การเปิดตัวโมเดลสำคัญในประวัติศาสตร์ BMW นี่คือรถยนต์ที่ถูกสร้างขึ้นแบบ standalone BMW M ที่พัฒนาขึ้นมาเป็นพิเศษสำหรับ M โดยเฉพาะ เช่นเดียวกับการสร้าง BMW M1 ในตำนานนับตั้งแต่ปี 1978 และยังเป็นการสร้างบนตัวถัง SUV แทนที่จะเป็นตัวถังสปอร์ตคูเป้ ยิ่งทำให้ BMW XM คันนี้มีความน่าสนใจยิ่งขึ้น ดีไซน์ภายนอกของ Concept XM สิ่งแรกที่ทุกคนต้องทักคือกระจังหน้าใหม่ขนาดใหญ่พิเศษในทรงแปดเหลี่ยม มีแถบไฟคอนทัวร์ในขอบกระจังหน้า ช่วยสร้างมิติที่ทันสมัย ไฟหน้าออกแบบเป็นด้านละสองดวงเล็กแยกออกจากกัน เพิ่มรายละเอียดที่โดดเด่น มองแวบแรกอาจจะแปลกตา แต่ยิ่งมองนาน ๆ ยิ่งรู้สึกถึงได้ถึงเสน่ห์ของการดีไซน์ที่บาลานซ์ได้ครบทั้งความสปอร์ตดุดัน ความหรูหรา ความแข็งแกร่ง และเทคโนโลยีที่ล้ำหน้า รายละเอียดรอบคันก็มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน บอดี้รถเลือกใช้สี two-tone ระหว่างสี gold-bronze ที่ส่วนบนของรถ และใช้สี Space Grey Metallic บริเวณด้านล่าง มีไฟช่องไฟ LED อยู่เหนือเสา A-pillars สีดำ blacked-out ด้านหลังมีไฟท้ายลากยาวดวงใหญ่สีดำ blacked-out
“เธอกลับมา…เพื่อหมุนเข็มนาฬิกาให้เดินกลับหลัง” เนื้อเพลงจากเพลงดังในอดีตที่ไม่แน่ใจว่าได้ฟังครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ แต่บทเพลงนี้จะดังก้องในหัวทุกครั้งที่ได้เห็น Azimuth Back In Time นาฬิกาจากแบรนด์ Azimuth รุ่น Back In Time หรือเรียกได้อย่างสั้นๆว่า BIT เป็นเรือนเวลาที่มีกลไกอันซับซ้อนและเรียกร้องความสนใจจากผู้พบเห็นได้ดีเหลือเกิน ทำไมนะเหรอ? ก็เพราะนาฬิการุ่นนี้เธอเดินถอยหลังนั่นเอง (anti clockwise) และไม่ได้มีแค่กลไกบอกเวลาแบบทวนเข็มนาฬิกาเท่านั้น ตำแหน่งของตัวเลขบอกเวลาก็ยังถูกวางในรูปแบบทวนเข็มนาฬิกาและกลับตาลปัตรจากจารีตเดิม ๆ เช่นกัน Azimuth BIT ได้รับการเปิดตัวครั้งแรกในปีค.ศ. 2009 มีทั้งเวอร์ชันเข็มเดี่ยวและสองเข็ม ด้วยรูปทรงไพลอตและหน้าตาอันแสนจะเรียบง่าย สีหน้าปัดและเข็มบอกเวลาที่ได้รับการคุมโทนมาอย่างตั้งใจ ไม่มีสิ่งใดโดดเด่นเกินเลยหรือแปลกแยกผิดแผกไปจากกัน หากมองทะลุความเรียบง่ายเหล่านี้ไปและพินิจพิจารณาไปที่กลไกบอกเวลา จะรับรู้ได้อย่างไม่ยากเลยว่าผู้ผลิตไม่ได้ปฏิวัติแค่ความคิด แต่ต้องปฏิวัติเทคนิคในการสร้างกลไกสำหรับบอกเวลาด้วยเช่นกัน เพราะทุกอย่างถูกตั้งอยู่บนความขบถ ผู้ผลิตจึงต้องออกแบบและสร้างชุดเกียร์พิเศษขึ้นมาใหม่ นำไปติดตั้งคั่นกลางระหว่างชุดขับเคลื่อนและเข็มบอกเวลาจึงจะทำให้การเดินถอยหลังนั้นเกิดขึ้นได้จริงและสมบูรณ์แบบที่สุด ตลอดระยะร่วมทศวรรษที่ Azimuth Back In Time ได้รับการพัฒนาและนำเสนอซีรี่ย์ใหม่ ๆ เรื่อยมา แม้จะมีคำวิพากษ์วิจารณ์ว่าใช้งานได้ยาก ดูเวลาได้ไม่สะดวก ใครจะต้องการนาฬิกาเดินถอยหลังกันไปเพื่ออะไร แต่ BIT ก็ยังคงได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในไอคอนของแบรนด์ จนได้รับการสั่งผลิตรุ่นลิมิเต็ดและถูกผูกโยงไปกับหน้าบันทึกของประวัติศาสตร์โลกอย่างเนือง ๆ ซึ่งหาได้ยากจากนาฬิกาทั่วไป
นิสสัน ประเทศไทย นำเสนอนวัตกรรมที่สร้างความตื่นเต้นเร้าใจ “Innovation for Excitement” ในงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 38” ที่มีแนวคิด ‘TIME to ENJOY’ ในการจัดงาน ครั้งนี้นิสสันนำเสนอทั้งรถยนต์รุ่นพิเศษ อาทิ นิสสัน จีที-อาร์ ที-สเปค และนิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ สกาย อิดิชั่น และจัดแสดงระบบนิเวศรถยนต์ไฟฟ้าที่สมบูรณ์เพื่อให้ลูกค้า และผู้ที่สนใจได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ และมอบโปรโมชันพิเศษสำหรับรถยนต์นิสสันทุกรุ่นในงานนี้ ไฮไลท์รถยนต์รุ่นพิเศษในบูธนิสสันปีนี้ได้แก่ นิสสัน จีที-อาร์ ที-สเปค, นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ สกาย อิดิชั่น, นิสสัน อัลเมร่า สีใหม่ ไนท์ บลู (Night Blue), นิสสัน เทอร์ร่า มิดไนท์ (Midnight) แพ็คเกจ และนิสสัน นาวารา เอ็กซ์ทรีมเมอร์-เอ็กซ์ (Extremer-X) แพ็คเกจ สำหรับผู้ที่สนใจนิสสัน
วินาทีนี้ ไม่มีใครไม่รู้จักนักแสดงสุดเกรียน เจ้าของบทบาท Deadpool วีรบุรุษสุดแสบที่มาปั่นป่วนโลกของซูเปอร์ฮีโร่ แต่ใครจะรู้บ้างว่า กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ Ryan Reynolds ต้องค้นหาตัวตนอย่างยากเย็นแค่ไหน เรามาดู 10 หนังสร้างชื่อ ที่ทำให้เขากลายเป็นขวัญใจคนดูหนังทั่วโลกกันได้เลย National Lampoon’s Van Wilder (2002) เริ่มต้นการแสดงมาตั้งแต่เยาว์วัยในซีรีส์ท้องถิ่นของแคนาดามาตั้งแต่ปี 1991 ทำให้ Ryan Reynolds ไม่มีโอกาสที่จะได้รับบทเด่นสักที โชคดีที่ซีรีส์ Two Guys, a Girl (1998-2001) ทำให้เขาเริ่มเป็นที่รู้จักในฐานะที่เป็นนักแสดงมากความสามารถ ไม่ใช่แค่หน้าตาดีเพียงอย่างเดียว และจากซีรีส์นี้เอง ในที่สุดเขาก็ได้รับบทเด่นเป็นพระเอกเสียทีในหนังตลกสุดเกรียน National Lampoon’s Van Wilder (2002) Ryan รับบทตามชื่อเรื่อง หนุ่มมหาลัยที่ใฝ่แต่กิจกรรมและความเมามายจนเรียนไม่จบ และค้างเติ่งอยู่มหาลัยลอยชายไปวันๆ จนกระทั่งพ่อและแม่ต้องดัดนิสัยด้วยการตัดท่อน้ำเลี้ยงไม่ส่งเสียต่อ ทำให้เขาต้องหาทางหาเงินเพื่อให้ได้ใช้ชีวิตมหาลัยอย่างนี้ไปนานๆ แม้บทเริ่มต้นของเขาจะไม่เป็นที่ปราบปลื้มของคนดูสักเท่าไหร่ เพราะตลกส่วนใหญ่ก็มุกห่ามๆที่คนส่วนใหญ่จะไม่ชอบ แต่กลับทำให้ Ryan รู้สึกว่าการมาสายเกรียนนั้นคือถนนสายหลักที่เขาควรจะเลือกทางเดินนี้ Blade: Trinity (2004) หลังจาก
หลายคน รู้จักเขาจากในฐานะผู้เปิดกระแสดนตรีแห่งสหราชอาณาจักร ในยุคที่ Britpop ครองเมือง หลายคน คุ้นเคยในฐานะ Virtual Band สุดเท่ Gorillaz และหลายคนจดจำเขาในบทบาทของเจ้าพ่อโปรเจกต์ที่สร้างงานหลากสไตล์หลายรูปแบบที่นับไม่หวาดไม่ไหว แน่นอนว่าคำว่า “ดนตรีในหัวใจ” อาจจะเป็นคำที่ดูแสนเชย แต่สำหรับ Damon Albarn แล้ว กว่า 30 ปี ในวงการดนตรีแล้ว ไม่มีคำไหนจะเหมาะสมเท่ากับคำๆนี้แล้ว Blur ผู้เปิดศักราชใหม่แห่งดนตรี Britpop สำหรับแฟน ๆ ยุค 90s แฟนเพลงร็อคหลายคน ไม่มีใครไม่รู้จักวง Blur หนึ่งในวงดนตรีที่เปิดศักราชแห่งยุคสมัยของ Britpop Era ให้กลายเป็นกระแสหลักของโลก ด้วยการหยิบจับอัตลักษณ์ของชาวอังกฤษในซาวด์ผู้ดีสุดเนี๊ยบ ผสมผสานกับการขี้แซะและประชดประชัน จนทำให้แนวดนตรีนี้สามารถยึดหัวหาดของกระแสให้กับนักฟังเพลง และทำให้วงการดนตรีอังกฤษคึกคักเป็นอย่างมากในยุคนั้น แต่มันไม่ง่ายเลยกว่าจะถึงจุด ๆ นั้น เขาและเพื่อนพ้องวง Blur ต่างดิ้นรนขวนขวายในการสร้างวงดนตรี กว่าจะเป็นที่จดจำในวงกว้างนั้นยากลำบากมาก Damon ร่วมกับเพื่อนพ้องทำวง Blur ในช่วงปลายยุค ’80s กับ
ตอนนี้ วลี “จริงๆแล้ว ฉันเป็นประธานบริษัท” ดูจะฮิตในโลกโซเชียลเป็นพิเศษ ซึ่งในวงการดนตรี มีศิลปินหลายคนที่นอกจากเป็นนักร้องสุดฮอตรุ่นใหญ่ของวงการแล้ว เขาและเธอเหล่านี้ยังควบตำแหน่งประธานค่ายเพลง ผลักดันและต่อยอดศิลปินรุ่นใหม่ให้โดดเด่นในวงการเพิ่มขึ้นไปอีก มาดูกันว่า มีใครบ้างในวงการ ที่สร้างชื่อในฐานะเจ้าของค่ายเพลงกัน แล้วคุณจะอึ้งถึงศักยภาพที่พวกเขามีอย่างเหลือเชื่อ Madonna – Maverick ในช่วงปลายทศวรรษที่ 80s Madonna เจ๊ใหญ่แห่งวงการพ็อพ รู้สึกอึดอัดที่การ Performance อย่างโจ้งแจ้งของเธอนั้นถูกปิดกั้นจากค่ายเพลงที่เธอสังกัด ปี 1992 เธอจึงจัดการค่ายเพลงของตัวเองเสียเลย เพื่อสร้างอิสระในการทำเพลง รวมไปถึงภาพลักษณ์อันแสน sexy ของเธอ โดยชื่อ Maverick นั้นมาจากการรวมตัวหุ้นส่วนทั้ง 3 คน (ซึ่ง Ma นั้นก็มาจากชื่อ Madonna ของเธอนั่นเอง) โดยผลงานชิ้นแรกที่ออกมานั่นก็คืออัลบั้ม Erotica (1992) อัลบั้มสุดอื้อฉาวที่ออกพร้อมหนังสือภาพ Sex อันลือลั่นนั่นเอง และผลงานของศิลปินที่สร้างชื่อมากๆของค่าย Maverick ก็คือ Alanis Morissette ศิลปิน Alternative Rock ที่ฮอตสุดในยุค
ในรายชื่อรถยนต์ที่ดีที่สุดของ Mercedes-Benz หนึ่งในนั้นจะต้องมีรุ่น W201 Mercedes 190 series เวอร์ชันพิเศษ Cosworth ที่ทั้งแรร์และเป็นที่ต้องการของนักสะสมทั่วโลก มันคือรถ Road-legal ที่ถูกสร้างจากต้นแบบสำหรับลงแข่งรายการ Deutsche Tourenwagen Meisterschaft (DTM) เพื่อแข่งกันชิงตำแหน่งแชมป์กับ BMW M3 อย่างดุเดือดตลอดยุค ’80s – 90s Mercedes-Benz 190 E Cosworth เป็นการร่วมมือกันระหว่าง Mercedes-Benz และสำนักแต่งรถชื่อดังจากอังกฤษ ‘Cosworth’ ซึ่งในช่วงปี 1980s เป็นครั้งแรกที่ค่ายตราดาวเปิดตัวรถซีดานหรูขนาด Compact ก่อนหน้าที่จะมี C-Class ในอีกหลายปีต่อมา ผลงานการออกแบบโดย Bruno Sacco หัวหน้าฝ่ายออกแบบผู้สร้างผลงานระดับตำนานมากมายในช่วง 1975 – 1999 ไม่ว่าจะเป็น S-Class W126, W140 รวมถึง R129 SL convertible ซึ่งเกือบทุกรุ่นที่ผ่านมือล้วนถูกยกย่องว่าเป็น
มาทำความรู้จักกับ Alex Turner หัวหอกวงลิงซน ที่เขาว่ากันว่าเป็นอัจฉริยะของการเขียนเพลง
รถที่ขึ้นชื่อว่าเป็น Iconic ที่ดีที่สุดในกลุ่ม Luxury sedan ต้องมีพื้นที่สำหรับ Jaguar XJ อยู่ในนั้น ด้วยระยะเวลาทำตลาดที่ยาวนานกว่า 50 ปี ก่อนจะเกษียณตัวเองอย่างถาวรไปในปี 2019 ตลอดระยะเวลานั้น ตัวถังที่สวยงามและหายากเหมาะแก่การสะสมที่สุดก็คือ XJ Coupe Mk II generation ทำตลาดในช่วงปี 1975 -1978 ผลิตออกมาทั้งหมดจำนวน 10,500 คัน วันนี้สำนักแต่งรถเลือด Polish ชื่อ “Carlex Design Studio” ได้เปิดโปรเจคปั้น Jaguar XJ Coupe ให้กลับมาโลดแล่นอีกครั้งอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ custom Jaguar XJ Coupe จะเป็นโปรเจคล่าสุดภายใต้ “Carlex Jewel line” ซึ่งจะเน้นการปั้นตัวถังรถ classic cars ให้มีความทันสมัยด้วยดีไซน์ที่แตกต่าง แน่นอนว่าอาจจะไม่ถูกใจนักอนุรักษ์ของเดิม เพราะจากภาพที่เราเห็นนั้นมันคือ Restomod XJ Coupe
ก่อนหน้านี้ทุกสำนักรีวิวต่างยกให้ Cayman GT4 เป็น 718 ที่ดีที่สุด ดีไม่แพ้ 911 แต่ปัจจุบันตำแหน่งนั้นคงต้องเปลี่ยนมือเสียแล้ว เพราะนี่คือโมเดลที่จัดจ้านยิ่งกว่าในบอดี้ 718 ที่มากับราคาเท่า 911 Turbo S เป็นเวอร์ชั่นที่เต็มที่สุดทุกด้านด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดเท่าที่ Porsche มี จนเราต้องถามตัวเองว่า 911 ยังจำเป็นไหมต่อจากนี้ Porsche เปิดตัว 718 Cayman GT4 RS ครั้งแรกกับรหัสที่ร้อนแรงที่สุดของ 718 Cayman รถสปอร์ต mid-engined น้องเล็กแต่ขุมพลังไม่เล็กตาม หันมาใช้เครื่องยนต์ความจุ 4.0 ลิตร NA flat-six ที่ยืมมาจากรุ่นพี่ใหญ่ 992-gen 911 GT3 ในบอดี้ที่เล็กกว่า จึงให้สมรรถนะที่ดีกว่าเป็น 493 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตันเมตร สามารถลากรอบได้ถึง 9,000 rpm กับน้ำหนักตัวที่เหลือเพียง 1,463 กิโลกรัม