาก Hamilton ที่บรรดาผู้นิยมในสไตล์ American Classic ต่างโปรดปราน คือตำนานนาฬิกา Chronograph ชื่อเรียบง่าย ที่เปิดตัวมาพร้อมกัน 2 รุ่นอย่าง Chronograph A และ Chronograph B ซึ่งหลายคนน่าจะรู้จักกันดีในชื่อ Hamilton Panda และ Hamilton Reverse Panda
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าชื่อชั้นกิตติศัพท์ในเรื่องคุณภาพ รวมถึงชื่อเสียงด้านนวัตกรรมการบอกเวลาที่เที่ยงตรงแม่นยำ คือสิ่งตอกย้ำภาพเรือนเวลาแห่งความภาคภูมิใจของชาวเอเชียให้กับแบรนด์ Seiko (ไซโก) ได้เป็นอย่างดี และต้องบอกว่าเกียรติประวัติเหล่านี้ใช่ว่าจะได้มาง่าย ๆ ในระยะเวลาอันสั้น แต่มันเกิดขึ้นจากประสบการณ์ที่ถูกสั่งสมพัฒนามาอย่างต่อเนื่องยาวนานเป็นเวลากว่า 140 ปี นับตั้งแต่วันแรกที่ Seiko ได้ถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1881 โดย Kintaro Hattori (คินทาโร ฮัตโตริ) ชายหนุ่มวัย 21 ปี ที่นำเอาความตั้งใจ ความรักและความหลงใหลในกลไกบอกเวลามาใช้เป็นแรงผลักดันในการรังสรรค์นาฬิกาคุณภาพสูงจนก้าวขึ้นมาเป็นบริษัทนาฬิกาชั้นนำในญี่ปุ่น เป็นศูนย์กลางในการออกแบบและมีโรงงานผลิตเป็นของตัวเอง ตลอดระยะเวลา 50 ปีแรกภายใต้การคุมหางเสือของ Kintaro Hattori คือรากฐานสำคัญในการพาชื่อ Seiko ทะยานสู่ความเป็นแบรนด์นาฬิกาอันดับต้น ๆ จากอดีตจนถึงปัจจุบัน และถือเป็นความสำเร็จที่ต่อยอดมาจากวิสัยทัศน์เพียงหนึ่งเดียวที่เขายึดมั่น นั่นคือ “One step ahead of the rest” หรือ “การที่ต้องนำหน้าคู่แข่งอยู่ 1 ก้าวเสมอ” โดยคำกล่าวของ Kintaro Hattori ได้ฝังรากลึกอยู่ในจิตวิญญาณของแบรนด์ และเป็นแรงบันดาลใจในการทำงานของ
หากเอ่ยถึง ‘ทองหล่อ‘ คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะนึกถึงพื้นที่ที่มีสีสันที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ พื้นที่ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงแค่จุดศูนย์รวมแหล่งไลฟ์สไตล์อันหลากหลายเอาไว้บนถนนเส้นนี้เส้นเดียว แต่ยังเป็นพื้นที่สำหรับการอยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ความต้องการของคนเมืองได้เป็นอย่างดี และในวันนี้คอลัมน์ Masterpiece จะพาชาว UNLOCKMEN ทุกท่านไปพบกับ Noble Form Thonglor (โนเบิล ฟอร์ม ทองหล่อ) คอนโดมิเนียมระดับ Flagship โครงการใหม่ล่าสุดใจกลางทองหล่อ ที่รวมเอาฟอร์มต่าง ๆ ที่โดดเด่น ผสานไว้เป็นฟอร์มเดียวที่เป็นได้ทั้งที่อยู่อาศัยและพื้นที่ใช้ชีวิต ในราคาเริ่มต้นเพียง 6.5 ล้านบาท เรียกได้ว่าคุ้มค่าที่สุดในพื้นที่ Prime Location อย่างทองหล่อ ซึ่งเราขอทำการ Grouping รวมเป็น 3 จุดเด่นซึ่งถือเป็นประเด็นสำคัญ ที่ทำให้โครงการนี้เหมาะเหลือเกินสำหรับใครที่กำลังมองหาที่อยู่ทำเลดี และคุ้มค่าที่สุดในย่านทองหล่อ ตลอดเส้นทางประมาณ 2.4 กิโลเมตรของซอยทองหล่อ หรือถนนสุขุมวิท 55 หากแบ่งพื้นที่ออกเป็นโซนต่าง ๆ จะพบว่าแต่ละโซนนั้นมีความแตกต่างของสภาพแวดล้อมที่ค่อนข้างชัดเจน ซึ่งในช่วงต้นซอยฝั่งสุขุมวิทแม้จะอยู่ติดกับรถไฟฟ้าแต่ก็ยังเป็นพื้นที่ของบ้านเรือน ชุมชนเก่า ร้านค้าดั้งเดิมที่เปิดมาแล้วหลายสิบปี แต่สำหรับภาพจำของซอยทองหล่ออย่าง สีสัน ความทันสมัย รวมถึงความเป็นแหล่งไลฟ์สไตล์ระดับไฮเอนด์ที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็น Community Mall, ร้านสินค้าแฟชั่นแบรนด์เนม, ร้านเฟอร์นิเจอร์ของแต่งบ้าน, ซูเปอร์มาร์เก็ต, แหล่งแฮงเอาท์อย่าง
เชื่อว่าหนุ่ม ๆ คอทองแดงทั้งหลาย ล้วนเคยผ่านการดวลเดือดบนสมรภูมิแอลกอฮอล์มาแล้วมากมายนับครั้งไม่ถ้วน และคงมีจำนวนไม่น้อยที่ได้ประสบพบเจอกับประสบการณ์ภาพตัด ตื่นเช้ามาด้วยอาการ “เอ๊ะ กูกลับบ้านยังไง?” กันมาแล้ว จนกลายเป็นที่มาที่ทำให้เราอยากคลายความสงสัยให้กับชาว UNLOCKMEN ว่าจริง ๆ แล้ว คนหนึ่งคนจะสามารถต่อกรกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้มากมายขนาดไหน สุดเหวี่ยงได้มากเท่าไหร่ถึงจะไม่ต้องเจอกับอาการภาพตัดหลับพับไปแบบไร้ฟอร์ม ซึ่งแน่นอนว่าการวัดลิมิตความเมา คงไม่ใช่การไปถามเจ้าตัวว่าเมารึยัง? เป็นแน่แท้ เพราะไม่ว่าจะถามนักดื่มคนไหน หรือแม้แต่ถามตัวเอง ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยมีใครยอมรับหรอกว่าตัวเองเมาแล้วจ้า ดังนั้นการวัดระดับความเมาจึงต้องอ้างอิงจากปริมาณความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดหรือ BAC (Blood Alcohol Concentration) ซึ่งสามารถวัดได้จากเครื่องเป่าที่เจอตามด่านตรวจ แต่ทีมดื่มไม่ขับ เมาแบบรับผิดชอบอย่างเรา ๆ คงไม่มีโอกาสโดนจับเป่าคาด่าน แต่ถึงกระนั้นก็ยังสามารถโหลดแอพฯ ในมือถือมาคำนวณปริมาณ BAC ได้เช่นกัน โดยวิธีการทำงานของแอพฯ จำพวก BAC Calculator จะคำนวณจากตัวแปรต่าง ๆ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้ค่า BAC ของแต่ละคนไม่เท่ากัน แม้จะมีการดื่มในจำนวนที่เท่า ๆ กันก็ตาม ซึ่งตัวแปรหลัก ๆ ก็จะมีทั้งเพศ, อายุ, น้ำหนัก, ระยะเวลาในการดื่ม, ความถี่ในการดื่มต่อชั่วโมง,
หากให้หยิบยกเอาเรื่องของนาฬิกาดำน้ำรุ่นเด่นจาก SEIKO มาพูดคุยกัน เชื่อเหลือเกินว่าบรรดาสาวกทั้งหลายคงใช้สมญานามหรือชื่อเล่นแทนตัวของแต่ละรุ่น ไม่ว่าจะเป็น เต่า, มอนสเตอร์, ซูโม่, ซามูไร ไปจนถึงระดับจอมทัพอย่าง ‘โชกุน (Shogun)’ มาสนทนากันอย่างออกรส ชนิดที่ว่าคนวงนอกฟังแล้วอาจมีอาการงง พาลฟันธงไปว่ากำลังคุยเรื่องมังงะกันอยู่เป็นแน่แท้ ซึ่งต้องบอกว่าพวกเขาเหล่านั้นไม่ได้คุยกันเรื่องการ์ตูน หรือหนังแฟนตาซีอะไรอย่างที่เข้าใจกัน แต่ต้องอธิบายว่าชื่อเล่นมากมายที่ถูกใช้ในการขนานนามนาฬิกาเรือนโปรด นั้นถูกนำมาจากจุดเด่นของรูปลักษณ์งานดีไซน์ในแต่ละรุ่น ยกตัวอย่างเช่น SEIKO โชกุน คือชื่อเล่นที่ถือกำเนิดขึ้นมาพร้อมกับ SEIKO PROSPEX รุ่น SBDC007 ที่โดดเด่นด้วยภาพลักษณ์ความแข็งแกร่งของโลหะที่ใช้ ซึ่งก็คือวัสดุไทเทเนียมที่มีน้ำหนักเบาและมีความทนทานสูง เปรียบได้กับชุดเกราะที่โชกุน หรือเจ้าของตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดในสมัยก่อนสวมใส่ในยามออกรบ และไม่ใช่เพียงแค่วัสดุที่ทำให้ได้มาซึ่งสมญานามโชกุน แต่งานดีไซน์ในส่วนต่าง ๆ ยังสะท้อนจิตวิญญาณชุดเกราะของจอมทัพออกมาอย่างได้ชัดเจน ทั้งในส่วนของ Pointed Markers บนขอบหน้าปัดที่ดูแข็งแกร่ง และ Triangular Notches ที่ออกแบบเพื่อให้หมุนขอบตัวเรือนได้อย่างกระชับ มั่นคง แม่นยำ ตอกย้ำให้ผู้ที่ได้สวมใส่นาฬิกาเรือนนี้รู้สึกได้ว่าความแกร่ง ผสานกับความประณีต รวมถึงน้ำหนักที่เบาของวัสดุไทเทเนียม นั้นควรค่าที่จะเป็นชุดเกราะคู่ใจของโชกุนผู้เกรียงไกร จนกลายเป็นที่มาของชื่อ ‘โชกุน’ นาฬิกาดำน้ำที่เบาที่สุดจาก SEIKO ที่หลายคนยกให้เป็นตำนาน โดยเหตุผลที่ได้กลายเป็นตำนานนั้น
หลังจากเปิดตัวกันไปสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อช่วงกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา กับ Samsung Galaxy S21 Series สมาร์ทโฟนระดับเรือธงโหดสุดในตระกูล Galaxy ณ ตอนนี้ ที่เราเชื่อว่าใครหลายคนต่างเฝ้ารอ และ TOYS FOR BOYS : UNBOX ก็ไม่พลาดที่จะนำเอาเจ้า Samsung Galaxy S21 Ultra 5G รุ่นพี่ใหญ่ท็อปสุดของซีรีส์ มาแกะกล่องทดลองฟีเจอร์เด็ดทั้งหลาย ว่ามันมีอะไรที่น่าสนใจกันบ้าง แถมท้ายด้วยการเทียบสเปคกับน้องเล็ก Galaxy S21 ให้พอได้รู้เป็นข้อมูลคร่าว ๆ ว่ามันมีอะไรที่แตกต่างกันบ้าง UNBOX เริ่มต้นที่การแกะกล่องกันตามธรรมเนียม สังเกตได้ว่า Samsung Galaxy S21 Ultra 5G มาพร้อมกล่องบางเฉียบ และเมื่อเปิดกล่องออกดูก็พบว่าเป็นไปตามข่าวลือก่อนหน้าที่ว่ากันว่ารอบนี้ Samsung จะไม่แถมหัวชาร์จ และหูฟังมาให้อีกต่อไป ในกล่องจึงคงไว้แค่ตัวเครื่อง (อันนี้ไม่มีไม่ได้), เข็มจิ้มถาดซิม และสายชาร์จ Type
“จงกลัวเวลาที่คนอื่นกำลังโลภ จงโลภเวลาที่คนอื่นกลัว” คำกล่าวอมตะของ Warren Buffet คือหนึ่งในวิธีคิดหลัก ๆ ที่นำพาให้ตัวเขากลายมาเป็นมหาเศรษฐีนักลงทุนที่ทุกคนรู้จักในปัจจุบัน แต่ใจความสำคัญนั้นไม่ใช่เพียงแค่การลงทุนแบบสวนกระแส แต่ต้องยึดหลักเหตุผลเรื่องมูลค่าจริงของสินทรัพย์ที่ต้องการลงทุน โดยไม่ปล่อยให้อารมณ์ความกลัว หรือความโลภของตลาดมารบกวนการตัดสินใจ และสุดท้ายก่อนจะลงทุนกับอะไรคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะศึกษาข้อมูลจุดอ่อน จุดแข็ง โอกาสในการสร้างผลตอบแทนให้ครบรอบด้าน ที่เราเกริ่นถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เหตุเป็นเพราะหลายคนคงรู้กันดีว่าสถานการณ์และบรรยากาศ ณ ตอนนี้ ดูจะไม่เอื้ออำนวยต่อธุรกิจการลงทุนสักเท่าไหร่ แต่หากนำคำกล่าวของ Warren Buffet มาลองพินิจพิเคราะห์พิจารณาอย่างถี่ถ้วนในของแง่นักลงทุน ช่วงเวลาวิกฤติ COVID-19 ที่ผู้คนส่วนใหญ่กำลังหวาดกลัวและไม่มั่นใจกับสถานการณ์ในปัจจุบันแบบนี้ ถือเป็นจังหวะที่ดีที่จะมองหาโอกาสการลงทุนใหม่ ๆ และใครเล่าจะคิดว่าธุรกิจภาคอสังหาฯ ที่กำลังซบเซา จะมี Investment Property โปรเจกต์ใหม่ผุดขึ้นมาพร้อมจุดแข็งที่น่าสนใจในการลงทุนช่วง COVID-19 กับทำเลศักยภาพที่มีความต้องการด้านที่อยู่อาศัยในระดับสูงโดยแทบไม่ต้องพึ่งพาอานิสงส์จากการท่องเที่ยวซึ่งกำลังน่วมจากพิษ COVID แต่อย่างใด กับ ‘The Hampton Suites’ by Origin Property x DUSIT International การร่วมมือครั้งแรกของสองยักษ์ใหญ่ กับ Serviced Residences 5 ดาว ใจกลางศรีราชา ทำเล
สำหรับชาว UNLOCKMEN ที่เน้นใช้จ่ายผ่านบัตร นอกจากจะมีเหตุผลหลักเรื่องความสะดวกสบาย และความปลอดภัยกับการที่ไม่ต้องพกเงินสดมากมายในยามที่ต้องเดินทางไปไหนมาไหน เราเชื่อว่าอีกสิ่งหนึ่งที่ทุกคนให้ความสำคัญคงหนีไม่พ้นเรื่องของสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ซึ่งถือเป็นประเด็นหลักที่ส่งผลต่อการตัดสินใจเปิดบัตรใหม่มาใช้งานกันสักใบหนึ่ง หลังจากได้ทำการเปรียบเทียบบัตรหลาย ๆ ใบที่ให้สิทธิพิเศษที่น่าสนใจมากสำหรับไลฟ์สไตล์พวกเรา วันนี้บอกเลยว่าสิทธิพิเศษจากชาร์จการ์ดอย่าง บัตรแพลทินัมเมทัลจากอเมริกัน เอ็กซ์เพรส นั้นจัดหนักจัดเต็มความ Privilege ซึ่งเรียกได้ว่าครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ผู้ชายอย่างแท้จริง และเมื่อย่างเข้าศักราชใหม่แบบนี้ ก็ถึงเวลาที่จะมาอัพเดท Benefit ใหม่ ๆ ว่าในปี 2021 นี้ บัตร Amex Platinum จะจัดสิทธิประโยชน์อะไรมาให้เหล่าสมาชิกได้ใช้เอกสิทธิ์เหนือระดับแบบคุ้มเม็ดเงินในทุกยอดใช้จ่าย ช่วยเติมเต็มไลฟ์สไตล์ทั้งเรื่องกิน เรื่องบิน เรื่องเที่ยว ได้อย่างไรบ้าง เริ่มต้นด้วยความพิเศษแรก กับมื้ออาหารรสเลิศจากห้องอาหารชั้นนำ ที่มาพร้อมเอกสิทธิ์พิเศษเฉพาะเจ้าของบัตร Amex Platinum เท่านั้น รับบัตรกำนัลรับประทานอาหารมูลค่า 17,000.- บาท ในโรงแรมชั้นนำ ได้แก่ – บัตรกำนัล 1,000.- บาท จำนวน 5 ใบ ที่ห้องอาหาร Liu, Conrad Bangkok –
หากจะให้พูดถึงบิ๊กสกู้ตเตอร์ยอดนิยมในเมืองไทย ชื่อแรกที่หลายคนนึกถึงคงหนีไม่พ้น FORZA จากจักรยานยนต์ฮอนด้า นับตั้งแต่การเปิดตัว FORZA 300 เมื่อปี 2556 นับเวลารวมกว่า 8 ปี ที่ FORZA ได้เบิกฤกษ์เปิดตลาดสกู้ตเตอร์ขนาดใหญ่ด้วยกระแสตอบรับที่ดีเสมอมา จนมาถึงโมเดลล่าสุดอย่าง All-New FORZA 350 ก็ยังคงร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง คว้าตำแหน่งยอดจองสูงสุดจากงาน Motor Show 2020 ที่ผ่านมา แต่ต้องบอกว่าความพิเศษนั้นยังไม่ได้หยุดแค่ความแรงจากเครื่องยนต์ใหม่, ดีไซน์ใหม่ หรือฟีเจอร์มากมายที่อัดแน่น แต่ทางจักรยานยนต์ฮอนด้ายังได้ส่ง Honda FORZA 350 Roadsync Edition รุ่นที่อัพเกรดความสามารถล้ำ ๆ ซึ่งตอบโจทย์สิงห์มอเตอร์ไซค์ยุค 5G ให้ขับขี่ปลอดภัยสะดวกสบายไม่พลาดทุกการสื่อสารอย่างแท้จริง ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า Honda FORZA 350 Roadsync Edition นั้นได้พัฒนาขึ้นจากพื้นฐานความสดใหม่ของ All-New FORZA 350 มาครบทุกคุณสมบัติหลักของ All-New FORZA 350 ซึ่งยกเครื่องใหม่จาก FORZA
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าการรุกรานของ COVID-19 ทำให้เราทั้งหลายได้พบเจอกับข้อดีมากมายจากการทำงานอยู่บ้าน หรือ Work From Home แต่ในขณะเดียวกันก็มีข้อเสียอีกไม่น้อยซ่อนอยู่ ยกตัวอย่างเช่นการไม่ต้องรีบเดินทางไปทำงานตั้งแต่เช้าก็ถือเป็นเรื่องดีที่ทำให้มีเวลาให้นอนต่ออีกนิด แต่เวลานอนมากขึ้นนั้นทำให้หลายคนกลับต้องประสบปัญหาการนอนหลับเนื่องจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปหลังจาก Work From Home ด้วยเหตุที่ว่าเตียงนอนดูดวิญญาณมันดันอยู่ในระยะทำการ ที่พร้อมให้พุ่งตัวไปนอนเมื่อไหร่ก็ได้ โดยที่มีคำว่า ‘Power Nap’ หรืองีบเอาแรงสักหน่อยเป็นข้ออ้าง จนทำให้งีบไปงีบมาสุดท้ายกลายเป็นว่ากลางวันก็ไม่สดชื่น แถมกลางคืนก็ไม่สามารถข่มตาหลับได้ซะอย่างนั้น จากปัญหานี้ทำให้หลายคนกลับมาตั้งคำถามกันอีกครั้งว่าจริง ๆ แล้วการงีบหลับช่วงกลางวัน มันคือการ Power Nap ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน หรือเป็นตัวทำลายนาฬิกาชีวิตจนส่งผลให้เกิดปัญหานอนไม่หลับกันแน่ ซึ่งข้อสงสัยนี้ถูกไขให้กระจ่างโดย Dr. Roxanne J Prichard, Professor of Neuroscience and Psychology จาก University of St. Thomas ที่ได้เปิดเผยถึงประโยชน์ของการงีบหลับว่า “ความเหนื่อยล้าอันหนักหน่วงจนร่างกายส่งสัญญาณอาการง่วงออกมานั้น ไม่มีวิธีแก้วิธีไหนที่จะดีไปกว่าการนอนหลับให้รู้แล้วรู้รอดไป” “และสำหรับใครที่ไม่มีเวลานอนหลับมากมาย เพราะยังมีงานอีกหลายชิ้นให้ต้องเคลียร์ การงีบหลับถือเป็นทางออกที่น่าสนใจ แม้มันจะไม่ได้ประสิทธิผลเท่ากับการนอนหลับตามปกติในเวลากลางคืน แต่การหาเวลา Nap Sleep คือวิธีฟื้นฟูสมองและร่างกายให้กลับมา