ความสุขเป็นเหมือนของล้ำค่าที่ใคร ๆ ก็อยากได้ บางคนได้มันมาง่าย ในขณะที่บางคนก็รู้สึกว่าไขว่คว้ามันมาได้ยาก เพราะแต่ละคนต่างมีสิ่งที่ทำให้ตัวเองมีความสุขไม่เหมือนกัน เราเลยต้องเข้าใจว่าแต่ละคนจึงมีความสุขไม่เท่ากัน แต่ที่เหมือนกันคือทุกคนอยากมีความสุขกันทั้งนั้น UNLOCKMEN ขอแนะนำเทคนิคดี ๆ ที่จะทำให้เรามีความสุขแบบไม่ต้องเหนื่อย ไม่ต้องวิ่งตามอะไรบางอย่างที่มันแทบจะไม่ใช่ความสุขของเราเองด้วยซ้ำ แต่ให้หันมาโฟกัสกับความสุขของเราเองจริง ๆ กันดีกว่า เมื่อเราพูดถึงความสุขเราคงนึกถึงความสุขที่เราจะต้องมีตลอดเวลาและมีทุกวัน ทุกนาที แบบไม่มีอะไรมาแทรกถึงจะเรียกว่าความสุขจริง ๆ แบบนั้นมันยากไปมั้ย ? ลองมาตั้งความสุขแบบที่แตกต่างออกไปกันดีกว่า ลองเป็นความสุขที่เหมาะกับเราและอาจจะแตกต่างกันไปในแต่ละคนด้วย แบบนี้ล่ะเป็นไง ? ลองมองความสุขเป็นอะไรง่าย ๆ ใกล้ตัวอย่าง อาหารโปรด สีที่ชอบ เพลงที่ชอบ แต่บางครั้งการที่เรามีมันมาก ๆ ก็ไม่ได้แปลว่าเราจะมีความสุขมากกว่าเสมอไป ในทางตรงกันข้าม เมื่อเรามีโอกาส เราก็กินแค่ที่จำเป็น แต่เมื่อเราได้ลองลิ้มรสอาหารจานโปรด มันทำให้เรามีความสุขมากกว่าการกินเพื่ออิ่ม แบบนี้เรานับว่าเป็นความสุขได้มั้ย ในเมื่อมันไม่ใช่สิ่งจำเป็น ? เราควรจำประสบการณ์ที่แย่ ๆ ที่ทำให้เราเศร้า ผิดหวัง เอาไว้ให้ดี เพราะมันทำให้ความสุขของเราชัดเจนขึ้น การที่เราคิดว่าคนอื่นมีความสุขเสมอ มันคือเรื่องเข้าใจผิด แม้ว่าคนส่วนใหญ่ดูเหมือนจะมีชีวิตสุดแสนจะเพอร์เฟกต์และพวกเขาก็น่าจะมีความสุขกันตลอดเวลา ตั้งแต่เด็กเราจะถูกปลูกฝังให้ใช้ชีวิตแบบ “happily-ever-after” อย่างที่เราเห็นในนิทานบ่อย ๆ
ค่ำคืนสุดสัปดาห์สำหรับผู้ชายโสด คงจะไม่มีอะไรดีไปกว่าการนัดรวมตัวกลุ่มเพื่อนสุดแสบเพื่อออกไปย่ำราตรี โดยจุดมุ่งหมายของการออกไปเที่ยวสังสรรค์ก็มีหลายสาเหตุ แต่ร้อยทั้งร้อยจุดหมายปลายทางที่บรรดาหนุ่มวัยว้าวุ่นอย่างพวกเราเลือกที่จะไปสร้างแลนด์มาร์คคงจะหนีไม่พ้นร้านที่เต็มไปด้วยสาว ๆ เพราะมีความเชื่ออยู่ลึก ๆ ว่าคงน่ามีโอกาสในเรื่อง Lucky in love สานความสัมพันธ์กับใครสักคนไม่ว่าจะระยะสั้นหรือยาวในค่ำคืนนี้ ทว่าความเป็นจริงมันไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เพราะบางคนจู่ทำตัวโจมรุกหนักเกินไปพาลทำให้สาว ๆ เตลิดหนีไป หรือบางทีก็ไม่ดูตาม้าตาเรือเดินดุ่ม ๆ เข้า ๆ ไปไม่รู้ว่ามีก้างขวางคอมากับแฟนหรือเปล่ากลายเป็นมีเรื่องกันไปเสียอีก ดังนั้นวันนี้ทีมงาน UNLOCKMEN จึงมีทริคเด็ดให้คุณใช้สังเกตเหล่าสุภาพสตรีในร้านเหล้าทั้งหลายว่าพวกเธอพร้อมจะสานสัมพันธ์กับเรามากแค่ไหนมาฝากกัน 1 สังเกตพฤติกรรมการดื่ม ลำดับแรกลองดูลักษณะการดื่มของพวกเธอ แน่นอนว่าการออกมาเที่ยวกลางคืนสิ่งที่ขาดไม่ได้คือเครื่องดื่มมึนเมาต่าง ๆ การดื่มของผู้หญิงแต่ละคนก็สามารถบ่งบอกได้ว่าคืนนี้พร้อมจะสร้างความสัมพันธ์กับใครมากแค่ไหน เช่น ถ้าหากเธอสั่งค็อกเทล หรือเครื่องดื่มเบา ๆ และดื่มโดยไม่เร่งรีบ นั่นอาจเป็นสัญญาณว่า หล่อนค่อนข้างจะระมัดระวังตัวหรืออาจไม่สนใจการหาคู่เท่าใดนัก แต่ถ้าเป็นพวกชนแก้วอย่างต่อเนื่อง หรือ เฮฮากับการยกเพียวช็อต สายตาสอดส่องไปรอบข้างนั่นบ่งบอกได้ว่าพวกเธอค่อนข้างเปิดกว้างสำหรับการสานความสัมพันธ์อยู่พอตัวแบบนี้เปอร์เซ็นต์เข้าไปบวกได้มีสูง 2 การสัมผัสตัว ถ้าคุณตัดสินใจเข้าไปชนแก้วพูดคุยกับใครสักคน สิ่งหนึ่งที่สามารถสังเกตได้คือภาษากาย อย่าสนใจแต่การใช้คำพูดหรือคิดมุกจีบทีเตรียมมาจาก google มากเกินไป เพราะการวางตัวของพวกเธอนั้น สามารถบ่งบอกได้ว่ามีความสนใจในตัวเรามากแค่ไหน ระหว่างสนทนา ถ้าหล่อนส่งรอยยิ้มให้หรือมีการยื่นมือออกมาสัมผัสคุณบ้างเล็กน้อยนั่นเป็นสัญญาณดีทีเดียว ยิ่งถ้าหากมีการโน้มเอียงเข้ามาและชวนคุยแล้วด้วยแล้วยิ่งเยี่ยมไปใหญ่ กลับกันถ้าพบเจอกับกิริยาเงียบเฉย ถามคำตอบคำ แถมไม่มีทีท่าว่าอยากจะรักษาบทสนทนาต่อไปละก็ควรรีบเดินกลับโต๊ะอย่างสุภาพแล้วยอมรับความพ่ายแพ้แต่โดยดี
“นักดนตรีใช้สารเสพติดในเพื่อเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ ส่วนผู้รักในเสียงเพลงพบว่ามันช่วยให้เข้าถึงได้มากขึ้น” ประโยคครหานี้ทางเราไม่ข้อตัดสินว่าจริงหรือไม่จริงน่าจะดีกว่า ขอให้ทีมงาน UNLOCKMEN ได้เดินสะดวกหน่อย(ฮา) แต่ก็อย่างว่า เราต่างอยู่ในโลกให้ความจริงที่ไม่ได้สวยเสมอไป ก็เลยเถียงประโยคข้างต้นไม่ขึ้นเพราะว่ามันมีมูลความจริงอยู่ โดยความสัมพันธ์ระหว่างสารเสพติด, แอลกอฮอล์ และดนตรีมักจะสะท้อนออกมาทางเนื้อร้อง ซึ่งบางครั้งเนื้อหาที่เกิดขึ้นทางศิลปินก็ได้รับอิทธิพลมาจากใช้ยาเสพติดบางประเภท บางเพลงก็อ้อม ๆ บางเพลงก็ตรง ๆ แถมดังด้วย ถ้าศึกษาประวัติศาสตร์ทางดนตรีจะพบว่าแนวเพลงแบบ Acid Rock ก็ถือกำเนิดมาจากการใช้ LSD (แอลกอฮอล์แห้ง) ขณะที่เพลงแนว House ที่วน loop ก็คงจะไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร ถ้ากลุ่มนักปาร์ตี้ตัวยงที่ใช้ยาเสพติดประเภทยาอีไม่ค้นพบว่ามันเข้าทางกันกับแนวทางดนตรีที่พวกเขาชอบ ขณะที่ดนตรีแนว Country ก็มักจะมีเนื้อหาเกี่ยวกับยาเสพติด และยังอ้างอิงถึงมันมากกว่าแนวอื่นแม้กระทั่ง Hip Hop ด้านคนเสพดนตรีในปัจจุบันเองก็มีผลสำรวจล่าสุดที่น่าสนใจออกมา เจาะเข้าถึงกลุ่มผู้ที่ชอบไปร่วมเทศกาลดนตรีแนว EDM (Electronic dance music) โดยเฉพาะ Music Festival ชื่อดังระดับโลกหลายงานในต่างประเทศที่เราขอสงวนชื่อไว้ ซึ่งทาง TickPick ตลาดขายตั๋วรายใหญ่ได้ทำการสำรวจคนที่ไปร่วมงานเทศกาลดนตรีชื่อดังจำนวน 1,000 คน ตั้งแต่อายุ 18-74 ปี (ค่าเฉลี่ย 32.4 ปี)
“ซูชิ” เมนูกินง่ายสั่งสะดวกที่ผู้ชายนิยม เพราะมันเป็นเมนูที่ดูเรียบง่าย แต่แฝงความพิถีพิถัน วัฒนธรรม พูดง่าย ๆ ว่าแค่คำเดียวก็ได้เสพครบทุกอย่าง ยิ่งถ้าร้านไหนมีปลาสด ข้าวเหนียวนุ่ม กับอุณหภูมิพอเหมาะของมือเชฟชั้นยอด ซูชิทั้งคำที่หยิบเข้าปากแทบละลายหายไปในพริบตาจนต้องเร่งสั่งคำใหม่มากินเรื่อย ๆ ไม่หยุด ทว่าภายใต้หน้าตาคลีน ๆ ของซูชิที่ดูจะมีแค่ปลากับข้าวก็อย่างเพิ่งวางใจว่ามันจะไม่เป็นพิษเป็นภัยกับหุ่นและสุขภาพเราชาว UNLOCKMEN วันนี้เราจึงขอรวมวิธีการกินซูชิให้คลีนมาแจก จะได้กินกันอย่างสบายใจขึ้น คำเตือนจากนักโภชนาการ “ซูชิ” ไม่เฮลตี้อย่างที่คิด ถ้าจะให้มานั่งควบคุมแคลอรี่การกินนับหน่วยขนาดนั้นอาจจะไม่ใช่ทางของผู้ชายอย่างเรา แต่มันก็ต้องดูไว้บ้างเหมือนกันเพราะปัญหาหลักที่เราไม่ค่อยตั้งข้อสังเกตมันอยู่ที่ปริมาณการกิน รู้ไหมว่าซูชิประเภทโรลชิ้นเล็ก 1 ม้วนที่ซอยออกได้ 6-9 ชิ้น กินไปยังไม่ทันอิ่มมันอัดแคลอรี่ไว้ได้มากถึง 500 แคลฯ เลย ซึ่งหลัก ๆ มันมาจากข้าวขาวคลุกน้ำส้มสายชูกับน้ำตาลที่ช่วยเจริญน้ำย่อยทำให้สั่งเพลินหลายชุด ยิ่งเจอข้าวที่เป็นคาร์โบไฮเดรตซึ่งต่อไปก็จะย่อยเป็นแป้งและน้ำตาลอีก ต่อให้โปะหน้าด้วยเนื้อปลาดิบลีน ๆ ไขมันดีแค่ไหนก็คงช่วยไม่ได้ (คลี่ไปใส่ชามแต่ละมื้อนี่จะเจอว่ากินข้าวไปหลายถ้วย) แก้ลำด้วยการสั่งซูชิให้คลีน 1. เลือกซูชิที่ใช่ ก่อนสั่งก็ส่องเครื่องซูชิกันก่อน เลี่ยงซูชิประเภทโรลที่ใส่ซอสมายองเนสไว้ เน้นเครื่องข้างในเป็นผักสด หรือถ้าอยากให้คงรสชาติความมันเต็มคำไว้บ้างให้เลือกประเภทที่มีอโวคาโด เพราะเส้นใยกำลังดี ไขมันมีประโยชน์ แต่ถ้าจะให้ดีกว่านั้นการเลือกประเภทซูชิแยกคำแบบเดี่ยว ๆ จะมีส่วนผสมและซอสน้อยกว่าซึ่งดีต่อร่างกาย
วันนี้ทีมงาน UNLOCKMEN ขอหยิบจับข่าวการเคลื่อนไหวของวงการ High-Fashion ที่นับวันจะเริ่มเข้ามาใกล้เคียงกับไลฟ์สไตล์ประจำวันมากยิ่งขึ้น เพราะในปัจจุบันเราจะสามารถเห็นผู้ชายไทยหันสวมใส่รองเท้า Balenciaga คาดกระเป๋า Gucci Belt Bag เป็นเรื่องปกติทั่วไป แถมยังสนุกกับแฟชั่นการแต่งตัวมากยิ่งขึ้น แล้วหนุ่ม ๆ รู้กันบ้างหรือเปล่าว่าหากจำกัดเฉพาะแบรนด์ระดับ High-end ตอนนี้ยี่ห้ออะไรได้รับความนิยมสูงสุด ? สืบเนื่องจากเมื่อปีที่ผ่านมา Gucci มีอัตราการเติบโตสูงถึง 45% ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2017 ทำให้ใครต่างคิดไปต่าง ๆ นา ๆ ว่าจะขยับขึ้นมาได้รับความนิยมอันดับหนึ่ง แต่ทว่ายังไม่เพียงพอต่อการขึ้นไปแซง Balenciaga ห้องเสื้อกูตูร์จากสเปนและอีกเช่นเคยสำหรับไตรมาสแรกในปี 2018 ที่แชมป์เก่าจะยังรักษาบัลลังก์ความนิยมให้อยู่ต่อไป ทำให้ ณ ตอนนี้ Balenciaga ครองความนิยมสูงสุดในบรรดาแบรนด์แฟชั่นทั้งหมดมาติดต่อ 3 ไตรมาสด้วย ดังนั้นจาก Top 3 ของแบรนด์ยอดนิยมจากการสำรวจของ Lyst Index ทำให้มีแบรนด์แฟชั่นในเครือของ Kering group ติดอันดับนำโด่งมาด้วยกันถึงสองแบรนด์คือ Balenciaga และ Gucci โดยที่อันดับ
สิ้นเดือนก็เหมือนสิ้นใจ เงินเดือนที่ได้มาตั้งแต่ต้นเดือนค่อย ๆ เหือดแห้งไป (ตั้งแต่กลางเดือนแล้ว) อย่างไรก็ตามถึงจะไร้เงินแต่พวกเราไม่ไร้รัก! แม้เงินจะไม่มี แต่ก็ยังต้องพาสาวที่จีบ ๆ คุย ๆ กันอยู่ไปเดตตามปกติ จะให้หลบลี้หนีหน้าไปจนกว่าเงินเดือนจะออก เราเองก็คงจะคิดถึงเธอจนขาดใจตาย ดังนั้นเพื่อให้ได้เดตตามปกติด้วยและเดตให้สมกับเงินในกระเป๋าที่เหลือน้อยด้วย นี่คือ 5 เดตเพื่อหนุ่มกระเป๋าแห้ง แต่หัวกระไดไม่แห้ง เชิญเลือกพาสาวไปเดตตามสบายเลยครับท่าน กินที่บ้าน โรแมนติกมาก ใช้เงินน้อย เราอาจจะแอบเลิกคิ้วสงสัยว่า “จริงหรอวะ?” ชวนสาวมาบ้านนี่มันจะทำให้สาวประทับใจได้จริงหรอ ? UNLOCKMEN บอกเลยว่าประทับใจสิวะ! สาว ๆ เขาไม่ได้คิดแต่จะไปที่สวย ๆ ชิค ๆ เท่านั้น การชวนมาบ้านมันแสดงให้เขาเห็นว่าเขาคือคนที่เราไว้ใจ และเราก็จริงจังกับเขา แถมบอกเป็นนัย ๆ ว่านี่คือรังของหนุ่มโสดอย่างแท้จริง ไม่ได้ซุกซ่อนลูกเมียไว้นะ แล้วเราก็สั่งอาหารง่าย ๆ อย่างพิซซ่า โดยมีเบียร์เป็นเครื่องดื่มประกอบ แล้วเปิดเน็ตฟลิกซ์ดูซีรีส์ด้วยกันเพลิน ๆ มันทำให้สาว ๆ เขารู้สึกว่าเราทรีตเขาเหมือนเขาเป็นครอบครัวเดียวกัน ที่สำคัญที่สุดประหยัดเงินเราได้มากเลยทีเดียว ไป IKEA ดูสิ
ฝีปากของ “LIAM GALLAGHER” เป็นที่เลื่องลือกันอยู่แล้วว่าคมกริบเหมือนมีดหั่นเนื้อ ใครไปทำอะไรไม่ถูกใจแกเข้า รับรองต้องโดนแกใช้ฝีปากกรีดเนื้อกันสักแผลสองแผลแบบเลือดซิบ ๆ แน่นอน แม้บางทีไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวอะไรด้วยแล้วโดนลูกหลงก็มี ถ้าไม่เชื่อลองถามนักร้องเกือบทั้งวงการ เพราะพี่เลียมแกเล่นด่าตั้งแต่รุ่นใหญ่ไปยันรุ่นจูเนียร์แทบจะครบทั้งวงการแล้ว ไม่ว่าจะด่าผ่านทางการสัมภาษณ์ผ่านสื่อ หรือโซเชียลมีเดียที่เป็นที่โปรดปรานของเลียมอย่าง TWITTER ที่ชอบเอาไว้เหน็บแนมชาวบ้านซะส่วนใหญ่ แม้แต่แฟน ๆ ในทวิตเตอร์ที่เมนชั่นหาแกก็ยังโดนกันบ่อย UNLOCKMEN เลยขอมัดรวมคนดังที่โดนเลียมด่าแบบเจ็บแสบมาให้ดูกัน ว่าแกไปฟาดฝีปากใส่ใครไว้บ้าง Pete Doherty (ฟรอนต์แมนจาก The Libertine) “รู้มั้ยคำว่า Libertine มันหมายถึงอะไร? อิสระไง! เขาแม่งไปหลบอยู่มุมไหนสักมุมทำอะไรที่ไม่ได้เกี่ยวกับความอิสระนั่นเลย น่าโมโหว่ะ” (NME, 2005) Ozzy Osbourne “นี่ทุกคนไปคิดว่าเขายิ่งใหญ่ได้ยังไงกัน ? ถ้าถามผม ผมว่าเขาก็ไม่ได้ดังขนาดนั้น” (NME, July 2002) Robbie Williams “เขาน่ะทำตัวโคตรดราม่าเลย ทำอัลบั้มห่วย ๆ ออกมาแล้วก็อยากให้แฟนเพลงรู้สึกเสียใจไปกับมัน แม่งเชี่ยจริง ๆ” (MTV, February 2007) Billie Joe
หลายคนที่เป็นคอเพลงและคอหนังควบคู่กันอาจจะคุ้นเคยกับชื่อของ HANS ZIMMER นักดนตรีสาย SOUNDTRACK ที่มีผลงานเจ๋ง ๆ เป็น Official Sondtrack จากภาพยนตร์ดัง ๆ จำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น The Lion King, Gladiator, Sherlock Holmes, Inception, Batman v Superman: Dawn of Justice, Pirates of the Caribbean: Dead Men Tell No Tales และอีกสารพัดเรื่องที่ไล่รายชื่อได้ยาวเป็นหางว่าว ไม่ว่าจะเป็นการประพันธ์เพลง โปรดิวเซอร์ คอมโพสเซอร์ หรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวกับเพลงประกอบภาพยนตร์ พี่แกทำมาแล้วทั้งนั้น เรียกได้ว่าเป็นตัวพ่อของการทำเพลง SOUNDTRACK ก็คงไม่เกินไปนัก วันนี้เราขอยก 10 เพลงเจ๋ง ๆ ฝีมือ HANS ZIMMER มาจัดเป็น Playlist ให้หนุ่ม ๆ ได้ฟังกันเพลิน ๆ ในวันที่อยากฟังอะไรแบบไม่มีเนื้อเพลงแบบเบาสมองแต่เน้นฟีลลิ่ง ใครสะดวกฟังใน Spotify เราจัด Playlist ไว้ให้แล้ว ที่นี่
เรากล้าพูดว่าผู้ชายหลายคนไม่ได้เกลียดการอ่านหนังสือและเรื่องเงินทองความมั่งคั่งก็เป็นเรื่อง Top of mind ของพวกเรา แต่เหตุผลที่พวกเราปฏิเสธการอ่านมันเพราะดงหนังสือที่มีให้เลือกจากหลายสำนักพิมพ์มันเยอะจนเลือกไม่ถูกว่าเริ่มจะหยิบเล่มไหนก่อนดี แถมราคาหนังสือเดี๋ยวนี้ก็ไม่ถูกเหมือนแต่ก่อนด้วย สำหรับคอ UNLOCKMEN ที่ชอบอ่านหนังสือแนวธุรกิจแล้วเจอว่าน้ำเยอะกว่าเนื้อ หนนี้ลองเลือกใหม่ไปจากหนังสือที่เหล่า CEOs ประสบความสำเร็จเขาอ่านเป็นประจำและใช้เป็นแรงบันดาลใจก่อนลุกไปบริหารคนบริหารเงินกันต่อจากทั้ง 10 คน และ 10 เล่มนี้ รับรองว่าไม่ผิดหวัง “Scaling Up: How a Few Companies Make It … and Why the Rest Don’t” PICKED BY: Bruce Clay ผู้ก่อตั้งมาร์เก็ตติ้งเอเจนซี่ชื่อเดียวกับตัวเอง บริษัทของเขาติดชาร์ตหนึ่งใน 5000 บริษัทเอกชนจดทะเบียนของอเมริกาที่โตไวที่สุดถึง 9 สมัยติดต่อกัน IN BRIEF: หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือทะลวงความตันทุกครั้งที่เขามีปัญหาด้านธุรกิจ “Scaling Up” เขียนโดยผู้ก่อตั้งองค์กรระดับโลกชื่อ Entrepreneurs’ Organization (EO) และยังเป็นผู้ก่อตั้ง และ CEO
มีคำกล่าวที่ว่า “การตัดสินคนอื่น คือความทุกข์ที่เราสร้างขึ้นมาเอง” และประโยคนี้ก็ทำให้เราเข้าใจความหมายของมันยิ่งขึ้น เมื่อเราได้มีโอกาสมาพูดคุยกับคุณ “เชอรี่” ลฎาภา รัชตะอมรโชติ หรือ “เชอรี่ สามโคก” นางแบบสาวเซ็กซี่ที่ใคร ๆ หลายคนรู้จัก และส่วนใหญ่แล้วจะรู้จักเธอกันแค่ด้านเดียวจากผลงานวาบหวิวหลากหลายที่เคยผ่านตา ทีมงาน UNLOCKMEN ตื่นเต้นจนใจสั่นไม่เบา ตามประสาชายหนุ่มที่กำลังจะได้เจอสาวที่มี sex appeal สูง แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ เรารู้สึกเขินที่ได้เจอกับคุณเชอร์รี่ครั้งแรก ยอมรับว่ากล่าวทักทายเธอด้วยความเกร็ง ก็เพราะเธอดูดีกว่าที่เราเคยเห็นในสื่อต่าง ๆ เสียอีก แต่จากนั้นความเขินอายก็หมดไป เพราะจริง ๆ แล้วเธอเป็นผู้หญิงที่เป็นกันเอง มีอารมณ์ขัน และก็ไม่ได้มีตัวตนที่ “แรง” เหมือนกับผลงานที่ผ่านมา “ช่วงนี้ก็เหมือนเดิมค่ะ ทำงานแล้วก็ใช้ชีวิตตามคอนเซ็ปต์ที่ว่าไม่ต้องทำงานเยอะเกินไป เวลาอีกครึ่งหนึ่งต้องเอามาใช้ชีวิต ต้องมีเวลาดูหนัง มีเวลาชิลล์ ได้อยู่กับตัวเอง จริง ๆ ก็ไม่ได้ทำอะไรมาก อยู่ในห้อง เล่นกับแมว ค่อนข้างเรียบง่ายค่ะ ส่วนเรื่องงาน ช่วง 2-3 ปีหลังจะเป็นงานอีเว้นต์ซะมากกว่า ถ้าปีก่อนก็จะได้แสดงในซีรีส์เรื่อง ‘ยายกะลา ตากะลี’ ของกันตนา ออกอากาศทางช่อง 7 ละครเรื่องอื่น ๆ ก็มี