คงไม่เคยมีใครคาดคิดว่า อากาศบริสุทธิ์ที่ไร้ฝุ่น PM2.5 หรืออากาศที่ไร้มลพิษจะกลายเป็นสิ่งหายากในบางประเทศ ปัจจุบันเรียกได้ว่ามนุษย์ใกล้จะเดินทางถึงยุคที่ต้องมีหน้ากากเป็นส่วนนึงของอวัยวะร่างกายกันแล้ว ในประเทศไทยเราได้เจอกับฝุ่น PM2.5 ระดับเข้มข้นจนเป็นอันตรายกระจายไปทั่วประเทศ ในประเทศที่อากาศมีมลพิษหนักกว่าเราอย่างจีนหรืออินเดีย และเหตุการณ์ไฟไหม้ป่าที่รุนแรงอย่างในอเมริกาและออสเตรเลีย หน้ากากก็ถือเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องใส่ติดหน้าจนกลายเป็น Culture ที่คนค่อย ๆ ทำกันจนชินมากขึ้น มลพิษในอากาศถือเป็นปัญหาที่รุนแรงต่อสุขภาพ เพราะการสูดดมเข้าไปเป็นจำนวนมากต่อเนื่อง เป็นต้นเหตุของสารพัดโรคร้ายตั้งแต่โรคหัวใจไปจนถึงมะเร็ง บวกกับอากาศของโลกที่ร้อนขึ้นทุกปี ยิ่งทำให้ปัญหามลพิษและฝุ่นควันมีแต่จะรุนแรงและยาวนานขึ้น ล่าสุดภายในงาน CES 2020 สิ่งที่หลายคนเคยจินตนาการไว้ก็ถูกนำออกมาแนะนำ มันคือ Ao Air by Atmos Faceware หน้ากากที่สามารถฟอกอากาศบริสุทธิ์ให้ผู้สวมใส่ ซึ่งมันกลายเป็น Wearable gadgets เสมือนมีเครื่องฟอกอากาศติดตัว แต่ดูเหมือนจะเป็นทางเลือกสำหรับคนมีเงินเท่านั้น เพราะ Ao Air ตั้งราคาขายเอาไว้สูงถึง $350 หรือราว 11,000 บาทเลยทีเดียว ในขณะที่หน้ากาก N95 ทั่วไปราคาอย่างแพงก็แค่หลักร้อยถึงพันเท่านั้น Ao Air by Atmos Faceware เป็นหน้ากากสำหรับสวมใส่ครอบปากจมูก มีการออกแบบให้โปร่งใสด้วยมุมมองที่เชื่อว่าในอนาคตมนุษย์จะต้องใส่หน้ากากเกือบตลอดเวลา จึงทำหน้ากากใสเพื่อให้เห็นสีหน้าและรอยยิ้มนั่นเอง
ระยะหลังมานี้ มีโรงแรมเปิดใหม่ในพื้นที่พัทยาเพิ่มมากขึ้น และมีหลายแห่งที่ทำเป็น Resort and Villa ได้อย่างน่าสนใจ สามารถใช้เวลาเดินทางไม่นานจากกรุงเทพ และยังสามารถหาความเงียบสงบได้ในพื้นที่พัทยา โดยเฉพาะโรงแรมในบริเวณหาดนาจอมเทียนซึ่งมักจะเป็นที่พักในกลุ่ม Luxury อย่างเช่น Mason Pattaya Design Hotel ที่เราเคยแนะนำไปก่อนหน้านี้ และวันนี้เราจะขอแนะนำอีกตัวเลือกที่ราคาเป็นมิตรมากขึ้น และเป็นโรงแรมเปิดใหม่ที่น่าสนใจ นั่นคือ Ana Anan Resort & Villas Pattaya Ana Anan Resort & Villas Pattaya ตั้งอยู่บริเวณหาดนาจอมเทียน เป็นโรงแรมขนาดใหญ่ที่มีความหรูหรา ตกแต่งสวยงาม และมีความร่มรื่นของธรรมชาติ ภายในตัดขาดจากความวุ่นวายของตัวเมืองพัทยาได้ดี เชื่อว่าหลายคนที่ดู Blogger รีวิวไป อาจจะจินตนาการว่าที่นี่เป็น Resort ที่เงียบสงบ เหมาะจะมากับคู่รักในช่วงวันหยุดศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ แต่ความจริง โรงแรมนี้อาจจะไม่ใช่ภาพแบบที่หลายแห่งนำเสนอซะทีเดียวครับ ถ้าคุณแพลนจะพาสาวมาสวีทแสนหวานอย่างสงบเงียบล่ะก็ เราขอเตือนไว้ก่อนว่าในความเป็นจริง อาจจะไม่สงบอย่างที่คิด เพราะด้วยความที่ Ana Anan เป็นโรงแรมขนาดใหญ่ที่มีห้องพักถึง 263
หยุดยาวส่งท้ายปีนี้ไปเที่ยวไหนดี ? ใกล้ถึงเทศกาลแห่งความสุขส่งท้ายปี หลาย ๆ คนคงกำลังเตรียมแพ็คกระเป๋าไปเที่ยวพักผ่อนบอกลาปี 2019 ที่กำลังจะผ่านไป แต่ไม่ว่าจะไปเที่ยวไหน หรือไปกับใคร อย่าลืม ! แพ็ค Netflix ติดกระเป๋าไปกับคุณด้วย ! เพราะ นอกจากจะเป็นเพื่อนยามเหงาที่บ้านแล้ว Netflix ยังเป็นเหมาะกับการเพื่อนคู่ใจยามท่องเที่ยวให้สายเที่ยวได้ฟีลกับการท่องเที่ยวแบบต่าง ๆ ไปกับคอนเทนต์มากมายหลากหลายสไตล์บน Netflix ที่จะทำให้การท่องเที่ยวของคุณมีความหมายมากยิ่งขึ้น มาดูกันว่า 5 เรื่องที่เราคัดสรรมานี้จะถูกใจสายเที่ยวสายไหนกันบ้าง The Irishman อีกเรื่องที่ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Golden Globes 2020 สาขาภาพยนตร์ดราม่ายอดเยี่ยมเช่นเดียวกันก็คือ The Irishman (คนใหญ่ไอริช) หนังที่เล่าเรื่องราวองค์กรอาชญากรรมในอเมริกาช่วงหลังสงคราม โดยเรื่องราวดำเนินไปในช่วงระยะเวลา 10 ปีและตีแผ่ปริศนาที่ยังไม่มีการไขกระจ่างในประวัติศาสตร์อเมริกา พร้อมล้วงลึกองค์กรอาชญากรรมในด้านที่ไม่มีใครได้รู้มาก่อน กำกับโดยผู้กำกับอย่าง มาร์ติน สกอร์เซซี ที่ฝากผลงานไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น The Aviator, Hugo หรือ The Wolf of
เป็นรองเท้าที่ถูกจับตามองตั้งแต่ปล่อย Logo ออกมาเรียกน้ำย่อยระหว่าง Dior กับ Air Jordan การรวมตัวของแบรนด์จากโลก Luxury Fashion สุดหรู กับแบรนด์ Sportwears สุดเท่ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นเทรนด์หลักในโลกแฟชั่นของปีหน้าอย่างแน่นอน เพราะก่อนหน้านี้ก็พึ่งจะเปิดตัว PRADA x adidas SuperStar ไปไม่นาน เป็นไปเหมือนที่เราคาดการณ์เอาไว้ว่าการ Collaboration DIOR x Air Jordan 1 ครั้งนี้จะถูกสร้างสรรค์บนโมเดล Air Jordan 1 High OG ซึ่งถือว่าเป็นรุ่น Iconic ของแบรนด์ที่เลือกได้อย่างสมศักดิ์ศรี เปิดตัวอย่างอลังการสนั่นโลก Social Media ไปหมาด ๆ ในงาน Dior Men’s pre-fall 2020 ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ Dior เปิดตัว Men collection ใน Miami โดยมี Influencer
ถ้าเราพูดถึงไอเดียที่บ้าระห่ำในการสร้างสรรค์รถ Limited Edition ผลิตเพียง 20 คัน และอยากจะตั้งราคาขายคันละ 100 ล้านบาท คงไม่มีค่ายรถยนต์ไหนในโลกจะทำได้ง่ายเท่ากับ Bugatti อีกแล้วในเวลานี้ ด้วยราคาขายในเวอร์ชันปกติของ Bugatti Chiron ราคาคันละ $2.9 ล้านเหรียญ (ราว 90 ล้านบาท) ถ้าจะผลิตรุ่นพิเศษ Chiron Noire Sportive และ Chiron Noire Elegance โมเดลละ 10 คัน ขายในราคาคันละ $3.3 ล้านเหรียญ (ราว 100 ล้านบาท) โดยมีภายนอกปกคลุมด้วย Corbon fiber ทั้งคัน จึงไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจอะไร Bugatti Chiron Noire ถูกสร้างขึ้นจากแรงบันดาลใจของ ‘Type 57SC’ โมเดลตำนานอันยิ่งใหญ่ถูกผลิตขึ้นเพียง 4 คันในโลก และ 1 ใน
เชื่อว่าหลายคนน่าจะรู้จักกระบะหน้าตาแปลก Tesla Cybertruck ผลงานล่าสุดของ Elon Musk กันไปเรียบร้อยแล้ว และน่าจะได้เห็นคลิปโชว์พละกำลังของมันจากการทำ Tug War ระหว่างสองรุ่นใหญ่ Cybertruck vs Ford F-150 Pick Up Truck ซึ่งผลก็คือ Cybertruck ลาก F-150 ปลิวไปตามแรงราวกับลากปุยนุ่น ผลที่ตามมาจึงเหมือนกับที่หลายสื่อคาดการณ์เอาไว้ นั่นคือดราม่าที่ต่างออกมาชี้ว่าผลการทำ Tug War ครั้งนี้โคตรจะไม่แฟร์เลยครับคุณ Musk ล่าสุดทาง Vice President ของ Ford, Sunny Madra, ที่เห็นภาพ Ford F-150 โดนกระทำชำเราแบบผิด ๆ ก็ออกมาปกป้องศักดิ์ศรีรถ Pick Up ของตัวเองทันที พร้อมท้าทาย Elon Musk ผ่านการ Tweet อย่างดุเดือดว่า “Hey Elon Musk, send
ในโลกแห่งความวุ่นวาย พวกเราล้วนมองหาช่วงเวลาที่จะได้อยู่กับตัวเองคนเดียวบ้าง อาจจะเป็นช่วงเวลาที่เราต้องการใช้ความคิด ใช้สมาธิ ใช้ความเงียบ หรืออาจจะเป็นช่วงเวลาที่ต้องการเข้าถึงเนื้อหาและรายละเอียดของดนตรีโปรดบ้าง ซึ่งความเงียบดูจะเป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่งในโลกยุคปัจจุบัน แต่แทนที่เราจะมาแนะนำให้คุณไปเข้าวัดปฏิบัตรธรรมกลางป่าลึก เรากำลังจะบอกว่ามันมีวิธีที่ง่ายกว่านั้น นั่นคือหูฟังรุ่นใหม่ล่าสุด Bose Noise Cancelling Headphones 700 ที่เราพึ่งจะได้มาครอบครองหมาด ๆ และเรากำลังจะมารีวิวกันว่า หูฟัง Wireless Headphone ราคา 15,900 บาทอันนี้ คุ้มค่าที่คุณจะต้องควักเงินจ่ายซื้อมันมาครอบครองหรือไม่ เหตุผลที่เราสนใจ Headphone ตระกูล Noise Cancelling จาก Bose นั้น คงไม่ต้องอธิบายให้มากในเรื่องของคุณภาพคาแรคเตอร์พลังเสียงที่ครบถ้วน นุ่มนวลหู และความเป็นผู้นำลำดับต้น ๆ ด้านความสามารถในการตัดเสียงภายนอกของ Bose ซึ่งข้อหลังนั้นทำให้หลายสายการบินเลือกใช้ Bose QuietComfort 35 ในที่นั่งชั้น Business Class เพื่อความผ่อนคลายที่เงียบสงบตลอดการเดินทาง บวกกับการทำอาชีพนักเขียนที่กำลังมีลูกชายอายุไม่ถึง 1 ปี เป็นวัยที่ร้องไห้ได้ตลอดเวลาแม้จะไม่มีเหตุผลอะไรก็ตาม ใครพอจะจินตนาการตามได้คงจะรู้ดีว่ามันชวนเวียนหัวแค่ไหนในวันที่งานก็ต้องเร่ง ลูกก็ต้องร้อง ดังนั้นการจะทำงานที่ต้องใช้สมาธิสูง บวกกับการชอบฟังเพลงจากหูฟังดี
ก่อนที่จะเข้าใจเหตุผลของการมีอยู่ในปัจจุบัน เราจำเป็นต้องรู้จักกับอดีตและประวัติของมันเสียก่อน แน่นอนว่ารถ BMW M5 คือซีดานตัวแรงในฝันของผู้ชายทุกคนใบโลกใบนี้ ไม่ว่าจะเป็นรหัส F90 ตัวปัจจุบัน, F10, E60, E39, E34 ไปจนถึง E28 ซึ่งถือเป็น BMW M5 ตัวแรกที่ทำตลาดในช่วงปี 1984–1988 แม้กาลเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน แต่เสน่ห์ของ BMW ทุกรุ่นกลับยิ่งเพิ่มคุณค่าและมูลค่าทั้งทางราคาและทางจิตใจให้กับคนรักรถทั่วโลกได้เป็นอย่างดี BMW M5 ที่มีคุณสมบัติยอดเยี่ยมขนาดนี้ มันมีจุดเริ่มต้นมาจากไหน? แม้มันจะไม่ใช่ต้นแบบของ BMW M5 ระดับ 100% เต็ม แต่ BMW 530 MLE (Motorsport Limited Edition) ซึ่งเป็นรถที่ถูกสร้างขึ้นในปี 1976 แบบ Exclusive เพื่อตลาด South African โดยเฉพาะ และมันถูกสร้างโดยจุดประสงค์เดียวคือเพื่อลงแข่งขันในสนามโดยเฉพาะ โดยพัฒนาบนพื้นฐานของ BMW 5-Series E12 BMW 530
สิ่งนึงที่แบรนด์รถยนต์ทั่วโลกได้เรียนรู้จาก Tesla คือการสร้างรถพลังงานไฟฟ้าที่น่าเบื่อนั้น สร้างยอดขายไม่ได้ แต่ถ้าเป็นรถพลังงานไฟฟ้าที่ Inspired มาจาก Mustage ล่ะ? ดูเหมือนว่า Mustang Mach-E Electric SUV จะเป็นคำตอบที่ Ford ทำการบ้านมาเป็นอย่างดี ในยุคที่ตลาด SUV กำลังมาแรงแซงทุกตัวถัง เราเห็นทั้ง Lamborghini, Rolls-Royce หันมาลงแข่งในตลาดนี้กันอย่างดุเดือด ในขณะเดียวกัน อีก Segment ที่หอมหวานของ Electric SUV ก็มีอนาคตที่สดใสน่าสนใจไม่น้อย แถมยังเป็น sengment ที่ค่อนข้างจะมีเจ้าตลาดน้อย อย่างที่นึกออกเร็ว ๆ ก็มีเพียง Tesla Model X, Jaguar I-Pace, MG ZS EV ดังนั้นการรีบผลักดันเปิดตัว Mustang Mach-E Electric SUV ออกมาในตลาดนี้จึงถือเป็นการตัดสินใจที่สำคัญและทำได้ดีเลยทีเดียว WE NEED A NEW
SWATCH (สวอท์ช) เปิดตัวสำนักงานใหญ่อย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงสร้างแบบไม้ที่ใหญ่ที่สุดของโลก หลังการก่อสร้างอย่างยาวนานและพิถีพิถันกว่า 5 ปี พร้อมเผยโฉมให้เห็นถึงการออกแบบและคัดสรรวัสดุก่อสร้างที่ถูกคิดมาอย่างละเอียดอ่อนและหลักแหลม โดย Shigeru Ban สถาปนิกชาวญี่ปุ่น ผู้ชนะรางวัลพริตซ์เกอร์ (Pritzker Prize) ที่เรียกได้ว่าเปรียบเสมือนรางวัลโนเบลทางด้านสถาปัตยกรรม อาคารทรงโค้งแปลกตา ความยาว 240 เมตร สะท้อนแสงแดดเป็นประกายเห็นถึงความสง่างามที่ถูกวางพาดกลางเมือง Biel ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ดีไซน์สุดแหวกแนวนี้เปลี่ยนสำนักงาน หรือออฟฟิศแบบเดิมๆ ให้กลายเป็นที่ปลุกจินตนาการของพนักงานและผู้คนที่สัญจรไปมา ทั้งยังผสมผสานแรงบันดาลใจในการสร้างเข้ากับสิ่งแวดล้อมรอบตัวเมืองอย่างลงตัวราวกับงานศิลปะ เปลือกภายนอกอาคาร ครอบคลุมพื้นที่กว่า 11,000 ตารางเมตร รอบอาคาร ทั้งด้านในและด้านนอกถูกออกแบบให้เกิดมิติที่มีความหลากหลายทางสถาปัตยกรรม พิเศษที่การผสมผสานระหว่างดีไซน์และนวัตกรรม ด้วยการวางแพทเทิร์นซ้ำๆ สลับกับวัสดุที่ต่างกันออกไปบนโครงสร้างเปลือกทำจากไม้สนลายกริด (Grid Facade) ไม่ว่าจะเป็นไม้ หรือกระจกที่โค้งไปตามสรีระโครงสร้างของตัวอาคาร ตอกย้ำความละเอียดและประณีตด้วยการใช้ไม้สนเป็นวัสดุสำคัญของโครงสร้าง ที่มีความแข็งแรง ทนทาน ในขณะเดียวกันกลับมีน้ำหนักที่เบาและให้สีอ่อน สบายตา เปลือกลายกริดถูกยึดกันด้วยคานกว่า 4,600 ชิ้น โดยแต่ละช่อง หรือกริด (Grid) ถอดฟอร์มมาจากทรงรังผึ้ง (Honeycomb) ที่ประกอบกันกว่า 2,800