การแข่งขันในตลาดกล้องแอ็กชันที่ว่าดุเดือด ยังต้องหลบให้กับความเข้มข้นของตลาดกล้องคอมแพกต์ที่แต่ละค่ายต่างงัดตัวเด็ดมาเฉือดเฉือนกันแบบไม่มีใครยอมใคร แล้วแบรนด์กล้องจากแดนอาทิตย์อุทัยอย่าง Fujifilm ก็เป็นหนึ่งในนั้น ล่าสุด Fujifilm เขย่าบัลลังก์กล้องคอมแพกต์ให้สั่นสะเทือน ด้วยการเปิดตัว ‘Fujifilm X100V’ คอมแพกต์พรีเมียมจากซีรีส์ X100 ในตำนาน มาพร้อมงานดีไซน์คลาสสิกแบบกล้องฟิล์มและช่องมองภาพไฮบริดที่ทำให้รุ่นนี้น่าจับตามองกว่ากล้องรุ่นอื่น ๆ Fujifilm X100V ตัวนี้มีเซนเซอร์ X-Trans CMOS IV ความละเอียด 26 ล้านพิกเซล และมีช่วง ISO อยู่ที่ 160-12800 ใช้ระบบประมวลผลทรงพลัง X-Processor 4 จับคู่กับเลนส์ 23 mm. f/2.0 ที่พัฒนาขึ้นใหม่ ช่วยให้ถ่ายภาพและวิดีโอด้วยความละเอียดสูงขึ้น ความผิดเพี้ยนต่ำ และมีประสิทธิภาพการโฟกัสที่ดีกว่าเดิม นอกจากจะใช้อัลกอริทึมช่วยตรวจจับ AF ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำในระดับความสว่างต่ำสุด Fujifilm X100V ยังถ่ายภาพต่อเนื่องด้วย Electronic Shutter ได้ 20 เฟรมต่อวินาที หรือถ่ายด้วย Mechanic Shutter ที่
หากใครที่เป็นนักขี่ก็คงจะรู้ดีว่า การเลือกรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจสักคันนั้น ไม่ใช่แค่การเลือกยานพาหนะที่พาเราจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง ซึ่งถ้าหากจะพูดในแง่ของฟังก์ชั่นมันก็คงใช่ แต่ถ้าหากพูดถึงในแง่ของแพชชั่น ของความหลงใหลแล้วล่ะก็ คงต้องบอกว่า มันมีความละเอียดละออกว่านั้นเยอะ เพราะการเลือกรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจสักคัน มันต้องคำนึงถึงหลากเหตุหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นไลฟ์สไตล์ในชีวิตประจำวัน รูปแบบการใช้งาน เรื่องของดีไซน์ ซึ่งทุกอย่างล้วนมีความชอบแตกต่างกันไปในแต่ละคน ดังนั้น เมื่อเราเห็นรถจักรยานยนต์คันโปรดของใครสักคน เราก็คงจะพอเดาได้ทันทีว่าคนคนนั้นมีรสนิยมอย่างไร เช่นเดียวกับ คือ คุณสัน–สรวิศิษฎ์ บรรจงลักษมี สุภาพบุรุษที่ผู้ชายสาย Vintage ทั้งหลายรู้จักกันดี และการันตรีได้อย่างเต็มปากเลยว่า คนนี้เขา Vintage ตัวพ่อของจริง ที่ชื่นชอบ และเป็นเจ้าของรถมอเตอร์ไซค์ BMW สาย Vintage อยู่หลายคัน คุณสัน–สรวิศิษฎ์ บรรจงลักษมี หลายคนที่อยู่ในสาย Vintage คุ้นกับชื่อนี้เป็นอย่างดี เพราะจริง ๆ แล้ว เขาไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นผู้ก่อตั้งร้าน Smiths Vintage Club ที่มีชื่อเสียงอย่างมากในหมู่ของคนที่ชื่นชอบ และหลงใหลในรถมอเตอร์ไซค์สไตล์ Vintage ซึ่งก็แน่นอนว่า การที่คนเราจะทำอะไรเป็นอาชีพจนประสบความสำเร็จได้นั้น จุดสำคัญมันต้องเริ่มต้นจากตัวตนที่แท้จริงของเราก่อน และตัวตนที่แท้จริงของเราก็จะถูกถ่ายทอดออกมาเป็นไลฟ์สไตล์ เป็นความชอบให้คนภายนอกได้เห็น ซึ่งคุณสันเองก็ได้ใช้ความชอบ และไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในแบบของตัวเองนี่แหละ
เข้าสู่เดือนกุมภาพันธ์กันอีกครั้ง สำหรับหนุ่ม ๆ ที่มีคนข้างกายทั้งหลายก็ต้องเริ่มมองหาของขวัญเตรียมไว้ให้คนรักในวันวาเลนไทน์ บางคนมองหาร้านอาหารบรรยากาศดี หรือมองหาช่อดอกไม้สวย ๆ สักช่อเพื่อมอบให้เธอคนนั้นในวันที่แสนพิเศษ คนที่นึกออกแล้วว่าจะทำอะไรหรือซื้อของขวัญแบบไหนให้คนเราขอแสดงความยินดีด้วย แต่เราก็ยังเชื่อว่าจะต้องมีชาว UNLOCKMEN อีหลายคนที่ยังคิดไม่ตก คิดไม่ตกว่าจะซื้ออะไรดี จนได้มาเห็นคอลเลกชันพิเศษของ Adidas ที่ออกมายั่วน้ำลายทั้งชายหญิงไปพร้อมกัน พอปฏิทินเดินมาถึงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ แบรนด์เครื่องกีฬาที่เราคุ้นเคยอย่าง Adidas ก็ปล่อยคอลเลกชันพิเศษ Valentine’s Day เอาใจคนมีคู่ด้วยการนำโมเดลคลาสสิกรุ่น Stan Smith และ Continental 80 มาปัดฝุ่นใหม่ แต่งแต้มลวดลายให้เข้ากับเดือนแห่งความรัก สนีกเกอร์ทั้งสองคู่ในคอลเลกชันนี้จะมีสีเป็นขาวล้วน จากนั้นจึงค่อยแต่งแต้มสีสันและลวดลายที่สื่อถึงความรัก เริ่มจาก Continental 80 รองเท้าออกกำลังกายในร่มสุดฮิตจากช่วงตนยุค 80 กันก่อน โดย Adidas ได้ประทับหัวใจสีแดงไว้บริเวณส้นรองเท้า หากสังเกตให้ดีจะเห็นว่าหัวใจสีแดงก็มีขีดสามเส้นที่เน้นย้ำถึงสัญลักษณ์ของแบรนด์ แถมยังไม่ลืมประทับโลโก้สีแดงสดไว้ที่ลิ้นรองเท้า ส่วนบริเวณเส้นด้านข้างถูกแต้มด้วยด้ายสีทองเสริมให้รองเท้าผ้าใบพื้นขาวโดดเด่นยิ่งขึ้น ส่วนอีกคู่ในคอลเลกชันแห่งความรักกับรองเท้าเทนนิส Stan Smith ก็คงคอนเซ็ปต์เรียบง่ายแต่โดนใจวัยรุ่นด้วยการนำหัวใจแดงที่มีแถบสามขีดเหมือนกับคู่ Continental 80 มาไว้บริเวณด้านข้างแทน และแทนที่ด้วยสัญลักษณ์ของแบรนด์สีทองเงาวับไว้ตรงส้นรองเท้า ส่วนบริเวณลิ้นรองเท้าก็ใช้สีทองแบบเดียวกับโลโก้แบรนด์เพิ่มความหรูหราได้อย่างน่าประทับใจ
กว่า 47 ปีที่วง ‘Kiss’ ตำนานฮาร์ดร็อก/เฮฟวี่เมทัล ได้โลดแล่นอยู่ในวงการเพลง และเป็นสีสันให้กับชาวร็อกรวมถึงวงการแฟชั่นจากรุ่นสู่รุ่น พวกเขาก่อตั้งวงตั้งแต่ปี 1973 มีสตูดิโออัลบั้มมากถึง 20 อัลบั้ม พวกเขาโดดเด่นทั้งเรื่องของการแต่งหน้าแต่งตัวอันแสนเป็นเอกลักษณ์ หลายคนไม่เคยฟังเพลงก็ยังจดจำลุคและคาแรกเตอร์พวกเขาได้ โชว์ของพวกเขาบ้าระห่ำ แหวกแนว โดดเด่นออกมาจากวงร็อกอื่น ๆ ในยุคสมัยนั้น ไม่ว่าจะเป็นกีตาร์พ่นควัน, จุดพลุ, พ่นไฟ โดยเฉพาะการโชว์บ้วนเลือดของฟรอนต์แมน Gene Simmons ที่สาวกวงต้องเห็นด้วยตาตัวเองกันสักครั้ง มันทั้งอลังการ สยองขวัญ และกลายเป็นรากฐานให้วง Hairband ยุคหลัง ๆ สืบต่อไป เมื่อต้นปี 2019 ที่ผ่านมา Kiss ได้เริ่มต้นทัวร์คอนเสิร์ตที่มีชื่อว่า “End Of The Road World Tour” ซึ่งเป็นทัวร์ที่มีกำหนดการยาวนานถึง 3 ปี และเดินทางไปเปิดการแสดงในทุก ๆ ทวีปทั่วโลก โดย Gene Simmons เคยออกมาให้สัมภาษณ์ว่าเขาต้องการจะทัวร์ครั้งนี้ให้ยิ่งใหญ่ที่สุด เพราะเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าเมื่ออายุมากขึ้นจะยังทำอะไรแบบนี้ได้อีกหรือไม่
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าความเครียดกับความวิตกกังวลเป็นอีกสองส่วนผสมของการทำงาน และเป็นสิ่งที่หนุ่มมนุษย์เงินเดือนอย่างเรายากที่จะเลี่ยง แต่ต่อให้ความเครียดสะสมหรือความกังวลถาโถมโจมตีมากขนาดไหน มนุษย์เราก็ฉลาดพอที่จะหาวิธีจัดการกับมันได้เสมอ เชื่อว่าผู้ชายแต่ละคนก็คงมีวิธีคลายเครียดระหว่างการทำงานที่ต่างกัน บางคนชอบผละจากหน้าจอชั่วขณะ แล้วหันไปนั่งคุยกับเพื่อนเรื่องบอลแทน บ้างเดินออกไปสูบบุหรี่หวังเปลี่ยนบรรยากาศและลดความเคร่งเครียดจากงานตรงหน้า แต่กับหนุ่มบางคนเลือกที่จะเดินออกไปชื่นชมต้นไม้ใบหญ้า เปลี่ยนจากแสงสีฟ้าที่คุ้นตาหันไปหาธรรมชาติสีเขียวแทน นอกจากความร่มรื่น สบายตา และร่มเงาที่ช่วยปกป้องเราจากแสงอาทิตย์แล้ว ธรรมชาติยังช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวลได้อย่างไม่น่าเชื่อ มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งอ้างว่าพนักงานชาวสหรัฐฯ 34% รู้สึกเครียดและกังวลกับการทำงาน ซึ่งตัวเลขดังกล่าวก็เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ทุกปี และคิดว่าสถิติความเครียดของพนักงานชาวไทยก็คงไม่ต่างไปกว่ากันเท่าไร วันนี้ UNLOCKMEN เลยอยากมาแนะนำวิธีจัดการกับความเครียดและความวิตกกังวลในออฟฟิศ ด้วยประโยชน์จากธรรมชาติ นี่คือ 3 วิธีง่าย ๆ ที่อาจช่วยให้คุณมีความสุขกับการทำงานมากขึ้น! จินตนาการถึงธรรมชาติ อาจฟังดูเหมือนคนไม่ปกติ แต่เราอยากให้คุณลองมโนภาพว่าคุณกำลังอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่เงียบสงบ อาจเป็นชายหาดที่มีผู้คนบางตาและมีคลื่นซัดเป็นระลอก บนหุบเขาที่ห้อมล้อมไปด้วยอ้อมกอดของแมกไม้ หรือกลางทะเลที่มีแสงแดดอุ่น ๆ สาดกระทบใบหน้าและเสียงคลื่นเท่านั้นที่ดังก้อง การจินตนาการภาพถึงทิวทัศน์หรือเสียงในสถานการณ์นั้น ๆ จะส่งผลกระทบต่อสมองเช่นเดียวกับการมองเห็นหรือสัมผัสมันจริง ๆ ซึ่งงานวิจัยก็ย้ำว่าการสร้างภาพหรือข้อมูลต่าง ๆ ในหัวผ่านจินตนาการเพียงไม่กี่นาที ช่วยลดความเครียดและวิตกกังวลให้คนทำงานได้ มองหาธรรมชาติรอบตัว การมองหาธรรมชาติเล็ก ๆ รอบตัวเราก็เป็นวิธีง่าย ๆ ที่ลดความเครียดและความวิตกกังวลได้เหมือนกัน หากย้อนไปตอนเด็ก ๆ ไม่ว่าหนุ่มคนไหนก็คงหลงใหลและเพลิดเพลินกับการจ้องมองฝูงปลาในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ
หลังจากที่วงการสนีกเกอร์ก็จัดหนักจัดเต็มใส่เรากันแบบไม่ยั้ง ย่างเข้าสู่เดือนที่สองของปี 2020 ก็ยังลดความร้อนแรงลงแต่ดูเหมือนจะดุเดือดกว่าเก่ากับข่าวที่เผยว่าศิลปินหนุ่มสัญชาติโคลอมเบียอย่าง J Balvin จะจับมือกับ Nike ปล่อยสนีกเกอร์สุดพิเศษออกมาให้เหล่าผู้รอคอยได้รับชมกัน ต้องเกริ่นกันก่อนสำหรับหนุ่ม ๆ บางคนที่อาจจะยังไม่ค่อยรู้จักชื่อเสียงของ J Balvin กันเท่าไรนัก ชายคนนี้คือศิลปินที่ร้องเพลงภาษาสเปน เขาทำให้โลกเห็นว่าภาษาที่แตกต่างของคนบนโลกไม่อาจเป็นพรมแดนกั้นการเสพดนตรีได้ จน Billboard กล่าวยกย่องผลงานเพลงของเขาว่าเป็น “ผลงานที่เปรียบเสมือนใบเบิกทางที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยปรากฏให้เห็นในวงการเพลงละติน” ด้วยผลงานเพลงที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร การจับสไตล์ดนตรีฮิปฮอปในกระแสมาร่วมกับดนตรีสไตล์โคลอมเบียน รวมทั้งแฟชั่นอันแสนจัดจ้านของเขา ทำให้ชื่อของ J Balvin เข้าไปอยู่ในลิสต์ศิลปินโปรดของใครหลายคน ทั้งแนวเพลง สไตล์การแต่งตัวที่เท่โดนใจ และความสนใจกระแสของแฟชั่นที่ไม่น้อยหน้าใคร ทำให้ในที่สุดเขาได้ร่วมงานกับแบรนด์สนีกเกอร์ระดับโลกอย่าง Nike และกลายเป็นศิลปินลาตินคนแรกที่ได้ร่วมงานกับ Air Jordan สร้างสรรค์สนีกเกอร์สุดฮิตอย่าง Nike Air Jordan 1 ให้มีสไตล์ตามแบบของ J Balvin คาแรกเตอร์ของ J Balvin เป็นชายที่สนุกสนาน ร่าเริง เป็นไอ้หนุ่มแสบที่รักเสียงเพลง แถมผลงานทั้งเพลงและมิวสิกวิดีโอก็ยังเต็มไปด้วยสีสันและแฟชั่นที่แหวกแนว ทั้งหมดที่เป็น J Balvin หลอมรวมสู่สนีกเกอร์ที่เขาออกแบบเต็มขั้น
หากพูดถึงสื่อความบันเทิงของญี่ปุ่นในมุมมองคนไทยคนส่วนใหญ่ ผู้คนมักนึกถึงแอนิเมชัน มังงะ บ้างก็กระโดดไปยังวงการเพลงทั้ง J-ROCK และไอดอลญี่ปุ่นกันเสียมากกว่า เพราะหลายคนมักมองว่าภาพยนตร์ญี่ปุ่นอาจมีสไตล์บางอย่างที่ไม่คลิกกับคนไทยส่วนใหญ่เท่าไรนัก ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลด้านภาษา กิริยาท่าทาง แอกชัน หรืออะไรก็ตามที่ทำให้วงการภาพยนตร์ญี่ปุ่นไม่ค่อยเป็นที่รู้จักในวงนักดูหนังไทยกว้างเท่าซีรีส์เกาหลีหรือภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศอื่น ๆ แต่ก็ใช่ว่าเราจะนำมาตัดสินว่าไม่ดังแล้วจะไม่ดีหรือไร้คุณภาพได้ วงการภาพยนตร์ญี่ปุ่นเคยสร้างตำนานต่อโลกมาหลายต่อหลายครั้ง ทั้งผลงานหลายเรื่องของผู้กำกับระดับตำนาน Kurosawa Akira (คุโรซาวะ อากิระ) กับเรื่อง Rashomon (1950) และ 7 Samurai (1954) ล้วนส่งให้เขาคว้ารางวัลอันทรงเกียรติอย่างรางวัลความสำเร็จตลอดช่วงชีวิตจากเวทีออสการ์ได้สำเร็จ หรือผลงานดราม่าโคตรสะเทือนใจของ Koreeda Hirokazu (โคเรเอดะ ฮิโรคาสุ) ที่ทำหนังออกมาทีไรก็คว้ารางวัลใหญ่จากเทศกาลหนังเมืองคานส์อยู่เป็นประจำ จึงทำให้ UNLOCKMEN มั่นใจว่าช่วงนี้จะต้องมีหนังญี่ปุ่นน้ำดีออกมาให้เราได้ดูกันอย่างแน่นอน การเล่าเรื่องอันเป็นเอกลักษณ์ของภาพยนตร์ญี่ปุ่นทำให้คนที่ไม่รู้จักวงการหนังญี่ปุ่นมาก่อนเริ่มให้ความสนใจและ สำหรับประเทศไทยในปีนี้พวกเรามีโอกาสรับชมผลงานที่ยอดเยี่ยมทั้งหมด 14 เรื่อง จากงาน Japanese Film Festival 2020 กันอีกครั้ง UNLOCKMEN จึงคัดเลือกภาพยนตร์ 5 เรื่องในงานนี้มาเล่าสู่กันฟัง แนะนำให้ชาวเราได้พิจารณาดูว่าหนังเรื่องไหนน่าสนใจและอยากจะไปชมให้เต็มตาในโรงภาพยนตร์ THE FABLE The Fable
มีไม่กี่เรื่องที่ผู้ชายเราทำไม่ค่อยได้หรือถ้าทำได้อาจจะทำไม่ค่อยดี เรื่องหนึ่งคือการรีดผ้าให้เรียบ กับอีกเรื่องคือการฟอกอากาศกรุงเทพฯ ตอนนี้ให้ใสสะอาด แต่มันก็ดันมีนักประดิษฐ์หัวใสจับ 2 อย่างนี้มารวมร่างกันได้อย่างลงตัว นวัตกรรมชิ้นนี้เป็นผลงานการออกแบบของ Jiheon Son นักออกแบบชาวเกาหลีประดิษฐ์ผลงานชื่อ “Steam Manager” เครื่องมหัศจรรย์ที่มีฟังก์ชัน 2 in 1 ที่เราต้องการ ได้แก่ การฟอกอากาศก็ดี รีดผ้าเรียบรวมทั้งสามารถกำจัดกลิ่นอับชื้นหรือกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ด้วยการใช้ระบบไอน้ำในเครื่องเดียวกัน ลองดูบอร์ดก่อนจะกลั่นไอเดียมาได้จะเห็น Ref เจ๋ง ๆ ที่ผู้ชายเราชอบหลายชิ้น ทั้งเคส Mac เครื่องฟอกอากาศทรงสูง ฯลฯ จริง ๆ ก่อนหน้านี้เราเคยนำเสนอ LG styler 2019 มาก่อน เราว่ามันก็มีเค้าความคล้ายคลึงอยู่บ้าง แต่พอมีเรื่องประโยชน์ของการฟอกอากาศที่ตอบโจทย์เหมาะกับชาวไทยเหลือเกิน คงต้องยกให้ Steamer Manager ได้ตำแหน่งที่ 1 ในใจก่อน ด้วยไซซ์ที่กะทัดรัด วางได้ในแนวตั้งตอบโจทย์การวางในบ้านที่มีพื้นที่พักอาศัยจำกัดอย่างคอนโดหรือหอพักได้ดี ช่วยให้เราจัดการการรูปแบบการใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น อย่างน้อย ๆ ก็มั่นใจว่าต้องดีกว่ากางโต๊ะรีดผ้าเสียบเตารีดแน่นอน ประกอบกับวิธีการทำงานที่ใช้ได้ไม่ยากแค่ดึงส่วนด้านบนขึ้น เครื่องจะยืดตัวขึ้นมาให้เราพร้อมแขวนเสื้อหรือกางเกงที่ต้องการรีดไว้ด้านใน (มีไม้แขวนติดกับเครื่อง) แล้วเราแค่กดปุ่มให้เครื่องทำงานมันก็จะรีดผ้า
ทำงานเก่งมันจะมีประโยชน์อะไรถ้าเป็นงานฟรี งั้นเรามาเรียนรู้วิธีทำงานให้ได้เงินกันดีกว่า ขอไม่นับงานประจำนะเพราะเชื่อว่าทุกคนก็คงมีกันอยู่แล้ว แต่ถ้าใครอยู่ในช่วงว่างงานจะเอาไอเดียด้านล่างที่เราแจกไว้หาเงินไปใช้เป็นงานหลักก็ได้ไม่ว่ากัน การมีเงินเก็บเยอะ ๆ มันสบายใจดีเพราะเราสามารถซื้อในสิ่งที่ทุกคนต้องการได้ แต่รู้ไหม อะไรที่ทำให้เศรษฐีกับคนธรรมดาต่างกัน ทั้งหมดมันอยู่ที่ช่องทางการหาเงินและการคว้าโอกาสที่อยู่รอบกายไว้ และนี่คือ 5 โอกาสสร้างรายได้ที่เราแนะนำ ลองเลือกที่เหมาะกับคุณดู เลือกได้มากกว่าหนึ่งอย่าง แล้วจะรู้ว่าดีกว่านั่งหายใจทิ้งไปวัน ๆ แน่ ๆ อดทนหน่อยแล้วไปเหนื่อยกับการนับเงินทีหลังมันชื่นใจกว่ากันเยอะ ปล่อยบ้านให้เช่าระยะสั้น ทำงานประจำอาจจะต้องใช้เวลาทั้งเดือน แต่ถ้าบ้านมีที่เหลือ การปล่อยพื้นที่บ้านเราให้คนอื่นเช่าผ่านเว็บไซต์ยอดฮิตอย่าง Airbnb.com, VRBO.com, Homeaway.com หรือ FlipKey.com ชั่วคราวแค่ 3-5 วันหรือมากกว่านั้นเล็กน้อยอาจเป็นบ่อเงินให้เราได้ง่ายกว่าที่คิด วิธีนี้คือการจับเสือมือเปล่า เพราะการลงทะเบียนฝากที่ปล่อยเช่าผ่าน Airbnb ไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่าย เว้นแต่เมื่อมีคนจองแล้ว ทาง Airbnb จะเรียกเก็บค่าบริการราว 3% จากเราเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจ สิ่งที่เราต้องทำเพื่อแลกการทำงานนี้คือการลงทะเบียนโปรโมตฟรี และทำความสะอาดบ้านก่อน-หลังคนเข้าพักให้น่าอยู่ ส่วนนี้ถ้าคิดเสียว่าทำความสะอาดบ้านตัวเองเรื่องนี้ก็ไม่ลำบากอะไร สำหรับใครที่ยังคิดภาพไม่ออกว่าการปล่อยเช่าผ่าน airbnb เป็นแบบไหน ลองเข้าไปดูได้ใน https://th.airbnb.com/s/Thailand ขายของที่เก็บไว้ในบ้านแต่ไม่ได้ต้องการ ข้าวของแปรเป็นเงินสดได้เสมอ บางครั้งเราลืมนึกไปว่ามีของในบ้านเยอะแยะที่ไม่สร้างประโยชน์ ไม่ได้ใช้งาน
สำหรับใครที่สนใจเรื่องราวของเหล่าฆาตกรต่อเนื่องมักจะเห็นเสมอว่าภูมิหลังส่วนใหญ่ของพวกเขาก็ไม่ต่างจากคนอื่น ๆ เท่าไรนัก แต่สิ่งที่ต่างอาจเป็นเรื่องของความอบอุ่นในครอบครัว ชีวิตวัยเด็กของฆาตกรในสหรัฐอเมริกาส่วนมากเติบโตมาจากครอบครัวที่ใช้ความรุนแรงในบ้าน ไม่ก็มีพ่อแม่เคร่งศาสนา อย่าง ฆาตกรตัวตลก JOHN GACY มีแม่ผู้เคร่งศาสนาที่เกลียดลูกชายตัวเองเพราะเขาตุ้งติ้งเหมือนเกย์ ส่วน EDMUND KEMPER อัจฉริยะผู้หลงใหลความตาย ก็โตมากับคำด่าทอและความรุนแรงที่รับจากพ่อมาตลอดช่วงชีวิตวัยเด็ก รวมถึง Henry Howard Holmes (เฮนรี่ โฮเวิร์ด โฮล์มส์) ชายที่โลกเรียกเขาว่า “ฆาตกรต่อเนื่องคนแรกของอเมริกา” โฮล์มส์ผู้หลงใหลในกายวิภาคศาสตร์ โฮล์มส์ในวัยเด็กมีชีวิตจากครอบครัวทำเกษตรกรรมและปศุสัตว์ในรัฐนิวแฮมเชียร์ เขาสนใจเกี่ยวกับสรีระและชีววิทยามาตั้งแต่เล็ก เวลาว่างมักไล่จับสัตว์เล็กมาผ่าเพื่อดูอวัยวะภายใน บางครั้งก็จับสัตว์มาหักขาข้างหนึ่งและรอดูว่ามันจะเดินได้ไหมหรือตัดขาทิ้งแล้วจะเป็นอย่างไร เขาจึงถูกพ่อแม่เคร่งศาสนาตีด้วยไม้เรียวเสมอ บางครั้งก็ขังเขาไว้บนห้องใต้หลังคา ดังนั้นเขาจึงใช้เวลาว่างไปกับการประดิษฐ์สิ่งของต่าง ๆ แต่กลับไม่มีใครสนใจลูกคนที่สามของบ้านผู้เต็มไปด้วยอัจฉริยภาพ ครอบครัวของเขามองไม่เห็นพรสวรรค์เด็กผู้ชายนี้ โฮล์มส์วัย 19 ปี แต่งงานกับภรรยาคนแรกและมีลูกด้วยกันหนึ่งคน พอเข้าวัย 22 เขาตัดสินใจเขาเรียนคณะแพทย์และเฉิดฉายในชั้นเรียน จากปกติการเรียนแพทย์จะต้องใช้เวลาเรียน 6 ปี แต่โฮล์มส์กลับใช้เวลาเพียงแค่ 2 ปีก็เรียนจบ ทว่าชีวิตรักของเขากลับล้มเหลว เมียของเขาขอแยกกันอยู่โดยไม่ได้เซ็นใบหย่าเพราะโฮล์มส์เป็นชายที่มีอารมณ์รุนแรง ชอบใช้กำลัง เมื่อเข้าสู่ระบบการศึกษา Henry Howard