ปี 2000-2011 ค่ายรถยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกาอย่าง FORD และ Harley Davidson เคยร่วมมือกันผลิตรถกระบะออกมาโดยใช้รถโมเดลรุ่น Ford F-150 เป็นวัตถุดิบหลัก แต่ภายนอกได้แรงบันดาลใจจากมอเตอร์ไซต์รุ่นยอดนิยมอย่าง Harley Davidson Fat-Boy ซึ่งในเวลานั้นรูปลักษณ์ดุดันของมันทำให้ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่ผู้ชายที่ชื่นชอบ Premium Truck หลังจากหายไปนานกว่า 8 ปี วันนี้ Harley Davidson ก็อยากจะหวนคืนมันให้กลับมาอีกครั้งในปี 2019 ที่จะมาถึง วนมาครบรอบวันเกิด 115 ปี ยักษ์ใหญ่ของวงการ 2 ล้ออย่าง Harley Davidson พวกเขามีความคิดจะจัดแสดงพาหนะทั้งหมดที่เคยผลิตมาในพิพิธภัณฑ์ซึ่งตั้งอยู่ในเมือง Milwaukee, รัฐ Wisconsin ที่เดียวกับสำนักงานใหญ่ โดยหนึ่งในนั้นคือ Ford F-150 Harley Davidson Edition ทว่ารถโมเดล F-150 ในครั้งนี้จะไม่ได้ถูกผลิตโดย Ford แต่ได้รับความร่วมมือกับ Tuscany Motor Co บริษัทผู้เชี่ยวชาญการผลิตรถยนต์
อีกไม่กี่วันก็จะถึงคิวฉายภาพยนตร์แฟรนไชส์เอเลี่ยนอมตะอย่าง The Predetor 2018 แล้วโดยนับตั้งแต่หนังภาคแรกเข้าฉายในปี 1987 แม้บทบาทของตัวละครจะเป็นนักฆ่าเลือดเย็นแต่หลายครั้งบุคลิกและความเท่แบบไม่มีบทพูด กลับส่งผลให้ตัวละครนี้ได้รับความนิยมไปโดยปริยาย แถมยังมีอิทธิพลถึงขนาดทำให้เกิดไอเทมที่เกี่ยวข้องเกิดขึ้นตามมามากมายอีกด้วย ล่าสุด Reebox ก็เอากับเขาด้วย โดยได้ถ่ายทอดแรงบันดาลใจจากนักล่าสายพันธุ์ต่างดาวลงในโมเดลรองเท้าอย่าง Reebox DMX Run 10 โดย DMX Run 10 เวอร์ชันนี้มาพร้อมส่วน Upper ลวดลาย Camouflage เลียนแบบมาจากชุดล่องหนเอกลักษณ์ของตัวละคร Predetor พร้อมส่วน Mid-Sole สีขาวดูเหมือนกำลังจะพรางตัวไปพร้อมส่วนบน ด้านข้างมีการตกแต่งด้วยพิกัดทางทหารสีแดงและด้านในลิ้นรองเท้าซึ่งเขียนด้วยภาษา Predetor แปลได้ว่า “ฉันอยู่ตรงนี้” และ “หันหลังมาสิ” ชวนให้นึกถึงฉากจู่โจมในขณะที่เหยื่อไม่รู้ตัวตามแบบฉบับหนัง แต่ส่วนที่บ่งบอกตัวตนได้ชัดเจนคงจะเป็นเครื่องรางรูปหัวกะโหลกและกระดูกสันหลัง ซึ่งเป็นเหมือนตัวแทนความดิบเถื่อนของนักล่ารายนี้ได้ชัดเจนที่สุด ไม่เพียงแค่ตัวรองเท้าเท่านั้นที่ถูกออกแบบอย่างเอาใจใส่ ในส่วนของ Packaging ของ DMX Run 10 Predator เองก็สร้างความฮือฮาได้ไม่แพ้กล่องแสนอลังแบบของแบรนด์ Air Jordan ด้วยเพราะมักถูกตกแต่งด้วยลวดลายแบบ Infrared Vision รวมไปถึงกล่องชั้นในที่เหมือนรองเท้ากำลังโดนสแกนอยู่ให้ความรู้สึกว่ามันมีชีวิตด้วยโทนสีอุ่นเหมือนมีอุณหภูมิร่างกายคล้ายกับตอน Predator กำลังมองเหยื่อให้ความรู้สึกร่วมตั้งแต่แกะกล่องแน่นอน
เปิดตัวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วกับคอลเลคชัน Hamilton Khaki Field Camouflage นาฬิกาสายเลือดทหารจากแบรนด์ Hamilton ที่ได้โชว์ความโดดเด่นที่กลมกลืนสำหรับผู้ที่รักการผจญภัยและมองหานาฬิกาที่ตอบโจทย์ทั้งในด้านการออกแบบและการใช้งานได้เป็นอย่างดี ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์โดยมีกลไกระบบขึ้นลานอัตโนมัติรหัส H-30 กำลังลานสำรองสูงสุด 80 ชั่วโมง นาฬิกาจึงพร้อมนำมาใช้งานได้ทุกเมื่อ ถึงแม้จะถูกวางไว้ในกระเป๋าหรือวางไว้ข้ามคืนก็ตาม นับเป็นผลงานล่าสุดของนาฬิการะบบอัตโนมัติจาก Hamilton ซึ่งมีประสบการณ์ในการทำนาฬิกาให้กับกองทัพสหรัฐฯมาอย่างยาวนาน Hamilton มีจุดเริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 1918 จากการได้รับเลือกเป็นผู้ผลิตนาฬิกาอย่างเป็นทางการสำหรับการควบคุมการเดินทางของกรมไปรษณีย์ทางอากาศของสหรัฐฯ ก่อนที่จะขยายไปสู่การใช้งานด้านการทหาร และได้รับความไว้วางใจให้เป็นนาฬิกาของทหารสหรัฐฯ ตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดย Hamilton ได้รับรางวัล U.S Army-Navy ‘E’ Award จากความเป็นเลิศในการผลิตเรือนเวลาที่แม่นยำครบหนึ่งล้านเรือนให้กับกองกำลังสหรัฐฯ ในช่วงทศวรรษ 1940 ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ถือเป็นจุดเริ่มต้นของนาฬิกาแนว Military Heritage ของแบรนด์ Hamilton ที่เน้นความสมบุกสมบันและใช้สีที่นิยมในแวดวงทหาร อย่างกากี ซึ่งในชื่อรุ่นของนาฬิกานั้นก็จะมีคำว่า “Khaki” ร่วมอยู่ด้วยเสมอ Hamilton ได้มุ่งมั่นผลิตชิ้นงานมีคุณภาพที่หลอมรวมจิตวิญญาณแบบอเมริกันและความเที่ยงตรงจากสวิสไว้ด้วยกัน “ ทนทาน สมบุกสมบันและน่าเชื่อถือ ” คือ
Ford ฉลองครบ 50 ปีเพื่อระลึกถึงชัยชนะครั้งแรกของพวกเขาในการแข่งขัน 24 Hour Le Mans ปี 1968, 1969 เหนือคู่แข่งคนสำคัญอย่าง Ferrari เพื่อเป็นเกียรติให้แก่ทีมนักขับในเวลานั้นอย่าง Pedro Rodriguez, Lucien Bianchi, Jacky Ickx , Jackie Oliver ด้วยการเผยโฉม GT Heritage Edition 2019 Ford GT Heritage Edition 2019 มาในเครื่องแบบเอกลักษณ์ของแชมป์สีส้มฟ้าที่เรียกว่า the Gulf livery ผู้สนับสนุนคนสำคัญในตอนนั้น โดยคาดกันว่ารุ่นปี 2019 จะสวมเครื่องแบบหมายเลข 9 ที่คว้าแชมป์ในปี 1968 และรุ่นปี 2020 จะใช้เครื่องแบบของรถหมายเลข 6 ที่ป้องกันแชมป์เอาไว้ได้ในปี 1969 ในการแข่งขันความอึด 24 Hour LE Man ครั้งที่ 36
สำหรับหนุ่มคนไหนรักการตกแต่งพื้นที่ของตัวเองให้เป็นไปตามความชอบ คุมโทน คุมเรื่องราว ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน หรือแม้แต่สตอรี่ของของตกแต่งชิ้นนั้น ๆ ก็สามารถมาเป็นสิ่งตกแต่งได้เช่นกัน เชื่อเถอะว่าหนุ่มประเภทนี้มักจะสอดส่ายสายตาไปที่ดีเทลของสิ่งต่าง ๆ อยู่เสมอ เพื่อปรับเปลี่ยนสิ่งที่มีอยู่บ้าง และมองหาสิ่งที่จะมาเพิ่มเติมบ้าง UNLOCKMEN อยากชวนหนุ่มที่ชื่นชอบ Interior Design มาดู Documentary ที่เราแนะนำซึ่งเกือบทั้งหมดสามารถหาดูได้ใน Netflix เผื่อว่าใครจะได้ไอเดียเจ๋ง ๆ ไปไว้ใช้กับพื้นที่ของตัวเองกันบ้าง Amazing Interior บ้านหน้าตาธรรมดา ๆ หากมองจากภายนอก แต่พอได้ก้าวเข้าไปแล้วเราจะพบว่า Interior Design คือหัวใจสำคัญของบ้านหลังนั้น ๆ เพราะมันเปลี่ยนภายนอกที่น่าเบื่อ ธรรมดา เหมือน ๆ กันไปหมด ให้แตกต่างกันได้ตามความชอบของเราเอง ซึ่งเรื่องนี้จะพาเราไปดูบ้านเหล่านั้นที่ Interior Design ตอบโจทย์ความชอบส่วนตัวของเจ้าของแบบสุดขั้ว ไม่ใช่แค่การตกแต่งเล็กน้อย แขวนรูป ทาสี อะไรแบบนั้นแล้ว แต่ Beyond ไปถึงการทำพื้นที่นั้นให้กลายเป็นโลกส่วนตัวของเจ้าของจริง ๆ Stay Here ดีไซน์เนอร์และผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์จะพาเราไปดูพื้นที่เจ๋ง ๆ ที่เจ้าของเลือกจะเปลี่ยนมันให้เป็นที่พักแบบไม่เหมือนกันด้วย Interior Design
การดูหนังในโรงภาพยนตร์คงเป็นประสบการณ์ที่ทุกคนเคยพบผ่าน การตีตั๋วเข้าไปแต่ละครั้งก็คงไม่มีอะไรแตกต่างกันมากนัก มีแค่ภาพยนตร์ที่เข้าฉายเท่านั้นที่เปลี่ยนไปทุกครั้ง ส่วนบรรยากาศสถานที่ไม่ว่าจะเป็นโรงภาพยนตร์ที่ไหน ตั๋วราคาเท่าไร ก็ไม่แตกต่างกันนัก มีเพียงความสะดวกสบายเท่านั้นที่แปรผันตามราคาที่จ่ายไป แต่ Delphi Lux Cinema ที่เรานำมาบอกเล่าวันนี้คือโรงภาพยนตร์ที่จะเปลี่ยนประสบการณ์การดูหนังของคุณไปอย่างสิ้นเชิง โรงภาพยนตร์สุดล้ำนี้ตั้งอยู่ทางตะวันตกของกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี เพิ่งเสร็จสมบูรณ์ไปสด ๆ ร้อน ๆ ในปี 2017 ออกแบบโดย ‘Yorck Group’ บริษัทสถาปนิกชื่อดังที่ผลงานส่วนใหญ่ของพวกเขาจะมีสไตล์ชัดเจนและเอกลักษณ์เฉพาะตัว Delphi Lux Cinema มีโรงภาพยนตร์ทั้งหมด 7 โรง สามารถรองรับได้กว่า 600 ที่นั่งโดยมีเคานต์เตอร์ขายตั๋วซึ่งตกแต่งอย่างหรูหราเป็นจุดศูนย์กลาง และสิ่งที่ทำให้โรงภาพยนตร์แห่งนี้โดดเด่นคือในแต่ละโรงจะมีบรรยากาศแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เปรียบแต่ละโรงเป็นเหมือนแกลเลอรี่แสดงงานศิลปะที่มีคอนเซ็ปต์ไม่เหมือนกัน Delphi Lux Cinema สร้างคอนเซ็ปต์ที่แตกต่างของแต่ละโรงด้วยสีของหลอดไฟ LED ซึ่งประดับประดาไว้บนผนังและเพดานอย่างมีชั้นเชิงทางศิลปะ ความรู้สึกเมื่อเข้าไปในแต่ละโรงจะแตกต่างกันอย่างชัดเจน นอกจากนี้ Delphi Lux Cinema ยังโดดเด่นด้วยระบบเสียง จึงทำให้โรงภาพยนตร์แห่งนี้ไม่ได้มีดีแค่บรรยากาศและการตกแต่งทำนั้นแต่ยังทำให้ผู้ชมทุกคนสามารถเข้าถึงอรรถรสของภาพยนตร์ได้อย่างแท้จริง เอาเป็นว่าถ้าใครมีโอกาสไปเยือนกรุงเบอร์ลิน Delphi Lux Cinema เป็นอีกหนึ่งที่ที่ไม่ควรพลาดในการแวะไปเยี่ยมเยือน ลองตีตั๋วภาพยนตร์สักเรื่องแล้วเข้าไปสัมผัสความล้ำที่เหมือนหลุดไปอยู่ในโลกไซไฟแฟนตาซีของที่นี่ คงเป็นประสบการณ์แปลกใหม่และตื่นตาตื่นใจไม่น้อยเลย SOURCE1
อาจเป็นเพราะการเริ่มต้นด้วยความเข้าใจของศิลปินหรืออาจเป็นเพราะความคิดแบบเหมารวมของผู้คนในสังคมไทยที่ว่า งานศิลปะและศิลปินเป็นสิ่งที่แปลกแยกไปจากสังคม ไม่ได้มาซึ่งประโยชน์อะไรต่อผู้ใดเลยนอกจากศิลปินผู้สร้างสรรค์ผลงาน จึงทำให้การชื่นชมและเข้าใจผลงานศิลปะกลายเป็นเรื่องไกลตัว จับต้องได้ยาก และดูจะห่างไกลจากชีวิตอันเร่งรีบของคนทั่วไปซะเหลือเกิน การชื่นชมงานศิลปะจึงเป็นเรื่องของบุคคลที่มีเวลาและมีทรัพย์สินมากจนเหลือกินเหลือใช้แล้ว ความคิดในลักษณะนี้อาจเป็นความคิดที่ถูกต้องในด้านหนึ่ง เพราะหากเปรียบเทียบเป็นสินค้าแล้ว ผลงานศิลปะของศิลปินที่มีชื่อเสียงหรือจากสถาบันที่ได้รับการยอมรับ มักถูกซื้อขายให้กับผู้ที่มีฐานะดีในราคาที่สูง ไม่ต่างจากการจ่ายค่าบูชาพระเครื่องชื่อดังที่การซื้อขายแต่ละครั้งก็เป็นข่าวให้พูดถึงกันไป แต่สิ่งที่เป็นข่าวมักเป็นจำนวนหลักตัวเลขของราคาซะมากกว่า น้อยครั้งหรือแทบจะไม่เคยปรากฏว่าสื่อได้นำเสนอเนื้อหาสาระอันเป็นแก่นของผลงานราคาแพง ทำให้ผู้ที่มีฐานะปานกลางหรือผู้ใช้แรงงานหาเช้ากินค่ำ ที่ต้องต่อสู้เพื่อความอยู่รอดของตนเองต่างลงความเห็นกันอยู่ในใจว่าพวกเขาไม่มีโอกาสครอบครองงานศิลปะดีๆ จากศิลปินชั้นเยี่ยมเหล่านั้น ประเทศไทยมีศิลปินผู้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะเพิ่มขึ้นทุกวัน มีสถาบันที่ให้การเรียนการสอนศิลปะเพิ่มมากขึ้นเมื่อเทียบกับในอดีตที่แทบจะนับจำนวนสถานที่ฝึกสอนและจำนวนคนเรียนได้เป็นรายบุคคล การสนับสนุนให้ผู้คนเกิดการรับรู้ก็มีมากขึ้น แต่อย่าพึ่งพูดถึงการสะสมผลงานศิลปะเลย แม้แต่การไปชื่นชมผลงานศิลปะตามแหล่งที่จัดนิทรรศการต่าง ๆ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ นอกจากการเดินทางและค่าใช้จ่ายส่วนตัวตามปกติก็ยังเป็นกิจกรรมลำดับท้าย ๆ ที่ผู้คนทั่วไปจะเลือกทำ หรืออาจไม่เคยมีความคิดนี้อยู่ในหัวเลยด้วยซ้ำไป ทำให้แนวคิดที่ว่า เรื่องศิลปะเป็นสิ่งไม่จำเป็นสำหรับชีวิต กลายเป็นเรื่องจริง! หากมองในเชิงธุรกิจแล้ว ให้ศิลปะเป็นสินค้าชนิดหนึ่งที่มีละคร เกมโชว์ และสิ่งบันเทิงต่าง ๆ เป็นคู่แข่งในตลาดเดียวกัน ศิลปะคงเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบอยู่ไม่น้อย หากแข่งขันภายใต้วิธีการเดียวกัน เพราะในขณะที่คู่แข่งมีทุน มีเทคนิค มีรูปแบบเนื้อหาที่ผู้ชมเข้าใจได้ง่าย ผู้ชมยังได้ตื่นตาตื่นใจกับดารานักร้องหน้าตาหล่อสวย หัวเราะสนุกสนานกับบรรดาสารพัดตลก เร้าใจไปกับเกมโชว์ต่าง ๆ แม้แต่ร่วมลุ้นรางวัลที่สามารถมีส่วนร่วมได้ด้วย สิ่งต่างๆ เหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นเมื่อแต่งตัวออกจากบ้านแล้วเดินทางไปหอศิลป์แห่งหนึ่งเพื่อชมงานศิลปะของศิลปิน เราอาจรู้สึกว่าโอกาสที่ศิลปะจะเข้าถึงจิตใจของผู้คนในสังคมดูจะมีน้อย แต่หากมองในอีกมุมหนึ่งจะเห็นว่า เป็นโอกาสดีที่ศิลปะยังจะมีโอกาสได้เติบโตอีกมาก เพราะยังมีการตั้งคำถามว่าศิลปะคืออะไร มีประโยชน์อย่างไร และจะเข้าใจศิลปะได้อย่างไร
เจเกอร์-เลอคูลทร์ (Jaeger-LeCoultre) แบรนด์เครื่องบอกเวลาชั้นสูงจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ จัดงานเอ็กซ์คลูซีฟ ปาร์ตี้ ฉลองเปิดตัวเรือนเวลาคอลเลคชั่นใหม่ Jaeger-LeCoultre Polaris อย่างเป็นทางการครั้งแรกในไทย กับการปลุกตำนานความยิ่งใหญ่ 50 ปี ของนาฬิการุ่นไอคอนนิคที่มาพร้อมฟังก์ชั่นปลุกเตือนให้หวนกลับมาโลดแล่นในโลกแห่งเวลาอีกครั้ง ด้วยการพลิกโฉมสู่ความสง่างามมิติใหม่ในสไตล์สปอร์ตเต็มรูปแบบตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ของสุภาพบุรษ อีกทั้งร่วมชมนิทรรศการประวัติศาสตร์เรือนเวลาครั้งสำคัญจากเจเกอร์-เลอคูลทร์ เพื่อซึมซับจิตวิญญาณแห่งเส้นทางการสร้างสรรค์ผลงานชิ้นเอกอันล้ำค่า ที่นำมาจัดแสดงในโอกาสพิเศษนี้โดยเฉพาะ โดยมีเหล่าเซเลบริตี้และวอทช์ เลิฟเวอร์ตบเท้าเข้าร่วมงานมากมาย ย้อนไปในปี 1968 หลังจากที่คอนาฬิกาวินเทจจากทั่วโลกได้มีโอกาสทำความรู้จักกับเรือนเวลาในตำนานอย่าง “เมโมว็อกซ์ โพลาริส” (Memovox Polaris) นาฬิกาสำหรับดำน้ำที่ได้ชื่อว่าเป็นรุ่นต้นแบบของการประดิษฐ์จักรกลเวลาที่ติดตั้งด้วยฟังก์ชั่นปลุกเตือน (Alarm) ด้วยการออกแบบรูปลักษณ์อันตราตรึงผสานกับการใช้งานได้อย่างยอดเยี่ยม จึงทำให้ปัจจุบันเมโมว็อกซ์ โพลาริส ยังคงน่าพิสมัยเสมอในสายตาของเหล่านักสะสมนาฬิกา โดยในปี 2018 เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 50 ปี ให้กับเรือนเวลาอันชวนหลงใหล เจเกอร์-เลอคูลทร์จึงถือเอาฤกษ์ดีนี้เปิดตัว “เจเกอร์-เลอคูลทร์ โพลาริส” (Jaeger-LeCoultre Polaris) คอลเลคชั่นใหม่ ที่ยังคงสืบทอดจิตวิญญาณจากรุ่นดั้งเดิมไว้ได้อย่างไร้ที่ติ ภายใต้ประเพณีอันลึกซึ้งของการประดิษฐ์เครื่องบอกเวลาจักรกลที่มีความสลับซับซ้อน โดยนำมาตีความอย่างร่วมสมัยเพื่อมอบสัมผัสแสนสมบูรณ์แบบด้วย 5 รุ่น 5 ดีไซน์ล่าสุดที่มาพร้อมความหลากหลายด้านฟังก์ชั่นครบทุกความต้องการ มนต์เสน่ห์แห่งความเรียบง่าย “Jaeger-LeCoultre Polaris Automatic” ผลงานสไตล์สปอร์ตที่มอบสัมผัสความเรียบง่ายแต่อบอวลไปด้วยเสน่ห์ล้นเหลือ
นับวันเทคโนโลยิ่งก้าวหน้าขึ้นอย่างไม่หยุดยั้งจนบางครั้งเราเองก็ตามไม่ทัน ในขณะที่เรายังรู้สึกทึ่งต่อการมาเยือนของ 3D-Printed ที่สามารถปรินท์ข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันออกมาใช้งานได้จริง เทคโนโลยีก็เหมือนตบหน้าเราฉาดใหญ่พร้อมบอกว่าข้ายังเจ๋งกว่านั้นได้อีกเยอะ เพราะสิ่งที่ UNLOCKMEN นำมาเสนอในวันนี้คือ Curve Appeal 3D-Printed House บ้านสุดหรูที่ไม่ต้องใช้แรงงานในการก่อสร้าง แต่ปรินท์มันออกมาจากเครื่อง 3D-Printed ที่เห็นแล้วต้องอุทานว่าบ้าไปแล้ว! ด้วยความทะเยอทะยานในการพัฒนาเทคโนโลยี 3D Printed จึงเป็นจุดเริ่มต้นให้เกิดโครงการ Curve Appeal 3D-Printed House นี้ขึ้นมา โดยบริษัท WATG เป็นผู้ออกแบบได้รับแรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมยุค 50 โดดเด่นด้วยดีไซน์โค้งมน กระจกโปร่งใสทำให้ได้รับแสงจากธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ และไม่ใช่แค่ความสวยงามเท่านั้นเพราะโครงสร้างนี้ยังมาพร้อมความคงทนแข็งแรง รูปทรงแนวโค้งทำให้การถ่ายเทน้ำหนักเป็นไปอย่างสมดุล บ้านขนาด 1,000 ตารางฟุตนี้จะถูกเนรมิตรขึ้นมาโดยใช้เทคโนโลยี 3D Printed จากบริษัท Branch Tecnchology’s ตั้งอยู่ที่เมือง Chattanooga รัฐ Tennessee ซึ่งถึงแม้ในตอนนี้โครงการจะยังไม่แล้วเสร็จแต่เราจะได้เห็นบ้านหลังนี้ออกมาเป็นรูปเป็นร่างภายในสิ้นปีนี้แน่นอน SOURCE1
ผู้ชายทุกคนมีเรื่องให้หลงใหลในชีวิตมากมายต่างกัน บ้างมี 2 บ้างมี 10 อยู่ที่ว่าอะไรทำให้เรามีความสุขได้ ถ้าทั้งสองสิ่งได้มาหลอมรวมเข้าด้วยกัน เพื่อสนองความอยากของตัวเอง เหมือนกับ James Turner ได้สร้าง Porsche 911 Paul Smith Artist Stripe ขึ้นมา โปรเจคส่วนตัวที่นำเอา The best of both world มารวมเข้าด้วยกันได้อย่างยอดเยี่ยมชิ้นนี้คือ Porsche 911 x Paul Smith Artist Stripe ที่งามงดหยดย้อย พึ่งผ่านการอวดโฉมในงานรวมยอดรถคลาสสิกอย่าง Le Mans Classic 2018 ไปหมาด ๆ และล่าสุดกับงาน GoodWood Festival Of Speed ในโอกาสฉลองวาระครบรอบ 70 ปีของ Porsche ในปีนี้ ซึ่งก็สวยเตะตาสุด ๆ ทั้งยามหยุดนิ่งและเมื่อโลดแล่นบนถนน จุดเริ่มต้นของโปรเจคนี้เกิดจากความชื่นชอบส่วนตัวของ James
ห้องน้ำปลดทุกข์ บางทีก็กลายเป็นสถานที่ที่ทำให้เราทุกข์ยิ่งกว่าเดิม เพราะดันลืนของมีค่าไว้! ร้อยทั้งร้อยในชีวิตของผู้ชายเราคงต้องมีสักครั้งที่เดินออกมานอกห้องน้ำสาธารณะไปสักพักแล้ว ต้องใส่เกียร์เท้าวิ่ง 4×100 กลับไปห้องเดิมเพราะดันลืมของสำคัญอย่างสมาร์ตโฟนหรือกระเป๋าสตางค์ ซึ่งถ้าวันนั้นโชคดี ห้องน้ำห้องที่เราเข้าอาจจะยังไม่มีใครเข้าต่อ หรืออาจจะเจอคนใจดีเก็บไว้ให้ แต่ถ้าโชคร้าย ดวงซวย วันนั้นเราอาจจะต้องออกจากห้องน้ำมือเปล่า โดยไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือออกมาเลย โทษใครก็ไม่ได้ สาเหตุที่เราทำหาย ส่วนใหญ่เพราะระหว่างที่เรากำลังใช้งานของเหล่านั้นเพราะมันไม่อยู่ในระดับสายตา ถ้าไม่ใช่ตะขอแขวนตรงประตูที่อยู่เหนือหัวเรา ก็เป็นหลังพนักชักโครก ดังนั้น พอเราใส่ใจกับการชำระอวัยวะตรงหน้าหลังปลดทุกข์ เราก็เลิกแคร์ รีบเดินออกจากห้องน้ำโดยไม่เหลียวหลังเพราะจะได้ไม่มีใครรู้ว่าเราเป็นคนปล่อยระเบิดไว้ ปัญหาเรื่องลืมของนี้จัดเป็นปัญหาระดับโลกก็ว่าได้ ซึ่งแน่นอนว่าหลายที่ก็พยายามใช้วิธีในการเตือนสติกัน อย่างบ้านเราก็มีสติกเกอร์บนบานประตูที่บอกให้เช็กของก่อนออกจากห้องน้ำ แต่มันไม่ค่อยได้ผลอย่างที่เห็น ประเทศละเอียดอ่อนอย่างญี่ปุ่นเองก็ลืมบ่อยเช่นกัน เขาจึงคิดค้นวิธีแก้ปัญหานี้อย่างเฉียบ ไม่เปลืองต้นทุนด้วยการเปลี่ยนอุปกรณ์เพียงชิ้นเดียวอย่างลูกบิด! NEXCO บริษัทธุรกิจรับเหมาก่อสร้างธุรกิจให้บริการพื้นที่และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับทางหลวงสาขาฮอกไกโดในประเทศญี่ปุ่นเป็นผู้ดีไซน์รูปแบบลูกบิดห้องน้ำแบบใหม่นี้และติดตั้งมันไว้กับห้องน้ำสาธารณะตั้งแต่เมื่อปลายปีที่แล้ว เนื่องจากพบปัญหาต้องพยายามส่งของหายเหล่านั้นคืนเจ้าของ ซึ่งต้องเปลือง man hour ของพนักงานโดยใช่เหตุเฉลี่ยประมาณ 30 ชั่วโมงต่อเดือน โดยจากผลสำรวจของกว่า 60% ที่ลืมไว้ในห้องน้ำก็คล้ายในบ้านเรา คือ สมาร์ทโฟน กระเป๋าสตางค์ หรือของเล็ก ๆ เช่นเดียวกับบ้านเรานั่นเอง ลูกบิดเตือนสติออกแบบให้มีขนาดแบนขนาดใหญ่แนวระนาบ 180 องศาเพื่อพลิกในการปิดเปิด สามารถใช้เป็นถาดวางของได้โดยรับน้ำหนักได้สูงสุดถึง 1 กิโลกรัม วางทั้งมือถือและกระเป๋าสตางค์ได้สบาย
แม้เทคโนโลยีล้ำ ๆ ในปัจจุบันจะก้าวหน้าไปมาก ทำให้เราสามารถเข้าถึงเสียงเพลงได้ง่าย เพียงแค่ควักสมาร์ตโฟนออกมาและเสียบหูฟังเท่านั้น แต่ในขณะเดียวกันเครื่องเล่นเพลงดี ๆ สักเครื่องก็เป็นสิ่งที่ผู้ชายผู้รักในเสียงเพลงควรจะมีติดบ้านไว้เช่นกัน เพราะนอกจากเพลงที่เลือกฟังแล้ว รูปลักษณ์ภายนอกของมันยังสามารถบ่งบอกรสนิยมได้ ถ้าคุณเป็นหนึ่งในคนที่หลงใหลใน American Muscle Car คงไม่มีอะไรตอบโจทย์ได้ดีไปกว่า ION : Mustang LP เครื่องนี้ ดีไซน์ของ Mustang LP อาจดูคุ้นตากันดีสำหรับแฟนพันธุ์แท้ที่ติดตามซีรีส์ของม้าป่ามานาน เพราะการออกแบบได้รับแรงบันดาลใจมาจาก หน้าปัดวัดความเร็วของ Ford Mustang ปี 1965 พร้อมปุ่ม Tuning แบบแอนาล็อก ทำให้ตัวเครื่องดูคลาสสิกโดยไม่ต้องปรับแต่งเพิ่ม แต่ขณะเดียวกันกลับดูโฉบเฉี่ยวเข้ากับยุคสมัยได้อย่างลงตัว นอกจากเรื่องรูปลักษณ์ภายนอกอันสวยงามแล้ว Mustang LP ยังมาพร้อมกับฟังก์ชันการใช้งาน แบบ 4 in 1 คือ Turntable , Radio , USB และ AUX ที่สามารถเล่นและอัดเสียงพร้อมรับการเชื่อมต่อทุกรูปแบบที่ผู้ใช้ต้องการ ทั้งยังมีลำโพงภายในขนาด 1.2 วัตต์อีก