เชื่อว่าคนรักเพลงสากลทุกคน แทบจะไม่มีใครไม่รู้จักเพลงเบสหนึบติดหูที่มีชื่อว่า ‘Uptown Funk’ ด้วยความฟังสนุก จึงทำเอาผู้คนโยกสนั่นทั่วบ้านทั่วเมือง แค่อินโทรขึ้นก็เป็นอันร้องอ๋อ ไม่ต้องรอให้ถึงท่อนฮุคก็จำได้ หากคุณเป็นหนึ่งในคนที่จดจำว่า Uptown Funk คือเพลงของ Bruno Mars รู้หรือไม่ว่าแท้จริงแล้วเพลงฮิตนี้เป็นของ Mark Ronson ต่างหาก! อีกทั้งชื่อของเขายังปรากฏอยู่บนหลากหลายเพลงฮิตอย่างเป็นปริศนา โดยไม่มีเสียงร้องของเขาสักท่อน วันนี้เราจะชวนคุณย้อนไปบนเส้นทางที่เป็นจุดเริ่มต้นของชายคนนี้ พร้อมตอบคำถามไปพร้อมกันว่า Mark Ronson คือใคร ทำไมมีชื่ออยู่บนเพลงดัง? Mark Ronson ชายคนนี้คือ DJ หนุ่มจาก London (ปัจจุบันอายุ 43 ปี) ด้วยความที่เป็นคนหลงใหลในเพลงหลากหลายแขนง เขาจึงสนุกกับการนำเพลงฮิตมา Cover ใหม่ แล้ว Remix ให้กลายเป็นเวอร์ชั่นที่แตกต่าง เขามักจะใช้ศิลปินคนอื่น ๆ มาเป็นผู้ถ่ายทอดเสียงร้องในเพลงของตัวเอง โดยให้เหตุผลว่าเขาเป็นคนร้องเพลงไม่เอาไหน เขาทำงานกับศิลปินเก่ง ๆ มากมาย จึงรู้ดีว่าเส้นเสียงที่ดีควรจะเป็นแบบไหน และก่อนหน้าที่ชื่อของเขาจะเป็นที่รู้จักในวงการ Mark Ronson มีอัลบั้มเป็นของตัวเองถึง 2 อัลบั้มคือ Here Comes the
ย้อนไปราวเดือนมีนาคม ต้นปี 2019 ที่ผ่านมา เมื่อทางเพจผู้จัดคอนเสิร์ตอย่าง Viji Corp ประกาศว่าวง Alternative Rock จากอังกฤษที่ชื่อ Foals จะมาเปิดการแสดงที่เมืองไทยในวันที่ 14 สิงหาคมนี้ แฟนเพลงเดนตายอย่างเราก็กรีดร้องในใจเป็นพันครั้ง ก่อนจะรีบเข้าไปกดซื้อบัตรทันทีที่เปิดการขายในเว็บไซต์ Ticketmelon ถึงจะจ่ายก่อน ชมของจริงทีหลัง แถมต้องรอเหงา ๆ ไปถึงครึ่งปี พวกเราก็ไม่ท้อถอย วันนี้เราเลยจะมาเล่าแจ้งแถลงไขให้ฟังว่า วงดนตรีที่ชื่อ Foals นี้ พวกเขาเป็นใคร มาจากไหน ทำไมถึงน่าไปชมการแสดงสดของพวกเขาสักครั้ง มารู้จัก 10 ข้อที่คุณควรรู้เกี่ยวกับ Foals ไปพร้อม ๆ กัน! 1. Foals มาจาก Oxford เมืองแห่งการเรียนรู้ ประเทศอังกฤษ 2. Antidotes อัลบั้มแรกของ Foals คือแนว Math-Rock (เพลงร็อกที่มักจะมีโครงสร้างเพลงที่ผิดแปลก เช่นทำให้สัดส่วนเพลงไม่ใช่ 4:4 อย่างที่ควรเป็น จนไปถึงการขยายคอร์ดที่ไม่กลมกลืนกันเป็นต้น) ซึ่งก่อนหน้าจะเป็น Foals
หากใครฟังเพลงสากลบ่อย ๆ เชื่อว่าต้องเคยเข้าไปอ่านเนื้อเพลงในเว็บไซต์ชื่อดังอย่าง Genius กันบ้าง เพราะในนั้นไม่ได้มีแค่เนื้อเพลงเพียว ๆ แต่ยังเสริมที่มาที่ไป ข้อมูลต่าง ๆ รวมไปถึงความหมายเพลงที่มีทั้งแฟนเพลงและตัวศิลปินเองเป็นผู้เข้ามา Post อธิบายรายละเอียดเพิ่มเติม นอกจากนี้ Genius ยังมีรายการบนช่อง Youtube ที่น่าสนใจชื่อว่า Verified เพื่อให้ศิลปินมาอธิบายความหมายเพลงแบบท่อนต่อท่อนจากปากของตัวเอง และจับมือร่วมงานกับ Spotify เนื้อเพลงต่าง ๆ ที่ขึ้นในแอปฯ เขียวนั้นก็ล้วนมาจาก Genius ซึ่งยืนหนึ่งในวงการเนื้อเพลงขนานแท้ ล่าสุดทาง Genius ได้เผยหลักฐานชิ้นสำคัญออกสื่อว่าเว็บไซต์ระดับโลกอย่าง Google ขโมยเนื้อเพลงของพวกเขาไปไว้ในหน้าแสดงผลลัพธ์ของตัวเอง! ด้วยวิธีการพื้นฐานที่สุด ๆ นั่นก็คือการคลิกขวา Copy + Paste นั่นเอง ซึ่งเรื่องนี้พิสูจน์ได้จากรหัสมอร์สลับ ๆ ที่พวกเขาวางยาซ่อนเอาไว้ในเนื้อเพลง Not Today ของ Alessia Cara ด้วยการใส่สัญลักษณ์ Apostrophes (เครื่องหมาย ‘ ) ทั้งแบบตรงและแบบเอียง อย่าเพิ่งสับสนลองดูภาพด้านล่างก่อน Genius
หากพูดถึงคำว่า Britpop เชื่อว่าแฟนเพลงหลายคนจะต้องคิดถึงชื่อของ Oasis หรือ Blur ขึ้นมาทันทีแบบไม่ต้องคิด ในช่วงกลางปี 1990 เพลง Alternative Rock จากอังกฤษกลายเป็นคลื่นวัฒนธรรมลูกใหญ่ที่สาดซัดไปทั่วโลก มี 4 วงดนตรีแถวหน้าที่ผงาดง้ำกว่าใคร นั่นก็คือ Oasis, Blur, Suede และ Pulp พวกเขาถูกผู้คนเรียกว่า Big Four แห่งยุค 90 เกิดการช่วงชิงตำแหน่งบนชาร์ตและพื้นที่สื่อกันไปมาอย่างไม่มีใครยอมใคร แต่ Oasis และ Blur ดูจะเป็นที่นิยมมากกว่าในบ้านเรา ซึ่งวันนี้เราจะมาพูดถึงวง Blur กัน พวกเขามีเพลงฮิตเหนือกาลเวลามากมาย ไม่ว่าจะเป็น Song2, Girls and Boys, Tender หรือ Parklife แต่เราจะไม่พูดถึงเพลงเหล่านั้น เพราะนี่คือเพลย์ลิสต์รวมเพลงอื่น ๆ ที่ไม่ดังแต่ฟังดีของ Blur สำหรับสาวกก็อาจจะฟังกันเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ใครที่ไม่ได้ฟังวงนี้บ่อยนัก บอกตรง ๆ ว่าเราไม่อยากให้พวกคุณพลาดของดีที่กำลังจะกล่าวถึงในต่อไปนี้…
แฟนเพลงอย่างเรา ล้วนเข้าใจดีว่าสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า ‘ศิลปิน’ ไม่เหมือนปุถุชนคนทั่วไป พวกเขาคือเหล่าอัจฉริยะสมองใสผู้พร้อมจะปล่อยความปราดเปรื่องลงไปบนตัวโน้ต ซึ่งทักษะชั้นสูงเหล่านั้นแค่บทเพลงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ พวกเขาบางคนยังระเบิดความสุดโต่งมาให้แฟนเพลงปวดหัวเล่น ด้วยการตั้งชื่อวงโลดโผนเกินมนุษย์ธรรมดาแบบพวกเราจะหยั่งถึง วันนี้เราจะหยิบยกตัวอย่างการตั้งชื่อสุดพิลึกกึกกือบางชื่อมาให้ทุกท่านได้ประจักษ์ไปพร้อม ๆ กัน Kakkmaddafakka วง Indie-rock จาก Norway ที่หลายคนอ่านชื่อครั้งแรกต้องขมวดคิ้ว แท้จริงแล้วชื่อวงนี้อ่านง่ายตรงตัวได้ว่า kakk-mad-da-fak-ka ถามว่าทำไมตั้งชื่อนี้ วงบอกว่าตั้งใจให้มันเป็นคำหยาบในภาษาอังกฤษคำนั้นนั่นแหละ (ฮา) แต่โดยรวมเพลงของพวกเขาดีมาก แถมโดนสื่อหลายเจ้าชมว่าเป็นวงที่เล่นสดดี Energy เหลือล้นอีกด้วย Lynyrd Skynyrd วง Southern rock ชื่อดังจากรัฐฟลอริดา เจ้าของเพลงดัง Sweet home Alabama ที่เชื่อว่าใครเห็นชื่อวงครั้งแรกต้องไม่กล้าอ่านออกเสียง Lynyrd Skynyrd อ่านออกเสียงว่า Leonard Skinner มาจากชื่อครูพละคนหนึ่งที่ชอบทะเลาะกับสมาชิกในวงเป็นประจำสมัยพวกเขายังเรียนไฮสคูล เพราะพวกเขาทำผิดกฎโรงเรียนที่ห้ามเด็กผู้ชายไว้ผมยาวยังไงล่ะ! The The วงนี้ชื่ออ่านง่าย แต่ชวนงง The The (เดอะ เดอะ) เป็นวงดนตรีที่เริ่มต้นจากแนว Post-Punk สู่การเป็นวง Musical /
คอเพลงกับการฟังดนตรีสดเป็นของคู่กัน แต่ก็ใช่ว่าเราจะตามดูได้ทุกวง เนื่องด้วยปัจจัยหลาย ๆ อย่างทั้งเงินและเวลา แถมศิลปินบางคนเหมือนไม่เคยรับรู้มาก่อนด้วยซ้ำว่ามีประเทศชื่อ Thailand อยู่ในแผนที่โลก! แต่ในยุคที่อินเทอร์เน็ตเฟื่องฟูแบบนี้ ทุกอย่างพอจะมีทางออก เพราะมี Youtube Chanel มากมายพร้อมนำศิลปินที่คุณชอบมาเล่นสดให้ฟัง ถึงฟีลจะไม่ได้เท่าดูของจริง แต่ก็ยังพอยาใจคนรักเพลงไปได้บ้าง วันนี้เราขอยกแต่ละช่องที่น่าสนใจมาแนะนำคุณ อย่าเพิ่งคิดว่าทุกช่องจะเหมือนกัน เพราะแต่ละช่องเขาก็มีเอกลักษณ์ มีเสน่ห์ และวิธีนำเสนอที่แตกต่างกัน จะมีอะไรบ้าง มาดูกันเลย NPR Music Tiny Desk ช่องนี้พื้นเพอยู่ที่เมือง Washington, D.C. ประเทศอเมริกา จุดเด่นคือการนำศิลปินมาร้องเพลงในเวอร์ชันอะคูสติก โดยมีฉากหลังเป็นห้องน่ารัก ๆ ที่เต็มไปด้วยหนังสือและแผ่นเสียง ซึ่งศิลปินที่คัดมาก็มีหลากหลายแนว ตั้งแต่ศิลปินท้องถิ่นไปจนถึงคนมีชื่อเสียงแล้ว อย่าง Mac Miller เองก็เคยมาเปิดโชว์อะคูสติกที่รายการนี้เช่นกัน นับว่าเป็นอะไรที่หาดูยากและเป็นความทรงจำที่ดีเกี่ยวกับเขาเลยทีเดียว ใครสนใจก็ลองเข้าไปดูได้ นาน ๆ ทีจะมีสัมภาษณ์หรือสารคดีที่น่าสนใจมาให้ดู (ขนาดตัวละคร Sesame Street ยังเคยมาออกเลย) KEXP KEXP คือแชนแนลคลื่นวิทยุจากเมือง Seattle ประเทศอเมริกา
ถึงจะเป็นเพลงร็อกเหมือนกัน แต่หลาย ๆ ครั้ง ซาวด์ดนตรีจากศิลปินแต่ละประเทศมีเอกลักษณ์ที่ต่างกัน ซึ่งถ้าคนฟังฝั่งใดฝั่งหนึ่งมากกว่าก็อาจจะทายถูกได้ไม่ยาก เว้นแต่ใครที่ฟังได้ทั้งสองฝั่งบางครั้งคงมีไขว้เขวหรือสับสนบ้าง จริง ๆ แล้วไอ้สิ่งนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แถมยังน่าสนุกดี ถ้าเราจะเอามาทายขำ ๆ ในวงเพื่อนคอเพลงด้วยกันเหมือนเกมแฟนพันธุ์แท้ว่า ‘เพลงที่เปิดอยู่นี้เป็นของวงอังกฤษหรืออเมริกัน’ น่าจะสร้างความครื้นเครงและได้แชร์เพลงกันฟังมากยิ่งขึ้น ว่าแล้วก่อนจะเอาไปเล่นกับเพื่อนจริง ๆ ลองมาทายขำ ๆ กับ Unlockmen กันสัก 10 วงดีกว่า ถือเสียว่าเป็นการลองภูมิตัวเองไปในตัว กติกาง่าย ๆ แค่อย่าเพิ่งไปเปิด Google มาตอบ สำหรับใครที่ยังไม่ทันกดฟังก็เดาได้ รู้จักทุกวงอยู่แล้วก็ไม่เป็นไร เพราะนั่นถือว่าคุณเก่งมากเลย! 1. SWMRS เป็นวงอังกฤษหรืออเมริกัน? เฉลย: อเมริกัน 2. Placebo เป็นวงอังกฤษหรืออเมริกัน? เฉลย: อังกฤษ 3. The Killers เป็นวงอังกฤษหรืออเมริกัน? เฉลย: อเมริกัน (แฟนเพลงอาจจะคิดว่าถามอะไรเนี่ย! แต่เชื่อเถอะว่าวงนี้ติดอันดับต้น ๆ ที่คนมักสับสนเลยนะ)
เคยไหมเวลาบอกเพื่อนว่าชอบฟังเพลงร็อกแล้วคุณจะต้องโดนทำสัญลักษณ์แบบนี้พร้อมแลบลิ้นใส่ (ถ้าไม่เคยก็ดีไป) ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ เพราะสัญลักษณ์มือแบบนี้เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับวัฒนธรรมชาวร็อกมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะร็อกประเทศไหน อังกฤษ อเมริกา แคนาดา หรือไทย ก็ล้วนแล้วแต่ทำมือเหมือนกันทั้งนั้น หากคุณเป็นหนึ่งในคนที่ยังไม่รู้ที่มาที่ไปของมันละก็ วันนี้เราจะพาคุณเจาะเวลาหาอดีต มาดูกันว่าสิ่งนี้เริ่มต้นจากอะไรกันแน่? ชาวร็อกบอกต่อกันว่าชายคนแรกที่ทำให้สัญลักษณ์แบบนี้แมสในวงการก็คือ Ronnie James Dio นักร้องคนที่ 2 ของคณะ Black Sabbath วง Heavy Metal รุ่นบุกเบิกแห่งยุค 70 นั่นเอง เนื่องจากตัวเขารู้สึกว่านักร้องคนก่อนหน้าอย่าง Ozzy Osbourne เป็นคนมีเอกลักษณ์มาก โดยเฉพาะการทำมือชูสองนิ้ว (Peace Sign Hand) เขาจึงต้องหาอะไรมาดึงดูดแฟนเพลงบ้าง ซึ่งแท้จริงแล้วไอ้มือแบบนี้ Ronnie เอามาจากคุณยายเชื้อสายอิตาเลียนของเขา เธอมักจะยกมือทำสัญลักษณ์แบบนี้ทุกครั้งเวลาต้องการขับไล่สิ่งชั่วร้าย Ronnie คิดว่ามันก็เท่ดี เลยลองเอามาทำตอนขึ้นเวทีดูบ้าง ปรากฏว่าแฟนเพลงทำตามกันถ้วนหน้า จนกลายเป็นวัฒนธรรมแบบที่พวกเราเห็นกันในปัจจุบัน ฉะนั้นอาจถอดสมการได้ว่าจุดกำเนิดความแมสของมันอยู่ที่ราว ๆ ปี 1980 – 1982 ช่วงที่ Ronnie James Dio ยังอยู่ในฐานะฟรอนต์แมนของ Black Sabbath
หลายคนรอผลงานใหม่ของศิลปินที่ตัวเองชอบมานานแสนนาน แต่พอเขาปล่อยอัลบั้มออกมาจริง ๆ ดันพลาดตกข่าวซะงั้น! ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติของคนฟังเพลงเยอะ ยิ่งบางคนหาย 4-5 ปีขึ้นไป แม้เคยชอบแค่ไหนก็หลุดวงโคจรกันได้ วันนี้เราเลยจะมาสะกิดบอกคอเพลงว่า ในช่วงเร็ว ๆ นี้มีศิลปินคนไหนเตรียมจะปล่อยงานกันบ้างในเร็ว ๆ นี้ จะได้กาปฏิทิน ตั้งแจ้งเตือนกันได้ถูกวัน TIM – Avicii Release: 6 June 2019 แม้ว่าดีเจมากความสามารถคนนี้จะจากพวกเราไปแล้ว แต่ทีมงานของเขาได้นำบทเพลงที่ยังไม่ถูกปล่อยของเขามาสานต่อ จนเกิดเป็นอัลบั้มนี้ขึ้นมา ซึ่งคำว่า Tim มาจากชื่อจริง Tim Bergling ของเขานั่นเอง ส่วนอัลบั้มนี้ที่จริงก็ถูกปล่อยออกมาเรียบร้อยแล้ว แต่เราอดพูดถึงไม่ได้จริงๆ Doom Days – Bastille Release: 14 June 2019 หลังจากได้ฟังทั้งสามซิงเกิ้ลที่ปล่อยออกมาก่อนหน้าก็บอกได้เลยว่าวงคงจะเดินหน้าความเป็น Electronic Pop กันเต็มตัว สำหรับอัลบั้มนี้จะมีจำนวนเพลงทั้งหมด 11 แทร็ก ใครยังไม่ได้ฟังก็ไปหาเพลง Joy, Doom Days และ Those Nights
สำหรับ THE 1975 วงอินดี้ร็อกจากแมนเชสเตอร์ขวัญใจชาวเรา และเพิ่งจะประกาศคอนเสิร์ตที่ไทยไปแบบจัดหนักถึง 2 รอบ หากย้อนไปถึงการประกาศจากพวกเขาเมื่อปีก่อน ยังจำกันได้หรือไม่ว่าวงได้ลั่นวาจาเอาไว้ว่าจะสร้าง era แห่ง Music For Cars โดยจะมีทั้งหมด 2 อัลบั้มด้วยกันก็คือ ‘A Brief Inquiry Into Online Relationships’ ที่เพิ่งออกมาเมื่อปีก่อน และ ‘Notes on a conditional form’ ที่มีแผนจะปล่อยออกมาให้ฟังกันภายใน 2019 นี้ โดยทางวงยังบอกว่าสองอัลบั้มที่กล่าวมาแม้จะไม่ได้เกี่ยวข้องจนเรียกเป็นส่วนเดียวกัน แต่ก็ถือว่าอยู่ใน era เดียวกัน ซึ่งตอนนี้ Notes on a conditional form ถูกเผยชื่อเพลง 3 เพลงเท่านั้น ประกอบไปด้วย The Birthday Party, Playing On My Mind และ Frail State Of Mind