ถ้ายังพอจำกันได้ เราเคยพาผู้อ่าน UNLOCKMEN ทุกท่าน ไป Explore ร้านเด็ดน่านั่งในละแวกจตุจักรเพื่อเป็น Lifestyle Destination แห่งใหม่ในการพักผ่อนหย่อนใจด้วยการ กิน ดื่ม สังสรรค์ ซึ่งจริง ๆ แล้วนั่นยังนับเป็นจุดเด่นแค่ด้านเดียวที่ทำให้ชาวจตุจักรนั้นมีวิถีชีวิตที่พูดกันตรง ๆ ไม่อ้อมค้อม คือโคตรน่าอิจฉา เพราะต้องยอมรับว่ายังมีปัจจัยอีกหลายด้านที่เป็นเหมือนป๋าดัน ส่งให้พื้นที่ในย่านนี้เป็นพิกัดที่มีความพร้อม ตอบโจทย์รูปแบบชีวิตของคนเมืองได้เป็นอย่างดี ไม่ใช่เพียงแค่แหล่งแฮงค์เอ้าท์ ที่แวะเวียนมาชั่วคราวแล้วแยกย้าย แต่เป็นพื้นที่ซึ่งเหมาะจะปักหลักใช้ชีวิต เป็นพื้นที่ซึ่งพร้อมเป็นแหล่งพักพิงให้คนเมืองอย่างเรา ๆ ได้กลับมาชาร์จพลัง เพื่อออกไปผจญกับชีวิตที่เร่งรีบวุ่นวายในทุก ๆ วัน ซึ่งไลฟ์สไตล์ที่ทำให้ชาวจตุจักรเป็นกลุ่มคนที่น่าอิจฉา รวมถึงเป็นจุดเด่นที่ทำให้บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ เลือก พัฒนาโครงการคอนโด M JATUJAK ขึ้นมาในพื้นที่นี้ หลัก ๆ คงหนีไม่พ้นประเด็นสำคัญที่โดดเด่นกระแทกใจคนเมืองอย่างเรา ๆ นั่นก็คือ เรื่องของการเดินทาง ด้วยทำเลที่เรียกว่าเป็น HUB ของการเดินทางก็ว่าได้ กับพิกัดที่มีรถไฟฟ้าถึง 2 สายทั้ง BTS สถานีหมอชิต และ
คงต้องยอมรับถึงเทรนด์วิถีชีวิตล้ำ ๆ แห่งอนาคต ซึ่งกำลังก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างออกมาให้เห็นเป็นเทคโนโลยีที่ชัดเจนจับต้องได้ในปัจจุบัน ว่า ณ ตอนนี้ไม่น่าจะมีอะไรโดดเด่นไปกว่าเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ที่เขยิบมาเข้าใกล้ชีวิตประจำวันของมนุษย์เราขึ้นทุกที ผ่านรูปแบบของผู้ช่วยอัจฉริยะที่รองรับการสั่งงานด้วยเสียง อารมณ์เดียวกับที่อัจฉริยะมหาเศรษฐีปากดีขี้โอ่อย่าง Tony Stark (aka Iron Man) นั้นสั่งการ JARVIS ให้ช่วยงานต่าง ๆ ทั้งงานราษฎร์ งานหลวง แบบครอบจักรวาล ซึ่งระบบสั่งงานด้วยเสียงที่พวกเราคุ้นเคยกันดี และกำลังมีบทบาทสำคัญในวิถีชีวิตมนุษย์ยุคปัจจุบัน นอกจากระบบผู้ช่วยอัจฉริยะรองรับคำสั่งเสียงอย่าง Siri จาก Apple, Google Now จาก Google และ Cortana จาก Microsoft ที่มีไว้ให้พวกเราได้เอ่ยปากเจรจาถามไถ่ข้อมูล รวมถึงช่วยจัดการงานต่าง ๆ แล้ว ยังมีอีกหนึ่งยักษ์ใหญ่ที่กำลังร้อนแรงแห่งซิลิคอนวัลเลย์อย่าง Amazon ที่ได้ลงมาลุยเต็มตัว เพื่อผลักดันวิถีชีวิตสะดวกสบาย จัดการชีวิตง่าย ๆ แค่เปล่งเสียงให้ความเป็นรูปธรรมชัดเจนขึ้น ด้วยระบบ Alexa ที่มีให้ใช้งานในลำโพง Amazon Echo รวมถึงอุปกรณ์อื่น
อาชีพ โอกาส ความทันสมัย ความสะดวกสบาย สิ่งเหล่านี้คือเหตุผลหลัก ๆ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้กรุงเทพฯ เมืองฟ้าอมร เปรียบเสมือนจุดหมายปลายทางของความฝัน เป็นจุดศูนย์รวมของคนรุ่นใหม่มากมายหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นคนพื้นถิ่นชาวกรุงโดยกำเนิด รวมถึงผู้คนจากทั่วทุกสารทิศ ที่เข้ามาใช้ชีวิตไล่ล่าความสำเร็จร่วมกันอยู่ที่นี่ ภายใต้ความแตกต่างของรูปแบบชีวิตที่ถูกให้คำจัดกัดความด้วยคำว่า “Urban Lifestyle” หรือวิถีชีวิตคนเมือง ถ้าฟังแค่ชื่อวิถี Urban Lifestyle ภาพแรกที่ฉายขึ้นมาในหัวคือชีวิตที่รายล้อมไปด้วยความสะดวกสบาย ทันสมัย เต็มไปด้วยอาชีพหน้าที่การงาน โอกาสในการสร้างธุรกิจนับไม่ถ้วน ซึ่งมันช่างดูโก้เก๋เท่ไม่ใช่เล่น แต่จริง ๆ แล้วเรามั่นใจว่าเหล่า Urban Men ทั้งหลายน่าจะรู้ซึ้งถึงความวุ่นวายในการใช้ชีวิตที่ต้องประสบพบเจอในแต่ละวันเป็นอย่างดี ทั้งในเรื่องของการแข่งขันกับเวลา ต้องหัวปั่นอยู่กับความเร่งรีบ ซึ่งทุกนาทีที่หมุนไปอย่างรวดเร็วนั่นคือเวลาที่เป็นเงินเป็นทองที่ไม่มีใครอยากให้สูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ และเมื่อลองมาทบทวนดี ๆ จะเห็นว่าสิ่งที่เรียกว่าวิถีชีวิตแบบคนเมืองนั้นกลับกลายเป็นรูปแบบการใช้ชีวิตซึ่งแทบจะไม่มีเวลาเหลือให้ได้ “ใช้ชีวิต” อย่างมีความสุขแบบที่มนุษย์ควรจะเป็น และต้องยอมรับว่าสิ่งนี้กำลังเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อภาวะความเครียดของผู้คนในสังคมเมือง ซึ่งฟังดูแล้วหลายคนคงรู้สึกขยาดวิถีคนเมืองจนอยากจะเปลี่ยนรูปแบบชีวิต พาตัวเองย้ายสำมะโนครัวหนีไปจากเมืองใหญ่ให้รู้แล้วรู้รอด แต่ในความเป็นจริงเชื่อว่าทุกคนต่างก็รู้ดีว่าชีวิตมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น แต่เราอยากบอกว่ามันก็ไม่ได้ยากที่จะหาทางออก ในการปรับตัว ปรับวิธีคิดเพื่อให้มี Urban Lifestyle ที่มีความสุขอย่างแท้จริง ด้วยวิธีง่าย ๆ แค่ 2 วิธีเท่านั้น
เพิ่งผ่านพ้นไปได้ไม่นานกับงานปาร์ตี้สุดมันส์ งานที่รวมเหล่าวัยรุ่นพลังให้มาโชว์สเต็ป ปลดล่อยพลังงานของคนรุ่นใหม่ออกมาภายใต้เสียงดนตรีที่เร้าใจ ซึ่งแน่นอนว่าทีมงาน UNLOCKMEN นั้นไม่ได้ปล่อยผ่าน ไม่ยอมพลาดการไปเก็บบรรยากาศงานมันส์ ๆ แบบนี้มาฝากแน่นอน ซึ่งคราวนี้เราได้ไปเตรียมตัวสแตนด์บายรับความสนุกกันที่ GMM LIVE HOUSE ณ ชั้น 8 Central World สถานที่จัดงาน “KULOV MAX 7 presents งานเลี้ยงประเพณี ครั้งที่ 2” ที่มีเครื่องดื่ม KULOV MAX 7 เป็นสปอนเซอร์หลักใจดี ซึ่งที่ทำให้เกิดงานนี้ขึ้นมา พร้อมเปิดตัวเครื่องดื่ม KULOV MAX 7 ให้ได้ยลโฉมกระป๋องเท่ ๆ และลิ้มรสในงานนี้เป็นครั้งแรก หลังจากปล่อยให้สงสัยกันอยู่พักใหญ่ ว่าอะไรคือ KULOV MAX 7 สำหรับบรรยากาศภายในงานต้องขอบอกว่ามันเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังของเหล่าวัยรุ่น ที่เรียกได้ว่าไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ใช้ชีวิตกันต่อเนื่องแบบไม่มีสะดุด ไม่ว่าจะไปทำภารกิจอะไรมาตลอดวัน ก็ยังยิงยาวมาต่อที่งานปาร์ตี้รอบดึกกันอย่างพร้อมเพรียงเต็มฮอลล์ โดยไม่มีทีท่าว่าจะมีใครสามารถหยุดความตั้งใจในการมาร่วมงานเลี้ยงประเพณีครั้งนี้ได้ ซึ่งก็ตรงกับแนวคิด และคาแรคเตอร์ความเป็น KULOV MAX 7 ที่เป็นเครื่องดื่มสำหรับคนรุ่นใหม่ เน้นการใช้ชีวิตแบบเต็มที่ไม่มีสะดุด ภายใต้แนวคิด
เมื่อพูดถึง เอพี (ไทยแลนด์) เราคิดว่าคงไม่มีใครไม่รู้จัก และเชื่อว่าสิ่งแรกที่หลายคนนึกถึงคงหนีไม่พ้นภาพของผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์สำหรับคนเมือง ซึ่งนอกจากจะเป็นที่รู้จักผ่านคอนโดมิเนียมชั้นนำหลากหลายโครงการ ในส่วนของไฮเอนด์ทาวน์โฮมจากเอพี ภายใต้แบรนด์ “บ้านกลางเมือง” และ “PLENO” (พลีโน่) คืออีกหนึ่งภาพจำของพวกเรา ที่ตอกย้ำให้เห็นถึงประสบการณ์การพัฒนาทาวน์โฮมระดับมืออาชีพ และความมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมที่อยู่อาศัยเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืนของเอพี จนสามารถครองใจผู้บริโภคกว่า 50,000 ครอบครัว ภายใต้ความสำเร็จเหล่านี้ คงเป็นเรื่องดีไม่น้อยหากเราได้เรียนรู้ถึงวิธีคิด รวมถึงกลยุทธ์ที่เอพีดำเนินมาตลอด 25 ปีเพื่อนำมาเป็นแนวทางปรับใช้ในการทำงาน การทำธุรกิจของตัวเองบ้าง ซึ่งถือเป็นโอกาสดีที่ UNLOCKMEN ได้มีโอกาสพูดคุยกับทาง เอพี (ไทยแลนด์) เกี่ยวกับเคล็ดลับในการก้าวสู่ความสำเร็จ จนเรียกได้ว่าเป็น NO.1 TOWNHOME หรืออันดับหนึ่งของผู้พัฒนาทาวน์โฮมในประเทศไทย ซึ่งสิ่งที่ตัวแทนของเอพีบอกเล่าให้เราฟังไม่ได้เป็นกลยุทธ์ที่ยุ่งยากซับซ้อน แต่สิ่งที่ทำให้ เอพี (ไทยแลนด์) นั้นมีความแตกต่างเหนือคู่แข่งจนก้าวมายืนอยู่แถวหน้าของวงการผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เป็นแค่คำง่าย ๆ สามพยางค์ที่เรียกว่า “ความเข้าใจ” ที่แม้จะฟังดูง่าย แต่กว่าที่จะเข้าใจอะไรได้อย่างลึกซึ้งนั้นต้องใช้ทั้งเวลา และความทุ่มเทเป็นอย่างมาก โดย “ความเข้าใจ” ในมุมมองของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่างเอพี คือความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงความต้องการของผู้อยู่อาศัย รวมถึง Lifestyle ที่แตกต่างกัน เพื่อนำมาต่อยอดพัฒนาการออกแบบสเปซ ที่ไม่ได้ตอบโจทย์เพียงแค่มิติเรื่องฟังก์ชั่นการใช้งานเท่านั้น
เมื่อเอ่ยถึงคำว่า ‘เทคโนโลยี’ ทุกคนจะนึกถึงความล้ำสมัย มองไกลไปถึงภาพของอนาคต แต่จริง ๆ แล้วเทคโนโลยีจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากไม่มีการนำเอาพื้นฐานองค์ความรู้ ความเป็นอยู่ รวมถึงวัฒนธรรมดั้งเดิมของมนุษย์ มาต่อยอดพัฒนาเพื่อให้ได้เทคโนโลยีซึ่งช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น ตอบสนองความต้องการที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตแห่งอนาคต อีกสิ่งหนึ่งที่เชื่อว่าหลายคนมักจะคิดถึงเป็นอันดับต้น ๆ เมื่อพูดถึงเทคโนโลยี นั่นคือก็ประเทศญี่ปุ่น ด้วยภาพลักษณ์ของประเทศล้ำสมัย เป็นต้นกำเนิดของเทคโนโลยีมากมายที่เราได้ใช้กันในชีวิตประจำวัน และที่มีเสน่ห์ไปกว่านั้นคือ ภายใต้ความล้ำของประเทศญี่ปุ่น ยังดำรงไว้ซึ่งความสวยงามของวัฒนธรรมดั้งเดิมได้อย่างกลมกลืน และแนวทางการผสมผสานความล้ำหน้า ให้กลมกลืนกับรูปแบบวิถีชีวิตที่ถูกส่งต่อกันมาอย่างยาวนาน ยังถูกใช้เป็นปรัชญาหลักในการสร้างสรรค์พัฒนาเทคโนโลยีของประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย และถือเป็นโอกาสดีมาก ๆ ที่ TOYOTA ได้พาเราบินไปสัมผัสกับความน่าสนใจ ของปรัชญาการพัฒนาเทคโนโลยีสไตล์ญี่ปุ่นแบบถึงแก่น กับแนวคิดการพัฒนาเทคโนโลยีของ TOYOTA ที่นำเอาวิวัฒนาการของวัฒนธรรมญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม มาผสานวัฒนธรรมตะวันตกได้อย่างลงตัว ซึ่งแกนหลักของแนวคิดอันลึกซึ้งนี้อาจจะฟังดูเหมือนเป็นศาสตร์ที่ยากจะเข้าใจ จนแอบกังวลว่าทริปนี้จะเป็นทริปความรู้ชวนง่วงหรือเปล่า แต่เอาเข้าจริงเรากลับเข้าถึง และเข้าใจมันได้ง่ายกว่าที่คิด ต้องยกเครดิตให้กับวิธีการนำเสนอที่แปลกใหม่ ซึ่ง TOYOTA ถ่ายทอดออกมาผ่าน 5 ประสบการณ์การเรียนรู้เชิงวัฒนธรรมร่วมสมัย สะท้อนเรื่องราวของเทคโนโลยีไฮบริดที่ถูกพัฒนาขึ้นมาได้เป็นอย่างดี จนเราอดไม่ได้ที่จะเอามาถ่ายทอดให้ชาว UNLOCKMEN ได้ซึมซับไปด้วยกัน ไม่แน่ว่าวันหนึ่งอาจจะได้เอาหลักคิดในการพัฒนาเหล่านี้มาต่อยอดสร้างสรรค์สิ่งที่น่าสนใจขึ้นมาจากแนวคิดเหล่านี้ได้ Calligraphy Experience ประสบการณ์การเขียนตัวอักษรด้วยพู่กัน หลังจากก้าวเท้าลงสู่แดนปลาดิบ ประสบการณ์แรกที่เราได้สัมผัสคือการเขียนตัวหนังสือด้วยพู่กันแบบญี่ปุ่น ซึ่งเป็นศิลปะชั้นสูงและดั้งเดิมของชาวญี่ปุ่นที่หาได้ยากในปัจจุบัน
หลังจากที่เรามีบทความแนว Lifestyle แนะนำสถานที่ กิน ดื่ม เที่ยว ไปเป็นจำนวนมาก พอมาลองคิด ๆ ดูแล้ว เรื่องของการเงิน การลงทุน ก็แทบจะเป็นอีกหนึ่ง Lifestyle ของชีวิตผู้คนในปัจจุบัน เพราะทุกวันนี้ใคร ๆ ต่างก็ต้องการที่จะต่อยอดเงินทุนของตัวเองให้งอกเงยขึ้นมาทั้งนั้น เหมือนคำกล่าวที่ว่า “Money doesn’t grow on tree” เพราะเงินไม่ได้หาง่ายเหมือนเดินไปเด็ดดอกไม้ริมรั้ว การที่จะหวังให้ปลูกต้นไม้ต้นเดียว มีรายได้หลักทางเดียว แล้วจะมีอาหารให้กินอิ่มไปตลอดคงจะไม่เพียงพออีกต่อไป ยิ่งตอกย้ำเทรนด์ของการลงทุนที่มีความชัดเจนขึ้นในปัจจุบัน ซึ่งทุกวันนี้การหาเงินสามารถทำได้หลายทางมากขึ้น โดยเฉพาะการเปลี่ยนเงินเย็นที่ฝากประจำเก็บไว้เฉย ๆ นำมันมาหาลู่ทางผลิดอกออกผล สร้างยอดเงินให้เติบโตอย่างไม่มีหยุดยั้ง ด้วยเหตุนี้เราจึงอยากจะขยายขอบเขตของบทความ GUIDE ให้กว้างไกลไปสู่การชี้เป้า Investment Destination แนะนำสถานที่เจ๋ง ๆ ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับนักลงทุน กับสถานที่ซึ่งทำให้การลงทุน ที่ฟังดูเป็นเรื่องเข้าใจยาก ดูเป็นเรื่องที่ไกลตัวเข้าถึงลำบาก ได้เขยิบเข้ามาใกล้ชิดกับการใช้ชีิวิต เสมือนเป็นส่วนหนึ่งของ Lifestyle ผู้ชายอย่างเรา ๆ ได้มากกว่าที่เคย เริ่มประเดิมด้วยที่แรก ซึ่งเป็นจังหวะพอเหมาะพอดี ที่ SCB
หากไม่ได้เห็นหน้า แค่เพียงเอ่ยถึงชื่อของ ‘มอร์-วสุพล เกรียงประภากิจ’ หลายคนอาจไม่คุ้นกับชื่อนี้มากนัก แต่ถ้าเอ่ยชื่อของ ‘มอร์-Ten to Twelve’ ภาพของหนุ่มมาดเซอร์นักร้อง, นักแต่งเพลงจากวง Ten to Twelve นั้นคงชัดเจนขึ้นมา ซึ่งก่อนหน้านี้ UNLOCKMEN เคยได้มีโอกาสพูดคุยกับมอร์มาแล้วถึง 2 ครั้งโดยแต่ละครั้งของการพูดคุย สิ่งที่เราสัมผัสได้คือความสามารถที่ล้นเหลือ และพลังงานในการสร้างสรรค์ที่เข้มข้นจากผู้ชายคนนี้ วันนี้จึงถือเป็นโอกาสดี เพราะเรามีนัดพูดคุยกับเขาอีกครั้งที่ LHONG 1919 กับการอัพเดทเรื่องราวชีวิตในขวบปีนี้ของ ‘มอร์-Ten to Twelve’ พร้อมทำความรู้จัก ‘มอร์’ ในมุมมองใหม่ ที่หลายคนอาจไม่เคยรู้ กับความหลงใหลในการถ่ายรูป และสไตล์การถ่ายรูปในแบบฉบับเฉพาะตัว จนทำให้เขาได้มีโอกาสรับหน้าที่เป็น Brand Ambassador ของ FUJIFILM ซึ่งถือเป็นอีกบทบาทใหม่จากอีกหลากหลายบทบาทในชีวิตของเขา และเราจะล้วงลึกเข้าไปปลดล็อคที่มาของแรงบันดาลใจซึ่งดูเหมือนจะไร้ขีดจำกัดของผู้ชายคนนี้ ว่าทำไมมันยังดูเหมือนเป็นพลังที่ลุกโชนอยู่ตลอดเวลา มันมีหมดบ้างมั้ย แล้วอะไรที่ทำให้เขายังคงควบหน้าที่หลายบทบาท ตั้งใจสร้างงานทั้งเบื้องหน้า และเบื้องหลังอย่างไม่มีเหน็ดเหนื่อยมาจนถึงทุกวันนี้ อย่างที่หลายคนรู้กันดีว่าชีวิตของมอร์มีหลายบทบาทเหลือเกิน ช่วยอัพเดทให้เราฟังหน่อยว่า ตอนนี้กำลังเน้นหนักไปที่บทบาทไหนเป็นพิเศษ ? หลัก ๆ ตอนนี้เราก็ทำผู้กำกับ เป็นผู้กำกับหนังโฆษณา
Yohji Yamamoto สุดยอดดีไซน์เนอร์ชื่อดังชาวญี่ปุ่น ผู้ซึ่งมีจุดเด่นในการออกแบบคอลเลคชั่นเสื้อผ้า Oversize และเลือกใช้สีดำกับชิ้นงานของเขาเป็นหลัก จนกลายเป็นลายเซ็นบนเส้นทางอาชีพดีไซน์เนอร์ที่ผู้คนจดจำมาตลอด 30 กว่าปี เคยให้คำกล่าวถึง ‘สีดำ’ ที่เขาหลงใหลเอาไว้ว่า “Black is modest and arrogant at the same time. Black is lazy and easy – but mysterious. But above all black says this: “I don’t bother you – don’t bother me”.” ที่ตีความได้ว่า “สีดำนั้นช่างถ่อมตน แต่ในขณะเดียวกันมันคือสีที่เย่อหยิ่ง สีดำดูเป็นสีที่เข้าถึงได้ง่าย ๆ สบาย ๆ แต่เต็มไปด้วยความลึกลับ แต่เหนือสิ่งอื่นใด สีดำอยากบอกว่า เราไม่เคยก่อกวนคุณ ฉะนั้นอย่ามาทำให้เรารำคาญก็แล้วกัน”
‘Men Are from Mars, Women Are from Venus’ คำที่แสดงให้เห็นถึงความมองต่างมุมของมนุษย์เพศชายชาวดาวอังคารสุดแข็งกร้าวอย่างเรา ผู้มักจะยึดเรื่องเหตุผลเป็นหลัก ไม่เหมือนกับสาว ๆ ดาวศุกร์ ผู้สุดแสนจะอ่อนโยน ที่ให้ความสำคัญกับอารมณ์ความรู้สึก และรายละเอียดระดับเล็กน้อยชนิดเก็บหมด เหนือสิ่งอื่นใด แม้พวกเราจะบ่นว่าพวกเธอเรื่องมาก วุ่นวาย ทำให้ผู้ชายที่ขาดความละเอียดอ่อนอย่างพวกเรา ถูกสาวงอนอยู่บ่อย ๆ เพราะมองข้ามบางสิ่งที่เรามองว่าเล็กน้อย หรือไม่ก็เลือกที่จะไม่แสดงออกเพราะกลัวไม่คูลไม่เก๋า แต่ถ้าย้อนกลับไปตอนที่จีบกันใหม่ ๆ อะไรก็ได้ อะไรก็ยอมทำ ชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ ดูแลผิวให้เนียนใสสะอาดสะอ้าน เสื้อยับจากรอยพับนี่ยอมไม่ได้ เรียกว่าจัดเต็มทุกสถานการณ์ เมื่อตอนนี้เราไม่ดีเหมือนตอนนั้น คำว่า “เธอเปลี่ยนไป” จึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ในมุมของสาว ๆ เพื่อไม่ให้ความสัมพันธ์สั่นคลอนไปมากกว่านี้ เราอยากชวนมารื้อฟื้นสิ่งที่พวกเธอมองหาในตัวเราอีกที แค่ “เป็นผู้ชายที่ใช่แบบที่ผู้หญิงชอบ” อีกครั้ง น่าจะเป็นอะไรที่เรียกได้ว่า วิน-วิน ทั้งคู่ ด้วยการรวบรวมเอา 4 สิ่งที่สาว ๆ ต้องการจากพวกเรา ซึ่งเอาเข้าจริงแล้ว พวกเราก็รู้กันอยู่แล้วแหละ แต่อาจจะลืมให้ความสำคัญไป ต้องการการเอาใจใส่ หากไม่นับเรื่องกฎพื้นฐานจำพวกความซื่อสัตย์