COVID-19 เข้ามาเปลี่ยนแปลงหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตเรา โดยเฉพาะวัฒนธรรมการทำงานที่ไม่มีทีท่าว่าจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ในเร็ววันนี้ การทำงานในส่วนที่ต้องใช้การสื่อสาร ยิ่งกระตุ้นให้เราเปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งใหญ่ เราไม่ได้เข้าพรีเซนต์งานต่อหน้าคนทั้งห้องอีกต่อไป เราไม่ได้ประชุมแบบเห็นหน้าค่าตากันโดยสะดวกอีกแล้ว ทำให้หลายคนคิดว่า “ภาษากาย” ไม่ใช่สิ่งจำเป็น แต่ผิดถนัดยิ่งการประชุมผ่านวีดีโอคอล หรือเทคโนโลยี คนที่ปรับตัวได้เร็วกว่า รู้จักการใช้ภาษากายผ่านเทคโนโลยีอย่างมืออาชีพมากกว่า คนนั้นคือคนที่ได้เปรียบในสมรภูมิการงานที่ต้องฟาดฟันกันอย่างดุเดือดขึ้นเรื่อย ๆ สายตายังสำคัญ อย่ามองกล้อง อย่ามองจอ แบบตรง ๆ หัวใจสำคัญที่สุดของภาษากาย หากต้องการสื่อสารให้ทรงพลังก็ยังคงเป็น “อายคอนแทค” อยู่นั่นเอง แต่เมื่อเปลี่ยนสถานที่ทำงาน เปลี่ยนรูปแบบการทำงานและการประชุม ความท้าทายก็เปลี่ยนไป จากปกติที่เราอาจไม่กล้าสบตาคนในห้องประชุม หรือผู้เข้าร่วมประชุมเยอะเกินไปจนเลือกสบตาไม่ถูก การ Video Conference ก็มีอุปสรรคในแบบของตัวเองเช่นกัน สิ่งที่คนทำงานไม่ชินเมื่อต้อง Video Conference คือเราไม่แน่ใจว่าการสบตายังจำเป็นอยู่มากน้อยแค่ไหน? และถ้ามันจำเป็นเราจะสบตาคนที่อยู่คนละฝั่งโลก ฝั่งประเทศ หรืออยู่คนละมุมของเมืองอย่างไร? คำตอบก็คืออายคอนแทคยังคงเป็นภาษากายที่มีความหมายมาก เพราะนี่คือการสื่อทุกอารมณ์ ความรู้สึกที่คำพูดอาจบอกได้ไม่ครบถ้วน หรือช่วยเน้นย้ำคำพูดที่พูดออกไปให้ชัดเจนขึ้น การสร้างอายคอนแทคผ่าน Video Conference นั้นไม่จำเป็นต้องจ้องไปที่กล้องของเรา หรือจ้องที่หน้าจอ มันอาจดูไม่ชินในครั้งแรก ๆ แต่อย่าลืมว่าหลายคนอาจพลาดท่าหรือทำให้เสียบุคลิกเพราะเอาแต่จ้องภาพเคลื่อนไหวของตัวเองที่อยู่บนหน้าจอ จุดที่ควรจ้องนั้นผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าอาจเป็นด้านข้างของกล้องหรือข้างของจอ เนื่องจากที่จุดนั้นเราจะรู้สึกสบาย
ใครว่าซีรีส์เกาหลีจะมีแต่รสหวาน โรแมนติก กับสตอรี่ของพระเอกสุดหล่อที่ทำให้สาว ๆ ได้จิ้นกันตลอดเวลาซะที่ไหน ถึงเวลาที่เราจะต้องลบภาพความทรงจำที่มีต่อซีรีส์เกาหลีแบบเดิม ๆ กันเสียที เพราะหลังจากกระแสของ Itaewon Class และ Kingdom ที่พูดถึงอย่างแพร่หลายบนโซเชี่ยล ทำให้เราได้เห็นว่าซีรีส์เกาหลีได้เข้ามาอยู่ในใจชายหนุ่มมาดแมนหลายคน วันนี้ UNLOCKMEN ขอแนะนำซีรีส์เกาหลี 8 เรื่องที่มีรสเข้มกลมกล่อม บอกเลยว่า Work From Home ไป ดูไป รู้ตัวอีกทีนิ้วเท้าก็เกร็งจนตะคริวกินไปซะแล้ว ***มีการเปิดเผยเนื้อหาบางส่วน*** Tunnel เรื่องราวของตำรวจสืบสวนฝ่ายอาชญากรรมในยุค 80s ที่กำลังตามสืบคดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญของฆาตกรต่อเนื่อง ที่เลือกสังหารเฉพาะเหยื่อที่เป็นผู้หญิง โดยมีพระเอก อย่างตำรวจสืบสวนปาร์คกวางโฮ (Choi Jin Hyuk) ที่กำลังพยายามไล่จับฆาตรกรเข้ามาในอุโมงค์แห่งหนึ่ง จนพบว่าตัวเองหลุดข้ามอนาคตมายังปี 2017 โดยที่ฆาตกรคนเดิมยังลอยนวล เขาจึงต้องทำทุกทางเพื่อล่าหัวฆาตกรรมคนนี้ และปิดคดีที่ยืดเยื้อนี้ลงเสียที เรื่องนี้สนุกทั้งการไล่สืบหาตัวฆาตกรตัวจริง และการพิสูจน์ตัวเองของพระเอกให้ทุกคนในโลกปัจจุบันเชื่อและยอมรับว่าเขาคือ ตำรวจที่เคยไล่ล่าฆาตกรคนนี้มาก่อนเมื่อในอดีต ดูแล้วจะเผลอเอาใจช่วยพระเอกกันสุดแรงแน่นอน แถมดูไปแล้วก็ยังได้ข้อคิดดีๆ ที่จะทำให้เราทำทุกวันที่เป็นอยู่อย่างเต็มที่ เพราะอดีตไม่ได้แก้ไขได้เหมือนอย่างละคร อ๋อ! เรื่องนี้มีเวอร์ชั่นไทยแล้วด้วยนะ มีให้รับชมใน
ทุกวันนี้ภาพอย่างเดียวอาจจะโฆษณาได้ไม่ดีเท่าการสร้างคลิปเคลื่อนไหว แต่ราคาของการจ้างคนมาทำให้ก็ไม่น้อย Youtube จึงปล่อยเครื่องมือฟรี ช่วย DIY คลิปขายของด้วยตัวเองสำหรับ SMEs ขนาดเล็กที่อยากโฆษณาผ่าน Youtube งานน้ีคนไม่เป็น Technical ก็มีโอกาสทัดเทียมมือเก๋าเดิมได้ในราคาย่อมเยาเพื่อสร้างวิดีโอเป็นของตัวเอง โดยข้อมูลที่เปิดเผยตอนนี้ระบุว่ามีลูกค้ากลุ่มเล็ก ๆ ที่อยู่ในช่วงวิกฤตนี้ทดลองทดสอบการใช้งานแล้วในช่วงที่ผ่านมา หลังจากพบว่าผู้ประกอบการรายย่อยหลายแห่งเจอปัญหาเรื่องการรักษากระแสเงินสด “เราหวังว่าเครื่องมือ Video Builder จะช่วยให้ธุรกิจทุกขนาดที่ต้องการสร้างวิดีโอไว ๆ โดยเฉพาะอย่างย่ิงในตอนนี้ สามารถใช้งานและเข้าถึงได้ง่ายที่สุด หลังจากที่ได้ยินว่าพวกเขาอยากจะอัปเดตการสื่อสารรูปแบบใหม่ ๆ ให้ลูกค้า และอยากทำมักให้ง่ายที่สุด” – Ali Miller ผู้กำกับด้านการจัดการผลิตภัณฑ์ที่ Youtube Ads วิธีการใช้เครื่องมือนี้ ใช้ง่าย ไม่ว่าจะมีบัญชี Google หรือไม่ก็ตาม ทั้งหมดล้วนสามารถเชื่อมโยงบัญชีเข้ากับ Google แทนได้ จากนั้นจึงเซฟและเผยแพร่ผ่านแชนแนล Youtube สำหรับตัว Beta ของ Video Builder ที่เพิ่งปล่อยให้ใช้สามารถสร้างคลิปได้จากองค์ประกอบต่าง ๆ ที่มีทั้งภาพ ข้อความ รวมทั้งภาพถ่ายซึ่งสามารถซิงก์ร่วมกับเพลงประกอบฟรี ที่มีในคลังของ
วันนี้ “ทุกอย่างต้อง from home” แต่ตอนนี้เราก็ยังรู้สึกว่าตัวเองปรับตัวไม่ค่อยได้ เราเหงา เรารู้สึกไม่พร้อม เราไม่มีใจจะทำงานให้จบเลย นั่นอาจเป็นเพราะยังไม่มีรุ่นพี่มาคอยบอกเราจริง ๆ ว่า “เฮ้ย! วิธีนี้มันเวิร์กกว่าที่คิด และต้องทำแบบนี้” UNLOCKMEN อยากให้ทุกคนมีไฟแต่ต้องมีวิธีแก้ไขติดตัวให้ทำได้มาด้วย จึงขอแนะนำเทคนิคจากชาว TED TALK ที่เขาผ่านน้ำร้อนมาก่อน ว่าสิ่งไหนเราควรทำ ไม่ควรทำ และพวกเขาควบคุมงานผ่านห้องนั่งเล่นยังไง ทำงานอยู่บ้าน ดีกับธุรกิจจะตาย! ถึงแม้จะมีธุรกิจหลายประเภทต้องอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันถึงจะทำได้ แต่การทำงานทางไกลสำหรับหลายธุรกิจก็อาจจะเหมาะสมกว่าอย่างที่เราไม่เคยรู้มาก่อน เรื่องนี้ขึ้นทอล์กโดย Matt Mullenweg ซีอีโอจากบริษัท Automattic บริษัทที่ทำงานอยู่เบื้องหลังบริษัทชั้นนำทั้ง wordpress.com, Jetpack และ WooCommerce เขาทำงานร่วมกับพนักงานถึง 900 คนผ่านระบบทางไกลจากต่างสถานที่มานาน และทำมันได้เวิร์กสุด ๆ แต่ถ้าใครอยากรู้ว่าวิธีการทำงานของเขา Step by Step เป็นอย่างไร แนะนำว่าไม่ควรพลาด เพราะบางอย่างที่ได้เรียนรู้จากคลิปนี้อาจเป็นสิ่งที่องค์กรของคุณกำลังตามหา 10 วิธีสร้างการสนทนาไกลให้เหมือนใกล้ การทำงานต่างสถานที่ ปัญหาน่ากลัวกว่างานไม่เดินคือคนไม่คุยกัน เพราะวันนี้ต่างฝ่ายต่างอยู่บ้าน แถมการพิมพ์และการพูดคุยผ่านช่องทางนี้อาจทำให้การสื่อสารผิดพลาด
หากพูดถึง ‘คาตานะ’ บางคนอาจยังไม่รู้จักและไม่แน่ใจว่าคืออะไร แต่ถ้าเอ่ยถึงดาบของซามูไรคนส่วนใหญ่มักรู้ถึงความแข็งแกร่ง ความคม กับจิตวิญญาณของนักรบผู้ถือดาบที่เชื่อมกับคาตานะในมือ ซึ่งชาวญี่ปุ่นต่างยกย่องว่าดาบคาตานะเป็นอาวุธร้ายกาจที่สร้างสรรค์จากเหล็กกล้าเนื้อดีและคมกริบจนน่าตกใจ เวลานี้มีดาบญี่ปุ่น 5 เล่ม ถูกเรียกว่า “ห้าดาบใต้หล้า” หรือ “ห้าดาบสวรรค์” (Tenka-Goken) ทั้งหมดล้วนเป็นดาบที่แข็งแกร่ง สวยงาม ผ่านกาลเวลามาอย่างโชกโชนแต่ยังคงความสมบูรณ์แบบ พร้อมถ่ายทอดประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของนักรบญี่ปุ่น โดยดาบนามว่า มิคาสึกิ มุเนะจิกะ (Mikazuki Munechika) หนึ่งใน 5 ดาบชั้นยอด ถูกเก็บไว้อย่างดีในพิพิธภัณฑ์แห่งชาติโตเกียว แถมยังสร้างความตื่นตะลึงให้กับผู้มาเยือน เพราะเวลาผ่านมากว่าพันปีแต่ดาบยังคงเงางามเหมือนเพิ่งตีเสร็จใหม่ ๆ การตีดาบคาตานะถูกทำต่อเนื่องมากว่าพันปี ช่างตีดาบชาวญี่ปุ่นสามารถตีดาบด้านคมตัดได้แม้กระดาษหรือเส้นผมหนึ่งเส้นทั้งที่ยุคนั้นยังไม่มีเทคโนโลยีทันสมัยหรือเครื่องจักรคุณภาพสูง จึงทำให้คาตานะกลายเป็นผลงานศิลปะที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของชาวญี่ปุ่น ยุคแรกเริ่มที่ญี่ปุ่นเริ่มตีดาบอย่างจริงจัง ว่ากันว่ามีช่างตีดาบคนหนึ่งจากยุคโบราณ (นักประวัติศาสตร์คาดเดาว่าเขาน่าจะอยู่ในยุคนารา (ค.ศ. 710194) หรือยุคเฮอัง (ค.ศ. 794-1185)) นามว่า “อามากุนิ” (Amakuni) รู้สึกหงุดหงิดเมื่อรู้ข่าวว่าลูกค้านำผลงานของเขาไปใช้แล้วดาบหักออกเป็นสองท่อน จึงเริ่มต้นค้นคว้าหาว่าพอจะมีวิธีไหนบ้างที่ทำให้ดาบแข็งแกร่งขึ้น ในที่สุดเขารู้เคล็ดลับการตีดาบว่าสิ่งสำคัญไม่ใช่การเลือกเนื้อเหล็กราคาแพงสุดหรือใช้วัตถุดิบหายากจากต่างแดน แต่เป็นเรื่องของการควบคุมความเย็น ปริมาณคาร์บอนที่เหมาะสมเพราะถ้ามีคาร์บอนมากเกินไปดาบจะเปราะแต่หากคาร์บอนน้อยเกินไปดาบจะอ่อน ตีดาบซ้ำแล้วซ้ำอีกเพื่อให้เนื้อเหล็กทับซ้อนเข้าด้วยกัน และแยกสารปะปนในเหล็กออกมาทำให้ดาบไม่หักง่ายอีกต่อไป แม้วิธีของอามากุนิจะแก้ปัญหาดาบหักเป็นสองท่อนแต่ถือว่ายังไม่ดีพอ เหล่านักรบต้องการมากกว่าดาบที่ไม่หัก พวกเขาต้องการดาบที่สามารถบั่นคอคนกระเด็นด้วยการฟันแค่ครั้งเดียว
อยู่คนเดียวมากี่วันแล้ว? โดดเดี่ยวแค่ไหน? รู้สึกเดียวดายบ้างหรือเปล่า? สถานการณ์ COVID-19 บีบคั้นให้ใครหลายคนต้องเก็บตัวอยู่ในที่พักอาศัยอย่างโดดเดี่ยว ท่ามกลางลมหายใจลำพังนั้นบางครั้งเราเผลอพูดกับตัวเอง บางทีหัวเราะท้องแข็งกับโพสต์จากเฟซบุ๊กแล้วจะหันไปแชร์กับใครสักคน แต่ตรงนั้นกลับมีเพียงอากาศว่างเปล่า หรืออย่างร้ายวินาทีที่เครียด กดดัน ไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าคืออะไร น้ำอุ่น ๆ เอ่อไหลออกจากตา อยากหาไหล่ใครสักคนไว้ซับความเศร้า ก็กลับพบเพียงตัวเองกับหมอนใบเดิม เราเลยตั้งใจเอา ‘6 หนังมนุษย์เดียวดาย’ มาอยู่เป็นเพื่อน ใช่ มันไม่ได้ทำให้โดดเดี่ยวน้อยลง (บางเรื่องอาจเข้าถึงแก่นความโดดเดี่ยวเป็นเท่าทวี) แต่ในทุกเรื่องนี้จะพาเราทุกคนไปสำรวจความหมายของลมหายใจลำพัง ชีวิตโดดเดี่ยว และแต่ละวันอันเดียวดาย ในรูปแบบที่อาจทำให้เรามองความเดียวดายรายวันของเราในอีกมุมหนึ่ง ก็เป็นได้… Moon ความโดดเดี่ยวของใครหลายคนในวันนี้อาจชวนให้อึดอัด เพราะเราไม่รู้แน่ชัดว่าเราจะต้องกักตัวเดียวดายไปถึงเมื่อไร? มีจุดสิ้นสุดอยู่ที่ตรงไหน? ในทางกลับกัน ถ้าเรารู้ว่าเราต้องโดดเดี่ยวเป็นเวลาเท่าไร และจะได้กลับคืนสู่อ้อมกอดของทุกคนที่เรารักอย่างปกติ มันจะดีกว่ากันจริงหรือเปล่า? Moon คือหนังที่ว่าด้วยนักบินอวกาศที่ได้รับภารกิจสำรวจดวงจันทร์ หน้าที่ของเขาก็คือภารกิจ 3 ปีเต็มบนดวงจันทร์ตะปุ่มตะป่ำ แม้จะเดียวดาย แต่ก็รู้แน่ชัดว่าหลังจาก 3 ปี เขาจะได้คืนกลับมาตุภูมิ แต่ความลึกซึ้งของ Moon ไม่ได้พาเราไปสำรวจชีวิตประจำวันของนักบินอวกาศที่ต้องอาศัยอยู่คนเดียวเป็นเวลานานเท่านั้น สิ่งที่ทำให้เราตะลึงพรึงเพริด และชวนให้ขบคิดเรื่องชีวิตของเรา ความเป็นมนุษย์ เทคโนโลยี
ช่วงนึงของชีวิตเรา เราแทบไม่เคยกลับบ้านด้วยซ้ำ ส่วนใหญ่อยู่กับเพื่อนหรือไม่ก็จบที่ผจญภัยเที่ยวที่ไหนสักแห่ง แต่ระยะเราทุกคนพร้อมใจอยู่บ้านช่วยชาติ แต่การทำอะไรเดิม ๆ ไม่มีอะไรท้าทายอาจจะทำให้เราเสียเวลาไปแบบเปล่าประโยชน์ UNLOCKMEN ขอแนะนำคอร์สกิจกรรมสนุก ๆ ช่วยเพิ่มความครีเอทีฟให้สาวกที่มีอุปกรณ์จากค่าย Apple ไปเลยฟรี ๆ เนื่องจากตอนนี้ Apple Store เขาเปิดโซนฝึกวิชาออนไลน์ ปลุกความคิดสร้างสรรค์ได้จากในบ้านใน “Today at Apple at home” ซึ่งปกติเป็นโปรเจ็กต์ที่ฝั่ง Apple เขาเปิดให้ลูกค้าเข้าไปเรียนรู้ด้วยการนำอุปกรณ์ไปเรียนรู้ในศูนย์เท่านั้น iPad ในมือ จับมาวาดให้หายคัน เริ่มด้วยกระดานชนวนอิเล็กทรอนิกส์อย่าง iPad ชิ้นนี้หลายคนคงรู้คุณสมบัติเด่นอยู่แล้วว่ามันมาพร้อมปากกา Apple Pencil จึงเหมาะกับการนำมาวาดภาพ คอร์สนี้เป็นการฝึกถ่ายภาพบุคคลและแต่งรูปด้วย iPad สอนโดย Harriet จาก Apple Regent Street เมือง London บอกเทคนิคง่าย ๆ ของการถ่ายและแต่งภาพให้เจ๋งตั้งแต่การเลือกแสง เลือกพื้นหลัง และเลือกลายเส้น เพื่อเปลี่ยนภาพนั้นให้กลายเป็นภาพ profile สุดพิเศษที่สามารถเปลี่ยนได้ทุกวันแม้ไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหน ระยะเวลา:
หนุ่ม ๆ หลายคนรู้จัก Bugatti Chiron ในฐานะหนึ่งในไฮเปอร์คาร์ของโลกที่มาพร้อมงานดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ รวมถึงขุมพลังที่เคยครองตำแหน่งเร็วที่สุดในโลกมาหลายต่อหลายครั้ง และเชื่อว่าหลายคนคงคิดภาพไม่ออก หากเครื่องยนต์ W16 ใต้ฝากระโปรงจะถูกปรับดีไซน์ให้เข้าไปอยู่ในข้อนาฬิกาข้อมือผ่านโปรเจกต์ The Jacob & Co Bugatti Chiron Tourbillon Bugatti ค่ายรถยนต์สมรรถนะสูงจับมือ Jacob & Co สร้างนาฬิกาข้อมือรุ่นพิเศษเพื่อยกย่องสุดยอดยนตรกรรมของค่ายอย่าง Bugatti Chiron ด้วยการหยิบดีไซน์ของเครื่องยนต์ W16 มาปรับเปลี่ยนงานออกแบบลงในนาฬิกาข้อมือโดยใช้ชื่อว่า Bugatti Chiron Tourbillon Bugatti Chiron Tourbillon ถูกออกแบบให้มีหน้าปัดขนาดใหญ่ คล้ายกับ The Twin Turbo Furious Bugatti Edition นาฬิการุ่นฉลองครบรอบ 110 ของค่ายที่เคยทำร่วมกันในปี 2019 แต่ครั้งนี้ต่างออกไปเพราะดึงดีไซน์ที่โดดเด่นของ Bugatti Chiron มาเล่นบนนาฬิกามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์รูปเกือกม้า ที่ตำแหน่งเข็ม 12 นาฬิกาพร้อมป้าย
ไม่ว่าการอยู่บ้านจะทำให้เรามีเวลาแวบจากการทำงานไปเสพสารพัดความบันเทิง ทั้งดูซีรีส์ เล่น Tik-Tok เล่นเกม หรือทำอย่างอื่นได้มากแค่ไหนก็ตาม แต่ไม่นานอาการจิตตกจากการทำอะไรซ้ำ ๆ อยู่ในสภาพแวดล้อมเดิม ๆ อาจจะทำให้เราเกิดอารมณ์ไม่อยากจะทำอย่างนั้นอีกต่อไป เบื่อจะฟังเพลง เบื่อดูหนัง เบื่อทุกสิ่งที่เสพไปโดยปริยาย พอสุขภาพจิตกำลังทรุดโทรม Netflix เลยจับจังหวะนี้ปล่อยซีรีส์ใหม่ทาง Instagram เพื่อโฟกัสเรื่องการดูแลตัวเองและสภาพจิตใจระหว่างอยู่บ้านจากภาวะ Covid-19 โดยซีรีส์เรื่องนี้จะฉายทาง Instagram Live เวลา 1 ทุ่ม (PT) นำเสนอฟีเจอร์ที่รวบรวมดาราวัยรุ่นดังจากโชว์และภาพยนตร์ Netflix หลายเรื่องที่เราคุ้นเคย เช่น “To All the Boys I’ve Loved Before” “The Kissing Booth” “Stranger Things” “Cheer” และ “13 Reasons Why.” ตัวอย่างของนักแสดงที่ยืนยันว่าเข้ามามีส่วนร่วมกับซีรีส์เฉพาะกิจ เปิดเผยรายชื่อมาแล้ว ได้แก่ Noah Centineo จากเรื่อง To
สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อผู้คนจำนวนมาก อย่างไรก็ตามนี่ถือเป็นช่วงเวลาที่ทำให้เราได้เห็นคน กลุ่มคนหรือองค์กรต่าง ๆ ออกมาช่วยเหลือผู้คนที่ได้รับความเดือดร้อนแบบถ้วนหน้า แต่สำหรับหนุ่มที่หลงใหลในรถยนต์โดยเฉพาะโมเดล Porsche 911 คงไม่มีการช่วยเหลือครั้งไหนน่าสนใจไปกว่า 911 Speedster คันสุดท้ายของเจน 991 ที่หลงเหลืออยู่ กำลังจะถูกนำออกประมูลออนไลน์เพื่อนำเงินไปสนับสนุนองค์กรที่กำลังต่อสู้กับไวรัสโควิด-19 อยู่ในขณะนี้ Porsche จับมือกับ RM Sotheby’s จัดการประมูลการกุศลเอาใจคนรักโมเดล 911 ด้วยข้อเสนอสุดพิเศษเป็น Porsche 911 รุ่นเปิดประทุนคันสุดท้ายของเจเนอเรชันที่ 7 ซึ่งถือเป็นอีกโมเดลไอคอนิกที่หนุ่ม ๆ หลายคนอยากครอบครอง 911 Speedster ในรหัส 991 เปิดตัวครั้งแรกในปี 2018 ซึ่งปีที่ Porsche ฉลองครบรอบ 70 การเปิดตัวโมเดล Speedster ในรุ่น 911 โดยรถคันสุดท้ายที่กำลังถูกนำมาประมูลคือหนึ่งเดียวที่ยังไม่มีเจ้าของจากจำนวนทั้งหมด 1,948 คัน 911 Speedster เจเนอเรชันนี้ยังเป็นรถยนต์ที่ผสมผสานจุดเด่นของยนตรกรรมจาก Porsche เข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นแซสซีจาก Porsche