ช่วงนี้ใครที่กำลังมองหาของตกแต่งบ้านสวย ๆ น่าสนใจอยู่แล้วละก็ UNLOCKMEN มีนวัตกรรมสุดล้ำมาบอกเล่าให้ฟังกัน กับโคมไฟ OLED แบบไฮเทค ที่สามารถบิดงอเป็นรูปทรง ตกแต่งได้ตามที่ต้องการได้ ถ้ามานั่งนึกกันดี ๆ เป็นเวลานานพอสมควรแล้วที่บรรดาหลอดไฟ, โคมไฟ ต่าง ๆ ไม่มีการพัฒนานวัตกรรมใหม่ใด ๆ เกิดขึ้นมา นอกซะจากว่าเปลี่ยนรูปทรงแปลกตา หรือทำเป็นแบบ Smarthome เท่านั้น นวัตกรรมสุดเจ๋งที่เรากำลังจะพูดถึงนี้คือ OLED Light ของทาง LG Display ที่หลายคนอาจพอรู้กันอยู่แล้วว่าทาง LG เป็นเบอร์แรก ๆ ในด้านการผลิตพวกจอทีวี, สมาร์ทโฟน ซึ่งนวัตกรรม OLED ตัวนี้ ก็ถูกต่อยอดส่งต่อจากเทคโนโลยีหลอดไฟทั่วไปให้กลายมาเป็นหลอดไฟที่ให้ความสว่างแบบไฮเทค เพราะว่าตัวหลอดไฟมีความบางมาก ๆ เหมือนแผ่นกระดาษ และยังสามารถดัดโค้งและงอตามรูปทรงที่เราต้องการได้อีกด้วย OLED Light แผ่นแบบบางจะถูกปิดทับด้วยพลาสติกที่มีความยืดหยุ่นสูงเป็นพิเศษ และจะมี 2 แบบมาให้เลือกคือแบบสี่เหลี่ยมจัตุรัส และสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มีความยาวให้เลือกแตกต่างกันไปตามแต่ต้องการ โดยอายุการใช้งานของ OLED Lightจะอยู่ที่ 30,000 –
ทุกวันนี้สินค้าประเภทแฟชั่นถือว่าเป็นแหล่งขุมทรัพย์สำหรับคนที่กำลังมองหาช่องทางทำธุรกิจ เพราะสินค้าเหล่านี้ล้วนไม่ต่างจากสินค้าทำกำไรประเภทอื่น ๆ ที่สามารถทำเงินให้คนที่มองเห็นโอกาส และรู้จักพลิกแพลง เติมความต้องการของตลาดได้ ไม่ว่าจะเป็นตัวพ่อค้าเองที่เก็งกำไรจากการขายของสตรีทแวร์ อาทิ supreme หรือ รีเซล์รองเท้า ได้เงินมหาศาลกว่าการเล่นหุ้นค้าทองเสียอีก ซึ่งวันนี้ UNLOCKMEN ได้นำอีกตัวอย่างของเด็กหนุ่มที่สามารถทำเงินได้มากกว่า $400,000 ( ราว ๆ 13 ล้านบาท ) จากธุรกิจประเภทสตรีทแวร์แฟชั่น โดยไม่จำเป็นต้องลงทุนสักบาทมาฝากกัน Brandon Taylor ชายหนุ่มวัย 23 ปี จากเมือง Southampton ทำงานอยู่ในร้านวิดีโอเกม ซึ่งเขาได้ใช้เวลาว่างในการเป็นคนกลางเพื่อช่วยผู้ซื้อที่อาจจะขาดความรู้ หรือกลัวว่าจะได้รับสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์เขาจึงทำหน้าเป็นคนกลางเช็คสินค้าว่าตรงตามที่ได้กล่าวอ้างหรือเปล่าก่อนส่งต่อให้กับผู้ซื้ออีกที Brandon ได้ก้าวเข้ามาอยู่ในวงการสตรีทแวร์สักประมาณ 5 ปีที่ผ่าน ก่อนจะค่อย ๆ ผันตัวเองกลายมาเป็นคนกลางเมื่อไม่นานมานี้ สำหรับจุดเริ่มต้นของการเข้ามาเป็นคนกลางคอยดำเนินการซื้อขายของ Brandon เริ่มจากตัวเขาเองมักจะใช้เพจที่ชื่อ The Basement ในการติดต่อพูดคุย หรือซื้อสินค้าเป็นประจำอยู่แล้ว จนกระทั่งวันหนึ่งเหมือนเป็นโชคเล็ก ๆ ที่มีผู้ซื้อคนหนึ่งรู้สึกไม่สบายใจกับสินค้า Supreme / The North Face
ทรงผมที่ดูดี และคุ้นเคยที่สุดสำหรับผู้ชายส่วนใหญ่ แน่นอนว่าคงไม่ใช่ผมยาวรุงรัง หากใครที่กำลังอยากจะตัดผมให้ดูมีสไตล์ ดูดีมีชาติตระกูล โดยเฉพาะกับคนที่ต้องแต่งตัวอย่างเป็นทางการใส่สูทผูกไทด์ทุกวันด้วยแล้วล่ะก็ วันนี้ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง เพราะว่าเราได้นำเอาเคล็ดลับจากช่างทำผมผู้ที่ได้รับรางวัล The Emmy-Award ในการเป็น Hairstylist ให้กับทีวีซีรี่ย์ชื่อดังอย่าง Mad Men และ Glotia Ponce มาให้ได้อ่านกัน หากใครที่ชอบความเนี้ยบ มีสไตล์ แต่ไม่รู้จะต้องทำอย่างไรให้ได้ทรงผมที่ต้องการมาอยู่บนหัวกบาลของคุณล่ะก็ บทความนี้จะช่วยคุณเอง วันนี้เราจะนำเอาทรงผมที่คัดมาแล้ว 3 แบบ 3 สไตล์จากตัวละครในทีวีซีรีส์เรื่อง Mad Man อย่าง Don Draper, Pete Campbell และสุดท้าย Roger Sterling มาให้นำไปเลือกกัน รวมไปถึงรายละเอียดต่างไม่ว่าจะเป็นวิธีการบอกกับช่างว่าอย่างไรช่างถึงจะเข้าใจได้อย่างถูกต้อง รวมไปถึงโปรดักส์ และสไตล์การแต่งตัวที่เข้ากันมาให้ด้วย How to Get the Mad Man Hairstyles เนื่องจากทรงผมของตัวละครในเรื่อง Mad Men นี้ จะค่อนข้างไปทางเนี้ยบสั้น สะอาดตาสไตล์ยุค
เรื่องราวในแต่ละวันที่เราได้พบเจอในปัจจุบัน ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามีแต่ด้านลบเป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นข่าวเศรษฐกิจถดถอย หรือเรื่องราววิถีชีวิตประจำวันที่ต้องพบเจอ กลับกลายเป็นว่าทุก ๆ วันนี้ หลายคนติดหลุมกับดักการใช้ชีวิต และข่าวสารมากมาย จนเผลอเสพความคิดแย่ ๆ เข้าไปเรื่อย การรักษาทัศนคติให้คงอยู่แบบบวก ๆ คงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ในการช่วยเพิ่มพลังให้กับตัวเราเองและคนรอบตัวเรา ดังนั้น UNLOCKMEN จะแนะนำเคล็ดลับและวิธีการคิดบวกติดตัวที่ไม่ว่าจะเจอสถานการณ์อะไรเข้ามาในชีวิตของเราก็ตาม ทำวันใหม่ให้ดี การคิดบวกไม่ได้หมายถึงเพียงความคิด แต่รวมไปถึงการกระทำ เช่นเวลาช่วงเช้าที่แสนจะน่าเบื่อ ไม่อยากลุกออกจากเตียง การที่เราทำตัวเอื่อยเฉื่อยตั้งแต่เช้าอาจพาลให้ทั้งวันของเรากลายเป็นวันที่น่าเบื่อ เพราะงั้นลองหาวิธีช่วยเสริมประสิทธิภาพในตอนเช้าให้ดีขึ้น เช่นการเปิดเพลงโปรดสักเพลงที่ไม่ใช่ทำนองหดหู่ อวยพรให้เราเริ่มต้นวันใหม่ให้เป็นวันที่ดี แค่เพียง 1 นาทีหรือ15นาที มันจะช่วยเพิ่มความคิดบวกและช่วยให้เราอารมณ์ดีแบบไม่น่าเชื่อ กล้าเผชิญความเป็นจริง การคิดบวกไม่ใช่การหลอกตัวเองว่าทุกสิ่งมันต้องดีเสมอ แต่มันคือการเผชิญหน้ากับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นได้ แล้วนำความเป็นจริงนั้นมาคิดในเชิงบวก ไม่กดดันหรือทำร้ายความคิดของตัวเอง เพราะถ้าเรายิ่งรู้จักยอมรับและคิดบวกกับมันมากขึ้นเท่าไหร่ เราก็จะรับและเผชิญหน้าเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตได้มากขึ้น การสื่อสารด้วยความเข้าใจ ถ้าเป็นคนที่มีความคิดแบบ Negative Thinking ไม่เพียงแค่ตัวเรารู้สึกไม่ชอบใจเท่านั้น คนรอบข้างที่อยู่ข้าง ๆ ตัวเรา ก็พาลจะได้ Negative Thinking
ใคร ๆ ก็รู้ว่า การนอนหลับนั้นสำคัญมากต่อร่างกาย และเราต้องนอนให้เพียงพอต่อความต้องการ ในระยะเวลา 7-9 ชั่วโมง/วัน เพราะการอดนอนนอกจากจะลดประสิทธิภาพในทุก ๆ ด้านของร่างกายแล้ว มันยังนำไปสู่โรคภัยไข้เจ็บมากมาย ไม่ว่าจะเป็น โรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคหัวใจ รวมไปถึงสมองในด้านของการตัดสินใจ และความสามารถในการจดจ่อมีสมาธิกับอะไรบางอย่างลดลง แต่เวลาในแต่ละวันที่มีถึง 24 ชั่วโมง บางครั้งมันก็ไม่เพียงพอกับคนบางคนที่มีงานมากมายสุมรออยู่ตรงหน้า จึงจำเป็นจะต้องฝืนเปิดตาเอาไว้ให้ได้โดยที่ไม่นอนเลยแม้แต่ชั่วโมงเดียว การฝืนความง่วงนั้นเป็นเรื่องยาก แต่ก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้เลย ถ้าหากคุณจำเป็นจะต้องอดหลับอดนอนเพราะสถานการณ์มันบังคับ วันนี้เรามีวิธีการที่จะช่วยให้คุณอยู่รอดไปได้ตลอด 24 ชั่วโมง ด้วยการวางแผนล่วงหน้า เพื่อให้ตัวเองมีพลัง และตื่นตัวอยู่ตลอดเวลามาฝาก แต่ต้องบอกไว้ก่อนเลยนะว่า หลังจาก 24 ชั่วโมงอันยาวนานผ่านไปแล้ว คุณอย่าคิดที่จะฝืนอยู่ต่อไป และให้เข้านอนชดเชยเวลาการนอนที่หายไปให้ครบถ้วน Setting the Right Environment หากคุณรู้ตัวว่าจะต้องอดนอน และจะเผลอหลับไม่ได้อย่างเด็ดขาด ก่อนอื่นคุณต้องตัดขาดความสบายไปให้หมด เช่น เก้าอี้นุ่ม ๆ ที่เอนได้แบบสบายใจ, หมอนที่จะเอามาพิง หรือมากอดไว้ในขณะที่ทำงาน และหลีกเลี่ยงสถานที่ที่เป็นที่ซุกหัวประจำอย่างห้องนอน หรือเตียงให้ไกลที่สุด พร้อมกับปรับอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศให้ร้อนขึ้นกว่าปกติ แม้ว่าการปรับอุณภูมิให้ร้อนขึ้นจะทำให้คุณอึดอัด
นับว่าเป็นปีที่อุตสาหกรรมเสื้อผ้าสปอรต์แวร์เติบโตอย่างเฟื่องฟู อัตราการแข่งขันเข้มข้นสอดคล้องกับกระแสความนิยมของคนหมู่มากที่เริ่มเอนเอียงหันมาเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวลดทอนความเป็นทางการลง เหลือเป็นเพียงสไตล์กึ่งลำลองในชีวิตประจำวันแทน ดังนั้นจึงเป็นโอกาสทองของบรรดาแบรนด์เสื้อผ้าสไตล์สปอร์ตต่าง ๆ หันมาเอาจริงเอาจังกับการลงสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์เสื้อผ้าไลฟ์สไตล์โดยที่ไม่อิงเจาะจงเฉพาะนักกีฬาเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป เพราะถ้าให้พูดกันตามตรงแล้วปัจจุบัน ดารา นักร้อง ล้วนมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อเสื้อผ้าของผู้บริโภคอย่างมาก ทำให้แบรนด์สปอร์ตแฟชั่นต่างใช้กลยุทธ์แบบ Influencer เพื่อจูงใจ ซึ่งวันนี้ UNLOCKMEN จะขอมาวิเคราะห์กันว่าแต่ละแบรนด์หลังจากได้บรรดาคนดังมาเป็น endorser แล้ว พวกเขาจะช่วยเสริมยอดขายให้ได้ดีขึ้นขนาดไหน Nike เริ่มจากแบรนด์กีฬาที่มียอดขายอันดับหนึ่ง อีกทั้งพวกเขายังมีบริษัทลูกอย่าง Air Jordan และ Converse ทำให้ไม่ต้องกลัวว่าสองแบรนด์นี้จะมาแย่งส่วนแบ่งทางการตลาดไปได้ ซึ่ง Nike เองนอกจากจะมีนักกีฬาระดับแพลทตินั่มซึ่งคอยเป็นแม่เหล็กดูดผู้บริโภคอยู่แล้ว หลังจากที่เขาสูญเสีย Kanye West ไปให้กลับทาง adidas พวกเขาก็พยายามมองหา Influencer คนใหม่เพื่อมาทดแทนไม่ว่าจะเป็นดีไซนเนอร์อย่าง Riccardo Tisci , Tom Sachs หรือแม้กระทั่งเซ็นสัญญาดึงตัวแร็ปเปอร์เลือดใหม่มาแรงอย่าง Kendrick Lamar มาร่วมงาน แต่ก็ดูเหมือนว่าพวกเขาจะยังไม่สามารถสร้างอิมแพ็คได้ระดับเดียวกับที่ Kanye West เคยทำไว้ แต่ด้วยความแข็งแรงของแบรนด์ ทำให้ Nike ยังคงรักษายอดขายได้
เราเดินทางมาสู่ยุคที่มีคนเหงาล้นเมืองเต็มไปหมด บางคนมีคนอยู่ด้วยก็ยังเหงา แต่หลายคนที่เหงา ๆ เทา ๆ หว่อง ๆ ก็เพราะอยู่คนเดียว ไม่ว่าคุณจะต้องอยู่คนเดียวชั่วคราว อยู่คนเดียวเพราะตั้งใจ หรือบังเอิญต้องอยู่คนเดียวเพราะมีเหตุเลิกรากับคนข้างกายมา วันนี้ UNLOCKMEN อาสานำ 5 วิธีอยู่คนเดียวอย่างไรไม่ให้เหงามาฝาก รับรองว่าต่อไปนี้จะอยู่คนเดียวด้วยความรู้สึกที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป จัดห้อง จัดบ้าน จัดการตัวเองใหม่ การอยู่คนเดียวเป็นโอกาสอันดีที่คุณจะได้จัดห้องตัวเอง หรือถ้าระดับใหญ่กว่านั้นก็คือการจัดบ้านให้เป็นไปตามที่ใจเราหวัง การจัดบ้านไม่จำเป็นต้องรีโนเวทใหม่ ลงทุนจำนวนมาก ๆ แค่เราจัดเฟอร์นิเจอร์แบบใหม่ จัดมุมใหม่ ๆ ให้น่าอยู่ ก็มีความหมายต่อความรู้สึกของเรามากแล้ว เพราะการอยู่คนเดียวประจำ อาจสร้างความจำเจในชีวิต เพราะฉะนั้นการจัดเฟอร์นิเจอร์หรือจัดบ้านใหม่ก็จะช่วยให้เรารู้สึกว่ามีอะไรที่เราชอบอยู่เสมอ และไม่จมอยู่กับบรรยากาศเหงา ๆ เดิม ๆ ออกจากคอมฟอร์ทโซน ศัตรูสำคัญของการอยู่คนเดียวคือการทำอะไรซ้ำซากในที่ที่เคยทำแล้วเกิดความเหงานั่นแหละ เพราะหลายครั้งเราทำอะไรเดิม ๆ ทำอะไรที่ทำให้เกิดการเปรียบเทียบว่าเมื่อก่อนเราเคยทำอย่างนี้กับคนนั้น ตอนโน้นเราเคยกินข้าวกับคนนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เราต้องตกอยู่กับกับดักทางความคิดที่เราขุดขึ้นเอง เราต้องพาตัวเองออกไปจากที่ที่เราเคยชิน พาตัวเองไปทำในสิ่งที่เราไม่เคยทำมาก่อน อาจจะไปกินข้าวในร้านที่ไม่เคยคิดจะไปมาก่อน พาตัวเองไปทำกิจกรรมที่ปกติไม่คิดจะทำเลย ออกจากคอมฟอร์ทโซนเดิม ๆ ของเราซะ เป็นโอกาสดีที่ได้ทำความรู้จักตัวเองมากขึ้น การอยู่กับคนอื่นก็เป็นสิ่งที่ดี แต่หลายครั้งที่เรารับฟังและอยู่กับความคิดเห็นของคนอื่นจนลืมที่จะรับฟังความคิดเห็นจากหัวใจตัวเอง
ถ้าพูดถึง CEO ระดับแนวหน้าของโลกตอนนี้ คงไม่มีทางที่ชื่อของ Elon Musk จะหลุดโผไปได้ เขาคือ CEO ของ Tesla และ SpaceX รวมถึงเป็น chairman ของ SolarCity ที่กำลังทำโปรเจกต์ล้ำ ๆ ให้กับโลกใบนี้มากมาย แถมยังเป็นนักลงทุนระดับมหาเศรษฐีที่ขึ้นชื่อว่างานล้นมือที่สุดคนหนึ่ง แต่อะไรที่ยังทำให้เขาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอยู่ได้ วันนี้เราแอบเอานิสัย 5 อย่างของเขามาฝากให้ชาว UNLOCKMEN ได้ลองใช้เป็นตัวอย่างในการทำงานให้มีประสิทธิภาพดู ใช้การสื่อสารผ่านข้อความ Elon Musk ถือเป็นอีกคนที่เป็นตัวพ่อเรื่องการสื่อสารผ่านอีเมลหรือข้อความ เป็นการสื่อสารที่ไม่ต้องอาศัยการโต้ตอบแบบเรียลไทม์ ซึ่งการทำแบบนี้ช่วยให้เขาอยู่กับตารางเวลาการทำงานของตัวเองได้เต็มที่มากขึ้น โดยไม่ต้องพะวงอยู่กับการรับโทรศัพท์แต่ให้คนที่อยากติดต่อสื่อสารผ่านข้อความแล้วตอบกลับเมื่อมีเวลา บางครั้งก็ต้องเป็นคนเข้าถึงยาก แม้ใคร ๆ ก็ดูเหมือนจะรู้จัก Elon Musk ดี แต่จริง ๆ แล้วเขาเป็นคนที่เข้าถึงตัวยากมากที่สุดคนหนึ่ง โดยเฉพาะการเข้าถึงจากคนนอกบริษัทของเขา เขาบอกว่าการทำให้คนเข้าถึงยากเป็นการป้องกันการเสียเวลาไปกับเรื่องที่ไม่จำเป็น มีโอกาสในการโฟกัสกับงานตัวเองมากขึ้น multitasking เข้าไว้ Elon Musk เชื่อว่าการทำอะไรได้หลาย ๆ อย่างในเวลาเดียวหรือที่เรียกว่า multitasking เป็นเรื่องที่ช่วยให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ไม่ว่าใครก็ต้องการรถยนต์ที่ขับดูดี ขับสนุก ขับแล้วภาคภูมิใจ ที่สำคัญคือ มีรูปลักษณ์โดดเด่นสวยงามสะดุดตากันทั้งนั้น แต่จะมีรถแบบที่ว่าสักกี่คัน ที่มีคุณสมบัติตอบสนองความต้องการได้ครบถ้วน โดยเฉพาะผู้ชายอย่างเรา การซื้อรถสักคันนั้น มันต้องมีความเจ๋งอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ในรถคันนั้นด้วย DNA ความเจ๋งที่ว่านี้แหละ เป็นจุดที่จะทำให้เรารู้สึกหลงใหลรถแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่งมากกว่าอีกแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคุณค่าทางประวัติศาสตร์ และแน่นอน ฟีลลิ่งการขับขี่ที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างเข้มข้นผ่านทุกยุคสมัย ผสมผสานเข้ากับเทคโนโลยียุคใหม่ที่ล้ำหน้าขึ้นเรื่อย ๆ เช่นเดียวกับ DNA ของรถยนต์ MINI ที่ไม่ว่าใครก็ตามที่กำลังมองหารถสักคันหนึ่ง แต่มีข้อแม้ว่าต้องเป็นรถที่ขับสนุก เร้าใจ ได้ฟีลลิ่งความมันส์เสมือนขับ Go-Kart ในสนามแข่ง และมีความแตกต่างเป็นตัวของตัวเองกว่าใครบนท้องถนน สะท้อนคาแรคเตอร์ของผู้ขับได้ทันที ก็คงจะเป็นรถยนต์จากค่ายอื่นไปไม่ได้ ด้วยสมรรถนะระดับตำนานที่เป็นเลิศจนยากจะมีใครเลียนแบบได้ ยังคงถูกถ่ายทอดต่อมาจากอดีตจนถึงปัจจุบัน จนหลายคนถึงกับยกย่องให้รถยนต์จากค่าย MINI เป็นหนึ่งในตำนานที่ยังมีชีวิต และไม่เคยทิ้งจิตวิญญาณความเป็นตัวเองไปเลยแม้แต่น้อยมาจนกระทั่งทุกวันนี้ เรียกว่าเห็นแค่เสี้ยวเดียวของรถ หรือได้ยินคำว่า MINI แม้แต่คนที่ไม่ได้สนใจรถยนต์ ยังสามารถนึกภาพในหัวออกได้ทันที วันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักเรื่องราวของรถยนต์ไซส์กะทัดรัด แต่สมรรถนะใหญ่เกินตัว จากต้นกำเนิดมาจนถึงยุคปัจจุบัน และหาคำตอบไปพร้อม ๆ กันเลยว่า ทำไม MINI ถึงได้กลายเป็นรถที่คนนิยมไม่เสื่อมคลาย คงต้องย้อนไปไกลถึงปี 1959 ซึ่งเป็นปีแรกที่มีคนทั่วไปได้ทำความรู้จักกับแบรนด์รถยนต์
ต้องยอมรับในข้อหนึ่งว่าบรรดาคนดังนั้นล้วนมีส่วนสำคัญในการชักจูงใจให้เราอยากทำตัวเลียนแบบตาม ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าหน้าผมล้วนขอให้เหมือนกับไอดอลในดวงใจไว้ก่อน เพราะจากความเชื่อของผู้ชายที่คิดว่าบุคคลต้นแบบนั้นมีความเท่ คูลอยู่แล้ว หากเราทำตามก็จะดูดีไปด้วย ไม่เว้นแม้กระทั่งรองเท้าผ้าใบที่เราเชื่อว่าชาว UNLOCKMEN หลายคนเองก็มักจะเลือกซื้อตามไอดอลที่ตัวเองชื่นชอบ ดังนั้นเราจะพามาดูว่าคนดังคนไหนเคยใส่รองเท้ารุ่นอะไรแล้วทำให้เกิดเป็นกระแสให้คนอยากไปซื้อมาใส่ตามจนฮิตไปทั่วบ้านทั่วเมืองกันบ้าง Kurt Cobain = Converse All Star , Jack Purcell ราชาเพลงกรันจ์ผู้เป็นตำนานไม่ว่าจะเป็นเรื่องสไตล์การแต่งตัว หรือดนตรี ที่ตัวของเขาชื่นชอบการใส่รองเท้า Convers Chuck Taylor All Star และ Jack Purcell เป็นชีวิตจิตใจแม้กระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิตเขาเองก็ยังสวมใส่รองเท้า Converse ความนิยมของ Kurt ถึงขั้นทำให้ผู้ชายทั่วโลกต้องเลือกซื้อรองเท้า Converse เพราะว่าอยากจะแต่งตัวตามเขา ซึ่งตัวของ Kurt Cobain เองก็จะสวมใส่เพียงรองเท้าสีดำเท่านั้น แล้วนำมามิกซ์แอนด์แมทช์กับกางเกงยีนส์ขาด ๆ เสื้อยืดเซอร์ จนเกิดเป็นสไตล์กรันจ์ที่แม้ว่าเวลาจะผ่านมากว่า 20 ปี เวลานึกถึง Converse ก็จะนึกถึง Kurt Cobain เช่นกัน Paul Walker =