นารูโตะ นินจาจอมคาถา, Bleach, Fairy Tail, โทริโกะ และล่าสุดคือกินทามะ เหล่านี้คือรายชื่อของมังงะระดับตำนานที่ทยอยถึงตอนอวสานในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตอนนี้คงจะเหลือเพียงแค่ One Piece, ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน, Hunter x Hunter ที่ยังคงเดินหน้าต่อไป อย่างไรก็ตามทั้ง 3 เรื่องที่กล่าวมาก็กำลังเข้าสู่ช่วงท้ายของเนื้อเรื่องแล้ว อีกไม่นานก็คงต้องอำลาเหล่านักอ่านที่ติดตามมานานนับ 10 ปี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าวงการมังงะญี่ปุ่นจะเข้าสู่ยุคตกต่ำแต่อย่างใด เพราะตอนนี้มีมังงะรุ่นใหม่ไฟแรงมาต่อแถวเข้าคิวรับช่วงสืบทอดตำนานอยู่หลายต่อหลายเรื่องด้วยกัน One Punch Man Written by One Illustrated by Yusuke Murata จุดเริ่มต้นมาจากมังงะลายเส้นเด็กประถมของอาจารย์ One ที่วาดเล่น ๆ ลงในอินเตอร์เน็ต เป็นงานอดิเรกยามว่างจากงานประจำที่เขาทำอยู่ แต่ด้วยเนื้อเรื่องที่สนุกน่าติดตาม ทำให้ One Punch Man กลายเป็นมังงะออนไลน์ยอดนิยมภายในเวลาไม่นาน และผลงานเรื่องนี้ก็เข้าไปเตะตาอาจารย์ Yusuke Murata นักวาดมังงะมืออาชีพ เจ้าของผลงาน Eyeshield 21 จึงได้ติดต่ออาจารย์ One เพื่อขอร่วมสร้างมังงะเรื่องนี้อย่างจริงจัง เมื่อสุดยอดเนื้อเรื่องมาอยู่ในมือของปรมาจารย์นักวาดจึงออกมาเป็นมังงะเรื่องเยี่ยมที่ทุกคนต้องจับตามอง One
การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของชีวิตเกิดขึ้นกับทุกคน ไม่ว่าจะมาเมื่อไหร่ หรือรูปแบบไหนแต่มันเกิดขึ้นแน่นอน ซึ่ง A Girl We Love ของเราในวันนี้ก็เช่นเดียวกัน เธอเพิ่งผ่านการ Coming of Age ครั้งสำคัญในชีวิตมาไม่นานนัก และนั่นคือสิ่งที่เราจะพูดคุยกับเธอในบทสัมภาษณ์นี้ แจน, เซนต์แจน, หรือเชเช่ ไม่ว่าคุณจะรู้จักเธอในชื่อไหน แต่ในตอนนี้เธอคือ ‘แจนจัง – เจตสุภา เครือแตง’ หญิงสาวที่ตัดสินใจสลัดภาพของการเป็นไอดอลทิ้งไป และเลือกมุ่งสู่เส้นทางศิลปินเดี่ยวเต็มตัว วันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักเธอและการตัดสินใจครั้งนี้ให้มากขึ้น เป็นช่วงบ่ายของวันหนึ่ง เราและทีมงาน UNLOCKMEN ไปถึงสถานที่นัดสัมภาษณ์ก่อนเวลาเล็กน้อยเพื่อเตรียมความพร้อม สารภาพเลยว่าเราอยู่ในอาการลิงโลดผสมกับอาการตื่นเต้นจนตัวสั่น เราติดตามเธอคนนี้มาตลอดไม่ว่าจะเป็นในฐานะแจนหรือแจนจัง แต่ก็เป็นแค่การติดตามผ่านหน้าจอ ครั้งนี้จึงเป็นโอกาสดีที่เราจะได้รู้จักเธอมากขึ้นในแง่มุมที่เราไม่คุ้นเคย ได้ถามคำถามที่เราอยากรู้ด้วยตัวของตัวเราเอง เมื่อถึงเวลานัดหญิงสาวในชุดเดรสสีฟ้าก็ปรากฎตัว แจนจังไม่ลืมพกพาความสดใสอย่างที่เราคุ้นเคยมาด้วย และเมื่อจัดแจงทุกอย่างเรียบร้อยเราก็นั่งลงประจัญหน้ากัน บทสนทนาเริ่มต้นด้วยเรื่องสัพเพเหระทั่ว ๆ ไปเพื่อคลายความตื่นเต้น (ของเรา) ก่อนจะเริ่มต้นการสัมภาษณ์ด้วยคำถามที่เราเตรียมมา ช่วงนี้กำลังเดินสายโปรโมทงาน Nippon Haku Bangkok 2018 อยู่ใช่ไหม งั้นให้พูดถึงงานนี้ก่อนเลยละกันว่ามีรายละเอียดอะไรบ้าง? งาน Nippon Haku Bangkok 2018
ในที่สุดก็ถึงวันสุดท้ายของการทำงานในสัปดาห์สักที หลังจากตรากตรำเหน็ดเหนื่อยมาตลอดหลายวัน การให้รางวัลตัวเองด้วยการนั่งทานอาหารอร่อย ๆ พร้อมจิบเครื่องดื่มแก้วโปรดก็ฟังดูเป็นไอเดียที่ไม่เลว ยิ่งถ้ามีวิวแม่น้ำสวย ๆ ลมเย็น ๆ มากระทบตัวประกอบไปด้วย คงเป็นการพักผ่อนที่วิเศษสุด ๆ วันนี้ UNLOCKMEN จึงมี 5 บาร์ริมน้ำบรรยากาศ (โคตร) ดีมาแนะนำ เชิญเสพและหยิบร้านที่ชื่นชอบเก็บเข้าไปในลิสต์ได้เลย 342 Bar พูดถึงบรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยาโดยมีฉากหลังเป็นย่านเมืองเก่า สถานที่แรก ๆ ที่จะโผล่ขึ้นมาในสมองคงหนีไม่พ้น ‘วังหลัง’ และที่นี่เองก็มีบาร์ริมน้ำสุดชิลซ่อนตัวอยู่ 342 Bar ตั้งอยู่บน Rooftop ของโรงแรมบ้านวังหลังริเวอร์ไซด์ สิ่งแรกที่คุณจะเห็นหลังประตูลิฟท์เปิดคือวิวแม่น้ำเจ้าพระยาจากมุมสูงสุดลูกหูลูกตาโอบล้อมด้วยแสงสีและตึกสูงของกรุงเทพมหานคร เป็นความ Contrast กันระหว่างความสงบเงียบกับความวุ่นวายของเมืองใหญ่ที่ลงตัว เรื่องอาหารเครื่องดื่มที่นี่ก็ตามมาตรฐาน มีครบครันไม่ว่าจะเป็นเบียร์สดจากแท็ป วิสกี้ และอาหารอร่อย ๆ ถึงแม้ราคาจะเรียกไม่ได้ว่าเป็นมิตรเสียทีเดียว แต่ถ้าเทียบกับบรรยากาศที่ได้ บอกเลยว่าคุ้มค่าแน่นอน Location: 342 Soi Wat Rakhang (Arunamarin 18), Prannok Road, Siriraj Bankoknoi
นับวันเทคโนโลยิ่งก้าวหน้าขึ้นอย่างไม่หยุดยั้งจนบางครั้งเราเองก็ตามไม่ทัน ในขณะที่เรายังรู้สึกทึ่งต่อการมาเยือนของ 3D-Printed ที่สามารถปรินท์ข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันออกมาใช้งานได้จริง เทคโนโลยีก็เหมือนตบหน้าเราฉาดใหญ่พร้อมบอกว่าข้ายังเจ๋งกว่านั้นได้อีกเยอะ เพราะสิ่งที่ UNLOCKMEN นำมาเสนอในวันนี้คือ Curve Appeal 3D-Printed House บ้านสุดหรูที่ไม่ต้องใช้แรงงานในการก่อสร้าง แต่ปรินท์มันออกมาจากเครื่อง 3D-Printed ที่เห็นแล้วต้องอุทานว่าบ้าไปแล้ว! ด้วยความทะเยอทะยานในการพัฒนาเทคโนโลยี 3D Printed จึงเป็นจุดเริ่มต้นให้เกิดโครงการ Curve Appeal 3D-Printed House นี้ขึ้นมา โดยบริษัท WATG เป็นผู้ออกแบบได้รับแรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมยุค 50 โดดเด่นด้วยดีไซน์โค้งมน กระจกโปร่งใสทำให้ได้รับแสงจากธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ และไม่ใช่แค่ความสวยงามเท่านั้นเพราะโครงสร้างนี้ยังมาพร้อมความคงทนแข็งแรง รูปทรงแนวโค้งทำให้การถ่ายเทน้ำหนักเป็นไปอย่างสมดุล บ้านขนาด 1,000 ตารางฟุตนี้จะถูกเนรมิตรขึ้นมาโดยใช้เทคโนโลยี 3D Printed จากบริษัท Branch Tecnchology’s ตั้งอยู่ที่เมือง Chattanooga รัฐ Tennessee ซึ่งถึงแม้ในตอนนี้โครงการจะยังไม่แล้วเสร็จแต่เราจะได้เห็นบ้านหลังนี้ออกมาเป็นรูปเป็นร่างภายในสิ้นปีนี้แน่นอน SOURCE1
ช่วงเวลาที่เรามักจะใช้มันไปอย่างสิ้นเปลืองและเอ้อระเหยที่สุดของทุกวันทำงานคงหนีไม่พ้น 10 นาทีแรกที่เราเพิ่งมาถึงออฟฟิศและ 10 นาทีสุดท้ายก่อนเข็มนาฬิกาจะเคลื่อนบอกเวลาเลิกงาน 10 นาทีแรกหลังจากเปิดประตูออฟฟิศเข้ามาและนั่งลงที่โต๊ะตัวเอง เรามักจะอยู่ในอารมณ์เนือย ๆ ไฟในการทำงานยังคงจุดไม่ติด ไม่พร้อมจะทำอะไรจริงจังนอกจากการท่องอินเตอร์เน็ตไปอย่างไร้จุดหมายหรือไม่ก็นั่งจับกลุ่มคุยเพื่อนถึงเรื่องสัพเพเหระแทบทุกเรื่อง (ยกเว้นเรื่องงาน) ส่วน 10 นาทีสุดท้ายก่อนเลิกงาน จิตใจก็มักจะจดจ่ออยู่กับมื้อเย็นที่วางแผนเอาไว้ ภาพยนตร์ที่จองตั๋วเรียบร้อยแล้ว ปาร์ตี้ที่เพื่อนของเราส่งรูปมายั่ว หรือแม้กระทั่งสภาพการจราจรสุดบัดซบที่แค่นึกถึงก็รู้สึกเหนื่อยแล้ว เราจึงมักปล่อยช่วง 10 นาทีสุดท้ายของการทำงานไปอย่างไร้ประโยชน์ แต่แท้จริงแล้วทั้ง 2 ช่วงเวลานี้คือเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการเตรียมความพร้อมและจัดการงานให้ลุล่วงก็ว่าได้ ดังนั้นเราควรจะทำอะไรในช่วงเวลาดังกล่าวบ้าง UNLOCKMEN มีคำตอบมาฝาก 10 นาทีแรก อย่าเช็ก Email, Facebook หรือ Social Network ต่าง ๆ Julie Morgenstern ผู้เขียนหนังสือ Never Check E-Mail in the Morning แสดงความคิดเห็นเอาไว้ว่าการเช็ก Email ไม่ควรเป็นสิ่งแรกที่เราทำในวันทำงานเพราะด้วยความยุ่งหยิงในกล่องจดหมายของเราจะทำให้เราสูญเสียการโฟกัสในเนื้องานและไอเดียในการทำงานจะกระจัดกระจายส่งผลต่อการทำงานของเราในวันนั้นอย่างเห็นได้ชัด แทนที่จะเช็ค Email ลองเปลี่ยนเป็นหาอะไรที่สร้างแรงบันดาลใจและเพิ่มเติมความรู้ให้ตัวเองจะดีกว่า การดู TED TALK
เชื่อว่าทุกคนไม่ว่าจะเจนจัด ผ่านโลกมาเยอะแค่ไหน อายุเท่าไร แต่เมื่อต้องพบเจอสถานการณ์ที่ไม่คุ้นเคยหรือวันสำคัญของชีวิตก็อดไม่ได้ที่จะประหม่าทุกครั้งไป บางครั้งก็เล่นเอานอนไม่หลับจนทำงานสำคัญได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ เราเองก็เป็นหนึ่งในนั้น และหลังจากหาวิธีแก้ไขมาเนิ่นนาน ในที่สุดก็เจอวิธีที่คิดว่าได้ผล เลยอยากนำมาแชร์ให้ชาว UNLOCKMEN นำไปลองใช้กันจะได้ไม่ทำพลาดในช่วงสำคัญของชีวิต ฝึกการหายใจ เมื่อคนเราตื่นเต้นหรือประหม่ามักจะถอนหายใจบ่อย ๆ จังหวะการหายใจของเราจึงสัมพันธ์กับความประหม่าอย่างมีนัยยะสำคัญ ดังนั้นเมื่อความประหม่ามาเยือนให้คุณลองโฟกัสหายใจเข้าออก ทำใจให้สงบไม่ต้องคิดฟุ้งซ่าน รับรองว่าความประหม่าของคุณจะลดลงอย่างแน่นอน นั่งสมาธิ การฝึกลมหายใจอาจจะช่วยได้ส่วนหนึ่งแต่ถ้าคุณมีสถานที่ที่เหมาะสมและเวลาที่มากพอลองนั่งลง หลับตา เอามือประสานกัน แล้วทำใจให้สงบดู ปล่อยหัวให้โล่งตัดขาดจากความฟุ้งซ่าน ส่วนเวลาการนั่งสมาธินั้นตามแต่สะดวกเลย แต่ไม่ว่าจะนานหรือแค่ช่วงสั้น ๆ แต่เชื่อเถอะว่าตอนลืมตาขึ้นมาภูเขาที่อยู่ในอกคุณจะเล็กลงพอสมควรเลยทีเดียว อะไรคือสาเหตุแห่งการประหม่า? บางครั้งความประหม่าก็เหมือนเป็นก้อนอะไรสักอย่างอยู่ในใจ เกิดความเครียดที่เราอธิบายไม่ได้ขึ้นมา เมื่อเป็นแบบนี้อยากให้คุณลองตั้งสติแล้วหยิบกระดาษขึ้นมาสักแผ่นและค่อย ๆ จำแนกสาเหตุแห่งความประหม่าออกมาเป็นข้อ ๆ เมื่อรู้ถึงสาเหตุแล้วจากนั้นก็หาทางออกให้กับแต่ละข้อ คิดวิธีแก้ไข เพียงเท่านี้คุณก็เบาใจลงไปเยอะเลยล่ะ ปล่อยใจตามเสียงเพลง เสียงเพลงอยู่ในทุกช่วงชีวิต และมันช่วยเราได้เสมอ ยิ่งเป็นตอนที่เรารู้สึกตื่นเต้นหรือประหม่าลองหยิบหูฟังข้างกายขึ้นมาสวม กดเปิดเพลงโปรด ปลดปล่อยความคิดไปกับมัน โฟกัสแค่สิ่งที่เพลงต้องการสื่อสารกับเรา และเมื่อสิ้นเสียงดนตรีถึงแม้ความประหม่าในใจอาจจะไม่หายไปทั้งหมด แต่อย่างน้อยใจคุณจะสงบลงแน่นอน อยู่กับปัจจุบัน จัดการกับความคิด พยายามบอกตัวเองให้โฟกัสอยู่กับปัจจุบัน อย่าฟุ้งซ่านถึงเรื่องที่ยังไม่เกิด เอาเวลาที่มัวแต่ฟุ้งซ่านมาเตรียมตัวรับมือเรื่องที่จะถึงดีกว่า และเมื่อเวลานั้นมาถึงคุณจะได้ทำมันอย่างเต็มที่ ถึงแม้สุดท้ายผลลัพธ์อาจจะไม่ได้ดีอย่างใจหวัง แต่ก็ถือว่าเราได้ทำมันเต็มที่แล้ว
เพราะความเท่ของยานพาหนะไม่จำกัดอยู่แค่ซูเปอร์คาร์คันหรูเท่านั้น รถที่บึกบึนแข็งแกร่งพร้อมลุยทุกสภาพการเดินทางจากแบรนด์ Hummer ก็เท่ไม่แพ้กัน วันนี้ UNLOCKMEN ขอพูดถึงรถรุ่นใหม่ล่าสุดของค่ายนี้ Mil-Spec Hummer H1 Launch Edition No. 003 เจ้า Hummer คันนี้สมบุกสมบันไม่ต่างจากรถที่ใช้กันในกองทัพ มันถูกออกแบบมาให้สามารถทนต่อความโหดร้ายสภาพแวดล้อมและภูมิประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสนามรบ ทะเลทรายร้อนระอุ หรือแม้กระทั่งทุ่งหิมะแห่งอาร์กติกก็ไม่ใช่ปัญหา มาเหอะพร้อมลุย! Mil-Spec Hummer H1 Launch Edition No. 003 คือรถกระบะ 4 ประตูที่พัฒนาจากรุ่นก่อน ๆ หลายด้านด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวางขึ้นถึง 8 นิ้วทั้งด้านหน้าด้านหลัง เครื่องยนต์ขนาด ทอร์โบชาร์จเจอร์ขนาด 6.6 ลิตร พร้อมความแรง 500 แรงม้า และแรงบิด 1000 lb-ft Mil-Spec Hummer H1 Launch Edition No. 003 ไม่ได้มีดีแค่ความแข็งแกร่งสมบุกสมบันลุยได้ทุกที่เท่านั้น เพราะภายในก็สะดวกสบายไม่แพ้รถยนต์หรูหราทั่วไปเลย เบาะหนังกันน้ำเย็บมือชั้นดีมาพร้อมกับระบบเครื่องเสียงดำกระหึ่ม ดังนั้นไม่ว่าสภาพแวดล้อมภายนอกจะโหดร้ายแค่ไหน
‘งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา’ คือสัจธรรมความจริงของทุกอย่างบนโลก เช่นเดียวกับวงการมังงะที่ตอนนี้งานเลี้ยงซึ่งเฉลิมฉลองต่อเนื่องยาวนานมากว่า 15 ปีกำลังจะสิ้นสุดลง เพราะล่าสุดมีการประกาศออกมาอย่างเป็นทางการแล้วว่า ‘Gintama’ มังงะจอมกวนที่อยู่คู่นิตยสาร Shonen Jump มาอย่างยาวนานจะจบบริบูรณ์ในอีก 5 ตอนข้างหน้า ถึงแม้ว่าจะพอรู้อยู่บ้างแล้ว แต่เมื่อมีประกาศออกมาจริง ๆ เราก็อดใจหายไม่ได้ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่แฟนเดนตายแต่ก็ติดตามมาโดยตลอด และตัวละครอย่าง ‘ซากาตะ กินโทกิ’ ก็กลายเป็นหนึ่งใน Iconic ของ Shonen Jump ไปแล้วก็ว่าได้ เช่นเดียวกับเพื่อนร่วมรุ่นอย่าง นารูโตะ, ลูฟี่, และกอร์น ดังนั้นอย่างน้อยก่อนจากลากันเราจึงอยากเขียนถึง Gintama ว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้มังงะเรื่องนี้ครองใจนักอ่านและอยู่ยั้งยืนยงใน Shonen Jump มากว่า 15 ปี ผสมความสนุกกับเกร็ดประวัติศาสตร์เข้าด้วยกัน เรื่องราวของ Gintama เกิดขึ้นในยุคเอโดะ เป็นช่วงที่กำลังเปลี่ยนผ่านอำนาจการปกครองจากระบบโชกุนสู่ระบบบริหารโดยรัฐบาลกลาง ซึ่งผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวคือการที่เหล่าซามูไรผู้อารักษ์ขาบรรดาโชกุนต่างพากันตกงานกันอย่างพร้อมเพรียง ทุกคนต่างต้องดิ้นรนต่อสู้เพื่อความหวังในการมีชีวิต Gintama อ้างอิงบุคคลในประวัติศาสตร์ที่มีตัวตนอยู่จริงมากมายหลายคน จึงทำให้ผู้อ่านอย่างเราได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นที่เสิร์ฟมาพร้อมความสนุกไปในตัว ใครบอกว่า Gintama เป็นการ์ตูนตลกโปกฮาไร้สาระไปวัน ๆ เราขอเถียงขาดใจ! ทุกตัวละครต่างมีด้านดี ไม่เว้นแม้แต่ตัวร้าย ตัวละครฝ่ายร้ายส่วนใหญ่ที่เราเจอในมังงะมักจะมีแค่มิติเดียว สีดำสนิทจิตใจเต็มไปด้วยความชั่วร้าย
ถ้าพูดถึงศิลปินระดับตำนานที่ยังมีลมหายใจชื่อแรก ๆ ที่ทุกคนน่าจะพร้อมใจพูดถึงคงหนีไม่พ้น Paul McCartney, Eric Clapton, Keith Richards, และแน่นอนว่าต้องมี Bob Dylan รวมอยู่ในนั้นด้วย แต่จากลิสต์ที่กล่าวมาปู่ Bob Dylan ของเราดูจะผ่าเหล่าผ่ากอที่สุดเนื่องจากคนอื่น ๆ ล้วนแล้วแต่มีฝีมือชั้นอ๋องในศาสตร์ด้านดนตรีและร้องเพลงด้วยกันทั้งนั้น ต่างจากราชาเพลงโฟล์คที่เคยออกมายอมรับว่าเสียงร้องและฝีมือกีตาร์ของเขานั้นไม่ได้ดีเด่อะไรเลย เข้าขั้นห่วยด้วยซ้ำในวงการดนตรีอาชีพ แต่สิ่งที่ทดแทนข้อด้อยเหล่านั้นคือฝีมือการแต่งเพลงที่ยอดเยี่ยมถึงขนาดที่ Rolling Stone นิตยสารดนตรีระดับโลกจัดอันดับให้ Bob Dylan เป็นนักแต่งเพลงอันดับ 1 ในประวัติศาสตร์วงการดนตรีเลยทีเดียว แม้ว่าฝีมือการแต่งเพลงของเขาจะร้ายกาจเพียงใดก็คงไม่เพียงพอให้เขาอยู่บนบัลลังก์ค้างฟ้ามาจนทุกวันนี้แน่นอน วันนี้ UNLOCKMEN เลยจะพาไปดูวิธีการทำงานและแนวคิดของราชาเพลงโฟล์คคนนี้กัน Learning from the Best ไม่มีใครเก่งมาตั้งแต่เกิดและ Bob Dylan ก็เป็นหนึ่งในนั้น แม้ตอนนี้เขาจะเป็นโคตรของโคตรอาจารย์แห่งวงการดนตรีไปแล้วแต่กว่าเขาจะมาถึงจุดนี้ได้เขาเองก็มีอาจารย์เหมือนกัน ‘Woodie Guthrie’ คือชายที่เป็นทั้งอาจารย์ แรงบันดาลใจ และแนวทางการดำเนินชีวิตให้กับ Bob Dylan ก็ว่าได้ ถ้าใครเป็นแฟนเพลงของทั้งคู่คงสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่คล้ายกันไม่ว่าจะเป็นเรื่องเนื้อหาที่เน้นการเสียดสีการเมืองและสไตล์อื่น ๆ ในบทเพลง ถึงแม้ว่า Woodie Guthrie จะเสียชีวิตไปตั้งแต่ปี 1967 แต่
เมื่อการขับเคลื่อนไปบนถนนไม่จำกัดจำนวนล้ออยู่แค่เลขคู่เท่านั้น จึงเป็นที่มาของ Vanderhall Venice Speedster รถ 3 ล้อสายสปีดที่มาพร้อมกับความแรงกว่า 180 แรงม้า เรียกว่ารถซูเปอร์คาร์ 4 ล้อบางคันยังต้องชิดซ้ายเลยทีเดียว Vanderhall Venice Speedster คือรถรุ่นใหม่แห่งค่าย Vanderhall ซึ่งคลุกคลีอยู่ในวงการ 3 ล้อความเร็วสูงมาอย่างยาวนาน และคราวนี้พวกเขากลับมาอีกครั้งพร้อมความเร็วที่มากกว่าเดิม Vanderhall Venice Speedster รถ 3 ล้อ 1 ที่นั่ง มาในรูปทรงสุดคลาสสิคที่เห็นแล้วชวนให้นึกถึง 3 ล้อยุคเก่าในบรรยากาศภาพขาวดำ ซึ่งแตกต่างกับสมรรถนะภายในโดยสิ้นเชิง และหนึ่งสิ่งที่พิเศษสุด ๆ สำหรับเจ้า 3 ล้อคันนี้คือในส่วนของที่นั่งคนขับนั้นประกอบมาจากชิ้นส่วนเครื่องบิน นอกจากนั้นยังเพิ่มความ Vintage เข้าไปอีกด้วยโทนสีเงินโลหะตัดกับสีน้ำตาลของเบาะนั่ง ภายนอกยังสวยเฉียบขาดขนาดนี้ มาถึงภายในกันบ้างว่า Vanderhall Venice Speedster มีอะไรซ่อนอยู่ในรูปทรงสุดเท่ Vanderhall Venice Speedster ใช้เครื่องยนต์ 1.4 4 Cyl Turbo 180